เมื่อช่วงต้นปีกลายเป็นที่ฮือฮา เมื่อ Citi ประกาศขายกิจการในกลุ่มลูกค้าบุคคล (Consumer Banking) ทั้งในไทย อินโดนีเชีย มาเลเชีย และ เวียดนาม โดยกลุ่มธนาคารยูโอบี (UOB) จะเข้ามารับช่วงต่อ โดยหลังจากได้รับการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ถือเป็นวันแรกในการที่ UOB เข้ามาดำเนินกิจการกลุ่มลูกค้าบุคคล (Consumer Banking) ของ Citi
เสียงสะท้อนของลูกค้า Citi ทั้งกลุ่มสินเชื่อต่างๆ รวมไปถึงบัตรเครดิต ต่างออกมาในทิศทางใกล้เคียงกันถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะก็เป็นค่าธรรมเนียมที่เปลี่ยนไป อัตราดอกเบี้ยที่จะปรับไปทิศทางใด คะแนนสะสมต่างๆ จะหายไปหมดหรือไม่ ช่องทางติดต่อและแอปฯ ต่างๆ จะยุ่งยากกว่าเดิมหรือเปล่า สิทธิพิเศษจะถูกลดทอนหรือเปล่า
โดย คุณวี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี ชี้ว่า การซื้อกิจการของ Citi ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการขยายธุรกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่งแล้วยังสนับสนุนความมุ่งมั่นในการก้าวขึ้นเป็นธนาคารที่ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนนึกถึงในการใช้บริการเป็นอันดับแรก
ซึ่งหลังจากที่มีการรวมธุรกิจเข้าด้วยกัน พนักงานของ Citi Group จะกลายเป็นทีมงานที่มีคุณภาพของ UOB ช่วยให้ลูกค้า Citi Group ได้สัมผัสประสบการณ์การโอนย้ายแบบราบรื่น จากการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพ พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้นแก่กลุ่มลูกค้าที่ขยายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
ลูกค้า Citi ยังคงใช้งานได้ตามเดิม
ด้าน คุณยุทธชัย เตยะราชกุล Head of Personal Financial Services ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย จะมาไขข้อสงสัยในครั้งนี้ เริ่มจากความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น โดยคุณยุทธชัยเน้นว่า ความเปลี่ยนแปลงจะยังไม่มือะไรเกิดขึ้น ลูกค้า Citi ทุกกลุ่มทั้งสินเชื่อส่วนบุคคล บ้านหรือบัตรเครดิต เคยทำยังไงก็สามารถทำได้เช่นเดิม เคยรูดซื้อสินค้าบริการอย่างไรก็ยังทำได้เช่นเดิม
การชำระหนี้สิน ไม่ว่าจะดอกเบี้ยหรือระยะเวลาในการชำระยังคงเดิมไว้ทั้งหมด คะแนนสะสมมีอยู่เท่าไหร่ก็จะยังคงมีอยู่ไม่หายไปไหน ไม่มีการลดทอนคะแนนลงและสามารถนำไปใช้แลกสินค้าและบริการได้ตามปกติ รวมไปถึงลูกค้า Citi ที่มีแอปฯ ของ Citi อยู่ก็สามารถใช้งานแอปฯ ได้ตามปกติเหมือนที่เคยเป็นมาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น สิทธิพิเศษใดที่ลูกค้า Citi เคยได้รับก็จะยังคงได้สิทธิพิเศษนั้นเช่นเดิม แถมยังได้รับสิทธิพิเศษแบบเดียวกับที่ลูกค้า UOB ได้รับเพิ่มเติมเข้าไปอีกด้วย ขณะที่ลูกค้า UOB ก็จะได้รับสิทธิพิเศษของ Citi เพิ่มเติมเข้าไปด้วยเช่นกัน
ซึ่งลูกค้าของ Citi ยังสามารถใช้งานบัตรเครดิต Citi หรือสินเชื่อต่างๆ ของ Citi ได้อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 1 ปี ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการโอนถ่ายกิจการ โดยหลังจากครบระยะเวลา 1 ปีไปแล้ว UOB จะทำการโอนย้ายบัญชีมาอยู่ภายใต้การดูแลของ UOB โดยอัตโนมัติและจะมีการส่งบัตรใบใหม่ไปให้ลูกค้าอัตโนมัติ
สำหรับลูกค้าสินเชื่อต่างๆ หลังครบระยะเวลา 1 ปีแล้วจะทำการโอนย้ายอัตโนมัติเช่นกัน โดยจะยังคงได้รับวงเงินตามจำนวนเดิมและยังคงสถานะหนี้สินจำนวนเท่าเดิม ยกเว้นในส่วนที่เกี่ยวกับการให้บริการตู้เซฟ (Safe Box) ลูกค้าที่เช้าตู้เซฟไว้ต้องมาแสดงตัวตนเพื่อทำเรื่องของขอเปลี่ยนผู้ให้บริการ
ขยายการเติบโตทางธุรกิจ
การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ธนาคารในการขยายธุรกิจธนาคารลูกค้ารายย่อยในภูมิภาคอาเซียน หลังเสร็จสิ้นกระบวนการเข้าซื้อกิจการแล้ว คาดว่าขนาดธุรกิจธนาคารลูกค้ารายย่อยในทั้ง 4 ประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า โดยคาดว่าจะมีลูกค้าทั้ง 4 ประเทศจำนวน 5.3 ล้านคน และเสริมทีมงานให้แกร่งขึ้นด้วยพนักงานอีก 5,000 คน
เมื่อเดือนที่ผ่านมา UOB ได้เปิดตัวแคมเปญรีเฟรชแบรนด์ เพื่อตอกย้ำคุณค่าที่ธนาคารตั้งใจส่งมอบให้ลูกค้ารายย่อย โดยยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลางของธนาคาร แคมเปญการสื่อสารล่าสุดแสดงให้เห็นว่าลูกค้าแต่ละรายมีความต้องการ ความชอบ และเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ผลักดันให้ธนาคารสร้างผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ทันสมัย และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นรายบุคคลได้เป็นอย่างดี
แคมเปญนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงกลยุทธ์ของธนาคารในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งที่เติบโตขึ้นในภูมิภาคอาเซียน การหาลูกค้ารายใหม่และให้บริการลูกค้าผ่านแอปพลิเคชัน UOB TMRW แพลตฟอร์มธนาคารดิจิทัล และการตอบโจทย์ทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้าผ่านช่องทางแบบ Omni-channel
นอกจากนี้ UOB มีแผนในการดำเนินการเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ๆ เพื่อรองรับฐานลูกค้าที่ขยายใหญ่ขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา UOB ได้ประกาศเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำระดับภูมิภาคหลายแห่ง รวมถึงสิงคโปร์แอร์ไลน์, มิชลิน ไกด์, Club21 และ Shopee ซึ่งถือเป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าในการแลกรับของรางวัล โดยลูกค้าสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น
ผ่าจุดแข็ง Citi Prestige World Elite™ Mastercard® บัตรเครดิตที่ได้รับการยอมรับว่าโดดเด่นไม่มีหมองในวันที่น่านฟ้ายังปิดอยู่ เป็นอีกปรากฏการณ์บัตรเครดิตที่สามารถตอบชีวิตนิวนอร์มัลได้บนมาตรฐานสูง แถมยังตอกย้ำภาพลักษณ์ “บัตรฯ ที่ลงตัวกับทุกด้านของชีวิต” ได้แบบไม่พูดเกินจริง
ความน่าสนใจของ Citi Prestige ยังอยู่ที่การ์ดพลังซึ่งถูกหงายออกมาแล้วสะกิดต่อมอู้หูของคนที่อยากเปิดประสบการณ์ การ์ดเด็ดใบนั้นคือ CVP (Core Value Proposition) คุณค่า 3 ประเด็นที่ Citi Prestige ปั้นออกมาเพื่อเอาชนะคู่แข่งอย่างเฉียบขาด ได้แก่การให้คะแนนสะสม 5 เท่าเมื่อมียอดสะสมซื้อของออนไลน์ 10,000 บาทขึ้นไปต่อเดือน อภินันทนาการชุดน้ำชายามบ่าย-มื้อกลางวันกับ Mastercard® World Elite™ และบริการลีมูซีนในประเทศเพิ่ม 1 ครั้ง เป็น 3 ครั้งต่อปี ซึ่งสิทธิ์หลังสุดเป็น CVP ที่ทำให้ Citi Prestige โฟกัสกับสิทธิประโยชน์การเดินทางในประเทศที่เชื่อว่าจะแรงดีในปี 64
ต้องยอมรับว่า Citi Prestige จัดเต็มสิทธิประโยชน์การเดินทางในประเทศได้อย่างถูกจังหวะ เพราะข้อมูลจากบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยว่าภาพรวมเที่ยวบินระหว่างประเทศและบินผ่านน่านฟ้าเดือน ก.พ. 64 ที่ผ่านมามีแนวโน้มทรงตัวคงที่ เนื่องจากผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 สวนทางกับเที่ยวบินภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา โดยการเดินทางเข้าประเทศเป็นการเดินทางแบบมีเงื่อนไข คือ เที่ยวบินที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินส่งบุคคลกลับไทย (Repatriation Flight) และเที่ยวบินกึ่งพาณิชย์กลับไทย (Semi-Commercial Flight)
ชนะคู่แข่งด้วยลีมูซีน
CVP หลักที่ Citi Prestige ต้องการชูคือประสบการณ์พิเศษ บริการรถลีมูซีน และอีกหลายสิทธิประโยชน์ ในส่วนของบริการลีมูซีนนั้นน่าสนใจ เพราะไม่เพียงรับ-ส่ง ณ สนามบินที่ร่วมรายการในกรุงเทพฯ และในเอเชีย แปซิฟิก 2 ครั้งต่อปีแล้ว ยังสามารถรับบริการลีมูซีน ณ สนามบินในกรุงเทพฯ หรือภูเก็ต เพิ่มอีก 1 ครั้ง เป็นทั้งหมด 3 ครั้งต่อปี ซึ่งการจองลีมูซีนทำได้ง่ายๆ ด้วยตนเองที่ Citi LINE Connect (1 มี.ค. 64 – 31 ธ.ค. 64)
สำหรับการเดินทางในประเทศ Citi Prestige คิดมาให้ครบด้วยบริการห้องพักรับรองพิเศษที่สนามบินในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย หาดใหญ่ อุดรธานี ภูเก็ต และสมุย ด้วยบัตร Priority Pass™ พร้อมมอบฟรีห้องพักคืนที่ 4 กับโรงแรมที่ร่วมรายการในประเทศ เมื่อจองและชำระผ่านบริการเลขาส่วนตัว Citi Prestige ทั้งหมดนี้ลูกค้าจะได้สิทธิ์ในการคุ้มครองอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง สูงสุด 35 ล้านบาท และสิทธิในการคุ้มครองสินค้าที่ชำระผ่านบัตรฯ สูงสุด 400,000 บาท
ไม่เพียงการเดินทาง Citi Prestige เลือกตอบโจทย์ลูกค้าด้วยอภินันทนาการชุดน้ำชายามบ่าย และมื้อกลางวัน กับ Mastercard® World Elite™ (1 มกราคม 2564 – 30 มิถุนายน 2564) รวมถึงบริการฟิตเนสที่โรงแรมชั้นนำ และยังสามารถรับเครดิตเงินคืน 3% เมื่อเติมน้ำมันครบทุก 800 บาทต่อเซลล์สลิปที่ปั้มน้ำมันเชลล์ ที่ร่วมรายการทั่วประเทศ แถมด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินภายในบ้าน บนท้องถนน และเลขาส่วนตัว 24 ชั่วโมง
นอกจากการสร้างประสบการณ์ Citi Prestige ยังให้สิทธิประโยชน์เรื่องการสะสมยอดใช้จ่ายที่เหมาะกับยุคนี้ โดยลูกค้านักช้อปออนไลน์จะสามารถรับคะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด 5 เท่า เมื่อมียอดใช้จ่ายสะสมทางออนไลน์ 10,000 บาท ขึ้นไปต่อเดือน (1 มี.ค. 64 – 31 ส.ค. 64) ส่วนยอดใช้จ่ายอื่นๆ รับ 2 เท่า เมื่อใช้จ่ายครบทุก 25 บาทสำหรับยอดใช้จ่ายในประเทศ และ 3เท่า เมื่อใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งยอดใช้จ่ายเหล่านี้ จะได้รับคะแนนสะสมพิเศษประจำปี (Relationship Bonus) เพิ่มเติมสูงสุด 5% จากการใช้จ่าย 12 เดือนที่ผ่านมา
พร้อมรับวันเปิดน่านฟ้า
ภาพรวมสิทธิประโยชน์หลักของ Citi Prestige สะท้อนจุดยืนความต้องการให้ทุกเส้นทางเป็นแรงบันดาลใจของทุกคน Citi Prestige จึงจัดเต็มสิทธิประโยชน์ด้านการเดินทางต่างประเทศ พร้อมรับมือในวันที่โลกเปิดน่านฟ้าแล้ว เช่น บริการห้องพักรับรองพิเศษที่สนามบินกว่า 1,300 แห่ง ทั้งในประเทศ และทั่วโลก
ขณะเดียวกัน Citi Prestige ยังอาจได้อานิสงส์จากกระแส work from anywhere โดยมอบฟรีห้องพักคืนที่ 4 กับโรงแรมที่ร่วมรายการทั้งในประเทศ และทั่วโลก เมื่อจองและชำระผ่านบริการเลขาส่วนตัว Citi Prestige และที่ขาดไม่ได้คือบริการลีมูซีนรับ-ส่ง ณ สนามบินที่ร่วมรายการในประเทศ และเอเชียแปซิฟิก
การสมัครบัตร Citi Prestige ทำได้ง่ายในเวลาเพียง 10 นาที ผู้สนใจที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปสามารถสมัครผ่านสมาร์ตโฟน แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ที่ลิงก์ www.citibank.co.th/prestige รับข้อเสนอพิเศษ 52,000 คะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด ค่าธรรมเนียมรายปี 7,900 บาท (+ VAT 553 บาท) เอกสารประกอบการสมัครได้แก่สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สลิปเงินเดือน เดือนล่าสุด (พนักงานบริษัท) หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท หจก. ย้อนหลังไม่เกิน 6 เดือน (เจ้าของธุรกิจ) และ สำเนาบัญชีส่วนตัวย้อนหลัง 3 เดือน