Google Maps อาจพบปัญหาในการค้นหาตําแหน่งของคุณ หากตำแหน่ง GPS ของจุดสีน้ำเงินบนแผนที่ไม่ถูกต้องหรือขาดหายไป ให้ทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหา
เคล็ดลับ: ขั้นตอนเหล่านี้จะปรับปรุงผลการค้นหาและทำให้มีความเกี่ยวข้องกับคุณมากขึ้นด้วย
ค้นหาตำแหน่งปัจจุบันของคุณบนแผนที่
วิธีที่ Maps ค้นหาตำแหน่งปัจจุบันของคุณ
Maps จะประมาณตำแหน่งของคุณจากแหล่งที่มาต่างๆ เช่น
- GPS: Maps ใช้ดาวเทียมเพื่อให้ทราบตำแหน่งของคุณในระยะประมาณ 20 เมตร บางครั้ง GPS จะไม่แม่นยำเมื่อคุณอยู่ภายในอาคารหรือใต้ดิน
- Wi-Fi: ตำแหน่งของเครือข่าย Wi-Fi บริเวณใกล้เคียงจะช่วยให้ Maps ทราบตำแหน่งของคุณ
- เสาสัญญาณมือถือ: การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมือถือมีความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 2-3 พันเมตร
เปิดโหมดความแม่นยำสูง
ใช้โหมดความแม่นยำสูงเพื่อช่วยให้ Google Maps ระบุตำแหน่งของคุณด้วยจุดสีน้ำเงินที่แม่นยำที่สุด
- เปิดแอปการตั้งค่า ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android
- แตะตำแหน่ง
- ที่ด้านบน เปิดสวิตช์ตำแหน่ง
- แตะโหมด ความแม่นยําสูง
วิธีอื่นๆ ในการปรับปรุงความแม่นยำของตำแหน่ง
หากตำแหน่งของคุณยังคงไม่ถูกต้อง ขอให้ลองแก้ปัญหาดังนี้
เปิด Wi-Fi
- เปิดแอปการตั้งค่า ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android
- เลือก Wi-Fi
- ที่ด้านบน ให้เปิด Wi-Fi
รีสตาร์ทโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต
รีสตาร์ทโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android โดยปิดและเปิดเครื่องใหม่
- ปิดโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต: กดปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้ ปิดเครื่อง
- เปิดโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต: กดปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้จนกระทั่งอุปกรณ์เปิด
ปรับเทียบโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต
หากลำแสงของจุดสีน้ำเงินกว้างหรือชี้ไปผิดทิศทาง คุณจะต้องปรับเทียบเข็มทิศ
- เปิดแอป Google Maps ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android
- วาดโทรศัพท์บนอากาศให้เป็นรูปเลข 8 จนกว่าเข็มทิศจะปรับเทียบเสร็จ ต้องทำซ้ำประมาณ 2-3 ครั้ง
- ลำแสงควรแคบลง และชี้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง
การปรับเทียบ Live View
นำทางให้ตนเองด้วย Live View
นำทางตนเองไปยังพื้นที่รอบๆ และจุดสังเกตใกล้ๆ ได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ฟีเจอร์ Live View นอกจากนี้คุณยังดูได้ว่าตนเองอยู่ห่างจากจุดสังเกตแต่ละแห่งมากแค่ไหน รวมทั้งทราบวิธีไปยังสถานที่นั้นๆ จุดสังเกตเหล่านี้อาจเป็นสถานที่อันโด่งดัง เช่น หอไอเฟลในปารีส หรือสถานที่ที่จำได้ง่าย เช่น สวนสาธารณะและแหล่งท่องเที่ยว
คุณสามารถนำทางให้ตนเองใน Live View โดยใช้จุดสังเกตได้ 2 วิธี ดังนี้
เมื่ออยู่ใน Live View แล้ว ให้ทําดังนี้
- ทําตามวิธีการบนหน้าจอเพื่อให้ Maps พบตำแหน่งที่คุณอยู่ เคล็ดลับ: เล็งกล้องโทรศัพท์ไปที่อาคารและป้ายฝั่งตรงข้าม ไม่ใช่ต้นไม้และผู้คน
- เมื่อ Maps รู้ตำแหน่งของคุณแล้ว คุณจะทราบระยะทางไปยังจุดหมาย นอกจากนี้ คุณยังเข้าสู่โหมดการนำทางสำหรับการเดินของ Live View ได้อีกด้วย
เคล็ดลับ: การ์ดข้อมูลของสถานที่อาจช่วยให้คุณทราบว่าจุดหมายอยู่ชั้นบนในอาคารหรือไม่
ปรับปรุงความแม่นยําของตําแหน่งด้วย Live View
จุดสีน้ำเงินหมายถึงอะไร
จุดสีน้ำเงินจะแสดงตําแหน่งของคุณบนแผนที่ เมื่อ Google Maps ไม่แน่ใจเกี่ยวกับตำแหน่งของคุณ จะมีวงกลมสีฟ้ารอบจุดสีน้ำเงิน คุณอาจอยู่ที่ไหนก็ได้ภายในวงกลมสีฟ้า วงกลมยิ่งเล็กเท่าใด แสดงว่าแอปยิ่งแน่ใจเกี่ยวกับตำแหน่งของคุณมากเท่านั้น
เคล็ดลับ
- หากจุดสีน้ำเงินไม่ปรากฏหรือเป็นสีเทา แสดงว่า Maps ไม่พบตําแหน่งปัจจุบันของคุณและแสดงตําแหน่งล่าสุดที่คุณไป
- หากมีสิ่งกีดขวางระหว่างคุณกับเสาสัญญาณมือถือ เช่น อาคารจอดรถหรืออาคารสูง จุดสีน้ำเงินอาจไม่แม่นยำ
ค้นหาตําแหน่งของคุณในเว็บไซต์และแอปอื่นๆ
หากต้องการดูตำแหน่งของคุณใน Google Maps ในเว็บไซต์และแอปอื่นๆ ให้ทำตามขั้นตอนข้างต้น แต่บางฟีเจอร์อาจแตกต่างออกไปดังนี้
เชื่อว่าทุกเคยพบปัญหาในการใช้งานอินเตอร์เน็ตไม่เสถียร ไม่มีสัญญาณ หรือ สัญญาณอ่อน บนเครือขายมือถือของเรา การที่เราไปอยู่ในจุดอับสัญญาณนั้นก็มีผลทำให้ไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือในการติดต่อสื่อสารได้ บางครั้งก็อาจเจอจุดอับสัญญาณที่ทำให้ไม่สามารถใช้งานในพื้นที่บริเวณนั้นได้
ยิ่งถ้าเป็นพื้นที่ที่มีคนอาศัยอยู่แล้ว ก็ส่งผลต่อการติดตั้งเครือข่ายนั้นได้ จุดอับสัญญาณนั้นอาจเกิดได้หลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นระบบการทำงานของเครือข่ายเกิดล่ม, การใช้สัญญาณที่เกิดการทับซ้อนกัน ทำให้เกิดการรบกวนของสัญญาณ, บริเวณตัวสัญญาณที่มีสิ่งกีดขวางซึ่งทำให้เกิดการบังสัญญาณขึ้น หรือ การที่แต่ล่ะโครงข่ายของผู้ให้บริการ โดยต้องคำนึงถึงผู้ใช้บริการในพื้นที่นั้นๆว่ามีการใช้งานมากแค่ไหน
หากมีไม่มากตามภูเขา ตามชนบทต่างๆ ก็จะไม่ทำการติดตั้งเสาสัญญาณใบพื้นที่บริเวณนั้น เพราะธุรกิจในเครือข่ายต่างๆจะต้องคำนึงถึงการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเสาสัญญาณบนพื้นที่นั้นจะคุ้มหรือไม่และมีการใช้บริการเครือข่ายของเรามากหรือเปล่า เป็นต้น
ขอความช่วยเหลือเบื้องต้นจากผู้ให้บริการ
โดยการแก้ไขจุดอับสัญญาณต่างๆเบื่องต้นนั้น สามารถทำได้โดยการโทรไปยังผู้ให้บริการเครือข่ายตามค่ายต่างๆเพื่อขอความช่วยเหลือให้ตรวจสอบปัญหาการใช้งาน ในพื้นที่นั้นๆ โดยแจ้งพื้นที่ที่พบปัญหาจุดอับสัญญาณอย่างละเอียด เช่น เลข, อาคาร, ชั้น, ห้อง, หมู่บ้าน, แขวง/เขต หรือ จุดใกล้เคียง เป็นต้น
และแน่นอนว่าเมื่อเกิดปัญหาขึ้นเกี่ยวกับจุดอับสัญญาณบนบริเวณพื้นที่ต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา จึงมีการคิดวิธีการแก้ไขปัญหาจุดอับสัญญาณผ่านอุปกรณ์ต่างๆมากมาย เช่น อุปกรณ์ TP-Link RE500 Rang Extender ที่ช่วยในการแก้ปัญหาจุดอับสัญญาณที่ทำให้สัญญาณอ่อนๆภายในบ้านของเราของเรานั้นกลับมาดีขึ้นได้
โดยมีการกระจายครอบคุมทั่วบ้านอย่างทั่วถึง เพิ่มระยะการรับสัญญาณให้ไกลขึ้น มีเสาสัญญาณ 4 เสา มาตราความเร็ว AC1900 เป็นแบบ Dual Band เป็นต้น
สาเหตุของการเกิดจุดอับสัญญาณพร้อมวิธีแก้ไข
ปัญหาหนึ่งที่หลายคนเคยเจอแน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้งานมือถือ, อินเตอร์เน็ต หรืออะไรก็ตามแต่ที่ต้องมีเรื่องของสัญญาณเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อให้สิ่งเหล่านั้นสามารถใช้งานต่อได้คือปัญหาเรื่องของ การไม่มีสัญญาณ คือถ้ามองในภาพรวมพื้นฐานทั่วไปปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปจากปัจจัยหลายๆด้าน
แต่สิ่งหนึ่งที่มักทำให้เกิดอาการไม่มีสัญญาณจนบ่อยครั้งมักสร้างความน่ารำคาญ ความหงุดหงิดใจให้กับผู้ใช้งานจำนวนมากในเรื่องของการไม่มีสัญญาณใช้คือการไปอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า จุดอับสัญญาณ หลายคนเมื่อนึกถึงสิ่งนี้อาจแค่เข้าใจว่ามันคือการอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีสัญญาณแต่จริงแล้วมันมีเรื่องราวอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้ปัญหาตรงนี้เกิดขึ้นได้
จนอาจสร้างความเสียหายหรือสร้างอันตรายให้กับผู้ใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องมีสัญญาณเข้ามาเกี่ยวข้องได้เหมือนกัน เป็นเรื่องที่ทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้หากไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับตนเองหรือหากเกิดขึ้นต้องรู้วิธีการแก้ไขอย่างเหมาะสม ถูกต้อง
สาเหตุสำคัญของการทำให้เกิดจุดอับสัญญาณอันน่าหงุดหงิดใจ
เชื่อเลยว่าคนที่ต้องใช้งานอุปกรณ์โดยมีเรื่องของสัญญาณเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น มือถือกับสัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณอินเตอร์เน็ต, คอมพิวเตอร์กับสัญญาณอินเตอร์เน็ต เป็นต้น ต้องเคยพบปัญหาในเรื่องของสัญญาณต่างๆ ไม่มีความเสถียรหรือสัญญาณหายไปเลย
บางกรณีก็สัญญาณอ่อนมากจนใช้งานไมได้ สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่ตัวเรานั้นไปอยู่ในจุดอับสัญญาณจนทำให้ไม่สามารถใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้ตามความต้องการของตนเอง บางครั้งเราอาจเจอกับจุดอับที่ไม่สามารถทำให้ใช้งานอุปกรณ์ตรงพื้นที่นั้นๆ ได้เลย
หากเป็นพื้นที่ที่มีคนอยู่ด้วยเยอะเท่าไหร่ปัญหาสัญญาณไม่มียิ่งมีโอกาสเกิดขึ้นเยอะมาก เช่น ในงานคอนเสิร์ต, สนามแข่งกีฬา เป็นต้น ซึ่งปัญหาของจุดอับสัญญาณสามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุประกอบไปด้วย
การทำงานของระบบเครือข่ายเกิดการล่ม
ตรงนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากต้นทางของสัญญาเครือข่ายโดยตรงอาจเกิดจากปัจจัยหลายๆ ด้าน เช่น ระบบต้นทางสัญญาณมีปัญหาทางเทคนิค, เกิดการล่มอย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ล่มมาตั้งแต่ต้นทางแบบนี้ไม่ว่าใครก็ใช้งานกันไม่ได้ทั้งนั้น
การใช้สัญญาณเครือข่ายเกิดการทับซ้อนกัน
กรณีนี้จะเกิดได้บ่อยกับพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่านดังที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น เช่น สนามกีฬาที่มีคนเข้ามาเชียร์กีฬาเยอะๆ, งานคอนเสิร์ตที่มีคนเข้ามาชมจำนวนมาก เป็นต้น เมื่อมีคนจำนวนมากอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันมันจะเกิดการแย่งสัญญาณกัน กลายเป็นปัญหาเครือข่ายเกิดการทับซ้อน นึกภาพตามง่ายๆ หากคนหนึ่งใช้อินเตอร์เน็ตเล่นมือถือพร้อมกับคนอื่นๆ อีกเป็นร้อยเป็นพันคนจะเกิดการทับซ้อนของสัญญาณจนทำให้ใช้งานไม่ได้หรือทำงานได้ช้ามากๆ หมายถึงมีการรบกวนการทำงานของสัญญาณเกิดขึ้นนั่นเอง
บริเวณตัวสัญญาณมีสิ่งกีดขวางก่อให้เกิดการบดบังสัญญาณขึ้น
กรณีนี้เราจะพบได้บ่อยมากเวลาเดินลงไปในพื้นที่ที่มีสิ่งบดบังต่างๆ อยู่ลึกเข้าไปมากๆ เช่น ชั้นใต้ดินที่ลึก, เข้าไปในถ้ำ, เดินเข้าป่ารก สิ่งกีดขวางเหล่านี้จะก่อให้เกิดการบดบังสัญญาณได้กลายเป็นสิ่งที่เรามักพูดกันว่าตรงนี้คือจุดอับสัญญาณและจำเป็นต้องมองหาพื้นที่ที่โล่งเตียนกว่าเพื่อสร้างโอกาสในการเจอสัญญาณอีกครั้ง
ปัญหาอื่นๆ จากเจ้าของโครงข่ายผู้ให้บริการ
ตรงนี้คือปัญหาเทคนิคที่ผู้ให้บริการโครงข่ายแต่ละเจ้าพบเจอไม่เหมือนกัน ผู้ใช้งานไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้จำเป็นต้องรอให้เจ้าของโครงข่ายนั้นๆ รีบดำเนินการจัดการให้เป็นการด่วน เพื่อสัญญาณจะได้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม ไม่กลายเป็นเรื่องน่ารบกวนจิตใจ
ผู้ให้บริการยังไม่ครอบคลุมมากพอ
อันนี้สังเกตง่ายมากคือ พื้นที่ยังมีผู้คนอาศัยอยู่น้อย มีปริมาณใช้งานไม่มาก เช่น ตามพื้นที่ภูเขา, พื้นที่ชนบททั่วไป เป็นไปได้ว่าผู้ให้บริการอาจไม่มีการติดตั้งเสาสัญญาณเครือข่ายตรงพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากต้องเข้าใจว่าการทำธุรกิจต้องมีการลงทุนพร้อมมองถึงผลกำไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จุดไหนที่ถูกมองว่าได้ไม่คุ้มเสียก็อาจไม่มีการกระทำดังกล่าวขึ้น
วิธีการแก้ไขเมื่อเกิดปัญหาพบจุดอับสัญญาณ
การแก้ไขปัญหากรณีพบกับจุดอับสัญญาณจริงๆ แล้วเราเองอาจทำอะไรไม่ได้มากนักโดยหลักๆ ที่ทำได้คือการพยายามมองหาพื้นที่กว้าง โล่ง เพื่อสร้างโอกาสในการพบเจอสัญญาณ หรือหากบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ห่างไกลมากๆ อาจต้องมีการติดต่อกับผู้ให้บริการเครือข่ายสำหรับขอความช่วยเหลือ ให้ช่วยตรวจสอบปัญหาการใช้งานตรงพื้นที่ดังกล่าวพร้อมแจ้งรายละเอียดของพื้นที่แบบชัดเจน เช่น ชื่ออาคาร, ซอย, ถนน, ตำบล, อำเภอ, จังหวัด
อย่างไรก็ตามได้มีการพยายามคิดหาวิธีที่ช่วยให้ปัญหาของการเกิดจุดอับสัญญาณน้อยลง อย่างการทำงานผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์ TP-Link RE500 Rang Extender คืออุปกรณ์การแก้ไขปัญหาจุดอับสัญญาณช่วยให้พื้นที่ไหนที่สัญญาณอ่อนกลับมาใช้งานได้ตามปกติ มีการกระจายครอบคลุมในพื้นที่รัศมีใกล้เคียง เพิ่มระยะของการรับสัญญาณให้ไกลขึ้น เป็นต้น
ปัญหาการเกิดจุดอับสัญญาณทุกคนสามารถพบเจอได้ ดังนั้นการเข้าใจถึงสาเหตุพร้อมรู้วิธีแก้ไขเบื้องต้นจะช่วยให้การใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ของเราไม่เกิดปัญหา
GPS จากคาร์แทรค
ที่ Cartrack ของเราก็มีการใช้งานสื่อสาร เราใช้เทคโนโลยี GPS ในการติดตามยานพาหนะด้วยมาตรฐานสูงสุดของเทคโนโลยี GPS โดยให้ทราบถึงตำแหน่งของยานพาหนะได้อย่างแม่นยำและมีความละเอียดสูง สามารถใช้งานบนโทรศัพท์มือถือของเราได้ผ่านทางแอพพลิเคชั่นที่มระบบปฏิบัติการรับรอง iOS และ Android
นอกจากนี้เรายังมีระบบแจ้งเตือนผ่านทางอีเมลและทางเอสเอ็มเอสในข้อมูลที่เราต้องการทราบได้อีกด้วยและสามารถแจ้งเตือนพฤติกรรมคนขับรถได้ เช่น ตรวจสอบระยะการใช้น้ำมัน ระยะทางความเร็วการขับรถของคุณ เพื่อให้คุณสามารถควบคุมการขับรถของคุณได้อย่างปลอดภัย
เรามีระบบแจ้งเตือนหากเกิดการโจรกรรมขึ้นพร้อมผสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังที่เกิดเหตุช่วยในการกู้รถยนต์ของคุณได้ และมีบริการสายด่วนบริการตลอด 24 ชม. ที่ค่อยช่วยเหลือดูแลคุณ ให้คุณรู้สึกสบายใจ รู้สึกอุ่นใจที่ใช้บริการกับเรา Cartrack