ซี รั่ ม กับ เซ รั่ ม ต่าง กัน อย่างไร

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหนังที่มีโมเลกุลขนาดเล็กมาก ลักษณะของเนื้อเซรั่มจะมีความเบาบางกว่าเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ประเภทครีม โดยเนื้อของเซรั่มจะสามารถมีความเหลวไปจนถึงกึ่งเหลว ส่วนในเรื่องของสีเนื้อเซรั่มอาจจะมีความใส ความขุ่น หรือมีสี ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับส่วนผสม สารสกัด และการออกเเเบบสูตรของเซรั่มแต่ละชนิด สิ่งที่สำคัญของผลิตภัณฑ์เซรั่ม คือ จะมีความเข้นข้นของสารออกฤทธิ์สำคัญ (Active Ingredients) ที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทอื่นๆ จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการฟื้นบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง สามารถใช้ได้ในปริมาณน้อย เพียงไม่กี่หยด แต่ยังคงให้ผลลัพธ์ที่ดี และเนื่องจากเซรั่มมีโมเลกุลขนาดเล็กจึงสามารถซึมซามเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึกถึงระดับโครงสร้างผิว ด้วยเหตุนี้เซรั่มจึงมอบประโยชน์ของสารสกัดและส่วนผสมในการบำรุงต่างๆให้แก่ผิวได้เป็นอย่างดี

ทำไมถึงควรใช้เซรั่ม?

ก่อนที่เราจะตอบคำถามข้อนี้ว่า ทำไมเราถึงควรใช้เซรั่ม? เราควรเปรียบเทียบเซรั่มกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ได้แก่ ครีม กันก่อนดีกว่า แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิดนี้ต้องมีความแตกต่างกัน และมีความเหมาะสมในการใช้บำรุงผิวที่ไม่เหมือนกัน ด้วยเหตุนั้นแล้วเราไปทำความรู้จักครีมกันสักอีกนิดก่อน!

ครีม (Cream) คืออะไร?

ครีม คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหนังที่มีส่วนประกอบทั้งน้ำมันและน้ำ ผ่านกระบวนการที่รวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นเนื้อครีมที่มีความข้น และให้เนื้อสัมผัสเวลาทาลงบนผิวที่หนักกว่าเซรั่ม ลักษณะของเนื้อครีมก็จะมีหลากหลายสัมผัสซึ่งจะแตกต่างกันตามจุดประสงค์ของการใช้งาน เช่น Day Cream สำหรับทาตอนเช้า ก็จะมีเนื้อสัมผัสที่เบาบางกว่า Night Cream สำหรับทาตอนกลางคืน เป็นต้น ในส่วนของเนื้อครีมจะมีสีขุ่นค่อนไปทางขาว แต่อย่างไรก็ตามส่วนผสม สารสกัด และการออกแบบสูตรครีมแต่ละชนิด ก็จะส่งผลต่อสีของเนื้อครีมที่จะมีความแตกต่างกันไป สิ่งสำคัญของผลิตภัณฑ์ประเภทครีมไม่ว่าจะเป็นครีมประเภทไหนก็ตาม จะเน้นไปในเรื่องของการให้ความชุ่มชื้นกับผิว เมื่อเราทาครีมจะสามารถสังเกตเห็นได้ว่า ครีมจะไม่ถูกดูดซึมเข้าไปในผิวหนังทันที เราจะต้องใช้เวลาเกลี่ยเนื้อครีมซักพักนึง และเนื้อครีมจะทำหน้าที่เคลือบผิวภายนอกเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ สำหรับส่วนของสารออกฤทธิ์สำคัญในครีมจะมีน้อยกว่าในเซรั่ม

จุดเด่นของเซรั่ม (Serum) และ ครีม (Cream)

ข้อดีของเซรั่ม

  1. เซรั่มเน้นการฟื้นบำรุงแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะจุดได้โดยตรง
  2. เซรั่มมีสารบำรุงผิวต่อหยดที่เข้มข้นมาก จึงช่วยแก้ไขปัญหาผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. เซรั่มซึมเร็วและลงลึกจึงทำให้มีความสามารถในการบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอก
  4. เซรั่มมีความเบาบาง ไม่เหนียวเหนอะเหนอะ ไม่เน้นการเคลือบผิว ทำให้มีโอกาสน้อยมากในการเกิดการสิว
  5. เซรั่มไม่กีดกันแต่เพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์อื่นที่ใช้ร่วมด้วย

ข้อดีของครีม

  1. ครีมมีเนื้อสัมผัสที่เหนียวและหนัก ช่วยในเรื่องการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ดี
  2. ครีมทำหน้าที่เป็นฟิล์มคลุมผิวชั้นนอก ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากผิว
  3. ครีมมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ประเภทเซรั่ม
  4. ครีมเหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง

วิธีการเลือกใช้ระหว่างเซรั่มกับครีมง่ายๆ

  • ครีม เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มหรือแก้ไขปัญหาความชุ่มชื้นของผิว
  • เซรั่ม เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะจุดให้ได้อย่างตรงจุด

เซรั่มเหมาะกับผู้ใช้ประเภทไหน?

เซรั่มมีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้งาน ที่ตอบโจทย์ในการเเก้ปัญหาดูแลผิวเฉพาะจุดอย่างเจาะจง เพราะเซรั่มมีส่วนผสมของสารสำคัญที่เข้มข้น พร้อมทั้งมีขนาดโมเลกุลเล็กมาก ทำให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ตรงเข้าไปแก้ไขปัญหาผิวได้จากภายใน

คำถามคือ เซรั่มประเภทไหนเหมาะกับคุณ?

ประเภทของเซรั่ม

  • เซรั่มช่วยกระชับรูขุมขน (Pore Tightening Serum)
  • เซรั่มช่วยป้องกันสิวและลดรอยดำจากสิว (Anti-Acne Serum)
  • เซรั่มช่วยลดริ้วรอย (Anti-Aging Serum)
  • เซรั่มช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลบเลือนจุดด่างดำ (Skin-Brightening Serum)
  • เซรั่มช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นรักษาผิวแห้งจากภายใน (Hydrating Serum)
  • เซรั่มช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม (Renewing Serum)
  • เซรั่มช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว (Exfoliating Serum)

เซรั่มที่ดีเหมาะกับคุณ คือ เซรั่มที่มาจากสารสกัดธรรมชาติ ปลอดภัยปราศจากสารต่างๆที่มีโอกาสทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว และมีการนิยามการดูแลแก้ปัญหาผิวของคุณอย่างชัดเจน ซึ่งหากคุณมีหลายปัญหาผิวที่ต้องการดูแล เราขอแนะนำเซรั่มบำรุงผิวหน้าของเรา เซรั่มที่รวบรวมสารสกัดต่างๆเพื่อแก้ไขและฟื้นฟูให้ผิวหน้าสุขภาพดีขึ้น

คลิกเพื่อศึกษาต่อ >> HOLISTIC RENEWAL 1ST SERUM <<

วิธีใช้เซรั่มให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

  1. ทำความสะอาดผิวให้เรียบร้อย

เนื่องจากเซรั่มมีโมเลกุลขนาดเล็ก เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดูดซึมเข้าสู่ผิวที่ดีที่สุด เราควรทำความสะอาดผิวหน้าให้เรียบร้อย ขจัดสิ่งสกปรกที่ติดค้างอยู่บนผิวหน้า เช่น เครื่องสำอาง น้ำมันเหงื่อไคล ที่ปิดบังรูขุมขนด้วยการชำระล้างให้สะอาดหมดจด และจะดียิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีก หากเราสามารถล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ดีต่อสภาพผิวหน้า (อย่าลืม! ล้างหน้าและเช็ดใบหน้าด้วยความอ่อนโยน อย่าถูใบหน้าแรงเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้าได้)

  1. ลงเซรั่มขณะผิวกำลังชื้น

ผิวที่ชื้นจะช่วยให้เซรั่มซึมผ่านผิวได้ง่ายกว่าผิวที่แห้งถึง 10 เท่า เพราะฉะนั้นเราควรลงเซรั่มหลังจากอาบน้ำหรือหลังการใช้โทนเน่อร์แบบปราศจากแอลกอฮอล์ทันที

  1. ใช้เซรั่มเพียง 2-3 หยด ก็พอบำรุงทั่วทั้งหน้า

เซรั่มมีโมเลกุลขนาดเล็กและมีความเข้มข้นสูงมาก ดังนั้นใช้เพียงแค่ 2-3 หยดเท่าเมล็ดถั่ว ก็เพียงพอต่อความต้องการบำรุงใบหน้า เราเพียงแค่ต้องกระจายเนื้อเซรั่มให้ทั่วทั้งหน้า โดยการลงเซรั่มที่ตำแหน่งสำคัญ เช่น หน้าผ้า แก้มทั้ง 2 ข้าง และเกลี่ยเซรั่มให้กระจายเท่าทั่วกัน

  1. ใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นหลังลงเซรั่มได้ทันที

หากต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายประเภท เราควรใช้เซรั่มเป็นอันดับแรก เนื่องจากเซรั่มจะมีความเบาบางมากกว่าสกินแคร์อื่นๆ การลงผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เนื้อหนักกว่าก่อนเซรั่ม จะทำให้เซรั่มไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดี เนื่องจากผิวหนังถูกอุดกลั้นเคลือบด้วยผลิตภัณฑ์อื่นๆไปเเล้ว ดังนั้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุด อย่าลืมที่จะลงเซรั่มเป็นอันดับเเรก และหลังจากใช้เซรั่มผิวของคุณจะยังคงความชื้นอยู่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมของผิวหนังต่อผลิตภัณฑ์อื่นๆให้ดีขึ้นได้อีกด้วย

ซีรั่มหรือเซรุ่มมีวิธีการใช้อย่างไร

ขั้นตอนพื้นฐานก่อนหน้าสวยทุกครั้ง คือ การทำความสะอาดผิวหน้า.

รู้หรือไม่ว่าการทาเซรั่มทันทีหลังการล้างหน้าที่หน้ายังเต็มไปด้วยความชุ่มชื้นนั้น ทำให้เซรั่มสามารถลงสู่ผิวได้สูงกว่าการทาหลังจากที่หน้าแห้งแล้วถึง 10 เท่า.

หากต้องการบำรุงผิวจากภายนอกหลังทาเซรั่ม ควรเว้นช่วงเวลาสัก 5 นาทีจะดีที่สุด.

เซรุ่มกับเซรั่มแตกต่างกันอย่างไร

เซรุ่ม มาจากคำภาษาอังกฤษคำเดียวกับ ซีรั่ม คือสะกดว่า serum แต่ในภาษาไทยใช้ในความหมายต่างกัน เซรุ่ม หมายถึง น้ำเลือดสีเหลืองใส มีภูมิต้านทานต่อชีวพิษหรือต่อเชื้อโรค แยกได้จากเลือดที่แข็งตัวแล้วของสัตว์เช่นม้าหรือกระต่ายที่ได้รับการกระตุ้นด้วยชีวพิษ เช่นพิษงูหรือเชื้อโรค เพื่อให้เกิดภูมิต้านทาน.

เซรั่มครีม กับ เซรั่ม ต่างกันยังไง

คุณสมบัติของเซรั่มกับครีมที่ต่างกัน เซรั่มสามารถบำรุงเข้มข้นกว่าครีม จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ที่เร็วกว่าครีม เซรั่มมีเนื้อบางเบาซึมได้เร็วกว่า เมื่อเทียบกับครีมที่จะรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ เซรั่มซึมลึกเข้าสู่ผิวชั้นในเพื่อแก้ไขปัญญาผิวจากด้านใน ในขณะที่ครีมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวแต่ได้แค่ผิวชั้นนอก

เซรั่มมีกี่ประเภท

10 ประเภทของเซรั่ม.

1. เซรั่มช่วยลดริ้วรอย (Anti-Aging Serums) ... .

2. เซรั่มแอนติออกซิแดนซ์ (Antioxidant Serums) ... .

3. เซรั่มช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น (Hydrating Serums) ... .

4. เซรั่มลดจุดด่างดำ ปรับสีผิว ... .

5. เซรั่มช่วยให้ผิวกระจ่างใส (Brightening Serums) ... .

6. เซรั่มผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating Serum) ... .

7. เซรั่มยกกระชับ (Firming Serums).

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง