โครงสร้างรายงานต้นทุนการผลิตวิธีเข้าก่อนออกก่อนเมื่อมีของเสียเกิดขึ้น
ลักษณะการจัดทำรายงานต้นทุนการผลิตวิธีเข้าก่อนออกก่อนเมื่อมีของเสียเกิดขึ้นจะคล้ายคลึงกับการจัดทำรายงานต้นทุนการผลิตวิธีเข้าก่อนออกก่อนแบบไม่มีของเสียเกิดขึ้น แต่มีรายละเอียดในบางส่วนที่แตกต่างกัน อธิบายได้ดังนี้
1. สรุปปริมาณการผลิต ในส่วนของปริมาณการผลิตเสร็จและโอนออก ประกอบด้วยงานระหว่างทำต้นงวด สินค้าดีที่เริ่มและผลิตเสร็จ ของเสียปกติ ของเสียเกินปกติ และงานระหว่างทำปลายงวด ซึ่งจะเป็นส่วนที่เชื่อมโยงกับการคำนวณหน่วยเทียบเท่าสำเร็จรูป ที่จะแยกรายการเป็นส่วนของวัตถุดิบทางตรง แรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิต
2. สรุปต้นทุนการผลิต งานระหว่างทำต้นงวดจะออกยอดต้นทุนรวม แต่ต้นทุนการผลิตระหว่างงวด จะแยกรายการเป็นส่วนของวัตถุดิบทางตรง แรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิต รายงานส่วนไม่มีความแตกต่างกันไม่ว่าจะมีของเสียเกิดขึ้นในกระบวนการหรือไม่
3. คำนวณต้นทุนต่อหน่วยเทียบเท่าสำเร็จรูป การคำนวณในขั้นนี้จะเหมือนกันทั้งในกรณีไม่มีของเสียเกิดขึ้นหรือไม่มีของเสียเกิดขึ้นก็ตาม คือ นำข้อมูลในข้อที่ 2 หารด้วยหน่วยเทียบเท่าสำเร็จรูปในข้อที่ 1
4. โอนต้นทุน โดยนำต้นทุนต่อหน่วยที่ได้ในข้อที่ 3 คูณกับปริมาณผลิตโอนออก เปรียบเทียบรายการโอนต้นทุนในรายงานต้นทุนการผลิตวิธีเข้าก่อนออกก่อนกรณีไม่มีของเสีย และกรณีมีของเสียเกิดขึ้น ดังนี้
ตัวอย่างที่ 3
จากข้อมูลตัวอย่างที่ 2 นำมาจัดทำรายงานต้นทุนการผลิตวิธีเข้าก่อนออกก่อน ได้ดังนี้
คำนวณต้นทุนต่อหน่วยที่สมบูรณ์และโอนออก
= (ต้นทุนรวมของงานระหว่างทำต้นงวด + ต้นทุนสินค้าดี + ต้นทุนของเสียปกติ) / หน่วยสินค้าดีที่โอนออก
= 103,217.17 บาท / 420 หน่วย
= 245.76 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม
ค่าใช้จ่ายการผลิตในแผนกขึ้นรูป ได้แก่ ค่าสาธารณูปโภค 4,000 ค่าเช่า 10,000 บาท ค่าเสื่อมราคา 6,000 บาท และวัสดุซ่อม 4,080 บาท
จากข้อมูลข้างต้น นำมาบันทึกบัญชี ได้ดังนี้
หน้าแรก
BLOG myAccount Cloud
บัญชีโคตรง่าย
ต้นทุนช่วงการผลิต
การบัญชีต้นทุนช่วงการผลิต
- เป็นวิธีการรวบรวมและสะสมต้นทุนการผลิตของกิจการที่มีการผลิตต่อเนื่องกันไป มักใช้ในกิจการที่ผลิตสินค้าจำนวนมาก
- การคำนวณต้นทุนต่อหน่วยของสินค้าในงวดบัญชี จะใช้วิธีการถัวเฉลี่ยความสำเร็จของงานให้อยู่ในรูปของหน่วยเทียบสำเร็จรูป (Equivalent Units) เสียก่อน เนื่องจากลักษณะของการผลิตมีความต่อเนื่องกันไปตลอด
- มีการจัดทำรายงานต้นทุนการผลิต แยกตามแผนกผลิต (โดยปกตินิยมรวบรวมต้นทุนตามงวดเวลา 1 เดือน)
ข้อแตกต่างระหว่างการบัญชีต้นทุนงานสั่งทำ และการบัญชีต้นทุนช่วงการผลิต
| 1. คำนวณต้นทุนต่อหน่วยของงาน ตามงวดเวลา |
2. ผลิตสินค้าตามคำสั่งของลูกค้า | 2. ผลิตสินค้าเพื่อขายโดยทั่วไป |
3. ลักษณะของสินค้าแตกต่างกันตามความต้องการของลูกค้า | 3. ลักษณะของสินค้ามีมาตรฐานเป็นแบบเดียวกัน |
4. รวบรวมต้นทุนโดยใช้บัตรต้นทุนงาน ตามเลขที่งาน | 4. รวบรวมต้นทุนแต่ละแผนกโดยใช้รายงานต้นทุนการผลิต |
5. คิดต้นทุนทุกประเภทเข้างานแต่ละงานได้โดยตรง | 5. คิดต้นทุนสะสมตามแผนกการผลิต เมื่อรวบรวมครบทุกแผนกผลิตแล้ว จึงโอนต้นทุนเข้าสู่สินค้าสำเร็จรูป |
การคำนวณหน่วยเทียบสำเร็จรูป (EU.) จะคำนวณแยกตามปัจจัยการผลิตโดยคำนึงจุดที่มีการป้อนปัจจัยการผลิตแต่ละชนิดเข้าสู่กระบวนการผลิต หากปัจจัยการผลิตมีการนำเข้าสู่กระบวนการผลิตพร้อมกัน สามารถที่จะนำมาคำนวณหน่วยเทียบสำเร็จรูปไปด้วยกันได้ เช่น ค่าแรงงานทางตรง (DL) และค่าใช้จ่ายการผลิต (OH) ซึ่งมักเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอตลอดกระบวนการผลิตจึงนำมารวมคำนวณภายใต้ หัวข้อ ต้นทุนเปลี่ยนสภาพ
(CC
: Conversion cost)
นอกจากนี้ยังขึ้นกับวิธีการคำนวณต้นทุนต่อหน่วยว่ากิจการต้องการใช้
- วิธีเข้าก่อน – ออกก่อน (First – in, First – out หรือ FIFO)
- วิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Weighted – Average หรือ WA)
การจัดทำรายงานต้นทุนการผลิต : มีขั้นตอนในการรวบรวมและคำนวณเป็น 5 ขั้นตอน คือ
ขั้นที่ 1 : แสดงการกระทบยอดหน่วยนับของหน่วยผลิต ในรูปของหน่วยนับได้
หน่วยนับ Input = หน่วยนับ Output
ขั้นที่ 2 : คำนวณหน่วยนับ Output ในรูปของหน่วยเทียบสำเร็จรูป
ขั้นที่
3 : รวบรวมต้นทุนทั้งหมดที่ป้อนเข้าสู่แผนกผลิต (รวมถึงต้นทุนที่รับโอนมาจากแผนกก่อนหน้า)
ขั้นที่ 4 : คำนวณต้นทุนต่อหน่วยเทียบสำเร็จรูป แยกตาม ปัจจัยการผลิต
ขั้นที่ 5 : กระทบยอดและสรุปต้นทุนทั้งหมดที่โอนออกจากแผนกผลิต รวมถึงต้นทุนของงานระหว่างทำคงเหลือปลายงวด
- ต้นทุนต่อหน่วย EU ตามวิธี WA
= ต้นทุน WIP ต้นงวด + ต้นทุนปัจจุบัน
EU ของหน่วยผลิตต้นงวด + ปัจจุบัน
- ต้นทุนต่อหน่วย EU ตามวิธี FIFO
=
ต้นทุนปัจจุบัน
EU ของหน่วยผลิตที่ป้อนเข้าในงวดปัจจุบัน
การจัดทำรายงานต้นทุนการผลิตเมื่อเกิดหน่วยเสีย (Spoilage Units)
- หน่วยเสียที่ถูกตรวจพบ ตามจุดตรวจสอบ โดยปกติจะถูกดึงออกจากกระบวนการผลิตทันทีที่พบ
- หน่วยเสียปกติ (NS : Normal Spoilage) เป็นหน่วยเสียที่เกิดขึ้นภายใต้สภาวะการผลิตปกติ โดยปกติจะตัดสินใจยอมรับต้นทุนของ NS ให้เป็นส่วนหนึ่งของต้นทุน
การผลิตหน่วยดี
- หน่วยเสียปกติ
(AS : Abnormal Spoilage) เป็นหน่วยเสียที่สามารถหลีกเลี่ยงได้หากมีการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ต้นทุนของ AS จะถูกรวบรวมและนำไปแสดง
ยอดขาดทุนจาก AS ในงบกำไรขาดทุนประจำงวดนั้น ๆ
บทความโดย : //xn--12cfjb4gd5dd4a6b2cxaftl4pk4s.blogspot.com