เป็นการดูแลสุขภาพแบบ องค์รวมในทุก ๆ ด้านที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพแบบสมบูรณ์สูงสุด โดยใช้หลัก การทางวิทยาศาสตร์สุขภาพในการค้นหาสาเหตุ การตรวจวินิจฉัย และการให้คำแนะนำการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมหรือแนวทางการรักษาต่าง ๆ ที่อ้างอิงมาจากการศึกษาค้นคว้าวิจัยที่เชื่อถือได้ ซึ่งจัดเป็น เวชศาสตร์ป้องกันอย่างแท้จริง ที่ข้อปฏิบัติต่าง ๆ ที่ปรับเปลี่ยนไปตามลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล อันจะนำมาซึ่งการชะลอความเสื่อม ความชรา และโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ
เวชศาสตร์ชะลอวัย และการฟื้นฟูสุขภาพ (Anti-Aging and Regenerative Medicine)
นับเป็นศาสตร์ทางการแพทย์สมัยใหม่ที่หลายคนยังมีความเข้าใจที่ไม่ชัดเจน เพราะเมื่อพูดถึงการชะลอวัย คนส่วนใหญ่จะนึกถึงเรื่องการดูแลผิวพรรณ และเรื่องของความงาม แต่จริง ๆ แล้ว เวชศาสตร์ชะลอวัย และการฟื้นฟูสุขภาพ คำจัดกัดความแบบกระชับได้ใจความสั้นๆคือ “การดูแลและรักษาสุขภาพชีวิต ให้มีคุณภาพที่ดีที่สุดจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต” ซึ่งไม่ได้หมายถึงอายุยืนยาวเป็นร้อยปี แต่หมายถึงเมื่อเราอายุมากขึ้นเรายังคงมีสุขภาพสมบรูณ์แข็งแรง ไม่ได้เจ็บป่วยเป็นโรค ช่วยเหลือตัวเองได้เป็นอย่างดีในกิจวัตรประจำวัน ความคิดความจำดี มีความสุข อารมณ์แจ่มใส นอนหลับดี รับประทานอาหารได้ดี เมื่อเทียบกับคนในช่วงอายุเดียวกันดูแข็งแรง อ่อนเยาว์กว่า
ความพิเศษของเวชศาสตร์ชะลอวัย และการฟื้นฟูสุขภาพ
เป็นการดูแลสุขภาพแบบ องค์รวมในทุก ๆ ด้านที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพแบบสมบูรณ์สูงสุด โดยใช้หลัก การทางวิทยาศาสตร์สุขภาพในการค้นหาสาเหตุ การตรวจวินิจฉัย และการให้คำแนะนำการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมหรือแนวทางการรักษาต่าง ๆ ที่อ้างอิงมาจากการศึกษาค้นคว้าวิจัยที่เชื่อถือได้ ซึ่งจัดเป็น เวชศาสตร์ป้องกันอย่างแท้จริง ที่ข้อปฏิบัติต่าง ๆ ที่ปรับเปลี่ยนไปตามลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล อันจะนำมาซึ่งการชะลอความเสื่อม ความชรา และโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ
ความแตกต่างของการรักษาโรคโดยทั่วไป
คือ จะรักษาตามอาการ หรือเมื่อมีอาการป่วยจึงค่อยมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษา แต่ การรักษาแบบเวชศาสตร์ชะลอวัยและการฟื้นฟูสุขภาพคือ การดูแลแบบค้นหาสาเหตุของการเจ็บป่วย เน้นแก้ไขที่สาเหตุ และเน้นการป้องกันก่อนที่จะเกิดโรค มีการตรวจที่ลงลึกไปมากกว่าการตรวจสุขภาพแบบทั่วไป เพื่อค้นหาสาเหตุหรือปัจจัยที่มีผลต่อร่างกายที่ขัดขวางให้ไม่เกิดภาวะสุขภาพสมบูรณ์ขั้นสุด หาสาเหตุที่ ทำให้เกิดอาการที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ตัวอย่างได้แก่ อาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ สมองล้า เครียดวิตกกังวล นอนไม่หลับ เป็นผื่นแพ้ไม่ทราบสาเหตุ…อาการเหล่านี้มักจะรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง แต่เมื่อไปตรวจหรือพบแพทย์ตามปกติทั่วไปมักจะหาสาเหตุไม่พบและได้รับยาตามอาการ ซึ่งในผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยการรักษาตามอาการอาจจะไม่ได้ผลเนื่องจากสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้ต้องใช้ยาต่อเนื่องตามอาการเป็นระยะยาว ผู้ป่วยบางรายได้รับยาหลายชนิด อาจเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้
นอกจากนี้สาเหตุหรือปัจจัยที่มีผลต่อร่างกายทำให้ไม่เกิดภาวะสุขภาพสมบูรณ์ขั้นสุดอาจก่อให้เกิดโรคต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง และหัวใจเป็นต้น
การรักษาแบบเวชศาสตร์ชะลอวัยและการฟื้นฟูสุขภาพ
เป็นการรักษาที่ตรงจุด ค้นหาสาเหตุ แก้ไขที่สาเหตุ มีการตรวจที่ลงลึกมากกว่า มักจะประสบผลสำเร็จในการรักษาอาการที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันดังที่ได้ยกตัวอย่างข้างต้นและยังเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนไปตามลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล อันจะนำมาซึ่งการชะลอความเสื่อม ความชรา และป้องกันก่อนเกิดโรค นอกจากนี้ยังสามารถรักษาเมื่อเกิดโรคโดยให้การรักษาแบบผสมผสานโดยใช้แนวทางการรักษาโรคเช่นเดียวกับแพทย์แผนปัจจุบันทั่วไปร่วมกับการรักษาแบบเวชศาสตร์ชะลอวัยและการฟื้นฟูสุขภาพ นำมาซึ่งผลการักษาที่ดียิ่งขึ้น
การตรวจสุขภาพแบบเวชศาสตร์ชะลอวัย สามารถตรวจได้เหมือนการตรวจสุขภาพประจำปี ทำได้ทุกเพศทุกวัย ไม่จำเป็นต้องมีอาการ หรือ มีอายุมากแล้วค่อยมาตรวจ มีการศึกษาพบว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่มีปัญหาทางสุขภาพแต่ไม่มีอาการแสดง ดังนั้น การตรวจตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้รู้ว่าเราควรดูแลตัวเองอย่างไร มีสิ่งใดที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ควรดูแลตัวเองด้วยวิธีใดบ้าง เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพแบบสมบูรณ์สูงสุด มีคุณภาพชีวิตที่ดี ห่างไกลโรค และดูอ่อนเยาว์
ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วย แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า การปฏิบัติตัวเพื่อดูแลรักษาสุขภาพที่เราทำอยู่เป็นวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม และได้ผลจริง
มีหลายคนคงเคยได้ยินศาสตร์ใหม่แห่งการรักษาสุขภาพที่เรียกว่า Anti-aging medicine หรือ เวชศาสตร์ชะลอวัย เมื่อพูดถึงเวชศาสตร์ชะลอวัยคนส่วนมากคงนึกถึง การรักษาเทคนิคใหม่เช่นการทำเลเซอร์ การฉีดโบท๊อกซ์ หรือการฉีดสารเติมเต็มเพื่อลดการเกิดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย เพื่อให้คงไว้ซึ่งผิวพรรณที่สดใส แต่ความจริงแล้ว สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเวชศาสตร์ชะลอวัยในด้านผิวพรรณเท่านั้น
ศาสตร์แนวใหม่ให้ความเสื่อมมาเยือนช้าลง
เวชศาสตร์ชะลอวัยแท้ที่จริงเป็นศาสตร์แนวใหม่ในการดูแลรักษาสุขภาพจากภายใน โดยวิเคราะห์ลงลึกไปถึงระดับพันธุกรรม การทำงานของเซลล์ต่างๆ ของอวัยวะภายในร่างกายของคนเรา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการวางแผนการดูแลรักษาสุขภาพ เพื่อป้องกันการเกิดโรค หรือแม้แต่ช่วยในการรักษาถ้าหากเกิดโรคขึ้นมาแล้วจริง ด้วยแนวความคิดที่เชื่อว่าการเกิดโรคบางชนิดเช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมองอุดตัน โรคต้อกระจก โรคข้อเข่าเสื่อม และอื่นๆ บ่งบอกถึงความเสื่อมที่เกิดภายในร่างกาย หรือความชรา หากโรคเหล่านี้เกิดขึ้นเร็วเท่าไรก็แปลว่าเราก็อาจจะชราก่อนเวลาอันควรมากขึ้นเท่านั้น ความเสื่อมหรือความชราเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่เราสามรถชะลอมันได้ และเราสามารถทำให้คุณภาพชีวิตของเราดียิ่งขึ้นได้
ทฤษฎีแห่งความชรา
โดยทฤษฎีของความชราที่มีนักวิทยาศาสตร์ค้นพบมากมาย ทำให้เราทราบว่า ความเสื่อมหรือความชราเกิดขึ้นเพราะปัจจัยต่างๆ หลายอย่าง อันได้แก่ พันธุกรรมในร่างกายของแต่ละคนได้กำหนดเอาไว้แล้วว่าร่างกายเราจะเสื่อมหรือชราเมื่อไร ความเสื่อมหรือความชราเกิดขึ้นเพราะเซลล์เราเสื่อมสภาพเร็ว เป็นผลจากการสะสมของอนุมูลอิสระ ภาวะพร่องของฮอร์โมนที่เป็นสารที่ต่อมไร้ท่อหลั่งออกมาเพื่อควบคุมการทำงานของเซลล์เริ่มลดลง ทฤษฎีเหล่านี้จึงเป็นที่มาของเทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุของความผิดปกติในเซลล์ร่างกายก่อนที่จะเกิดโรคขึ้นจริงๆ ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ความไม่ครบถ้วนของการตรวจสุขภาพแบบปกติ เพราะการตรวจสุขภาพแบบปกติถ้าไม่มีโรคก็จะตรวจไม่เจอ แต่นั่นก็ไม่ได้รับประกันว่าเซลล์ หรืออวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเรายังทำงานได้ดี
Anti-aging medicine ทำอะไรได้บ้าง
เวชศาสตร์ชะลอวัย เป็นศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม และการแพทย์แบบผสมผสาน ด้วยเทคโนโลยีการตรวจในห้องปฏิบัติการที่ทันสมัย ทำให้เราทราบถึงโอกาสที่จะเกิดโรค รวมไปถึงสาเหตุแท้จริงที่ทำให้เกิดโรค สิ่งที่เราวิเคราะห์มีรายละเอียดตัวอย่างดังนี้
- การตรวจรหัสพันธุกรรม เพื่อทำนายโอกาสในการเกิดโรคในอนาคต
- การตรวจภาวะโภชนาการเพื่อประเมินประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ เช่น การตรวจระดับกรดอะมิโน ระดับกรดไขมันจำเป็น ระดับวิตามินแร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ
- การตรวจประสิทธิภาพการขจัดของเสียของตับ
- การตรวจความรุนแรงของการสะสมโลหะหนักและสารพิษที่ก่อให้เกิดโรค
- การตรวจภาวะภูมิแพ้แอบแฝง
- การตรวจระดับฮอร์โมนต่อมไร้ท่อในร่างกาย
นอกจากนี้ยังมีการตรวจอื่นๆ อีกมากมายที่นำไปสู่คำตอบที่แท้จริงของความชะรา และเมื่อวิเคราะห์หาสาเหตุได้แล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยก็จะให้การวางแผนการรักษา และดูแลสุขภาพโดยลงลึกทั้งในส่วนของภาวะโภชนาการ การรับประทานวิตามิน แร่ธาตุเสริมที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล การให้ฮอร์โมนทดแทน เช่น ฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน, ฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน หรือ ฮอร์โมน DHEA ที่มีความสำคัญต่อความเป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นต้น รวมทั้งการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาจริงที่มีอยู่
การดูแลตนเองแบบ Anti-aging medicine จะมีบทบาทเข้ามาผสมผสานกับการรักษาแบบแผนปัจจุบันที่ทำอยู่ เพื่อให้ประสิทธิภาพในการดูแลรักษาดียิ่งขึ้น และลดผลข้างเคียงหรือภาวะที่ไม่พึงประสงค์จากการรักษาปกติ เพื่อให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดียิ่งขึ้น