วันนี้ (31 พ.ค.2566 ) กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนคลื่นลมแรงและฝนตกหนักถึงหนักมาก มีผลกระทบถึงวันที่ 6 มิ.ย.2566
มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 ม. บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 ม. ส่วนบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 ม. บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 ม.
ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเสี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง จนถึงวันที่ 6 มิ.ย.2566
สำหรับภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ยังคงมีฝนฟ้าคะนองต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในบริเวณ จ.ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และ สตูล ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่มไว้ด้วย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน มีชื่อเรียกกันตามลักษณะของภูมิประเทศว่าที่ราบสูงโคราช (Khorat Plateau) เพราะมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทีราบสูงโดยเริ่มจากบริเวณที่สูง และภูเขาทางทิศใต้และทิศตะวันตก ไปจนจรดแม่น้ำโขงทางตอนเหนือและตะวันออกโดยมีเทือกเขาภูพานเป็นแนวคั่นตามธรรมชาติ ทำให้ภูมิประเทศของภูมิภาคนี้แบ่งออกเป็นแอ่งที่ราบขนาดใหญ่ 2 แอ่ง ที่ราบตอนบนมีชื่อเรียกว่า “แอ่งสกลนคร” และที่ราบตอนล่างเรียกว่า “แอ่งโคราช” ได้มีการค้นพบร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยมีแม่น้ำโขง แม่น้ำมูล แม่น้ำชี เป็นเส้นทางติดต่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในภูมิภาคและชุมชนภายนอก ดังปรากฏหลักฐานการดำรงชีพและการตั้งถิ่นฐานของคนโบราณ มาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ดังปรากฏหลักฐานเช่น ภาพเขียนตามผนังถ้ำและเพิงผา เครื่องมือหินกะเทาะ รวมทั้งชุมชนโบราณที่กระจายอยู่ตามเขตลุ่มน้ำต่างๆ ทั้งแอ่งสกลนครและแอ่งโคราช
ลักษณะทางกายภาพ
ภาคอีสานเป็นที่ราบสูงแบบแอ่งแผ่นดินตื้น (Shallow Basin) เรียกกันโดยรวมว่า ที่ราบสูงโคราช(Khorat Plateau) มีรูปร่างคล้ายถ้วยเป็นแอ่งอยู่ตรงกลาง ลาดเอียงจากทางตะวันตกไปทางตะวันออก บริเวณชายขอบเป็นภูเขาสูง พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยหิน มีชั้นหินกรวดมน หินดินดาน และเกลือหิน แทรกอยู่เป็นตอนๆ จากลักษณะทางธรณีวิทยาและอายุของหิน ทำให้ทราบว่าแผ่นดินอีสานอยู่ในช่วงตอนปลายของมหายุคเมโสโซอิก ที่ราบสูงแห่งนี้เป็นที่ราบสูงขนาดใหญ่ของทวีปเป็นแอ่งทีมีการทับถมของตะกอน บางช่วงได้ยุบจมลง เป็นทะเลตื้น ๆ และเมื่อน้ำทะเลระเหย จึงตกตะกอนเป็นชั้นของเกลือหินแทรกอยู่ทั่วทั้งบริเวณที่ราบ
ต่อมาในมหายุคซีโนโซอิก เกิดการบีบตัวของเปลือกโลกทำให้เกิดรอยเลื่อนของเปลือกโลกขึ้นทางด้านตะวันตกและด้านใต้ของภาค เป็นเทือกเขาเพชรบูรณ์ ดงพญาเย็น สันกำแพง และพนมดงรัก ขณะเดียวกันตอนกลางของที่ราบก็เกิดการโค้งตัวขึ้นเป็นสัน จากทิศตะวันตกเฉียงเหนือไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเทือกเขาภูพานแบ่งแอ่งที่ราบต่ำตอนกลางของภาคออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่อยู่ตอนเหนือเรียกว่า “แอ่งสกลนคร” ส่วนที่อยู่ทางใต้เรียกว่า “แอ่งโคราช”
1.แอ่งโคราช
พื้นที่ราบเป็นแอ่งแผ่นดินขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 ใน 4 ส่วนของภาคอีสานทั้งหมด ถือว่าเป็นที่ราบกว้างที่สุดของประเทศไทยมีความสูงโดยเฉลี่ย 120-170 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง พื้นที่ตรงกลางแอ่งเป็นที่ราบลุ่มต่ำ มีแม่น้ำมูล แม่น้ำชี เป็นแม่น้ำสายหลักที่ระบายน้ำออกจากขอบที่ราบของแอ่ง ที่ราบแอ่งโคราชนี้ครอบคลุมพื้นที่ด้านตะวันตก ตั้งแต่จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ ขอนแก่น บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ยโสธร อำนาจเจริญ ไปจนถึงจังหวัดอุบลราชธานีทางด้านตะวันออก ล้อมรอบด้วยเทือกเขาเพชรบูรณ์ ดงพญาเย็น สันกำแพง พนมดงรัก และเทือกเขาภูพาน
2.แอ่งสกลนคร
พื้นที่เป็นแอ่งที่ราบที่อยู่ทางตอนเหนือของภาค มีขนาดเล็กกว่าแอ่งโคราชมาก โดยมีความสูงเฉลี่ยอยู่ในระดับ 140 – 180 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง แม่น้ำที่สำคัญที่สุดคือ แม่น้ำสงคราม ที่ราบแอ่งสกลนครนี้ครอบคลุมพื้นที่ในเขตจังหวัดอุดรธานี หนองคาย สกลนครนครพนม ลักษณะภูมิประเทศที่สำคัญของแอ่งสกลนคร คือ มีหลุมแอ่งที่มีลักษณะเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ เช่น หนองหานหลวง สกลนคร และหนองหาน กุมภวาปี อุดรธานี เป็นต้น
ภูมิประเทศของแอ่งสกลนครและแอ่งโคราช
- ภูมิประเทศแบบโคกสูงสลับแอ่ง ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปจะมีเนินเขาเตี้ย ๆซึ่งในภาษาถิ่นเรียกว่า โคก หรือ โพน สลับกับแอ่งที่ลุ่มซึ่งอาจมีน้ำขังอยู่เป็นหนอง บึง ขนาดต่าง ๆ กันไปลักษณะเช่นนี้เกิดจาก การพังทลายของหินอันเนื่องมาจากลมฟ้าอากาศ การกระทำของน้ำ และเกิดจากการละลายของเกลือหินใต้ดินโดยการกระทำของน้ำใต้ดิน ทำให้พื้นดินยุบตัวเป็นแอ่งใต้ดินของภาคอีสานมีชั้นของเกลือหินอยู่ถึง 3 ชั้น ตั้งแต่ระดับตื้น 30-40 เมตรจนถึงระดับลึก 800 เมตรขึ้นไป ในบางแห้งมีชั้นหินเกลือไปอัดแน่นทำให้พื้นผิวดินปูดสูงขึ้นกลายเป็นเนินดิน จากลักษณะภูมิประเทศที่เป็นโคกสลับแอ่งนั้น ทำให้เกิดผลสำคัญ 2 ประการต่อภาคอีสาน คือจะมีแหล่งน้ำตามธรรมชาติกระจายอยู่ทั่วไปจำนวนมากแต่ในขณะเดียวกันการมีชั้นของหินเกลือจำนวนมากทำให้เกิดปัญหาภาวะดินเค็มก่อให้เกิดผลเสียทางการเกษตรและเป็นอุปสรรคต่อการใช้น้ำทั้งบนดินและน้ำใต้ดิน
- ภูมิประเทศแบบที่ราบลุ่มน้ำ เป็นลักษณะภูมิประเทศซึ่งเกิดจาก การกระทำของลำน้ำที่กัดเซาะทางด้าน ข้างและเกิดการทับถมในแนวดิ่งจนทำให้ที่ราบในแอ่งทั้งสองมีลักษณะราบเรียบมากแทบไม่มีความลาดชันจึงเกิดอุทกภัยในพื้นที่เขตนี้เสมอ บริเวณที่ราบลุ่มน้ำในแอ่งโคราชประกอบด้วยที่ราบลุ่มแม่น้ำชี ในเขตจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และยโสธร กับที่ราบลุ่มแม่น้ำมูล ในเขตจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีษะเกษ และ อุบลราชธานี เป็นที่ราบลุ่ม แบบน้ำท่วมถึงและแบบลานตะพักน้ำ ที่ราบลุ่มแม่น้ำมูล – ชี จะเป็นที่ราบลุ่มขนาดใหญ่ เป็นแอ่งกระทะ มีเนื้อที่กว้างขวาง ลักษณะแม่น้ำจะไหลโค้งตวัดไปมาและมีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นแม่น้ำลัดทางเดินเกิดเป็นทะเลสาบขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วไปในเขตที่ราบลุ่ม และในฤดูฝนจะมีน้ำท่วมทั่วทั้งบริเวณที่ราบ สำหรับที่ราบลุ่มน้ำในแอ่งสกลนครเป็นที่ราบลุ่มน้ำเล็ก ๆ กระจายอยู่ทั่วไปตามลำน้ำต่าง ๆ เช่น ที่ราบแม่น้ำสงคราม ซึ่งเป็นที่ราบที่สุดในเขตแอ่งสกลนคร เป็นต้น เขตแอ่งสกลนครนี้มีลักษณะภูมิประเทศพิเศษ คือ เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำท่วมถึง ซึ่งมีทางระบายน้ำติดต่อกับทะเลสาบเล็ก ๆ มากมาย ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณแอ่งสกลนคร ในช่วงฤดูแล้งและจะกลายเป็นทะเลสาปขนาดใหญ่ ในช่วงฤดูฝนกลายเป็นแหล่งการประมงที่สำคัญอย่างยิ่งในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แร่ประเภทต่างที่พบในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- แร่พลวง(Antimony) พบแหล่งแร่นี้แห่งเดียวที่บ้านสะอาด ตำบลน้ำลาย อำเภอเมือง จังหวัดเลย ประโยชน์ของพลวง คือ ใช้ในการทำโลหะผสม ผสมตะกั่ว ทำแผ่นแบตเตอรี่ผสมตะกั่วและดีบุกในการทำตะกั่วตัวพิมพ์และโลหะบัดกรีบางชนิด ใช้ในส่วนประกอบของกระสุนปืน ใช้ในอุตสาหกรรมไม้ขีดไฟ อุตสาหกรรมทำยาง ทำผ้า ทำผ้าทนไฟ และอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบ
- แร่แบไรต์(Barite) จากการสำรวจของกรมทรัพยากรธรณีปรากฏว่า พบแหล่งแร่แบไรต์ในท้องที่ 2 จังหวัด คือ จังหวัดเลยและอุดรธานี ในจังหวัดเลยพบที่บ้านหินขาว อำเภอเชียงคาน บ้านนาค้อ อำเภอปากชม บ้านห้วยพอด และบ้านตีนผา ในจังหวัดอุดรธานี พบที่บ้านนาดีอำเภอนากลาง แต่ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับปริมาณแร่ที่ค้นพบประโยชน์ของเเร่แบไรต์ ส่วนมากนำมาทำโคลนผง (Drilling mud) ซึ่งใช้ในการเจาะสำรวจ น้ำมันหรือน้ำบาดาล ใช้ในอุตสาหกรรมทำแม่สีและเนื้อสี อุตสาหกรรมแก้วและยาง ผ้าน้ำมัน กระดาษน้ำมันและพลาสติก ใช้บดทำยาสำหรับรับประทานก่อนทีจะทำการเอ็กซเรย์ตรวจกระเพาะและลำใส้ ใช้เป็นตัวเติม (Filler) ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ใช้ในอุตสาหกรรมฟอกหนังทำแป้งผัดหน้าเป็นต้น
- แร่ทองแดง(Copper) แหล่งแร่ทองแดงในภาคนี้มีอยู่หลายแหล่งด้วยกัน คือ แหล่ง “ช่องเขาประตูตีหมา อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น แหล่งจันทึก อำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา แหล่งภูหินเหล็กไหล และแหล่งภูอ่าง ซี่งอยู่ทางใต้ของภูหินเหล็กไฟอีกด้วย นอกจาก 3 บริเวณใหญ่ข้างต้นแล้ว กรมทรัพยากรธรณีเคยสำรวจพบแหล่งแร่ทองแดงที่อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย เช่นกัน ประโยชน์ของแร่ทองแดง นำมาถลุงเอาโลหะทองแดงเพื่อใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ในการทำอุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟฟ้า อุปกรณ์เครื่องวิทยุ โทรทัศน์ โทรเลข โทรศัพท์ เครื่องกลจักร เครื่องยนต์ ตลอดจนเครื่องมือวิทยาศาสตร์ และอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ใช้ทำโลหะผสมหลายหลายชนิด เช่น ทองบรอนซ์ ทองเหลือง เป็นต้น
- แร่รัตนชาติ(Gemstone) ส่วนใหญ่ที่พบเป็นพลอยตระกูลโครันดัม หรือกากกะรุน แหล่งพลอย ในจังหวัดศรีสะเกษ พบที่อำเภอกันทรลักษณ์เป็นพลอยสีน้ำเงินและพลอยสีเขียว นอกจากพลอยที่พบแล้วยังมีแร่ที่เกิดอยู่ร่วมกัน ได้แก่ โกเมน นิลตะโก และเพทาย แหล่งพลองในเขตอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พบบริเวณห้วยตะแอก บ้านด่าน บ้านโดนยาง บ้านโคกสะอาด บ้านตาโกย บ้านตากเกา บ้านดอนโมก และบ้านหนองคุม บริเวณดังกล่าวอยู่ติดกับแหล่งอำเภอกันทรลักษณ์ พลอยที่ขุดได้ส่วนใหญ่เป็นเพทายนอกจากนี้ยังมีรายงานการพบแร่รัตนชาติที่ ห้วงภูผาลำดวน อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานีอีกด้วย ประโยชน์ของแร่รัตนชาติ นอกจากจะใช้เป็นเครื่องประดับทีมีค่าแล้ว ยังนำไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ อีก เช่น พลอยน้ำเงินใช้ในอุตสาหกรรมทำนาฬิกา ขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังใช้ในการเป็นกากติดใบมีดสำหรับลับของแข็งมาก และทำกระดาษทราย ผ้าขัดเพทายทีป่นเป็นผงใช้ในการทำเครื่องถ้วย ชาม ทำทรายแบบ ทำอิฐทนไฟ สำหรับเตาถลุงอลูมิเนียม และทำแก้ว โลหะใช้ในเครื่องปฎิกรณ์ปรมาณู และในโลหะผสมหลายชนิด
- แร่ยิปซัม(Gypsum) พบที่บ้านโนนแจง อำเภอขามสะแกแสง นครราชสีมา และที่อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย แร่ยิปซัมหรือที่เรียกกันว่า เกลือจืดมักมีสีขาว สีเทา สีเหลือง สีแดงปนน้ำตาล เนื่องจากมีมลทินอาจมีรูปร่างเป็นผลึก เป็นเสี้ยนหรือเป็นเม็ดคล้ายเม็ดทรายเนื้อแร่อ่อนขูดเป็นรอยได้ง่าย ลักษณะของแหล่งแร่มักเกิดเป็นชั้น ๆ ประโยชน์ของแร่ยิปซัมใช้ในการทำปูนซีเมนต์ ปูนพลาสเตอร์ แผ่นยิปซั่มบอร์ด ทำแป้งนวล ชอล์ก ทำปุ๋ย กระดาษ ดินสอสี ยาง
- แร่ตะกั่ว-สังกะสี(Lead-Zinc) แร่ตะกั่วและสังกะสี ในภาคอีสานพบในบริเวณภูขุม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ประโยชน์ของตะกั่ว-สังกะสีใช้ผสมโลหะได้มากมาย หลายชนิด ตะกั่วใช้ในการตะกั่วบัดกรี กระดาษตะกั่วห่ออาหาร บุหรี่ ท่อน้ำ แผ่นตะกั่ว ตัวพิมพ์ กระสุนปืน ฟิวส์ไฟฟ้า แผ่นกั้นรังสีในเครื่องปรมาณู และทำสี ส่วนสังกะสีนั้น ส่วนใหญ่ใช้ในการเคลือบแผ่นเหล็ก ทำสังกะสีมุงหลังคา กระป๋องบุเปลือกในของถ่านไฟฉาย ใช้หล่อส่วนต่าง ๆ ของชิ้นส่วนในรถยนต์ เช่น คาร์บูเรเตอร์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังใช้ในการทำยารักษาโรค และใช้ประโยชน์ทางด้านเคมี
- ถ่านหินลิกไนต์(Lignite) ที่สำรวจพบมีอยู่ที่อำเภอสหัสขันธ์ และกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ อำเภอคำชะอี จังหวัดนครพนม ที่เขาละมั่ง อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา และอำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ประโยชน์ของถ่านหินที่สำคัญที่สุด คือ ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผาไหม้ แทนถ่านไม้และน้ำมัน ใช้แทนถ่าน อัดเพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้ม และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทำแก๊สในการหุงต้ม นอกจากนี้ยังใช้ในการทำปุ๋ยเคมี ชนิดแอมโมเนียมซัลเฟต และปุ๋ยยูเรีย
- แร่แมงกานีส(Manganese) พบที่บริเวณห้วยพาง ห้วยกกห้า ห้วยม่วง ห้วยซวก และปากชม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เป็นแมงกานีสชนิดที่ใช้ทำแบตเตอรี่ จึงได้เริ่มการทำเหมืองแร่แมงกานีส ขึ้นเป็นแหล่งแรกของประเทศ ผลิตแร่เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
- แร่ฟอสเฟต(Phosphate) แหล่งที่พบคือตำบลหนองงิ้ว อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ประโยชน์ของแร่ฟอสเฟตส่วนใหญ่ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ใช้ในการทำปุ๋ย นอกจากนั้นก็เอามาใช้ประโยชน์อื่น ๆ เช่น ทำอาหารสัตว์ผงซักฟอก วัสดุไฟฟ้า อุปกรณ์การขัดถู ยาฆ่าแมลง ยาสีฟัน ยารักษาโรค ไม้ขีดไฟ อุปกรณ์การขัดถู ยาฆ่าแมลง ยาสีฟัน ยารักษาโรค ไม้ขีดไฟและใช้ในการทำวัตถุระเบิด
- แร่เอมเมอรี่และแร่ซิลลิมาไนต์(Emery and Silimanite) พบครั้งแรกในประเทศไทย ที่บริเวณบ้านโนนสาวเอ้และบ้านบุบอีปูน ตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ประโยชน์ของแร่เอมเมอรี่ที่สำคัญคือใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องขัดถู เช่น อุตสาหกรรมทำเครื่องโม่ เครื่องสีข้าว หินเจียรนัย หินลับมีด หินขัดพื้นคอนกรีต กระดาษทรายผสมน้ำยาเคมีเพื่อนำมาใช้ทำเป็นน้ำยาขัดเงาต่าง ๆ นอกจากนี้แล้วเอมเมอรี่ชนิดละลายยังนำมาใช้ในการขัดกระจกให้เป็นกระจกฝ้าและชนิดที่ละเอียดเป็นผงแป้งและมีความบริสุทธิ์สูงใช้ในการขัดแนตาขัดเลนส์ได้อีกด้วย มีผู้นิยมนำเอมเมอรี่ที่บดแล้วผสมในคอนกรีตทำพื้นเฉลียงบันไดและถนนที่ลาดชันเพื่อป้องกันการลื่นประโยชน์ของแร่ซิลลิมาไนต์ใช้ในอุตสาหกรรมทำอิฐทนไฟชนิดทนความร้อนสูง และเนื่องจากคุณสมบัติทนความร้อนได้สูงถึง 1810 องศาเซลเซียส จึงใช้ประโยชน์ในการทำเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทนความร้อนสูงอื่น ๆ ด้วย เช่นทำเครื่องปั้นดินเผาชนิดพิเศษ เครื่องถ้วยชาม เครื่องเคลือบต่าง ๆ อุปกรณ์เคมีและไฟฟ้า
- แร่ยูเรเนียม(Uranium) แหล่งแร่ยูเรเนียมในหินทราย สำรวจพบเป็นแหล่งแรกในชั้นหินทรายชุดพระวิหารยุคจูแรสสิค ในบริเวณประตูตีหมาและได้ตั้งชื่อตามสถานที่ที่พบว่า “แหล่งยูเรเนียมประตูตีหมา” แหล่งแร่ดังกล่าวอยู่ในบริเวณแอ่งภูเวียง ด้านทิศตะวันตก ใกล้ ๆ กับขอบด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของที่ราบโคราชในเขตบ้านหนองขาม ตำบลเขาน้อย อ.ภูเวียง จังหวัดขอนแก่น
- ปิโตรเลียม(Petroleum) กรมทรัพยากรธรณีได้ร่วมสำรวจกับผู้เชี่ยวชาญทาด้านปิโตรเลียมหลายครั้งพบว่าภาคอีสานบางบริเวณเคยเป็นแหล่งสะสมอินทรียสารตัวต้นกำเนิดของปิโตรเลียมมาก่อนประกอบกับผลการวิเคราะห์ตัวอย่างยืนยัน่าจำนวนอิทรียสารดังกล่าวมีคุณสมบัติต่อการกลั่นให้เกิดน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ชั้นหินส่วนบนที่ปิดทับหินตัวต้นกำเนิดปิโตรเลียมประกอบด้วยหินทรายที่มีความพรุนมากปิดทับด้วยหินดินดาน ยุคจูแรสสิกซึ่งสามารถเป็นหินกักเก็บและหินปิดกั้นปิโตรเลียมตามลำดับ บางส่วนของชั้นหินยุคเพอร์เมียนและชั้นหินยุคไทรแอสสิกกล่าวมาแล้วมีหินทรายและหินดินดานลักษณะกักเก็บและปิดกั้นปิโตรเลียมเช่นกัน นอกจากนี้ความหนาของชั้นหินจากหินตัวต้นกำเนิดจนถึงผิวดินมีความหนามากที่สุดถึง 5000 เมตร แสดงถึงการสะสมตัวทับถมอันยาวนานทำให้เกิดความร้อนและความดันในธรรมชาติรวมกับความร้อนภายในโลก ประกอบกับแบคทีเรียและตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีแปรสภาพอินทรีย์สารให้เป็นน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติแล้วเคลื่อนตัวไปกักเก็บในชั้นหินที่มีความพรุนในโครงสร้างเหมาะสมตามแรงการเปลี่ยนแปลงของผิวโลก
- ชั้นหินทรายและหินปูนยุคเพอร์เมียน มีปิโตรเลียมที่เกิดจากหินปูนอายุเดียวกัน
- ชั้นหินทรายยุคจูแรสสิกหรือไทรแอสสิก กักเก็บปิโตรเลียมที่เกิดจากหินชั้น ยุคไทรแอสสิกหรือยุคเพอร์เมีย สำหรับโครงสร้างที่เหมาะสมต่อการกักเก็บปิโตรเลียมที่แปลความหมายจากข้อมูลที่ได้จากการบินสำรวจความเข้มสนามแม่เหล็กในชั้นหินและจากการวัดความไหวสะเทือนของชั้นหินแล้ว ได้แก่โครงสร้างกุฉินารายน์ซึ่งมีแนวแกนทิสตะวันตกเฉียงเหนือ-ทิสตะวันออกเฉียงใต้อยู่ทางเหนือ ของอำเภกุฉินารายณ์จังหวัดกาฬสินธุ์มีแนวแกนทิศทางเดียวกับโครงสร้างแรกอยู่ระหว่างอำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์และอำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างอื่น ๆ อีกไปทางเหนือของเทือกเขาภูพานและโครงสร้างใหญ่อีกอย่างน้อย 3 โครงสร้างในพื้นที่สัมปทานของบริษัทเอสโซ่ปัจจุบัน
- แร่ทองคำ(Gold) ทองคำที่พบเกิดจากการสะสมตัวตามดินโดยการพัดพามาของน้ำคล้ายกับการเกิดแบบลานแร่ แหล่งที่สำรวจพบมีอยู่ที่บริเวณภูถ้ำพระ อำเภอเมือง จังหวัดเลย และที่บ้านคำด้วง อำเภอบ้านผืน จังหวัดอุดรธานีเป็นแร่ทองคำที่เกิดร่วมกับแร่ทองคำขาวแต่ไม่ทราบปริมาณที่แน่นอนประโยชน์ของทองคำใช้เป็นหลักประกันค่าของธนบัตร ทำเหรียญกษาปณ์ ทำเครื่องประดับใช้ผสมโลหะอื่น ๆ เป็นโลหะผสมใช้ในการทันตกรรม เครื่องมือวิทยาศาสตร์และวงจรไฟฟ้า เป็นต้น
- แร่เหล็ก(Iron, Ferrous) แหล่งแร่เหล็กในจังหวัดเลย ตัวอย่างเช่น ที่ ภูอ่าง ภูโคก ภูขุนทอง และภูหินเหล็กไฟ แหล่งแร่เหล็กในอำเภอเชียงคานที่ภูยาง ภูซาง ภูเฮียะ ภูแก้วใหญ่และภูเหล็กบ้านธาตุนอกจากนี้ยังมีที่อำเภอวังสะพุง ที่บ่ออีเลิดและป่าเป้า
- เกลือหิน(Rock-salt) แหล่งเกลือหินที่พบในภาคอีสานส่วนมากเป็นผลจากการเจาะบ่อน้ำบาดาลในหินกลุ่มโคราชมีบริเวณกว้างขวางมาก ครอบคลุมพื้นที่ในแอ่งสกลนครประมาณ 19,500 ตารางกิโลเมตรและในแอ่งโคราช 37,300 ตารางกิโลเมตรปริมาณเกลือหินสำรองที่ได้จากการเจาะหลุมทดลองต่าง ๆ ในภาคนี้คาดว่ามีประมาณ 4,700 ล้านตัน และคาดว่า ปริมาณของเกลือหินในภาคนี้จะมีปริมาณมหาศาลถึง 2 ล้านล้านตัน ซึ่งจะได้จากแหล่งใหญ่ ๆ 7 แหล่งด้วยกันคือ แหล่งชัยภูมิ แหล่งตลาดแก แหล่งมหาสารคาม แหล่งบำเหน็จณรงค์ แหล่งอุบล แหล่งกุลาร้องไห้ แหล่งอุดร-หนองคาย ประโยชน์ของเกลือหินที่เกี่ยวข้องกับการอุตสาหกรรมคือใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเคมีภัณฑ์และกรดต่าง ๆ ที่ใช้ในงานหัตถกรรม ใช้เป็นส่วนประกอบในการแยก หลอมและถลุงแร่ในกิจการโลหะกรรม ใช้ในกิจการอุตสาหกรรมเคมีต่าง ๆ เช่น ทำสบู่ ย้อมสี ฟอกหนังทำยาป้องกันฟันผุ ซีเมนต์ ทำระเบิด เครื่องเคลือบ ฟอกผ้า และกระดาษ อุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผา อุตสาหกรรมแก้วอุตสาหกรรมเครื่องทำความเย็นและตู้เย็น นกจากนี้ยังใช้เป็นอาหาร ทำปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าแมลงต่าง ๆ ใช้ในการประกอบยารักษาโรคและทางทันตกรรม เป็นต้น
- เกลือโพแตช(Topash) การสำรวจแร่โพแตชในภาคนี้ได้เริ่มสำรวจเมื่อ พ.ศ.2517 และพบแร่โพแตชที่อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี จากการสำรวจของกรมทรัพยากรธรณี พบวาภาคนี้มีชั้นเกลือหินและแร่โพแตชอยู่มากมาย ซึ่งจะทำรายได้ให้แก่บริเวณนี้มากกว่าแร่ชนิดอื่น ๆ ดังนั้นรัฐบาลจึงนโยบายที่จะสนับสนุนการสำรวจแร่เกลือหินและแร่โปแตชในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นอันดับแรก ผลจากการเจาะสำรวจแร่โพแตชและเกลือหินที่ได้ดำเนินตลอดมาจากหลุมเจาะทั้งหมด 131 หลุม รวมความลึก 130378 ฟุต ทั้งในแอ่งโคราชและแอ่งสกลนคร แร่โพแตชที่พบมากทั้ง 2 แอ่งคือ แร่คาร์นัลไลท์ส่วนแร่ซิลไวท์นั้นพบเป็นหย่อม ๆ ประโยชน์ของแร่โพแตชที่สำคัญคือทำปุ๋ย อุตสาหกรรมเคมีต่าง ๆ อุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผา เครื่องแก้ว ย้อมสี ฟอกหนัง ทำสบู่ ไม้อัด อุปกรณ์ถ่ายภาพ
โขง สงคราม ชี มูล แม่น้ำแห่งวิถีชีวิต
แม่น้ำ เป็นเส้นทางแห่งวิถีชีวิตและบ่อเกิดแห่งอารยธรรม อีสานมีลำน้ำและแม่น้ำสายสำคัญ อันเป็นแหล่งหล่อเลี้ยงชีวิตและเป็นต้นกำเนิดแห่งวัฒนธรรม อันสืบเนื่องมายาวนานในภูมิภาคนี้ โดยมีแม่น้ำสายสำคัญอันประกอบไปด้วย แม่น้ำสงคราม แม่น้ำชี แม่น้ำมูล และแม่น้ำโขง
ลักษณะทางอุทกวิทยาของภูมิภาคอีสาน สัมพันธ์กับแม่น้ำโขง เนื่องจากระบบการระบายน้ำออกจากพื้นที่ เป็นลำห้วยและแม่น้ำที่สัมพันธ์กับแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขง จากลุ่มแม่น้ำภายในไหลลงสู่แม่น้ำโขง มีแม่น้ำมูลเป็นสาขาสำคัญที่สุด และมีแม่น้ำชีเป็นสาขาสมทบของแม่น้ำมูล ส่วนทางตอนบนมีแม่น้ำสงครามเป็นสาขาที่สำคัญ พื้นที่ต้นน้ำของภาคอีสานมีอยู่ด้วยกัน 3 เขตคือ
- เขตสันปันน้ำของเทือกเขาด้านตะวันตก เป็นต้นกำเนิดสำคัญของแม่น้ำมูลและชี
- เขตสันปันน้ำของเทือกเขาทางด้านใต้ เป็นต้นกำเนิดของลำน้ำสาขาย่อยของแม่น้ำมูล
- เทือกเขาภูพาน เป็นแหล่งต้นน้ำของทั้งแอ่งสกลนครทางตอนบนและแอ่งโคราชทางตอนล่าง โดยลำน้ำในแอ่งโคราชไหลลงสู่แม่น้ำชี ส่วนน้ำในตอนบนแอ่งสกลนครไหลลงสู่แม่น้ำสงคราและแม่น้ำโขงโดยตรง
แม่น้ำในภาคอีสาน
- แม่น้ำโขง เป็นแม่น้ำนานาชาติที่มีความยาวถึง 4,590 กิโลเมตร นับเป็นอันดับ 10 ของโลก และมีปริมารน้ำมากเป็นอันดับ 6 ของโลก ไหลผ่านดินแดนของประเทศต่าง ๆ เป็นเส้นกั้นพรมแดนตามธรรมชาติ ระหว่างจีน พม่า ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม แม่น้ำโขงแบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ แม่น้ำโขงตอนบนในเขตประเทศจีน พม่า และลาว และแม่น้ำโขงตอนล่างในเขตประเทศลาว กัมพูชา และเวียดนาม นอกจากความสำคัญทางด้านภูมิศาสตร์ สังคม และเศรษฐกิจแล้ว แม่น้ำโขงยังมีความสำคัญต่อคุณค่าทางจิตใจของชุมชนตลอดทั้งสองฝั่งโขง เป็นบ่อเกิดอารยธรรมของคนหลายเชื้อชาติในแถบลุ่มน้ำแห่งนี้ แนวความคิด ปรัชญา โลกทัศน์ คติความเชื่อ ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีที่คลายคลึงกันสะท้อนออกมาในรูปกรให้ความเคารพนับถือแม่น้ำ เช่น ความเชื่อในเรื่องของพญานาค และพิธีกรรมในการจับปลาบึก ที่คล้ายคลึงกันตั้งแต่สิบสองปันนา พม่า ล้านนา จนถึงไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม แม่น้ำโขงตอนบนมีต้นกำเนิดจากเทือกเขาในเขตที่ราบสูงทิเบต บริเวณเทือกเขาทังกลา บนยอดเขาทังกลาที่ระดับความสูงกว่า 16,700 ฟุตจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เรียกเป็นภาษาพื้นเมืองว่า ดเซซู แม่น้ำโขงช่วงนี้มีลักษณะแคบและตื้นไหลเชี่ยว ผ่านโกรกเขาและซอกหินที่สูงชัน กว้างเพียงแค่ 100 เมตร ไหลลงมาขนานกับแม่น้ำสาละวินและแม่น้ำแยงซีเกียง สู่เขตมณฑลเสฉวน และแคว้นสิบสองปันนา จากนั้นจึงเริ่มค่อย ๆ กว้างออกและมีชื่อว่าแม่น้ำลานฉางหรือเก๋าลุง ในช่วงนี้แม่น้ำจะค่อย ๆ ลดระดับลงเรื่อย ๆ ทุก 400 ฟุตต่อ 1 องศาละจิจูด ซึ่งลักษณะพิเศษของแม่น้ำโขง แต่ยังคงมีกระแสน้ำเชี่ยวและแคบอยู่จึงไม่ได้ใช้สำหรับการคมนาคมมากนัก จากนั้นไหลลงสู่ทางใต้ เป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างพม่าและลา และลงมาถึงสามเหลี่ยมทองคำ (สบรวก) ที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงรายและเข้าสู่บริเวณแม่น้ำโขงตอนล่าง แม่น้ำโขงตอนล่างจะค่อย ๆ กว้างออกเพราะมีแม่น้ำสาขาจำนวนมากทั้งในเขตไทยและลาวไหลลงสู่แม่น้ำโขงในบริเวณนี้จึงมีความกว้างและกระแสน้ำที่เหมาะสมกับการคมนาคมแต่มีอุปสรรคสำคัญคือ เกาะแก่งต่าง ๆ ที่ขวางอยู่กลางลำน้ำจำนวนมาก จากนั้นจะไหลเข้าสู่ลาวที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายและวกกลับออกมาเป็นเส้นกั้นพรมแดนไทย-ลาวอีกครั้งที่อำเภอเชียงคานจังหวัดเลย ผ่านหนองคาย นครพนม มุกดาหาร อำเภออำนาจเจริญไปจนถึงอำเภอโขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งยาวมากกว่า 850 กม. รวมระยะทางที่เป็นเส้นกั้นพรมแดนไทย-ลาวทั้งสิ้นประมาณ 95 กิโลเมตร แม่น้ำโขงช่วงนี้มีความกว้างขวางมากอยู่ในช่วงประมาณ 800-1200 เมตร กว้างที่สุดที่จังหวัดอำนาจเจริญและในเขตจังหวัดมุกดาหารประมาณ 2,300-26,000 เมตร และไหลค่อนข้างเอื่อย ในช่วงหน้าแล้งจะมีปริมาณน้ำน้อยลงแห้งจนกระทั่งเป็นดอนหรือหาดทรายกลางลำน้ำและบางแห่งสามารถเดินข้ามได้ดอนและชายหาดเหล่านี้เป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัยของเขตริมแม่น้ำโขงเพราะเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์จากการตกตะกอนของแม่น้ำ และผลผลิตที่ได้จากบริเวณดอนเหล่านี้จะมีราคาสูงมากกว่าที่อื่น ๆ จากนั้นแม่น้ำโขงจะไหลลงสู่ทะเลจีนใต้บริเวณปลายแหลมญวนห่างจากเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ประมาณ 85 กิโลเมตร
แม่น้ำสายสั้น ๆ ที่ไหลลงสู่ระบบแม่น้ำโขงโดยตรงซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทางตอนบนของภาค ได้แก่
– แม่น้ำเลย มีต้นกำเนิดที่ภูกระดึง จ.เลย ไหลลงแม่น้ำโขงที่ อ.ปากชม
– แม่น้ำเหือง ซึ่งเป็นเส้นกั้นพรมแดน ไทย-ลาว ในเขตจังหวัดเลย
– ห้วยหลวง ในเขตจังหวัดอุดรธานีและหนองคาย
– แม่น้ำก่ำ ซึ่งมีต้นกำเนิดจากหนองหาน จังหวัดสกลนคร ไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่จังหวัดมุกดาหาร
- แม่น้ำมูล เป็นสาขาที่สำคัญที่สุดของแม่น้ำโขง มีต้นกำเนิดอยู่ระหว่างเขาวงกับเขาละมั่งในเขตเทือกเขาสันกำแพงในเขตจังหวัดนครราชสีมา เป็นแม่น้ำที่มีความยาวมากที่สุดในเขตภาคนี้คือ ยาว 641 กิโลเมตร มีพื้นที่ลุ่มน้ำประมาณ 70,100 ตร.กม. วางตัวขนานกับแนวเขาพนมดงรักแม่น้ำมูลเป็นแม่น้ำ ที่มีความลาดชันน้อยมากคือตลอดระยะความยาวของแม่น้ำจะลดระดับลงเฉลี่ย 52 เมตร หรือ 16 เซนติเมตร ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตรเท่านั้นทำให้ที่ราบลุ่มในเขตแม่น้ำมูลถูกน้ำท่วมอยู่เป็นประจำทุกปี เนื่องจากไม่สามารถระบายน้ำออกได้ทันกับปริมาณความจุของน้ำ อีกทั้งบริเวณที่ลุ่มน้ำยังมีชั้นหินดินดนลูกรังอยู่ทำให้น้ำไม่สามารถซึมได้อีกด้วย สาขาของแม่น้ำมูลที่สำคัญได้แก่ ลำตะคอง ลำจักราช ลำแซะ ลำพระเพลิง ในเขตจังหวัดนครราชสีมา ลำปลายมาศในเขตจังหวัดบุรีรัมย์ ลำชีและลำน้ำเสียวในจังหวัดสุรินทร์ ห้วยทับทัน ห้วยสำราญ ในเขตจังหวัดศรีสะเกษ ลำเซบก ลำเซบาย ลำโดมใหญ่ และลำโดมน้อยในเขตจังหวัดอุบลราชธานี รวมทั้งแม่น้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำมูลในเขตจังหวัดยโสธรด้วยแม่น้ำมูลไหลลงสู่แม่น้ำโขงในเขตอำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
- แม่น้ำชี เป็นแม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับที่สองของภาคมีพื้นที่ลุ่มน้ำประมาณ 55,100 ตร.กม. มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ปริมาณของน้ำในแม่น้ำชีจึงมีไม่มากนัก ได้น้ำจากสาขาสำคัญทางเหนือเป็นส่วนใหญ่ คือ ลำน้ำพอง กับลำน้ำปาว ลำน้ำพองเป็นสาขาที่สำคัญที่สุดของแม่น้ำชี มีความยาว 275 กิโลเมตร มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจสูง โดยเฉพาะหลังจากการสร้างเขื่อนอุบลรัตน์ ส่วนลำน้ำปาวนั้นแม่น้ำสาขาที่สำคัญเป็นอันดับสองของแม่น้ำชีมีความยาว 236 กิโลเมตร มีต้นน้ำอยู่บริเวณเทือกเขาภูพาน และหนองหานกุมภาปี ส่วนสาขาสำคัญอื่น ๆ ของแม่น้ำชี ได้แก่ ลำน้ำพรมในเขตชัยภูมิ ลำน้ำยังในเขตกาฬสินธุ์
- แม่น้ำสงคราม เป็นแม่น้ำที่มีความสำคัญที่สุดของภาคอีสานตอนบนมีต้นน้ำในเขตเทือกเขาภูพานมีพื้นที่ลุ่มน้ำประมาณ 20,411 ตร.กม. มีความยาว 420 กิโลเมตร ตลอดสองฝั่งของแม่น้ำ โดยเฉพาะในเขตสกลนครและนครพนมจะมีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าและเป็นที่ราบน้ำท่วมถึงทันทีที่มีฝนตกและมีระดับน้ำสูงขึ้นกลายเป็นทะเลสาปเล็ก ๆ จำนวนมากเป็นแหล่งทำการประมง ที่สำคัญมากที่สุดของภาคอีสาน ลำน้ำสาขาที่สำคัญได้แก่ ลำน้ำอูน ซึ่งมีกำเนิดอยู่บนเทือกเขาภูพาน ความยาวประมาณ 270 กิโลเมตร
แหล่งน้ำอื่นๆในภาคอีสาน
แหล่งน้ำผิวดิน
แหล่งน้ำผิวดินของภาคอีสานมีค่อนข้างมาก เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศ ที่เป็นโคกสลับกับแอ่งและปริมาณน้ำฝนที่ตกอยู่ในระดับปานกลางถึงสูงมาก จึงมีแหล่งน้ำผิวดินปรากฎอยู่ทั่วไปในภาคอีสานแต่ปริมาณน้ำที่ไหลบ่าและท่วมอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเขตที่ราบลุ่มตลอดจนคุณภาพของดินที่กักเก็บน้ำได้ต่ำ มีอัตราการสูญเสียน้ำสูง ทำให้น้ำผิวดินในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือมักแห้งขอดในช่วงฤดูแล้ง ประกอบกับการที่ป่าไม้ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารถูกทำลายลงไปมาก จึงทำให้ภาคอีสานต้องประสบปัญหาภัยแล้งมากกว่าภูมิภาคอื่นของประเทศ
แหล่งน้ำใต้ดิน
มีความสำคัญอย่างมากในปัจจุบันเพราะเป็นหนทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งของภาคอีสาน การสำรวจแหล่งน้ำใต้ดินทำอยู่ 2 ชั้นด้วยกันคือ
- ชั้นน้ำใต้ดินระดับพื้นเป็นชั้นที่ได้รับน้ำจากการแทรกซึมของน้ำในช่วงต้นฤดูฝน สามารถขุดพบได้โดยการขุดบ่อแบบธรรมดาของชาวบ้าน ซึ่งน้ำใต้ดินชั้นนี้จะไวต่อความแห้งแล้งสูง เมื่อฝนหยุดตกน้ำก็จะค่อย ๆ แห้งไปด้วย
- ชั้นน้ำใต้ดินระดับลึก หรือน้ำบาดาลอยู่ในชั้นหินระดับลึก การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำน้อย แม้ว่าจะอยู่ในฤดูแล้งก็ตามแต่ทว่าแหล่งน้ำใต้ดินประเภทนี้ต้องขุดลึกมากและต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่งต้องสำรวจกันอย่างละเอียดถึงปริมาณน้ำและชั้นหินเกลือใต้แผ่นดินด้วยเพราะการสูบน้ำอาจทำให้ดินทรุดและไปละลายชั้นเกลือหิน ทำให้คุณภาพน้ำไม่ดีกลายเป็นน้ำเค็ม และอาจทำให้ดินมีความเค็มสูงมากขึ้นกว่าเดิม
ลักษณะป่าไม้โดยทั่วไป
ป่าไม้ในภาคอีสานมีอยู่หลายประเภทปนกัน ขึ้นเป็นแนวต่อเนื่องกันไป มีไม้ชนิดต่าง ๆ ขึ้นสลับกันไปไม่แน่นอน มีลักษณะของการผสมผสานลักษณะสำคัญของดินในภาคนี้เป็นดินปนทรายจึงขาดความอุดมสมบูรณ์และไม่กักเก็บน้ำ มีอัตราการชะล้างพังทะลายของดินสูง ทำให้ป่าที่ถูกทำลายไปไม่สามารถคืนสภาพดั้งเดิมได้ทันและกลายสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรมกระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งภาค ส่งผลต่อปัญหาเรื่องน้ำและระบบอุทกวิทยาเป็นอย่างมาก