การปรับอากาศแบ่งได้2ประเภทใหญ่ๆคือ

การปรับอากาศ คือการควบคุมอุณหภูมิ(อาจจะเป็นการลด อุณหภูมิในภูมิอากาศร้อน หรือการเพิ่มอุณหภูมิที่อากาศหนาว) ความชื้น ความบริสุทธิ์ของอากาศในบริเวณหนึ่งให้เป็นไปตามความต้องการ โดยทั่วไปแล้ว การปรับอากาศสามารถแบ่งตามวัตถุประสงค์การใช้งานได้เป็น 2 ประเภท

  1. การปรับอากาศเพื่อความเย็นสบาย เป็นการปรับอากาศที่มุ่งส่งเสริมความเย็นสบาย และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของผู้คนที่อาศัยหรือทำงานอยู่ในที่บริเวณ นั้นๆ เช่น การปรับอากาศภายในบ้าน สำนักงาน ร้านอาหาร โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ
  2. การปรับอากาศเพื่อการอุตสาหกรรม เป็นการปรับอากาศเพื่อควบคุมภาวะบรรยากาศในกระบวนการผลิต การทำงานวิจัย และการเก็บรักษาผลผลิตต่างๆ เช่น การปรับอากาศในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ โรงงานทอผ้า  ฯลฯ

ระบบปรับอากาศที่ใช้กันอยู่ทั่วไปมีอยู่ 3 ระบบ โดยแบ่งตามลักษณะการส่งความเย็น

  1. ระบบน้ำทั้งหมด (All-water system) คือ ระบบที่ส่งเฉพาะน้ำที่ถูกทำความเย็นจากส่วนกลางไปยังบริเวณที่ต้องการปรับ อากาศแต่ละส่วน ระบบนี้เหมาะกับการใช้งานในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากมีต้นทุนที่ถูกกว่า และใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยกว่าระบบปรับอากาศแบบอื่นๆ
  2. ระบบอากาศทั้งหมด (All-air system) คือระบบที่ส่งเฉพาะอากาศที่ถูกทำความเย็นแล้วไปยังบริเวณที่ต้องการปรับ อากาศ ระบบนี้เหมาะสำหรับระบบเล็กๆ เช่น บ้านพักอาศัย หรือสำนักงานขนาดเล็ก
  3. ระบบน้ำและอากาศ (Water-air system) คือ ระบบที่ส่งทั้งน้ำเย็นและอากาศจากส่วนกลางไปยังพื้นที่ปลายทางแต่ละห้อง โดยการนำเอาข้อดีของระบบน้ำที่สามารถนำพาความเย็นส่วนใหญ่ไปได้ดีกว่า และข้อดีของอากาศที่สามารถส่งด้วยความเร็วสูงกว่า จึงทำให้ใช้เนื้อที่ ปล่อง และเพดานไม่มากนัก แต่ต้นทุนในการของระบบนี้ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับระบบ อื่นๆ

Thanks to watcharaaircon.com

ตามปกติเมื่อได้ยินคำว่า “การปรับอากาศ หรือ ระบบปรับอากาศ” สิ่งแรกที่ทุกคนเข้าใจก็คือการทำอากาศให้เย็นเท่านั้น แต่ในความหมายที่แท้จริงของคำว่าการปรับอากาศแล้ว จะต้องมีความหมายรวมถึงการควบคุมอุณหภูมิภายในห้องปรับอากาศ ผ่านคอยล์เย็นและสารทำความเย็น ให้มีอุณหภูมิพอเหมาะให้คนที่อยู่ข้างในมีความรู้สึกสบาย ควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ขออากาศการระบายอากาศเสียทิ้ง รวมทั้งการหมุนเวียนของอากาศบริสุทธิ์และการกรองอากาศที่สกปรกให้สะอาด

ระบบปรับอากาศในอาคาร แตกต่างอย่างไรกับเครื่องปรับอากาศแบบปกติ

เครื่องปรับอากาศแบบปกติหรือแอร์บ้าน จะมีหลักการทำงานคล้ายๆกับระบบปรับอากาศภายในอาคาร จะแตกต่างกันที่ แอร์บ้านจะให้สารทำความเย็นวิ่งผ่านคอยล์เย็นทำให้เกิดลมเย็น ส่วนระบบปรับอากาศในอาคารหรือ Chiller จะให้สารทำความเย็นทำน้ำให้เย็นก่อน แล้วจึงส่งน้ำเย็นไปหา ท่อส่งลม หรือ AHU เพื่อผลิตอากาศเย็นเข้าไปยังพื้นที่ที่ต้องการทำความเย็น การเลือกรูปแบบระบบทำความเย็นในอาคาร สำนักงาน หรือบ้าน จะดูจากพื้นที่ที่ต้องการทำควมเย็นเป็นหลัก

ระบบปรับอากาศมีกี่ประเภท กี่แบบ

ระบบปรับอากาศที่นิยมใช้ในปัจจุบันสามารถแบ่งได้ดังนี้คือ

  1. ระบบปรับอากาศระบบน้ำยา ( Direct Expansion System ) ขนาด 1-25 Ton ความเย็น
    • นิยมใช้กับบ้านพัก , คอนโดมิเนียมที่พักอาศัย , สำนักงานที่ไม่ใหญ่มาก
  2. ระบบปรับอากาศระบบ Packaged Unit ( มี Compressor คอยล์ร้อน , คอยล์เย็น , พัดลมอยู่ในเครื่อง )
    1. ระบายความร้อนด้วยอากาศ ( 15 – 30 Ton ความเย็น )
    2. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ( 15 – 45 Ton ความเย็น )
    • นิยมใช้กับ Office condominium ซึ่งแบ่งแยกความเป็นเจ้าของในแต่ละ Unit โดยส่วนกลางจะจัดหา Cooling Tower และ Pump ให้ ระบายความร้อนจากเครื่อง Package ให้ ซึ่งค่าไฟฟ้าแยกจ่ายตามแต่ละ Unit
  3. ระบบปรับอากาศระบบน้ำเย็น ( Chilled water system )
    1. ระบายความร้อนด้วยอากาศ Air Cooled Chiller ( 40 – 200 Ton ความเย็น )
    2. ระบายความร้อนด้วยน้ำ Water Cooled Chiller ( 100 – 1,500 Ton ความเย็น )
    • นิยมใช้กีบเจ้าของที่เป็นเจ้าของอาคาร และต้องการจ่ายค่าไฟฟ้าเองเช่น โรงแรม , ศูนย์การค้า , สำนักงาน เป็นต้น

ระบบการจ่ายลมเย็นของระบบปรับอากาศในอาคาร

ระบจ่ายลมเย็นของระบบปรับอากาศจะแบ่งออกเป็น 2 ระบบคือ

1. ระบบหมุนเวียนอากาศสำหรับระบบปรับอากาศแบบไม่มีท่อส่งลม ระบบนี้ใช้เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนในพื้นที่ปรับอากาศ โดยอากาศในพื้นที่จะถูกพัดลมดูดหมุนเวียนไปยังคอยล์เย็นแล้วส่งกลับไปที่ห้องปรับอากาศอีกครั้ง มีการระบายอากาศโดยพัดลมดูดอากาศที่ทำหน้าที่ดูดอากาศออกไปทิ้งยังภายนอก และเติมอากาศใหม่โดยอาศัยการแทรกซึมของอากาศตามช่องลม ขอบหน้าต่าง หรือขอบใต้ประตู

2. ระบบหมุนเวียนอากาศสำหรับระบบปรับอากาศแบบมีท่อส่งลม ระบบปรับอากาศที่ใช้ท่อส่งลมเย็นมักเป็นระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ โดยอากาศในพื้นที่ที่ต้องการปรับอากาศจะถูกพัดลมดูดหมุนเวียนอากาศกลับไปที่คอยล์เย็นผ่านทางท่อลม ซึ่งในขณะที่หมุนเวียนอากาศอยู่ก็จะมีการเติมอากาศใหม่จากภายนอกเข้าไปเพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพของอากาศ และส่งกลับไปยังพื้นที่ปรับอากาศ

ปัจจัยสำคัญในการความคุมการปรับอากาศ สรุปได้ดังนี้

1. ปรับและควบคุมอุณหภูมิ การปรับอุณหภูมิภายในห้องปรับอากาศให้อยู่ในช่วงที่คนเรากำลังรู้สึกสบายเป็นสิ่งสำคัญมาก อุณหภูมิที่คนกำลังสบายควรอยู่ระหว่าง 24 – 26 องศาเซลเซียส

2. ควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ ความชื้นสัมพัทธ์มีผลต่อความสบายของมนุษย์เรามากพอๆ กับอุณหภูมิ ถ้าความชื้นสำพันธ์มีค้าน้อยมาก ก็จะทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัว ผิวแห้ง คัน ได้ ความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสำหรับมนุษยืเราที่อยู่ได้สบายควรมีค่าประมาณ 50-60 %R.H. ( R.H. ย่อมาจาก Relative humidity หมายถึง ความชื้นสัมพัทธ์ )

3. ระบายอากาศเสียทิ้ง แม้ว่าในห้องปรับอากาศจะมีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม แต่ถ้าอากาศในห้องยังอับทึบและไม่บริสุทธิ์ ก็ย่อมทำให้ผู้อาศัยอยู่ข้างในรู้สึกอึดอัดและไม่สุขสบายดังนั้นการปรับอากาศจึงต้องคำนึงถึงการระบายอากาศเสียทิ้งอีกด้วย

4. การหมุนเวียนของอากาศบริสุทธิ์ การหมุนเวียนของอากาศบริสุทธิ์ภายในห้องปรับอากาศต้องคำนึงถึงความเร็วของลมด้วย ถ้าลมส่งแรกเกินไปปะทะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายโดยตรงตลอดเวลาแล้ว จะทำให้ผู้อยู่ในห้องรู้สึกไม่สุขสบายได้

5. การกำจัดฝุ่นละออง ควันบุหรี่ กลิ่น และเสียง เนื่องจากห้องปรับอากาศต้องปิดมิดชิดมีการปรับอากาศและระบายอากาศที่ดีซึ่งเป็นการขจัดสิ่งรบกวนต่างๆได้ เช่น ฝุ่นละออง ควัน กลิ่น และเสียงอึกทึกจากภายนอกให้ลดน้องลงได้

สรุป

ในระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ เช่น อาคาร โรงงาน ห้างสรรพสินค้ารวมไปถึงสำนักงาน การเลือกระบบปรับอากาศที่เหมาสมกับการใช้งาน จะส่งผลดีต่อ การประหยัดพลังงาน ช่วยรักษาอุณหภูมิให้คงที่ ความคุมความชื้นของอากาศ รวทั้งการหมุนเวียนของอากาศบริสุทธิ์และการกรองอากาศที่สกปรกให้สะอาด

ระบบปรับอากาศแบ่งออกเป็นกี่ประเภท

ระบบปรับอากาศที่ใช้งานมีกี่ประเภท ? (มี 4 ประเภท).
1. ประเภททำน้ำเย็นระบายความร้อนด้วยนํ้า (Water Cooled Water Chiller) ... .
2. ประเภททำน้ำเย็นระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air Cooler Water Chiller) ... .
3. ประเภทเป็นชุดระบายความร้อนด้วยน้ำ (Water Cooled Package) ... .
4. ประเภทแยกส่วน (Split Type).

FCU มีกี่แบบ

ถ้าพูดถึงหน้าตา FCU แล้วจะมีให้เลือกถึง 10 แบบ ได้แก่ แบบติดผนัง แบบคาสเส็ท 4 ทิศทาง แบบมินิคาสเส็ท 4 ทิศทาง แบบคาสเส็ท 2 ทิศทาง แบบคาสเส็ท 1 ทิศทาง แบบท่อลม แบบแขวนใต้ฝ้า แบบตั้งพื้น แบบตั้งพื้นชนิดซ่อน และแบบคอนโซล วันนี้เรามาเจาะลึกกันแบบติดผนังกันครับ

ภาระการปรับอากาศมีอะไรบ้าง

1. ภาระจากภายนอกซึ่งส่วนใหญ่มาจากแสงอาทิตย์ที่ผ่านผนังและหลังคา ดังนั้นผนังและ หลังคาควรมีคุณสมบัติการเป็นฉนวนที่ดี และความร้อนจากอากาศรั่วและอากาศระบายซึ่งควรลดลงให้มากที่สุด 2. ภาระจากภายในซึ่งมาจากคน แสงสว่าง และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ดังนั้นจึงต้องใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและนำอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นออกนอกห้องปรับอากาศ

แอร์แยกส่วนคืออะไร

ระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน ระบายความร้อนด้วยอากาศ (Split Type) อุปกรณ์หลักของเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน (split type) นั้นมีอยู่ 4 ส่วน คอมเพรสเซอร์ (compressor) เป็นหัวใจหลักของการทำงานในระบบอัดไอ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเพิ่มความดันของสารทำความเย็น ทำให้สารทำความเย็นสามารถไหลเวียนได้ครบวงจรของระบบอัด

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง