เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง ยังไงคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องก็จะเริ่มทำงานช้าลง เพราะว่าซอฟต์แวร์ต่างๆ จะใช้สเปคสูงขึ้น ทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณต้องตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลกระทบเป็นอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพการทำงาน สิ่งที่ช่วยคุณได้มากก็คือระบบปฏิบัติการที่คุณใช้ และคุณได้อัปเกรดเป็น Windows 10 หรือเปล่า
คุณอาจอัปเกรดแล็ปท็อปเพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้น แต่ก็มีวิธีที่ทำแล้วคุ้มเงินและง่ายดายกว่าเช่นกัน การปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อาจดูเหมือนว่าไม่ได้ช่วยให้คอมพิวเตอร์เร็วขึ้น แต่ถ้าปรับอย่างละนิด เปลี่ยนอย่างละหน่อย รวมๆ กันแล้ว คอมพิวเตอร์ของคุณก็จะใช้ได้อีกนานหลายปี
นอกจากนี้ยังมีซอฟต์แวร์หลากหลายประเภทที่สามารถช่วยคุณกำจัดไฟล์เก่าๆ รวมถึงหาแอปพลิเคชันที่คุณไม่ค่อยได้ใช้และอาจอยากถอนการติดตั้ง โปรแกรมเหล่านี้ยังสามารถแจ้งเตือนคุณเมื่อมีไฟล์และซอฟต์แวร์ที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คอมพิวเตอร์ช้าและอาจเป็นการดีที่จะลบทิ้งไปในที่สุด
7 วิธีต่อไปนี้จะช่วยเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพโดยรวมของคอมพิวเตอร์ได้
สารบัญ
1. ถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ไม่จำเป็น
คอมพิวเตอร์มักติดตั้งแอปพลิเคชันมากมายล่วงหน้าไว้แล้ว ซึ่งเป็นแอปที่หลายๆ คนไม่ได้ใช้ แต่แอปพวกนี้กลับผลาญทรัพยากรของระบบไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยปกติแล้ว คุณจะรู้ว่าโปรแกรมที่ว่านี้มีอะไรบ้างก็ต่อเมื่อคุณเห็นป๊อปอัปแจ้งเตือนให้คุณอัปเดตโปรแกรมที่คุณไม่เคยใช้มาก่อน
- ลบโปรแกรมเหล่านี้ออกจากคอมพิวเตอร์และเพิ่มที่ว่างให้กับฮาร์ดดิสก์
- คลิกที่ปุ่ม "Start" และไปที่เมนู "All apps"
- ในเมนูนี้คุณจะเห็นรายการแอปพลิเคชันที่คุณติดตั้งไว้ และแอปพลิเคชันที่คุณยังไม่ได้ติดตั้ง
- เมื่อเจอโปรแกรมที่ต้องการถอนการติดตั้งแล้ว ให้คลิกขวาที่ไอคอนเพื่อดูเมนู "Options"
หรือคลิกขวาที่ "Start" และไปที่ "Programs and Features" ก็ได้ นอกจากนี้ยังมี Cortana ผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับ Windows ที่อาจช่วยคุณได้เช่นกัน เพราะโปรแกรมผู้ช่วยนี้สามารถค้นหา “Programs” จากช่องค้นหาได้ ในส่วน Programs คุณจะเห็นบันทึกรายการแอปที่คุณใช้ล่าสุดและรายการแอปที่กินเนื้อที่มากสุด หลังจากดูแล้วว่าติดตั้งอะไรไว้บ้าง คุณก็เลือกว่าจะลบโปรแกรมใดออกไปบ้าง เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานเร็วขึ้น
นอกจากนี้ คุณอาจอยากรู้ว่าโปรแกรมใดบ้างที่คอมพิวเตอร์จำเป็นต้องมีไว้เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น และโปรแกรมใดบ้างที่สามารถลบทิ้งได้ สาเหตุหนึ่งที่แอปพลิเคชันเหล่านี้ทำให้คอมของคุณช้าลงก็เพราะว่าแอปดังกล่าวมักจะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อคุณเปิดคอม
หากคุณไม่แน่ใจว่าจะลบแอปพลิเคชันเหล่านี้ออกไปอย่างถาวรหรือเปล่า คุณอาจลองดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแอปพลิเคชันที่คุณต้องการลบเพิ่มเติมได้จากเมนูที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
2. จำกัดจำนวนโปรแกรมที่เริ่มทำงานตอนเปิดคอม
ในทำนองเดียวกัน คุณก็ยังสามารถกำหนดได้ว่าจะให้แอปพลิเคชันใดเริ่มทำงานเมื่อคุณเปิดคอมได้ด้วย Windows 10 มี Task Manager ที่อัปเดตแล้ว ซึ่งเป็นตัวช่วยกำหนดว่าจะให้โปรแกรมใดบ้างทำงานอัตโนมัติ และโปรแกรมใดบ้างที่คุณจะเปิดใช้งานด้วยตัวเองได้ง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย
- กด Ctrl-Shift-Esc เพื่อเปิด Task Manager
- หน้าต่างที่ปรากฎขึ้นจะแสดงรายการแอปพลิเคชันทั้งหมดที่คุณติดตั้งไว้ในคอมพิวเตอร์
- อีกทั้งยังระบุรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวน RAM ที่แต่ละโปรแกรมใช้ ตั้งแต่คุณเปิดคอม
- หากต้องการปรับเปลี่ยนการตั้งค่า ให้คลิกขวาที่แอปพลิเคชันที่ต้องการ เพื่อกำหนดให้โปรแกรมไม่ต้องทำงานจนกว่าจะได้รับคำสั่ง
คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าได้ตลอดเวลา หากสังเกตเห็นว่าโปรแกรมไม่ทำงานอีกต่อไปและส่งผลกระทบต่อการใช้คอม หากไม่แน่ใจ คุณสามารถรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ได้ทุกเมื่อ เพื่อดูว่าคอมจะทำงานอย่างไรเมื่อปิดแอปพลิเคชันบางตัวที่เริ่มทำงานอัตโนมัติตั้งแต่เปิดเครื่อง
3. เพิ่ม RAM ให้คอม
ถ้าพูดในแง่ของการใช้หน่วยความจำแล้ว Windows 10 จะกิน RAM น้อยกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่การเพิ่มหน่วยความจำ RAM เป็นวิธีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าดีมาตลอดระยะเวลาหลายปีในแง่ของการเพิ่มประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ทั้งหลาย
หากคุณมีแล็ปท็อปแบบพับจอได้หรือแบบถอดคีย์บอร์ดได้ คุณก็อาจจะพอรับได้กับสิ่งที่เครื่องมีอยู่แล้ว แม้แล็ปท็อปสำหรับการทำงานและการเล่นเกมบางรุ่นสามารถเพิ่ม RAM ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเพิ่มได้ง่ายๆ
การเพิ่ม RAM ให้กับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปนั้นทำได้ง่ายกว่ามาก และราคาก็ยังถูกกว่าเยอะด้วย ใครก็ตามที่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับส่วนประกอบภายในคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปแบบทาวเวอร์ ก็จะสามารถติดตั้ง RAM เพิ่มเติมได้ภายในชั่วโมงเดียวโดยประมาณ
แต่ถ้าไม่แน่ใจ ก็สามารถนำคอมพิวเตอร์ไปให้ร้านมืออาชีพติดตั้ง RAM เพิ่มก็ได้ หากกังวลว่าระบบคอมพิวเตอร์ของคุณอาจมีประสิทธิภาพลดลงหรือผิดปกติหลังนำไปเพิ่ม RAM ล่ะก็ การขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณสบายใจขึ้น และทำให้การเพิ่มหน่วยความจำเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นอีกด้วย
4. ตรวจหาสปายแวร์และไวรัส
แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คอมจะไม่เผลอติดไวรัสขณะท่องเว็บ แต่ก็มีซอฟต์แวร์ Windows Defender ตัวใหม่ที่พร้อมช่วยค้นหามัลแวร์ที่อาจสร้างปัญหาใหญ่ให้กับคอมของคุณได้ง่ายกว่าที่เคย นอกจากนี้ การติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติมก็ทำได้ง่ายๆ และสามารถลบสปายแวร์หรือไวรัสที่คุณอาจพบเจอได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
แอปพลิเคชันบางแอปก็ดีกว่าแอปอื่นๆ และบางแอปก็อาจกินพื้นที่มากกว่าแอปอื่นๆ เช่นกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเร็วในการประมวลผลได้ ตามหลักการแล้ว คุณก็คงต้องการค้นหาซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพและกำจัดมัลแวร์ได้อย่างหมดจด แต่ต้องไม่กินพื้นที่ในคอมมากเกินไป
งั้นลองพิจารณาติดตั้งซอฟต์แวร์ 2 ประเภทที่ใช้ตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์ดูสิ โปรแกรมกำจัดมัลแวร์สามารถแก้ปัญหาอาการ "แล็ก" ของคอมพิวเตอร์ หรือปัญหาเรื่องความเร็วหรือป๊อปอัปที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า อย่างไรก็ตาม คุณควรตรวจสอบแอปพลิเคชันป้องกันไวรัสที่ทำงานอัตโนมัติอย่างต่อเนื่องอยู่เบื้องหลังด้วย ย้ำอีกครั้งว่าโปรแกรมป้องกันไวรัสเหล่านี้กินพื้นที่เช่นกัน ดังนั้นคุณจึงต้องเลือกโปรแกรมที่ออกแบบมาโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน
การค้นคว้าเพิ่มเติมเล็กๆ น้อยๆ ช่วยให้คุณเจอซอฟต์แวร์ที่เป็นมิตรต่อเงินในกระเป๋า หรือใช้งานได้ดีกับระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของคุณโดยเฉพาะ ทั้งนี้ คุณอาจพบปัญหาเรื่องความเข้ากันได้เช่นกันหากดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ฟรี คุณจึงควรตรวจสอบให้ดีอีกครั้งก่อนติดตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพตามมา
5. ใช้ Disk Cleanup และการจัดระเบียบข้อมูล
คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องมีไฟล์และโปรแกรมจำนวนหนึ่งบนฮาร์ดไดรฟ์ที่ไม่จำเป็นหรือไม่ได้ใช้งานมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่ง Disk Cleanup หรือการล้างข้อมูลบนดิสก์จะช่วยให้คุณสามารถค้นหาว่าแอปพลิเคชันและไฟล์ใดบ้างที่สามารถลบออกจากคอมพิวเตอร์ได้ ถือเป็นการเพิ่มพื้นที่ว่างในไดรฟ์เพื่อรองรับโปรแกรมที่ต้องการใช้งานในอนาคต
การใช้งาน Disk Cleanup เป็นเรื่องง่ายกว่าที่คุณคิด
- เพียงคลิกปุ่ม Start หรือช่องค้นหา Cortana โปรแกรม Disk Cleanup ก็จะปรากฎขึ้นมา
- โปรแกรมจะทำการสแกนอย่างรวดเร็วและแสดงรายการไฟล์ชั่วคราว แอปพลิเคชันตัวติดตั้ง และหน้าเว็บที่คุณไม่ได้ใช้หรือไม่ต้องการอีกต่อไป
- จากนั้นโปรแกรมจะลบรายการเหล่านั้นออกโดยอัตโนมัติ และเคลียร์พื้นที่บางส่วน
ความเร็วของ Disk Cleanup จะขึ้นอยู่กับความจุ RAM ในคอม ซึ่งอาจทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงกว่าปกติ ในกรณีนี้ การติดตั้ง RAM เพิ่มเติมลงในเครื่องน่าจะเป็นความคิดที่ดีทีเดียว
ทั้งนี้ คุณควรกำหนดเวลาจัดระเบียบข้อมูลบนดิสก์เป็นครั้งคราว เพื่อให้รู้ว่าขณะนี้มีพื้นที่ว่างในฮาร์ดไดรฟ์เหลืออยู่แค่ไหน Windows มีเครื่องมือ Optimize Drives ซึ่งคุณสามารถเรียกใช้ได้จากปุ่ม Start หรือช่องค้นหา Cortana นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมเสริมอื่นๆ ที่สามารถช่วยในการกำจัดไฟล์ที่คุณไม่ได้ใช้งานอีกต่อไปด้วย
6. ลองติดตั้ง SSD เป็นไดรฟ์หลัก
เมื่อคุณต้องการเพิ่มความเร็วคอมกว่าเดิม การติดตั้ง Solid-State Drive (SSD) เป็นไดรฟ์หลักจะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระการทำงานของโปรเซสเซอร์ตอนเปิดเครื่องได้อย่างมาก หากคุณมักจะเปิดแอปพลิเคชันหลายตัวพร้อมๆ กัน หรือใช้ซอฟต์แวร์สำหรับการตัดต่อรูปภาพและวิดีโอ ไดรฟ์หลักก็สามารถช่วยให้โปรแกรมเหล่านี้ทำงานได้ราบรื่นขึ้น และโหลดได้เร็วขึ้นอีกด้วย
แม้ว่าโดยทั่วไป SSD มักติดตั้งในคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป แต่ SDD ก็สามารถใช้กับแล็ปท็อปบางรุ่นได้เช่นกัน ถ้าไม่สามารถติดตั้ง SSD ภายในได้ คุณก็สามารถหาซื้อไดรฟ์ภายนอก (external drive) ที่เชื่อมต่อกับคอมด้วย USB 3.0 ได้เสมอ ไดรฟ์ประเภทนี้ช่วยเร่งความเร็วคอมเมื่อเปิดเครื่องเพื่อให้คุณได้ทำงานเสร็จเรียบร้อยตามต้องการ ทั้งยังเพิ่มหน่วยความจำชั่วคราวให้กับแอปต่างๆ เพื่อการใช้งานที่ราบรื่นอีกด้วย
คุณสามารถเลือกซื้อ SSD มากมายหลายแบบในราคาสบายกระเป๋า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแนวทางการใช้งานคอมของคุณเอง เว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์ไดรฟ์เก็บข้อมูลออนไลน์ถือเป็นแหล่งข้อมูลล้ำค่า เมื่อคุณต้องการเลือกไดรฟ์ที่ใช่สำหรับคอมพิวเตอร์ และจำเป็นต้องรู้ว่าไดรฟ์นั้นสามารถใช้กับระบบปฏิบัติการของคุณได้หรือไม่
7. ตรวจสอบเว็บเบราว์เซอร์ที่คุณใช้
บ่อยครั้งที่การปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ มักจะสร้างความแตกต่างในด้านความเร็วของคอมได้ และบางครั้งก็เป็นเรื่องง่ายๆ อย่างเบราว์เซอร์ที่คุณใช้ ก็อาจทำให้อัตราการโหลดหน้าเว็บ วิดีโอ และรูปภาพช้าลงหรือเร็วขึ้นได้เช่นกัน หากคุณใช้เบราว์เซอร์หนึ่งเป็นหลัก และสังเกตว่าทำงานช้า ให้ลองเลือกใช้เบราว์เซอร์อื่น เพื่อดูว่าจะโหลดได้เร็วขึ้นกว่าเบราว์เซอร์เดิมไหม
ประเภทของเบราว์เซอร์ที่คุณใช้ไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงขณะที่คุณท่องเว็บเท่านั้น แต่การที่มีแคชเต็มเพราะไม่ได้ล้างมาระยะหนึ่งแล้ว ก็ถือเป็นอีกปัจจัยเช่นกัน ดังนั้น คุณจะต้องไปที่การตั้งค่าเพื่อล้างแคชให้หมด
แคชประกอบด้วยไฟล์มากมายที่คุณโหลดเข้าเครื่องขณะเข้าชมเว็บไซต์ต่างๆ เว็บไซต์หลายแห่งใช้คุกกี้เพื่อจดจำพฤติกรรมการท่องเว็บของคุณ รวมถึงโฆษณาต่างๆ ที่คุณอาจคลิกเมื่อเข้าชมเว็บไซต์นั้น ซึ่งแคชจะเก็บไฟล์เหล่านี้เป็นข้อมูล และยิ่งคุณท่องโลกออนไลน์เป็นเวลานานมาก ไฟล์เหล่านี้ก็จะยิ่งสะสมมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งทำให้คอมพิวเตอร์ช้าลงอีกด้วยข่าวดีคือ มีวิธีแก้ไขง่ายๆสำหรับเว็บเบราว์เซอร์ยอดนิยม แนวทางแก้ไขมี 2 วิธี ดังนี้
สำหรับ Internet Explorer ให้ทำดังนี้
- ไปที่ "ตัวเลือกอินเทอร์เน็ต (Internet Options)"
- คลิกที่แท็บ “ทั่วไป (General)”
- หาตัวเลือก “ประวัติการเรียกดู (Browsing History)”
- เลือก "แฟ้มอินเทอร์เน็ตชั่วคราว (Temporary Internet Files)" และ "ข้อมูลเว็บไซต์ (Website Data)"
- กดที่เมนู "ลบ (Delete)"
สำหรับ Google Chrome ให้ทำดังนี้
- ไปที่ "การตั้งค่า (More settings)"
- เลือก “ข้อมูลส่วนบุคคลและความปลอดภัย (More tools)”
- คลิกที่ “ล้างข้อมูลการท่องเว็บ (Clear browsing data)”
- โปรดทราบว่า Chrome อนุญาตให้คุณลบข้อมูลได้ภายในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น
- หากคุณไม่เคยลบไฟล์ในแคชมาก่อน ให้เลือก "ตั้งแต่ต้น (All time)"
- เลือกช่อง "คุกกี้และข้อมูลอื่นของไซต์ (Cookies and other site data)" และ "รูปภาพและไฟล์ในแคช (Cached images and files)"
- กดปุ่ม "ล้างข้อมูล (Clear data)"
คุณจะได้รับคำเตือนว่า คุกกี้อาจมีฟังก์ชันการป้อนข้อมูลอัตโนมัติในแถบค้นหาของคุณ ดังนั้น คุณควรบุ๊กมาร์กเว็บไซต์โปรดไว้ก่อนล่วงหน้าจะดีกว่า
สรุป
หากคุณประสบปัญหาในการโหลดแอปพลิเคชัน หรือแค่คอมพิวเตอร์ช้า ให้ปรับเปลี่ยนการตั้งค่าเล็กน้อยเพื่อปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม
ตรวจสอบอีกครั้งให้แน่ใจว่ามีมัลแวร์ สปายแวร์ หรือไวรัสที่เป็นสาเหตุให้คอมพิวเตอร์ช้าหรือความเร็วในการประมวลผลลดลงหรือไม่ หลังจากนั้น ให้ลองสำรวจดูสาเหตุอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหา เพื่อคุณจะได้เร่งความเร็วคอม ดูแลรักษา และตรวจสอบประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ และใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ดียิ่งขึ้นในภาพรวม