DCP-110C, DCP-115C, DCP-120C, DCP-1510, DCP-1610W, DCP-7010, DCP-7030, DCP-7040, DCP-7055, DCP-7060D, DCP-8045D, DCP-8065DN, DCP-8070D, DCP-9010CN, DCP-9040CN, DCP-9042CDN, DCP-L5600DN, FAX-1820C, FAX-1840C, FAX-2820, FAX-2840, FAX-2850, FAX-2920, FAX-2950, HL-1110, HL-1210W, HL-1240, HL-1250, HL-1270N, HL-1430, HL-1440, HL-1450, HL-1470N, HL-1650, HL-1670N, HL-1850, HL-1870N, HL-2040, HL-2070N, HL-2130, HL-2140, HL-2150N, HL-2170W, HL-2240D, HL-2250DN, HL-2270DW, HL-2460, HL-2600CN, HL-2700CN, HL-3040CN, HL-3070CW, HL-3150CDN, HL-3170CDW, HL-3260N, HL-3450CN, HL-4040CN, HL-4050CDN, HL-4150CDN, HL-4200CN, HL-4570CDW, HL-5040, HL-5050, HL-5070N, HL-5140, HL-5150D, HL-5170DN, HL-5240, HL-5250DN, HL-5270DN, HL-5340D, HL-5350DN, HL-5380DN, HL-5440D, HL-5450DN, HL-6050D, HL-6050DN, HL-6180DW, HL-7050, HL-7050N, HL-8050N, HL-L2320D, HL-L2360DN, HL-L2365DW, HL-L5100DN, HL-L6200DW, HL-L6400DW, HL-L8250CDN, HL-L8260CDN, HL-L8350CDW, HL-L8360CDW, MFC-1810, MFC-1815, MFC-1910W, MFC-210C, MFC-215C, MFC-3100C, MFC-3220C, MFC-3240C, MFC-3420C, MFC-3820CN, MFC-410CN, MFC-425CN, MFC-4800, MFC-5100C, MFC-5200C, MFC-5440CN, MFC-5840CN, MFC-620CN, MFC-640CW, MFC-7220, MFC-7340, MFC-7360, MFC-7420, MFC-7450, MFC-7470D, MFC-7820N, MFC-7840N, MFC-7860DW, MFC-8370DN, MFC-8380DN, MFC-8440, MFC-8460N, MFC-8510DN, MFC-8820D, MFC-8840D, MFC-8860DN, MFC-8880DN, MFC-8910DW, MFC-9120CN, MFC-9140CDN, MFC-9160, MFC-9180, MFC-9320CW, MFC-9330CDW, MFC-9420CN, MFC-9440CN, MFC-9450CDN, MFC-9840CDW, MFC-9880, MFC-9970CDW, MFC-L2700D, MFC-L2700DW, MFC-L2740DW, MFC-L5900DW, MFC-L6900DW, MFC-L8690CDW, MFC-L8850CDW, MFC-L8900CDW, MFC-L9550CDW
เคยไหม กด ✔ ที่คำสั่ง Repeat as header row at the top of each page แล้ว ตารางนั้นก็ยังไม่ยอมแสดงหัวตารางในหน้าถัดไปเสียที
ช่วงนี้หลังจากที่ผู้เขียนได้มีช่วงเวลาในการที่ปั่นเอกสาร รวมถึงเพื่อน ๆ ที่เจอปัญหาได้สอบถามกันเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้เขียนจึงเห็นว่าน่าจะนำมาเขียน Blog เผื่อผู้อ่านท่านใดที่ติดปัญหาเช่นเดียวกัน จะได้ลองนำไปใช้ดูเผื่อแก้ปัญหาได้
หลัก ๆ แล้วปกติ เมื่อผู้อ่านสร้างตารางขึ้นมา เมื่อต้องการให้ข้อมูลสองแถวแรกเป็นหัวตาราง ผู้เขียนจะทำการคลุมสองแถวนั้น จากนั้นคลิกเมาส์ขวา เลือกเมนู Table Properties… ดังภาพด้านล่าง
จากนั้นที่ Tab Row ให้ ✔ ที่คำสั่ง Repeat as header row at the top of each page เพื่อเป็นการบอกว่า จะทำให้ตาราง 2 แถวแรกเป็นหัวตารางจากนั้นกด OK
แต่เมื่อกลับมาหน้าตาราง ทำไมหัวตารางถึงยังไม่มีล่ะ????? 🤔
งั้นต้องมาตรวจสอบเพิ่มเติมกันหน่อย โดยลองทำการคลุมสองแถวนั้นเหมือนเดิม จากนั้นคลิกเมาส์ขวา เลือกเมนู properties แต่ตอนนี้ไปเลือกที่ Tab Table สังเกตที่กลุ่ม Text wrapping ถ้าของผู้อ่านท่านใดเป็นแบบรูปด้านล่างคือเลือกอยู่ที่ Around นั่นคือปัญหา 😫😤
ลองเปิดไฟล์เปล่าๆ สั่งปริ้นท์ ก็จะ ฟีด กระดาษเปล่าออกมา
ลองพิมพ์ 123456 ก็ปริ้นท์ออก
แต่พอปริ้นไฟล์ที่เราจะใช้งาน ... ดันไม่ออก
ขึ้นมาแค่ 0 pages completed
ลองก็อปข้อมูลไปแปะไฟล์ใหม่ ก็ปริ้นไม่ออก ต้องทำยังไงครับ
ปล.ของเดิมพิมพ์ด้วยฟอนท์ แบบ dot pixel แต่ลองเปลี่ยนฟอนท์ ก็พิมพ์ได้ปกติ ถ้าต้องการฟอนท์นั้น จะต้องทำยังไงครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
ถ้าการเปิดใช้งาน Office ล้มเหลว คุณจะเห็น ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสิทธิ์การใช้งาน หรือ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อการค้า / ไม่มีสิทธิ์การใช้งาน ในแถบชื่อเรื่องของแอป Office และฟีเจอร์ส่วนใหญ่ของ Office จะถูกปิดใช้งาน เมื่อต้องการคืนค่าฟีเจอร์ของ Office ทั้งหมด คุณจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาที่เป็นสาเหตุให้การเปิดใช้งานล้มเหลว
ขั้นตอนที่ 1: ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีผู้ใช้ที่ถูกต้อง
ถ้า Office ขอให้คุณลงชื่อเข้าใช้ ให้ป้อนบัญชีผู้ใช้ที่คุณเคยใช้ซื้อ Office คุณจะเห็นข้อความ "เราไม่พบผลิตภัณฑ์ Office" ถ้าคุณใช้ที่อยู่ที่ผิด
ให้ลองทำดังนี้
ขั้นตอนที่ 2: ค้นหา Office ที่มีสำเนาหลายชุด
คุณอาจไม่ได้สังเกตว่าคุณมีสำเนามากกว่าหนึ่งชุดที่ติดตั้งแล้ว การมีโปรแกรมเดียวกันที่ติดตั้งอยู่สองตัวอาจก่อให้เกิดข้อขัดแย้งในการเปิดใช้งาน
ให้ลองทำดังนี้
ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบสถานะการสมัครใช้งานของคุณ
ถ้าการสมัครใช้งานของคุณหมดอายุแล้ว คุณจะเห็นข้อความ "เราไม่พบผลิตภัณฑ์ Office" ต่ออายุการสมัครใช้งานของคุณเพื่อใช้ Microsoft 365
ให้ลองทำดังนี้
ขั้นตอนที่ 1: ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีผู้ใช้ที่ถูกต้อง
โปรดลองลงชื่อเข้าใช้ด้วยที่อยู่อีเมลส่วนบุคคลของคุณทั้งหมด ในกรณีที่คุณซื้อ Office โดยใช้ที่อยู่อีเมลอื่น ถ้าคุณอยู่ที่ที่ทำงานหรือโรงเรียน คุณอาจต้องเข้าสู่ระบบโดยใช้บัญชีของที่ทำงานหรือโรงเรียนของคุณแทนบัญชีอีเมลส่วนตัวของคุณ
เมื่อต้องการตรวจสอบว่าบัญชี Microsoft ของคุณเชื่อมโยงกับ Office หรือไม่ ให้ลงชื่อเข้าใช้ บริการและการสมัครใช้งาน ผลิตภัณฑ์ Office หรือการสมัครใช้งาน Microsoft 365 ของคุณควรแสดงอยู่ที่นั่น ถ้าไม่มี แสดงว่าที่อยู่อีเมลของคุณไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ Office ได้
ขั้นตอนที่ 2: ค้นหา Office ที่มีสำเนาหลายชุด
การเปิดใช้งานอาจล้มเหลวถ้าคุณมีสำเนาของ Office ที่ติดตั้งอยู่หลายตัว โปรดถอนการติดตั้งเวอร์ชันใดๆ ของ Office ที่คุณไม่ได้ใช้ก่อนที่เราจะแก้ไขปัญหากันต่อ
- เปิดแผงควบคุมโดยใช้ขั้นตอนด้านล่างสําหรับระบบปฏิบัติการของคุณ
- Windows 11 หรือ สำหรับ Windows 10 ให้ทำดังนี้: ในแถบงาน Windows ให้พิมพ์แผงควบคุมในกล่องพิมพ์ที่นี่เพื่อค้นหา เลือกแผงควบคุมในผลลัพธ์การค้นหา แล้วเลือกโปรแกรมและฟีเจอร์
- Windows 8.1 หรือ Windows 8: คลิกขวาที่ปุ่มเริ่ม (มุมซ้ายล่าง) เลือกแผงควบคุม แล้วเลือกโปรแกรมและฟีเจอร์
- Windows 7: เลือก >แผงควบคุม > ถอนการติดตั้งโปรแกรม
- ในช่อง ค้นหาโปรแกรมและฟีเจอร์ (มุมขวาบน) ของ โปรแกรมและฟีเจอร์ ให้ค้นหาคำว่า office
คุณอาจเห็นว่ามีหลายเวอร์ชันที่ติดตั้งแล้ว เช่นอย่างนี้:
หากมีมากกว่าหนึ่งเวอร์ชันปรากฏ ให้คลิกขวาตรงเวอร์ชันที่คุณไม่ได้ใช้งานแล้วเลือก ถอนการติดตั้ง ถ้ามีเพียงหนึ่งเวอร์ชันที่อยู่ในรายการ คุณสามารถไปยัง
- เมื่อถอนการติดตั้งสำเร็จแล้ว รีสตาร์ตคอมพิวเตอร์ของคุณ
- เปิดแอป Office แล้วลงชื่อเข้าใช้ ถ้ามีพร้อมท์ปรากฏขึ้น
- ถ้า Office ยังคงเปิดใช้งานไม่ได้ ให้ลองใช้การซ่อมแซมแบบออนไลน์ตามที่อธิบายไว้ใน ซ่อมแซมแอปพลิเคชัน Office เพื่อจัดการกับการติดตั้งของ Office ที่เหลือ ถ้าคุณยังคงเปิดใช้งานไม่ได้ ให้ดำเนินการขั้นตอนถัดไป
ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบสถานะการสมัครใช้งาน Microsoft 365 ของคุณ
ถ้าคุณมี Microsoft 365 สําหรับการสมัครใช้งานที่บ้าน ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการสมัครใช้งานยังคงใช้งานอยู่และต่ออายุการสมัครใช้งานของคุณ ถ้าจําเป็น
ถ้าคุณไม่มี Microsoft 365 คุณสามารถข้ามไปยัง
- ปิดแอป Office ทั้งหมด
- ไปที่เพจ บริการและการสมัครใช้งาน ของคุณ
- ถ้าได้รับการพร้อมท์ ให้เลือก ลงชื่อเข้าใช้ และใส่อีเมลและรหัสผ่านของบัญชีผู้ใช้ Microsoft ที่เชื่อมโยงกับการสมัครใช้งาน Microsoft 365 ของคุณ
- ตรวจทานรายละเอียดใต้หัวเรื่อง การสมัครใช้งาน หรือหัวเรื่อง การสมัครใช้งานที่ยกเลิก
- ถ้าการสมัครใช้งานของคุณหมดอายุแล้ว คุณสามารถต่ออายุใหม่ได้โดยทำตามขั้นตอนใน ต่ออายุ Microsoft 365 Family
- หลังจากที่คุณต่ออายุการสมัครใช้งาน คุณสามารถรีสตาร์ตแอป Office ของคุณตามที่ต้องการ ถ้า Office ยังคงเปิดใช้งานไม่ได้ ให้ดำเนินการขั้นตอนถัดไป
ขั้นตอนที่ 4: แก้ไขปัญหาการเปิดใช้งาน Office
เลือกเวอร์ชัน Office ของคุณสำหรับขั้นตอนการแก้ไขปัญหา:
Microsoft 365: ใช้ เกี่ยวกับตัวช่วยการสนับสนุนและการกู้คืนของ Microsoft
ตัวช่วยการสนับสนุนและการกู้คืนของ Microsoft ทำงานบนพีซี Windows และสามารถช่วยให้คุณระบุและแก้ไขปัญหาการเปิดใช้งานของ Microsoft 365
- เลือกปุ่ม ดาวน์โหลด ทางด้านล่าง ดาวน์โหลด
- เลือกเบราว์เซอร์ของคุณจากรายการดรอปดาวน์เพื่อดูวิธีการบันทึก จากนั้นเริ่ม เกี่ยวกับตัวช่วยการสนับสนุนและการกู้คืนของ Microsoft
- ที่ด้านบนของหน้าต่างเบราว์เซอร์ ให้เลือกเปิดไฟล์
- ในกล่องถัดไปที่ระบุว่า ดาวน์โหลดSetupProd_Act.exe เสร็จสิ้น ให้เลือก เรียกใช้
- ที่ด้านล่างของหน้าต่างเบราว์เซอร์ ให้เลือก เปิด เพื่อเปิดไฟล์ SetupProd_Act.exe ถ้าไฟล์ไม่เปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ให้เลือก บันทึก > เปิดโฟลเดอร์ จากนั้นคลิกไฟล์สองครั้ง (ชื่อไฟล์ควรขึ้นต้นด้วย "SetupProd.exe")
- ในมุมซ้ายล่างสุด เลือกไฟล์ SetupProd_Act.exe และจากดรอปดาวน์ เลือก แสดงในโฟลเดอร์ คลิกที่การดาวน์โหลดสองครั้ง SetupProd_Act.exe
- เลือก บันทึกไฟล์ และ ตกลง ในหน้าต่างเบราว์เซอร์ด้านบนขวา ให้เลือก แสดงการดาวน์โหลดทั้งหมด ในไลบรารี ให้เลือก ดาวน์โหลด > SetupProd_Act.exe จากนั้นเลือกไอคอนโฟลเดอร์ ดับเบิลคลิกที่ SetupProd_Act.exe
- กล่องโต้ตอบ การติดตั้งแอปพลิเคชัน จะเปิด เลือก ติดตั้ง เพื่อเริ่มการติดตั้ง
- เกี่ยวกับตัวช่วยการสนับสนุนและการกู้คืนของ Microsoft จะเปิดขึ้นในหน้าต่างใหม่ เลือก ฉันยอมรับ เพื่อยอมรับข้อตกลงการใช้บริการของ Microsoft
- เลือก ใช่ เพื่ออนุญาตให้แอปเปลี่ยนแปลงค่าต่างๆ ให้กับอุปกรณ์ของคุณ
- ทำตามพร้อมท์เพื่อแก้ไขปัญหาการเปิดใช้งาน Office ของคุณ
ถ้า Office ยังคงเปิดใช้งานไม่ได้หลังจากคุณใช้ ตัวช่วยการสนับสนุนและการกู้คืนของ Microsoft คุณสามารถ
แก้ไขข้อผิดพลาดผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสิทธิ์การใช้งานด้วยตนเอง
ถ้าคุณได้ลองทำตามขั้นตอนแรกๆ ของการแก้ไขปัญหาแล้ว Office ยังคงไม่มีสิทธิ์การใช้งาน คุณสามารถแก้ไขปัญหาความล้มเหลวในการเปิดใช้งานได้ด้วยตัวเอง
ตรวจสอบวันที่ เวลา และโซนเวลาในคอมพิวเตอร์ของคุณ
ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่ตรงตามความเป็นจริง การเปิดใช้งาน Office อาจล้มเหลว ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้กับระบบปฏิบัติการของคุณ
Windows 11 หรือ สำหรับ Windows 10 ให้ทำดังนี้
- ปิดแอป Office ทั้งหมด
- ที่มุมขวาล่างของหน้าจอ ให้เลือกวันที่หรือเวลา
- เลือกการตั้งค่าวันที่และเวลา
- เลือก ตั้งเวลาโดยอัตโนมัติ และเลือก ตั้งค่าโซนเวลาโดยอัตโนมัติ ถ้ามีตัวเลือกนี้ปรากฏขึ้น ถ้าคุณไม่มีตัวเลือกสำหรับตั้งค่าโซนเวลาโดยอัตโนมัติ โปรดตรวจสอบว่ามีโซนเวลาท้องถิ่นแสดงอยู่ใน โซนเวลา
- รีสตาร์ตแอป Office
Windows 8.1 หรือ Windows 8
- ปิดแอป Office ทั้งหมด
- ที่มุมขวาล่างของหน้าจอ ให้เลือกวันที่หรือเวลา
- เลือก เปลี่ยนการตั้งค่าวันที่และเวลา
- ถ้าวันที่หรือเวลาไม่เป็นปัจจุบัน เลือก เปลี่ยนวันที่และเวลา แล้วแก้ไขการตั้งค่าวันที่และเวลาให้ถูกต้อง
- ถ้าโซนเวลาไม่ถูกต้อง เลือก เปลี่ยนโซนเวลา แล้วเลือกโซนเวลาของคุณ
- รีสตาร์ตแอป Office
Windows 7
- ปิดแอป Office ทั้งหมด
- ที่มุมขวาล่างของหน้าจอ ให้เลือกวันที่หรือเวลา
- เลือก เปลี่ยนการตั้งค่าวันที่และเวลา
- ถ้าวันที่หรือเวลาไม่เป็นปัจจุบัน เลือก เปลี่ยนวันที่และเวลา แล้วแก้ไขการตั้งค่าวันที่และเวลาให้ถูกต้อง
- ถ้าโซนเวลาไม่ถูกต้อง เลือก เปลี่ยนโซนเวลา แล้วเลือกโซนเวลาของคุณ
- รีสตาร์ตแอป Office
เคล็ดลับ: ใน Windows 7 คุณสามารถตั้งเวลานาฬิกาในคอมพิวเตอร์ให้ตรงกันกับเซิร์ฟเวอร์เวลาในอินเทอร์เน็ตเพื่อให้เวลาในคอมพิวเตอร์เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ในการทำเช่นนี้ ให้เลือกวันที่หรือเวลาที่มุมขวาล่างของหน้าจอ แล้วเลือก เปลี่ยนการตั้งค่าวันที่และเวลา เลือกแท็บ เวลาอินเทอร์เน็ต จากนั้นเลือก เปลี่ยนการตั้งค่า เลือกทำข้อมูลให้ตรงกันกับเซิร์ฟเวอร์เวลาในอินเทอร์เน็ต แล้วเลือก อัปเดตเดี๋ยวนี้
เรียกใช้ Office ในฐานะผู้ดูแลระบบ
เรียกใช้ Office ในฐานะผู้ดูแลระบบจะช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับสิทธิ์ที่อาจทำให้การเปิดใช้งาน Office ล้มเหลว ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้กับระบบปฏิบัติการของคุณ
Windows 11 และ สำหรับ Windows 10 ให้ทำดังนี้
- ปิดแอป Office ทั้งหมด
- กดปุ่ม เริ่ม ที่มุมล่างซ้ายของหน้าจอ
- พิมพ์ชื่อแอปพลิเคชัน เช่น Word ไอคอนโปรแกรม Word จะปรากฏในผลการค้นหา
- คลิกขวาที่ไอคอน Word แล้วเลือก เรียกใช้ในฐานะผู้ดูแลระบบ
- เลือก ใช่ เพื่ออนุญาตให้ Office เรียกใช้ในฐานะผู้ดูแลระบบ
Windows 8.1
- ปิดแอป Office ทั้งหมด
- ใน Windows 8.1 คลิกขวาที่ปุ่ม เริ่ม ที่มุมล่างซ้ายของหน้าจอ แล้วเลือก ค้นหา
- พิมพ์ชื่อแอปพลิเคชัน เช่น Word ไอคอนโปรแกรม Word จะปรากฏในผลการค้นหา
- คลิกขวาที่ไอคอน Word แล้วเลือก เรียกใช้ในฐานะผู้ดูแลระบบ
- เลือก ใช่ เพื่ออนุญาตให้ Office เรียกใช้ในฐานะผู้ดูแลระบบ
Windows 8
- ปิดแอป Office ทั้งหมด
- ใน Windows 8 ให้เลื่อนเมาส์ไปที่มุมบนขวาของหน้าจอเพื่อเปิดแถบทางลัด แล้วเลือกไอคอน ค้นหา
- พิมพ์ชื่อแอปพลิเคชัน เช่น Word ไอคอนโปรแกรม Word จะปรากฏในผลการค้นหา
- คลิกขวาที่ไอคอน Word แล้วเลือก เรียกใช้ในฐานะผู้ดูแลระบบ
- เลือก ใช่ เพื่ออนุญาตให้ Office เรียกใช้ในฐานะผู้ดูแลระบบ
Windows 7
- ปิดแอป Office ทั้งหมด
- กดปุ่ม เริ่ม ที่มุมล่างซ้ายของหน้าจอ
- ในกล่อง ค้นหาโปรแกรมและไฟล์ ให้พิมพ์ชื่อแอปพลิเคชัน เช่น Word ไอคอนโปรแกรม Word จะปรากฏในผลการค้นหา
- คลิกขวาที่ไอคอน Excel แล้วเลือก เรียกใช้ในฐานะผู้ดูแลระบบ
- ถ้ามีพร้อมท์ปรากฏขึ้น ให้เลือก ใช่ เพื่ออนุญาตให้ Office เรียกใช้ในฐานะผู้ดูแลระบบ
อัปเดต Office
การอัปเดตล่าสุดของ Office อาจแก้ไขปัญหาการเปิดใช้งานแล้ว เมื่อต้องการเรียนรู้วิธีการอัปเดต Office ให้ดูติดตั้งอัปเดต Office
ตรวจสอบไฟล์วอลล์ของคุณ
ถ้าคุณใช้ไฟร์วอลล์จากผู้ผลิตรายอื่น ให้ไปที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีปิดใช้งานไฟร์วอลล์ชั่วคราว สำหรับไฟร์วอลล์ Windows โปรดดูด้านล่าง
Windows 11 และ Windows 10
- โปรดไปที่ไฟร์วอลล์ Windows ของคุณ
Windows 8.1 และ 7
- โปรดเลื่อนไปที่เปิดหรือปิดไฟร์วอลล์ Windows ใน
ตรวจสอบซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีปิดซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสของคุณ ให้ตรวจสอบที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส การถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสของคุณอาจช่วยได้ โปรดอย่าลืมติดตั้งอีกครั้งหลักจากเสร็จสิ้นการติดตั้ง Office และถ้าคุณปิดซอฟต์แวร์ดังกล่าว โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เปิดซอฟต์แวร์ดังกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
ถ้าไม่แน่ใจว่าคุณใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสใดอยู่ ให้ใช้วิธีการต่อไปนี้ไปยัง แผงควบคุม เพื่อค้นหาชื่อของซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส
เคล็ดลับ: Windows 10 มี Windows Defender เป็นซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสเริ่มต้น ถ้าคุณตั้งใจที่จะใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส เลือกปุ่ม เริ่ม > การตั้งค่า > การอัปเดตและความปลอดภัย จากนั้นเลือก Windows Defender ทางด้านซ้าย เลื่อนปุ่มเพื่อ ปิด อย่าลืม เปิด อีกครั้ง
- ในเมนูเริ่มต้น ให้ใส่แผงควบคุมในกล่องค้นหา แล้วเลือกแผงควบคุมจากผลลัพธ์
- เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
- ในมุมมอง ประเภท เลือก ระบบและความปลอดภัย > ความปลอดภัยและการบำรุงรักษา แล้วเลือกลูกศรลงถัดจาก ความปลอดภัย
- ในมุมมอง ไอคอนขนาดใหญ่ หรือ ไอคอนขนาดเล็ก เลือก ความปลอดภัยและการบำรุงรักษา แล้วเลือกลูกศรลงถัดจาก ความปลอดภัย
ถ้า Windows ตรวจพบซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสของคุณ รายชื่อโปรแกรมจะแสดงภายใต้ การป้องกันไวรัส
- ไปที่แผงควบคุมโดยการคลิกขวาที่ปุ่มเริ่มต้น (มุมซ้ายล่าง) แล้วเลือกแผงควบคุม
- เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
- ในมุมมอง ประเภท เลือก ระบบและความปลอดภัย > ศูนย์ปฏิบัติการ แล้วเลือกลูกศรลงถัดจาก ความปลอดภัย
- ในมุมอง ไอคอนขนาดใหญ่ หรือ ไอคอนขนาดเล็ก เลือก ศูนย์ปฏิบัติการ แล้วเลือกลูกศรลงถัดจาก ความปลอดภัย
ถ้า Windows ตรวจพบซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสของคุณ รายชื่อโปรแกรมจะแสดงภายใต้ การป้องกันไวรัส
- ไปที่แผงควบคุมโดยการเลือกปุ่มเริ่มต้น (มุมซ้ายล่าง) แล้วเลือกแผงควบคุม
- เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
- ในมุมมอง ประเภท เลือก ระบบและความปลอดภัย > ศูนย์ปฏิบัติการ แล้วเลือกลูกศรลงถัดจาก ความปลอดภัย
- ในมุมอง ไอคอนขนาดใหญ่ หรือ ไอคอนขนาดเล็ก เลือก ศูนย์ปฏิบัติการ แล้วเลือกลูกศรลงถัดจาก ความปลอดภัย
ถ้า Windows ตรวจพบซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสของคุณ รายชื่อโปรแกรมจะแสดงภายใต้ การป้องกันไวรัส
ตรวจสอบการตั้งค่าพร็อกซีของคุณ
ถ้าคุณใช้อุปกรณ์ทั้งในที่บ้านและที่ทำงาน ลองปิดการตั้งค่าพร็อกซีใน Microsoft Edge หรือ Internet Explorer ก่อนติดตั้ง Microsoft 365 ถ้าคุณกำลังใช้เบราว์เซอร์อื่น ให้ตรวจสอบวิธีใช้ของเบราว์เซอร์นั้นเพื่อหาวิธีปิดการตั้งค่าพร็อกซี
Microsoft Edge
- คลิกที่ปุ่ม เริ่ม (มุมซ้ายด้านล่าง) แล้วเลือก การตั้งค่า
- เลือก เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต ไปที่ด้านล่างของส่วนที่เลือกทางด้านซ้าย แล้วคลิก พร็อกซี
- ใน ตั้งค่าพร็อกซีอัตโนมัติ ให้ตรวจหาการตั้งค่าหรือใช้สคริปต์การตั้งค่าโดยอัตโนมัติโดยเลื่อนไปที่ เปิด หรือ ปิด
- ใน ตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเอง คุณสามารถเลือกที่จะใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ได้ โดยทั่วไปแล้ว การตั้งค่าจะปิด และถ้าคุณเลื่อนให้ เปิด โปรดตรวจสอบให้มั่นใจว่าได้เลือก บันทึก และถ้าการตั้งค่านั้นปิดอยู่ตามค่าเริ่มต้นก่อนที่คุณจะเปิด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เลื่อนเปลี่ยนเป็น ปิด เมื่อคุณใช้งานเสร็จ
Internet Explorer 7, 8, 9, 10 หรือ 11
- ใน Internet Explorer ให้คลิก เครื่องมือ (มุมขวาบน) > ตัวเลือกอินเทอร์เน็ต
- คลิกแท็บ การเชื่อมต่อ จากนั้นคลิกที่ปุ่ม การตั้งค่า LAN
- ภายใต้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ ให้ล้างตัวเลือก "ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์สำหรับระบบ LAN ของคุณ (การตั้งค่าเหล่านี้จะไม่นำไปใช้กับการเชื่อมต่อผ่านสายโทรศัพท์หรือ VPN)"
- คลิก นำไปใช้ แล้วคลิก ตกลง เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลง รีสตาร์ตคอมพิวเตอร์ของคุณ
หมายเหตุ: อาจมีการตั้งค่าพร็อกซีเพิ่มเติมที่คุณต้องข้ามไป ถ้ายังไม่ได้ผล และคุณติดตั้ง Office จากที่ทำงานหรือที่โรงเรียน โปรดตรวจสอบกับแผนก IT ของคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับผู้ดูแลระบบ IT โปรดดู URLของ Microsoft 365 และช่วงที่อยู่ IP
ยังต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ ติดต่อฝ่ายสนับสนุน
ถ้าคุณลองทำทุกสิ่งทุกอย่างในบทความนี้แล้วแต่ยังคงต้องการความช่วยเหลืออยู่ คุณสามารถ ติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Office
ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือไม่
ต้องการตัวเลือกเพิ่มเติมหรือไม่
สํารวจสิทธิประโยชน์ของการสมัครใช้งาน เรียกดูหลักสูตรการฝึกอบรม เรียนรู้วิธีการรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์ของคุณ และอื่นๆ
ชุมชนช่วยให้คุณถามและตอบคําถาม ให้คําติชม และรับฟังจากผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้มากมาย