Der ring des nibelungen siegfried ม งงะ ตอนท 3

Wagner was perpetually in need of funds, and the Ring would be extremely expensive to stage. Faced with a double motivation, Wagner conducted a series of concerts that featured orchestral excerpts from his forthcoming epic. Most famous of those is the Ride of the Valkyries, which opens the last act of Die Walküre, second of the four operas; other frequently encountered excerpts are the Entry of the Gods into Valhalla from Das Rheingold; Magic Fire Music from Die Walküre; Forest Murmurs from Siegfried; and Siegfried’s Rhine Journey, Siegfried’s Funeral March, and Brünnhilde’s Immolation Scene from Götterdämmerung. The concerts provided him with a steady income, and they whetted the public appetite for the operas that would follow.

The original and ongoing home of the cycle, the Festspielhaus in Bayreuth, was built to the composer’s specifications at the command of Bavaria’s King Louis II (often referred to by his German name, Ludwig). The first festival, which consisted of three multiday performances of the cycle, drew some of the best-known musical figures of the age, including Franz Liszt, Pyotr Ilyich Tchaikovsky, Camille Saint-Saëns, and Anton Bruckner. The festival lost money, and the staging of the operas was problematic because of the complexity of the set design. The music was another story. Whatever others thought of Wagner’s vocal writing and ponderousness, none could deny his control of harmony, dramatic structure, and orchestration. Wagner had reimagined opera.

Main cast of Der Ring des Nibelungen

  • Sieglinde, Wotan’s human daughter (soprano)
  • Freia, goddess of youth (soprano)
  • Gutrune of the Gibichungs (soprano)
  • Waltraute, a Valkyrie (mezzo-soprano)
  • Erda, goddess of the earth (contralto)
  • Siegmund, Wotan’s human son (tenor)
  • Froh, god of the sun (tenor)
  • Loge, god of fire (tenor)
  • Mime, a Nibelung (tenor)
  • Wotan, king of the gods (bass-baritone)
  • Alberich, a Nibelung (bass-baritone)
  • Donner, god of thunder (bass-baritone)
  • Hunding, Sieglinde’s husband (bass)
  • Gunther of the Gibichungs (bass)
  • Hagen, son of Alberich and half brother to the Gibichungs (bass)
  • Fafner, a giant (bass)
  • Fasolt, a giant (bass)
  • 3 Rhinemaidens, 3 Norns (the Fates), 7 more Valkyries, and the Forest Bird.

Story summary of Das Rheingold

The magical Rhinemaidens possess a horde of gold, which is stolen from them by the dwarflike Nibelung Alberich; having been unlucky in love, he renounces it altogether and determines that he will make do with wealth. The Rhinemaidens lament the loss of their horde.

Get a Britannica Premium subscription and gain access to exclusive content. Subscribe Now

Meanwhile, the gods await completion of their new palace, Valhalla, which is being built for them by the giants Fafner and Fasolt. As payment for the palace, Wotan had promised to hand over to the giants Freia, goddess of youth and beauty. Upon the urging of his wife, Fricka, and the other gods, however, Wotan decides instead to offer the giants a different payment: a magic ring of power that Alberich has fashioned from the Rhinemaidens’ gold. Wotan is joined by the fire god Loge, and they set off to seize the ring.

Alberich has enslaved the other Nibelungs, forcing them to dig for more gold. One of the objects that has been fashioned from this gold is the Tarnhelm, a helmet that makes its wearer invisible. Wotan and Loge arrive. They trick Alberich into demonstrating his magical ability to turn himself into any creature; when, at their request, he transforms into a small toad, they seize and imprison him. The price of his freedom is his gold. Alberich orders his slaves to bring up all the gold. Wotan takes the gold and seizes the Ring. Alberich places a curse upon the Ring. Loge, meanwhile, steals the Tarnhelm.

The gods and the giants meet to trade gold for Freia. As the discussion proceeds, the Tarnhelm and even the Ring become part of the price. Erda has warned Wotan to give up the Ring so that he can avoid its curse. Freia is back with the gods, but the giants have everything else. Immediately, Alberich’s curse takes effect as the giants argue over ownership of the Ring until Fafner slays Fasolt. The survivor departs, and the gods take possession of Valhalla, while the Rhinemaidens again lament their loss.

แดร์ริงเด็สนีเบอลุงเงิน (เยอรมัน: Der Ring des Nibelungen) หรือ แหวนของนีเบอลุง เป็นปกรณัมชุดของริชชาร์ท วากเนอร์ คีตกวีชาวเยอรมันซึ่งใช้เวลาประพันธ์ยาวนาถึง 26 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1848 จนถึง 1874 โดยมีเค้าโครงเรื่องมาจากเทวตำนานนอร์สและมหากาพย์ นีเบอลุงเงินลีท

วากเนอร์แต่งอุปรากรเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยความมั่นหมายให้เป็น "สมบูรณศิลปกรรม" (Gesamtkunstwerk) หมายถึงเป็นศิลปกรรมที่มีความสมบูรณ์แบบเบ็ดเสร็จทุกด้าน ความมุ่งหมายของเขาประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม แหวนของนีเบอลุง ไม่เพียงเป็นอุปรากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเยอรมัน แต่ยังเป็นอุปรากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกจนได้รับยกย่องเป็น "มหาอุปรากร" (Großoper)

อุปรากรเรื่องนี้ต้องใช้เวลาแสดงกว่าสิบห้าชั่วโมง ประกอบด้วยสี่ภาค ผู้แต่งระบุว่าเป็นบุพภาคและไตรภาค อันได้แก่:

  • Das Rheingold (ขุมทองแม่น้ำไรน์)
  • Die Walküre (ธิดาวัลคือเรอ)
  • Siegfried (ซีคฟรีท)
  • Götterdämmerung (เทวาอัสดง)

แหวนของนีเบอลุง มีเรื่องราวเกี่ยวกับคนแคระเผ่านีเบอลุงกับแหวนวิเศษ, การเนรเทศวัลคือเรอนามว่าบรึนฮิลเดอ,โศกนาฏกรรมของซีคฟรีทกับบรึนฮิลเดอ

ตัวละคร[แก้]

ทวยเทพ มนุษย์ วัลคือเรอ/ วัลคีรี่ อื่นๆ

  • โวทัน(โอดิน): จอมเทพ เทพแห่งแสง/อากาศ/วายุ
  • ฟริกกา (เฟร์ย่า): มเหสีของโวทัน เทพีแห่งการครองคู่
  • ไฟรอา: น้องสาวฟริกกา เทพแห่งความรัก/ความเยาว์/ความงาม
  • โดนเนอร์ (ธอ): น้องชายฟริกกา เทพแห่งสายฟ้า
  • โฟร: น้องชายฟริกกา เทพแห่งฤดูไม้ผลิ/อาทิตย์อุทัย/ความสุข
  • แอร์ดา: เทพีแห่งปัญญา/ชะตา/ปฐพี
  • โลเกอ(โลกิ): เทพแห่งอัคคี

เผ่าเวิลซุง

  • ซีคมุนด์: บุตรฝาแฝดของจอมเทพโวทัน
  • ซีคลินเดอ: บุตรฝาแฝดของจอมเทพโวทัน
  • ซีคฟรีท: บุตรของทั้งสอง

ตระกูลไนดิง

  • ฮุนดิง สามีของซีคลินเดอ, หัวหน้าตระกูลไนดิง

นครกีบิชชุง

  • กุนเทอร์: กษัตริย์แห่งชาวกีบิชชุง
  • กูทรูเนอ: พระขนิษฐาร่วมมารดา
  • ฮาเกิน: พระอนุชาต่างมารดา บุตรของอัลเบอริช
  • บรึนฮิลเดอ
  • วัลเทราเทอ
  • เฮล์มวีเงอ
  • แกร์ฮิลเดอ
  • ซีครูเนอ
  • ชแวร์ทไลเทอ
  • ออร์ทลินเดอ
  • กริมแกร์เดอ
  • ร็อสไวส์เซอ

นางอัปสรแม่น้ำไรน์

  • โวคลินเดอ
  • เว็ลกุนเดอ
  • ฟลอสฮิลเดอ

ยักษา

  • ฟาโซลท์
  • ฟาฟเนอร์: น้องชายฟาโซลท์ ต่อมาแปลงเป็นมังกร

คนแคระนีเบอลุง

  • อัลเบอริช: ผู้สร้างแหวนวิเศษ
  • มีเมอ: น้องชายอัลเบอริช พ่อบุญธรรมซีคฟรีท

เนื้อเรื่อง[แก้]

บุพภาค: ขุมทองแม่น้ำไรน์[แก้]

ฉากคนแคระอัลเบอริชบังเอิญเจอนางอัปสร

ณ แม่น้ำไรน์ ธิดาอัปสรนามว่าโวคลินเดอ (Woglinde), เว็ลกุนเดอ (Wellgunde) และฟลอสฮิลเดอ (Flosshilde) กำลังระบำร่ายรำอย่างสนุกสนาน คนแคระเผ่านีเบอลุงนามว่าอัลเบอริช (Alberich) ปรากฏตัวและพยายามเกี้ยวพาราสีพวกหล่อน พวกธิดาอัปสรดูถูกรูปร่างหน้าตาของอัลเบอริช อัลเบอริชโกรธจึงวิ่งไล่ตาม ท้ายที่สุดพวกธิดาอัปสรก็หายตัวไป อัลเบอริชหยุดพักด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อตกกลางคืน เขาสังเกตเห็นแสงอร่าม เมื่อเดินไปสำรวจก็พบทองคำและกลุ่มธิดาอัปสร อัลเบอริชจึงสอบถาม พวกธิดาอัปสรอธิบายว่านี่เป็นทองคำที่เสด็จพ่อให้พวกหล่อนเฝ้ายาม เพราะมันสามารถนำไปหลอมทำเครื่องประดับที่มีอำนาจครองพิภพ แต่ผู้ที่จะหลอมสำเร็จต้องเป็นคนที่ละทิ้งความรัก พวกธิดาอัปสรบอกว่าไม่มีอะไรต้องกลัวต่อให้บอกความจริงกับคนแคระหื่นกามอย่างอัลเบอริช อัลเบอริชได้ยินดังนั้นจึงปฏิเสธความรัก และตัดสินใจขโมยทองคำ

จอมเทพโวทัน (Wotan) กำลังบรรทมอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่ง โดยมีปราสาทอันตระการตั้งอยู่เบื้องหลัง แล้วจอมเทพก็ถูกปลุกโดยจอมเทพีฟริกกา (Fricka) ผู้เป็นมเหสี และเตือนถึงสัญญาที่โวทันทำไว้กับยักษ์สองตนชื่อฟาโซลท์กับฟาฟเนอร์ (Fasolt & Fafner) โวทันจ้างให้ยักษ์สองตนสร้างปราสาทดังกล่าวให้ แลกกับการจะมอบสุริยเทพีไฟรอา (น้องสาวของฟริกกา) ให้แก่ยักษ์สองพี่น้อง ฟริกกาเป็นห่วงน้องสาวของตนเองจนนั่งไม่ติด แต่จอมเทพโวทันก็ยังคงสบายใจ เพราะเชื่อว่าอัคคีเทพผู้เจ้าเล่ห์อย่างโลเกอ (Loge) จะสามารถคิดอุบายแก้สถานการณ์นี้ ต่อมา ฟาโซลท์กับฟาฟเนอร์ก็ไล่ตามสุริยเทพีไฟรอา และเกลี้ยกล่อมให้นางทำใจเสีย ยักษ์สองพี่น้องชี้ว่าจอมเทพทำพันธสัญญากับพวกตนโดยสลักไว้บนหอกของพระองค์ ดังนั้นหากจอมเทพผิดคำสัญญา พระองค์ก็จะสูญสิ้นอำนาจ ระหว่างนั้น อสุนีเทพโดนเนอร์ (Donner) และวสันตเทพโฟร (Froh) โผล่มาขัดขวางยักษ์สองพี่น้อง โวทันไม่ยอมให้โดนเนอร์และโฟรใช้กำลังทำลายพันธสัญญา และผัดผ่อนให้รออัคคีเทพโลเกอมาถึงเสียก่อน

อัคคีเทพโลเกอมาถึงก็เกริ่นนำว่าสำหรับผู้ชาย ไม่มีสิ่งใดมีค่ากว่าความรัก ดังนั้นสำหรับยักษ์สองพี่น้อง จึงไม่น่ามีสิ่งใดที่จะมีค่าไปกว่าสุริยเทพีไฟรอา หากจะมีสิ่งใดที่มีค่ากว่าสุริยเทพี สิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่มีค่ามากพอที่จะทำให้ผู้ชายคนหนึ่งยอมสละซึ่งความรัก แล้วโลเกอก็แย้มว่าเขารู้จักคนแคระผู้หนึ่งที่ยอมทิ้งความรักเพื่อสิ่งของบางอย่าง คนแคระที่ว่าก็คืออัลเบอริชผู้ทิ้งความรักเพื่อขโมยทองคำแห่งแม่น้ำไรน์ที่สามารถหลอมเป็นวัตถุวิเศษทรงอำนาจที่ทุกคนปรารถนา เมื่อยักษ์สองพี่น้องได้ฟังดังนั้น ก็ยินยอมจะขอรับทองคำเป็นค่าจ้างแทนที่สุริยเทพีไฟรอา ว่าแล้วยักษ์สองพี่น้องก็จากไปโดยพาตัวไฟรอาไปด้วยเพื่อเป็นหลักประกัน พร้อมบอกให้ทวยเทพนำทองคำของคนแคระในจำนวนที่สามารถปิดบังรัศมีของไฟรอา มาให้พวกเขาภายในวันนี้ ไม่เช่นนั้นไฟรอาจะต้องอยู่กับพวกเขาตลอดกาล

ณ นีเบิลไฮม์ (Nibelheim) นครใต้พิภพของเผ่านีเบอลุง อัลเบอริชใช้อำนาจของแหวนวิเศษทำให้คนเคระห์ทั้งหมดรับใช้ตนเอง เขายังบังคับให้น้องชายของตนเองชื่อว่ามีเมอ (Mime) ใช้ทองคำสร้างหมวกทาร์นเฮล์ม (Tarnhelm) ซึ่งมีอำนาจจำแลงกาย และแล้วในช่วงนี้เอง โวทันและโลเกอมาถึงนีเบิลไฮม์ในฐานะแขกแปลกหน้าผู้มาเยือน และได้พูดคุยกับมีเมอ มีเมอเล่าให้ทั้งสองฟังถึงการปกครองอันโหดร้ายของอัลเบอริช ภายหลัง อัลเบอริชกลับมาถึง ก็อวดอ้างกับแขกแปลกหน้าว่าจะครองโลกด้วยแหวนวงนี้ โลเกอถามว่าเวลาหลับจะป้องกันตัวอย่างไร? อัลเบอริชตอบว่าตนมีหมวกที่ทำให้ล่องหนหรือแปลงกายได้ โลเกอขอรับชมเป็นขวัญตา อัลเบอริชแปลงเป็นพญางู โลเกอแสร้งชื่นชมและถามว่าแปลงเป็นสัตว์ตัวเล็กมากได้ไหม? อัลเบอริชจึงแปลงเป็นคางคก ทันใดนั้น โวทันกับโลเกอจึงจับตัวอัลเบอริชมัดแขนขาและพาตัวขึ้นมาบนผืนดิน เทพทั้งสองบังคับให้อัลเบอริชยินยอมมอบทองคำทั้งหมดเพื่อแลกกับอิสรภาพ อัลเบอริชยินยอมมอบทองคำ แต่ขัดขืนไม่ยอมส่งแหวนวิเศษ จอมเทพโวทันจึงตัดนิ้วอัลเบอริชและนำแหวนมาสวมไว้เอง อัลเบอริชจึงสาปแหวนว่าใครก็ตามที่สวมแหวนนี้ จะต้องมีชีวิตอย่างหวาดระแวง และจะถูกแย่งแหวนและโดนฆ่าในที่สุด

ทองคำที่ยึดมา ไม่สามารถปิดบังรัศมีของไฟรอาจนมิดชิด เหลือแต่เพียงช่องว่างขนาดเท่าดวงตา ยักษ์ฟาฟเนอร์เห็นแหวนที่นิ้วของจอมเทพ จึงเรียกร้องจะเอาแหวน จอมเทพจึงยอมมอบแหวนให้แก่ฟาฟเนอร์ พวกยักษ์ปล่อยตัวประกันและเริ่มแบ่งสมบัติ แต่แบ่งไม่ลงตัว ฟาฟเนอร์จึงทุบฟาโซลท์จนตาย และใช้หมวกทาร์นเฮล์มแปลงกายเป็นมังกรและคุ้มครองสมบัติกับแหวนอยู่ในป่าลึก

ปฐมภาค: ธิดาวัลคือเรอ[แก้]

ชายแปลกหน้าหลบพายุเข้ามาในกระท่อมหลังหนึ่งใกล้ต้นไม้ยักษ์ในสภาพไร้อาวุธและบาดเจ็บเกินจะไปต่อ เขาพบกับซีคลินเดอ (Sieglinde) นางแนะนำตัวว่าเป็นภริยาของชายที่ชื่อฮุนดิง (Hunding) ทั้งสองเริ่มมีความสนใจต่อกัน แต่ก็ถูกขัดจังหวะโดยสามีของนางที่ชื่อฮุนดิง ฮุนดิงเห็นชายแปลกหน้าสวมใส่เสื้อคลุมขนหมาป่า จึงต้อนรับอย่างดิบดีโดยเรียกว่า "พ่อหนุ่มหมาป่า"

ชายแปลกหน้าอธิบายว่าตนเองเคยเติบโตในป่า อยู่กับพ่อแม่และน้องสาวฝาแฝดอีกคน พ่อของเขามีนามว่า "วอล์ฟ" (Wolf) เป็นคนที่มีศัตรูไปทั่ว วันหนึ่งเมื่อเขากลับถึงบ้าน ก็พบว่าบ้านถูกเผาวอด แม่ถูกฆ่า พ่อกับน้องสาวก็หายตัวไป ที่พบมีเพียงเสื้อคลุมขนหมาป่าของบิดาตกอยู่ในป่า ตัวเองเลยต้องระหกระเหินคนเดียวนับแต่นั้น ไม่กี่วันก่อนเขาเห็นหญิงสาวถูกฉุดลาก เลยเข้าไปช่วยหล่อนและฆ่าชายพวกนั้น แต่มารู้ทีหลังว่าผู้ตายคือพี่ชายและญาติที่ลากเธอไปแต่งงาน ครอบครัวนั้นเลยตามล่าเขา เขาต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บ สูญเสียดาบ และหลบหนีมา ฮุนดิงเปิดเผยว่าตนเองคือหนึ่งในคนที่กำลังตามล่าชายแปลกหน้า ฮุนดิงบอกว่าคืนนี้บ้านหลังนี้จะต้อนรับพ่อหนุ่มหมาป่า แต่วันพรุ่งนี้ต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง

ซีคมุนด์ดึงดาบโนทุงจากต้นไม้ยักษ์

เมื่ออยู่คนเดียว ชายแปลกหน้าตัดพ้อถึงบิดา บิดาของเขาเคยสัญญาว่าจะมอบดาบให้ในยามที่เขาต้องการที่สุด แล้วไหนล่ะดาบ? แล้วซีคลินเดอก็เข้ามาหาเขา เธอวางยานอนหลับสามีเพื่อจะได้พบชายแปลกหน้าเพียงลำพัง เธอระบายความอัดอั้นว่าเธอเองก็เป็นคนที่ถูกบังคับให้แต่งงานเหมือนกัน นางเล่าว่าในวันแต่งงานของนาง มีชายแก่น่ากลัวคนหนึ่งปักดาบไว้ที่ต้นไม้ยักษ์ แล้วประกาศว่ามีเพียงวีรบุรุษเท่านั้นที่จะดึงออก แต่ไม่เคยมีใครดึงออก ทั้งสองโอบกอดกัน แล้วซีคลินเดอก็เผยว่าตนเองคือน้องสาวที่พลัดพรากของชายแปลกหน้า นางเรียกเขาด้วยชื่อจริงว่าซีคมุนด์ (Siegmund) นางเชื่อว่าซีคมุนด์คือวีรบุรุษที่จะมาปลดปล่อยเธอจากฮุนดิง ซีคมุนด์ดึงดาบอย่างง่ายดายและตั้งชื่อมันว่า "ดาบโนทุง" (Nothung) ที่แปลว่าดาบปรารถนา แล้วทั้งสองก็บรรเลงรักกัน

บนสันเขาสูง จอมเทพผู้เป็นบิดาของซีคมุนด์ บัญชาให้ธิดาวัลคือเรอนามว่าบรึนฮิลเดอ (Brünhilde) ปกป้องซีคมุนด์ในการต่อสู้วันรุ่งขึ้น แต่แล้วเทพีฟริกกาก็ปรากฏตัว นางในฐานะเทพีแห่งครอบครัวต้องการให้ซีคมุนด์และซีคลินเดอได้รับโทษข้อหาคบชู้และสมสู่ร่วมสายโลหิต ทั้งสองยกเหตุผลมาโต้เถียงกัน แต่จอมเทพเถียงสู้ไม่ได้ จึงยอมตกลงว่าจะไม่ปกป้องซีคมุนด์ และจำใจสั่งบรึนฮิลเดอทำให้ฮุนดิงเป็นฝ่ายชนะ

บรึนฮิลเดอแจ้งซีคมุนด์เกี่ยวกับความตายที่กำลังมาเยือน แต่นางพาซีคลินเดอไปวัลฮัลลาด้วยไม่ได้ ซีคมุนด์ไม่ยอมเป็นฝ่ายตาย เขาเชื่อว่าดาบโนทุงจะนำมาซึ่งชัยชนะ แต่บรึนฮิลเดอแจ้งว่าดาบโนทุงไม่มีพลัง ซีคมุนด์จึงขู่ว่าจะฆ่าซีคลินเดอและฆ่าตัวตายตาม บรึนฮิลเดอสงสารจึงขัดคำสั่งจอมเทพ ในการประลอง ซีคมุนด์ได้เปรียบเหนือฮุนดิงด้วยอำนาจของบรึนฮิลเดอ แต่แล้วจอมเทพก็ปรากฏตัวและใช้หอกทำลายดาบของซีคมุนด์จนแตกละเอียด ฮุนดิงแทงซีคมุนด์ถึงแก่ความตาย บรึนฮิลเดอเก็บเศษซากของดาบโนทุงและขี่ม้าหนีไปพร้อมกับซีคลินเดอ จากนั้นจอมเทพก็ฆ่าฮุนดิงและไล่ตามบรึนฮิลเดอ

บรรดาวัลคือเรอรวมตัวบนยอดเขาแห่งหนึ่ง แต่ละนางกำลังอุ้มร่างไร้ลมหายใจของบรรดาวีรชนที่ตายในการรบ บรึนฮิลเดอมาถึงพร้อมกับซีคลินเดอและร้องขอความช่วยเหลือจากเหล่าพี่น้อง แต่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งจอมเทพ ซีคลินเดอกล่าวว่าถ้าไม่มีซีคมุนด์ นางก็ไม่อยากมีชีวิตต่อ บรึนฮิลเดอแจ้งว่าซีคลินเดอตั้งท้องกับซีคมุนด์ ขอให้นางมีชีวิตต่อเพื่อเห็นแก่เด็ก และขอให้ตั้งชื่อเด็กว่าซีคฟรีท (Siegfried) บรึนฮิลเดอมอบเศษซากดาบโนทุงให้แก่นาง เมื่อซีคลินเดอจากไป จอมเทพก็เดินทางมาถึงพร้อมความพิโรธ ทรงริบฤทธิ์เดชของบรึนฮิลเดอเป็นเพียงหญิงมนุษย์ นางจะต้องหลับไหลอยู่บนภูเขาจนกว่าจะมีบุรุษมาพบนาง แล้วจอมเทพก็บันดาลให้นางหลับไหลอยู่บนหินก้อนหนึ่ง และรับสั่งให้อัคคีเทพโลเกอเสกเปลวไฟนิรันดร์คลุมรอบภูเขาเอาไว้

มัชฌิมภาค : ซีคฟรีท[แก้]

ในป่าลึกภายในหุบเขา ซีคฟรีทกลับจากการเที่ยวเล่นในป่าพร้อมกับดาบที่ทำพังอีกแล้ว ซีคฟรีทตำหนิคนแคระนามว่ามีเมอ ว่าไม่มีปัญญาทำดาบดีๆ ทั้งสองมีปากเสียง มีเมอตัดพ้อว่าเลี้ยงดูซีคฟรีทมาตั้งแต่เกิด ซีคฟรีทไม่เชื่อว่ามีเมอคือพ่อที่แท้จริงของตน เพราะพละกำลังต่างกันลิบลับ จึงเค้นเอาความจริง มีเมอสารภาพว่าเขาพบกับหญิงนามว่าซีคลินเดอในป่า นางคลอดลูกและเสียชีวิต มีเมอจึงเก็บซีคฟรีทมาเลี้ยง มีเมอเอาเศษซากดาบโนทุงมาแสดง ซึ่งเป็นดาบของบิดาที่แท้จริง ซีทฟรีดสั่งให้มีเมอตีดาบโนทุงขึ้นมาใหม่จากเศษซากเดิม แล้วก็โกรธหัวเหวี่ยงออกจากบ้าน มีเมอรู้สึกอับจนหนทาง เขาเก็บบุตรมนุษย์มาเลี้ยงเพื่อหวังให้จัดการมังกร แล้วตนเองจะได้ครอบครองแหวน แต่ตอนนี้ ตนเองกลับไม่มีปัญญาสร้างดาบที่จะใช้ฆ่ามังกร

ชายแก่คนหนึ่งปรากฏตัวที่หน้าบ้านและแนะนำตัวว่าเขาเป็นนักพเนจร ขอมาแวะพักสักครู่ เพื่อเป็นการตอบแทน ชายแก่จะตอบคำถามสามข้อ มีเมอจึงถามว่า ชื่อของเผ่าที่จอมเทพรักใคร่ที่สุดแต่ถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายที่สุด, ชื่อของดาบที่สามารถสังหารมังกรฟาฟเนอร์ และชื่อของผู้ที่สามารถตีดาบนั้น ชายแก่ตอบตามลำดับว่า "เผ่าเวิลซุง" (เผ่าของมารดาของซีคมุนด์กับซีคลินเดอ), "ดาบโนทุง" และ "ผู้ไม่รู้จักกลัว" แล้วชายแก่ก็จากไป มีเมอไม่มีปัญหากับสองคำตอบแรก แต่คำตอบสุดท้ายทำเอาเขาหัวเสียทีเดียว

ซีคฟรีทกลับมาที่บ้าน แล้วถามหาดาบที่สั่งไว้ มีเมอบอกว่าตนหมดปัญญาแล้ว แล้วมีเมอก็นึกได้ว่า "ผู้ไม่รู้จักกลัว" คงหมายถึงซีคฟรีท สิ่งเดียวที่ซีคฟรีทกลัวคือตนเอง นักพเนจรคงทำนายไว้ว่าในอนาคต มีเมอจะถูกซีคฟรีทฆ่า เมื่อมีเมอคิดได้ดังนั้นจึงบอกซีคฟรีทว่า ทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งคือความกลัว ชายหนุ่มมีท่าทางสนใจมาก(เพราะไม่รู้ว่าความกลัวหมายถึงอะไร) มีเมอจึงบอกว่างั้นจะพาไปหามังกรฟาฟเนอร์เพื่อสอนให้รู้จักความกลัว ชายหนุ่มจึงลงมือตีดาบโนทุงด้วยตนเอง ในเวลาเดียวกัน มีเมอก็แอบปรุงยาพิษเพื่อใช้กับซีคฟรีทหลังฆ่ามังกร และแล้วชายหนุ่มก็ตีดาบโนทุงสำเร็จ

ในคืนเดียวกัน นักพเนจรปรากฏตัวต่อหน้าอัลเบอริช พี่ชายของมีเมอ ซึ่งเฝ้ารออยู่หน้าปากถ้ำมังกรมาตลอดเพื่อรอให้ใครสักคนมาจัดการมังกร แล้วตนเองจะได้ครอบครองแหวนอีกครั้ง อัลเบอริชเห็นนักพเนจรก็รู้ว่านั่นคือจอมเทพ จอมเทพบอกว่าตนไม่ได้จะมาแทรกแซง แค่มาสังเกตการณ์ พร้อมบอกอัลเบอริชให้ระวังมีเมอเอาไว้ จอมเทพปลุกฟาฟเนอร์และเตือนว่ากำลังจะมีวีรบุรุษหนุ่มมาฆ่าเขา อัลเบอริชบอกให้ฟาฟเนอร์ทิ้งแหวนเสีย ไม่งั้นจะโดนฆ่า ฟาฟเนอร์ไม่สนใจและหลับต่อ อัลเบอริชและนักพเนจรเดินทางจากไป

วันต่อมา เมื่อซีคฟรีทไปถึงปากถ้ำก็ได้ยินเสียงนกร้องเป็นทำนองไพเราะ จึงเป่าขลุ่ยเลียนเสียงแต่ไม่เหมือน จึงลองด้วยแตรเขาสัตว์ก็ยังไม่เหมือนอีก ฟาฟเนอร์ตื่นและออกมาจากถ้ำ หลังพูดคุยกันสักพัก ทั้งสองก็ต่อสู้กัน ซีคฟรีทสามารถแทงดาบโนทุงที่กลางใจของฟาฟเนอร์ เลือดของมังกรเปื้อนตัวเขายกเว้นด้านหลัง มังกรเตือนชายหนุ่มเกี่ยวกับคำสาปแห่งแหวนแล้วก็สิ้นใจ ซีคฟรีทเลียนิ้วที่เปื้อนเลือดมังกรแล้วพลันเขาก็เข้าใจภาษานก เลือดมังกรทำให้เขาอ่านใจมีเมอได้ด้วย เมื่อเห็นว่ามีเมอเอายาพิษมาให้ดื่ม ซีคฟรีทจึงสังหารมีเมอด้วยความรังเกียจ ด้วยเหตุฉะนี้ ซีคฟรีทจึงได้ครอบครองหมวกทาร์นเฮล์มและแหวนวิเศษ ซีคฟรีทอยู่โดดเดี่ยวกลางธรรมชาติ ฝูงนกเล่าให้ซีคฟรีทฟังว่ามีชาวสวรรค์หลับไหลอยู่บนภูเขากลางทะเลเพลิง ชายหนุ่มสงสัยว่าชาวสวรรค์จะทำให้เขารู้จักความกลัวได้ไหม จึงตามฝูงนกไปยังภูเขา

ซีคฟรีทปลุกบรึนฮิลเดอ

ซีคฟรีทมาถึงตีนเขาก็พบกับนักพเนจร นักพเนจรถามคำถามชายหนุ่ม ชายหนุ่มไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือจอมเทพ คิดว่าเป็นชายแก่ธรรมดาจึงตอบกลับอย่างโอหัง นักพเนจรขวางซีคฟรีทจึงเกิดการต่อสู้กัน ซีคฟรีทใช้ดาบโนทุงทำลายหอกของนักพเนจร(เล่มเดียวกับที่เคยทำลายดาบโนทุง)จนแตกเป็นเสี่ยงๆ นักพเนจรเห็นดังนั้นก็เข้าใจว่ายุคแห่งการปกครองโดยทวยเทพสิ้นสุดแล้ว จึงเก็บเศษซากหอกและจากไปโดยสงบ ซีคฟรีทมาถึงยอดเขาและพบคนในชุดเกราะนอนหลับไหลอยู่ ชายหนุ่มไม่เคยเห็นสตรีมาก่อนจึงเข้าใจว่าคนในชุดเกราะเป็นผู้ชาย เมื่อเขาถอดชุดเกราะของอีกฝ่ายออก ความงดงามของบรึนฮิลเดอก็ทำให้เขาตกตะลึง ชายหนุ่มคิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่งดงามอะไรเช่นนี้ ชายหนุ่มจุมพิตอีกฝ่ายเพื่อปลุกจากนิทรา ในตอนแรกนางปฏิเสธรักจากซีคฟรีท เพราะความรักกับมนุษย์จะทำให้ความเป็นอมตะของเธอสิ้นสุดลง แต่สุดท้าย เธอก็ยอมรับรักจากซีคฟรีท และครองรักกันอย่างมีความสุข

ปัจฉิมภาค: เทวาอัสดง[แก้]

ซีคฟรีทได้ครองรักกับบรึนฮิลเดออย่างมีความสุข วันหนึ่งซีคฟรีทต้องการออกไปผจญโลกภายนอก จึงร่ำลาภรรยาและสัญญาว่าจะรักนางเพียงผู้เดียว พร้อมสวมแหวนวิเศษให้นางเป็นของดูต่างหน้า แล้วจึงออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ

ริมแม่น้ำไรน์มีนครแห่งหนึ่งนามว่ากีบิชชุง ซึ่งถูกปกครองโดยกษัตริย์กุนเทอร์ (Gunther) พระองค์มีขนิษฐาร่วมบิดามารดานามว่ากูทรูเนอ (Gutrune) และมีน้องชายต่างบิดานามว่าฮาเกิน (Hagen) ซึ่งพ่อของฮาเกินก็คืออัลเบอริช โดยที่กษัตริย์กุนเทอร์และขนิษฐากูทรูเนอยังโสดทั้งคู่ ฮาเกินต้องการครองแหวนวิเศษซึ่งเคยเป็นของบิดาตน จึงถวายคำแนะนำองค์กษัตริย์และพระขนิษฐาว่าสมควรที่จะทั้งสองจะหาคู่อภิเษกสมรสได้แล้ว และบนปฐพีนี้ก็ไม่มีผู้ใดคู่ควรกับองค์กษัตริย์และพระขนิษฐามากยิ่งกว่านางฟ้าตกสวรรค์นามว่าวัลคือเรอ กับยอดวีรบุรุษนามว่าซีคฟรีท ตามลำดับ

กษัตริย์กุนเทอร์ไม่ทราบว่าซีคฟรีทกับบรึนฮิลเดอร์เป็นคู่รักกัน จึงเห็นด้วยกับแผนการของเสนาบดีฮาเกิน ฮาเกินจึงลวงซีคฟรีทเข้ามาในวังและวางยาเสน่ห์จนเขาลืมภรรยาและเมารักพระขนิษฐา ซีคฟรีทสาบานเป็นพี่น้องกับกษัตริย์กุนเทอร์ และสัญญาว่าจะเอาตัวนางฟ้าตกสวรรค์มาถวายเป็นชายา

ซีคฟรีทเดินทางกลับไปยังภูเขาอัคคีโดยใช้ของวิเศษแปลงกายให้มีใบหน้าเหมือนกษัตริย์กุนเทอร์ ฝ่าทะเลเพลิงขึ้นไปข่มเหงบรึนฮิลเดอ ถอดแหวนวิเศษที่เป็นเครื่องรางความรักมาสวมไว้เอง ก่อนที่จะนำตัวบรึนฮิลเดอกลับไปถวายกษัตริย์กุนเทอร์ เมื่อถึงราชวัง บรึนฮิลเดอพบกับซีคฟรีทที่กลายเป็นสามีของพระขนิษฐา เมื่อนางเห็นแหวนวิเศษบนนิ้วของซีคฟรีท นางจึงประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดและแค้นที่ถูกทรยศ นางจึงบอกฮาเกินว่ากลางแผ่นหลังคือจุดอ่อนเดียวของซีคฟรีท

ฮาเกินให้ซีคฟรีทดื่มน้ำถอนยาเสน่ห์ ซีคฟรีทคืนความทรงจำและตระหนักถึงความผิดพลาด เขาคร่ำครวญเสียใจและถูกฮาเกินฆ่าตาย จากนั้น ฮาเกินกับกษัตริย์กุนเทอร์ก็แย่งชิงแหวนวิเศษจนตายทั้งคู่ บรึนฮิลเดอตัดสินใจว่าจะล้างคำสาปของแหวน นางจัดพิธีเผาศพให้ซีคฟรีทอย่างสมเกียรติ นางสวมแหวนและขี่ม้าเข้าไปในกองเพลิงเผาศพสามี และมอดไหม้สูงถึงสรวงสรรค์ จอมเทพประทับอยู่ในวัลฮัลลาท่ามกลางเปลวเพลิง รอคอยการสิ้นสุดแห่งยุคเทพ และกำเนิดยุคของมนุษย์ หลังเปลวเพลิงล้างผลาญ แม่น้ำไรน์ก็ไหลบ่าขึ้นท่วมทุกสิ่ง ทองคำกลับสู่ที่ที่ควรจะอยู่

อิทธิพล[แก้]

แหวนของนีเบอลุง เป็นแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ในการแต่งปกรณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธ

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง