ออสเตรเลียได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เปิดประตูต้อนรับผู้คนจากทั่วโลกและมีความหลากหลายที่สุดประเทศหนึ่งของโลก
ออสเตรเลียมีประชากรกว่า 24 ล้านคน ชาวออสเตรเลียเกือบครึ่ง (47%) เกิดนอกประเทศออสเตรเลียหรือมีพ่อหรือแม่ที่เกิดต่างประเทศ ครอบครัวในประเทศออสเตรเลียใช้ภาษา พูดคุยสื่อสารกันมากกว่า 260 ภาษา นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ภาษาที่ได้ยินกันทั่วไป มีตั้งแต่ จีนกลาง อิตาเลียน อารบิค จีนกวางตุ้ง ไปจนถึงกรีก
ออสเตรเลียเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นประเทศที่มีพื้นที่มากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก ออสเตรเลียเป็นประเทศเดียวที่ลักษณะเป็นทั้งประเทศและทวีป มีอุทยานแห่งชาติมากกว่า 500 แห่ง และพื้นที่สงวนกว่า 2,700 แห่ง ซึ่งรวมถึงบริเวณอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าไปจนถึงเขตสงวนของชาวอะบอริจิน องค์กรยูเนสโกกำหนดพื้นที่มรดกโลกในออสเตรเลียถึง 20 พื้นที่ เช่น เกรทแบรีเออร์รีฟ, อุทยานแห่งชาติคาคาดู, หมู่เกาะลอร์ดฮาว, พื้นที่ป่าของเกาะแทสมาเนีย, เกาะเฟรเซอร์ และซิดนีย์ โอเปราเฮาส์
ผู้คนทั่วโลกรู้ว่าออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีธรรมชาติงดงาม แต่คุณภาพชีวิตของคนในประเทศก็สูงไม่แพ้ชาติใดในโลก เมืองในออสเตรเลียถึง 6 เมืองติดอันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลก 40 อันดับแรก และระบบการศึกษายังได้ชื่อว่าดีเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะไปเรียนที่ไหนในประเทศออสเตรเลีย จะมั่นใจได้ว่าได้อยู่ในชุมชนที่เป็นมิตรและปลอดภัย
พบกับการศึกษาอันล้ำหน้าของออสเตรเลียและเตรียมพร้อมสำหรับโลกแห่งการเรียนรู้และโอกาสได้งานในฝันท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและต้อนรับทุกคน
เรื่องน่ารู้ 10 เรื่องเกี่ยวกับการเรียนในประเทศออสเตรเลีย
รู้กันหรือไม่ว่าออสเตรเลียมีนักศึกษาต่างชาติอยู่มากที่สุดเป็นอันดับสามของโลกรองจากสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาทั้งๆที่มีประชากรเพียง 23 ล้านคนเท่านั้น แต่ก็ไม่น่าแปลกเพราะออสเตรเลียมีมหาวิทยาลัยถึงเจ็ดแห่งที่ติดอันดับมหาวิทยาลัยยอดเยี่ยม 100 อันดับแรกของโลก! อันที่จริงแล้ว ด้วยหลักสูตรกว่า 22,000 หลักสูตรจากสถาบันทั้ง 1,100 แห่งของเรา ออสเตรเลียอยู่เหนือกว่าประเทศอย่างเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และญี่ปุ่นในการจัดอันดับ U21 ระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาโดย Universitas ประจำปี 2012 โดยอยู่ในอันดับที่แปด
ที่กล่าวมาคือหลักฐานยืนยันด้านวิชาการอันหนักแน่น แต่นอกจากสถาบันของเราจะได้รับการยอมรับในการจัดอันดับต่างๆแล้ว เมืองต่างๆในออสเตรเลียก็ได้รับการยกย่องเช่นกัน มีห้าเมืองในประเทศออสเตรเลียที่ติดอันดับ 30 เมืองที่ดีที่สุดในโลกสำหรับนักศึกษาเมื่อพิจารณาจากความหลากหลายของนักศึกษา ความย่อมเยาว์ คุณภาพชีวิต และการจ้างงาน – ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญทุกประการที่นักศึกษาต้องการเวลาเลือกประเทศที่จะเดินทางไปศึกษา และด้วยทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติกว่า 200 ล้านเหรียญที่รัฐบาลออสเตรเลียมอบให้ทุกปี คุณจึงมีโอกาสเดินทางไปสัมผัสกับความโดดเด่นของการศึกษาในประเทศออสเตรเลียได้ ความโดดเด่นเหล่านี้นี่เองที่จะนำไปสู่โอกาสทางหน้าที่การงานที่ก้าวหน้าในอนาคต
คุณมีสาขาวิชาที่สนใจแล้วหรือยัง? ออสเตรเลียน่าจะมีสาขาวิชาที่คุณสนใจเปิดสอน นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังมีมหาวิทยาลัยอย่างน้อยหนึ่งแห่งที่ติดอันดับ 50 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกในสาขาการเรียนอย่างเช่นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ชีวภาพและเกษตรศาสตร์ แพทย์ศาสตร์และเภสัชกรรม และฟิสิกส์
เมื่อดูจากข้อยืนยันทางการศึกษาอันน่าประทับใจเหล่านี้แล้ว จึงไม่น่าประหลาดใจเลยที่ปัจจุบันเรามีนักศึกษาต่างชาติเรียนจบไปแล้วมากกว่า 2.5 ล้านคน ซึ่งหลังจากเรียนจบจากออสเตรเลีย พวกเขาล้วนออกไปสร้างความแตกต่างในสังคม บางคนก็โดดเด่นในเวทีโลก ที่จริงแล้วประเทศออสเตรเลียได้สร้างผู้ได้รับรางวัลโนเบลมาแล้ว 15 คน และทุกๆวันมีคนมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกที่พึ่งพาการค้นพบและนวัตกรรมของออสเตรเลีย – ตัวอย่างเช่น ยาเพนนิซิลิน เด็กหลอดแก้ว อัลตราซาวด์ อินเตอร์เน็ต Wi-Fi หูไบโอนิค วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก และกล่องดำบันทึกข้อมูลการบิน – การค้นพบในหลากหลายสาขาเหล่านี้ได้ช่วยเหลือคนทั่วโลกมาแล้ว
ลองมานั่งเรียนกับเพื่อนร่วมชั้นที่มีความคิดเจ๋งๆที่สุดในโลกดูมั้ย
แหล่งที่มา
- www.oecd.org
- cricos.deewr.gov.au
- www.topuniversities.com/university-rankings
- www.topuniversities.com/city-rankings
- www.universitas21.com
- www.australiaawards.gov.au
- www.timeshighereducation.co.uk
- www.ieaa.org.au
- www.smartestinvestment.com.au
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พิกัดภูมิศาสตร์: 47°20′N 13°20′E / 47.333°N 13.333°E
ธงชาติ ตราแผ่นดิน |
เพลงชาติ: "เพลงชาติสาธารณรัฐออสเตรีย" |
ที่ตั้งของ ประเทศออสเตรีย (เขียวเข้ม) – ในทวีปยุโรป (เขียว & เทาเข้ม) |
เวียนนา 48°12′N 16°21′E / 48.200°N 16.350°E |
เยอรมัน[a][b] |
|
|
|
ชาวออสเตรีย |
สหพันธ์สาธารณรัฐระบบรัฐสภา |
อเล็คซันเดอร์ ฟัน แดร์ เบ็ลเลิน |
คาร์ล เนฮัมเมอร์ |
รัฐสภา |
สภารัฐบาลกลาง |
สภาแห่งชาติ |
1 พฤศจิกายน ค.ศ. 996 |
17 กันยายน ค.ศ. 1156 |
6 มกราคม ค.ศ. 1453 |
11 สิงหาคม ค.ศ. 1804 |
30 มีนาคม ค.ศ. 1867 |
12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 |
10 กันยายน ค.ศ. 1919 |
1 พฤาภาคม ค.ศ. 1934 |
12 มีนาคม ค.ศ. 1938 |
27 เมษายน ค.ศ. 1945 |
27 กรกฎาคม ค.ศ. 1955 |
83,879 ตารางกิโลเมตร (32,386 ตารางไมล์) (อันดับที่ 113) |
0.84 (ค.ศ. 2015)[5] |
107.6 ต่อตารางกิโลเมตร (278.7 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 106) |
ค.ศ. 2022 (ประมาณ) |
582,130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[7] (อันดับที่ 43) |
64,750 ดอลลาร์สหรัฐ[7] (อันดับที่ 14) |
ค.ศ. 2022 (ประมาณ) |
479,820 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[7] (อันดับที่ 33) |
53,320 ดอลลาร์สหรัฐ [7] (อันดับที่ 17) |
ต่ำ |
สูงมาก · อันดับที่ 18 |
ยูโร (€) (EUR) |
UTC+1 (เวลายุโรปกลาง) |
UTC+2 (เวลาออมแสงยุโรปกลาง) |
ขวา |
+43 |
.at |
ออสเตรีย[c] มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐออสเตรีย[d] เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของยุโรปกลาง โดยเป็นสหพันธรัฐที่แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 9 รัฐ โดยหนึ่งในเก้ารัฐนั้นคือเวียนนาซึ่งทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของประเทศ ออสเตรียมีพรมแดนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับเยอรมนี ทางทิศเหนือติดกับเช็กเกีย ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับสโลวาเกีย ทางทิศตะวันออกติดกับฮังการี ทางทิศใต้ติดกับสโลวีเนียและอิตาลี และทางทิศตะวันตกติดกับสวิตเซอร์แลนด์และลีชเทินชไตน์ ออสเตรียมีเนื้อที่ 83,879 ตารางกิโลเมตร (32,386 ตารางไมล์) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล และมีประชากร 9 ล้านคน[11]
ออสเตรียเกิดขึ้นมาจากพื้นที่ส่วนที่เหลือของแคว้นชายแดนตะวันออกและแคว้นชายแดนฮังการีในช่วงปลายคริสต์สหัสวรรษที่ 1 เดิมนั้นเป็นแคว้นชายแดนของไบเอิร์น ซึ่งในเวลาต่อมาได้พัฒนากลายเป็นดัชชีของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ใน ค.ศ. 1156 และกลายเป็นอาร์ชดัชชีใน ค.ศ. 1453 ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 กรุงเวียนนาได้ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงฝ่ายบริหารของจักรวรรดิ และออสเตรียจึงกลายเป็นดินแดนศูนย์กลางแห่งราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค หลังจากที่จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ถูกยุบลงใน ค.ศ. 1806 ออสเตรียได้สถาปนาจักรวรรดิเป็นของตนเองซึ่งได้กลายเป็นมหาอำนาจและเป็นสมาชิกที่มีบทบาทสำคัญในสมาพันธรัฐเยอรมัน ความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิออสเตรียในสงครามออสเตรีย-ปรัสเซียใน ค.ศ. 1866 นำไปสู่จุดสิ้นสุดของสมาพันธรัฐ และได้ปูทางให้กับการสถาปนาจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีในปีต่อมา
ภายหลังการลอบปลงพระชนม์อาร์ชดยุกฟรันทซ์ แฟร์ดีนันท์ ใน ค.ศ. 1914 จักรพรรดิฟรันทซ์ โยเซ็ฟ ทรงประกาศสงครามกับเซอร์เบีย ซึ่งในท้ายที่สุดก็ได้ทวีความรุนแรงกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ความพ่ายแพ้และการล่มสลายของจักรวรรดิในเวลาต่อมาได้นำไปสู่การสถาปนาสาธารณรัฐเยอรมันออสเตรียใน ค.ศ. 1918 และในเวลาต่อเป็นสาธารณรัฐออสเตรียที่หนึ่งใน ค.ศ. 1919 ในสมัยระหว่างสงคราม ทัศนคติต่อต้านระบบรัฐสภาก็มาถึงจุดสูงสุด จนนำไปสู่การก่อตั้งระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ออสเตรียภายใต้การนำของเอ็งเงิลแบร์ท ด็อลฟูส ใน ค.ศ. 1934 ก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่สองเป็นเวลาหนึ่งปี ออสเตรียถูกผนวกเข้ากับนาซีเยอรมนีโดยอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และได้กลายเป็นเขตการปกครองในระดับต่ำกว่าชาติ หลังการปลดปล่อยออสเตรียใน ค.ศ. 1945 และการถูกฝ่ายสัมพันธมิตรยึดครองเป็นเวลายาวนาน ประเทศก็ได้รับอำนาจอธิปไตยกลับคืนมาอีกครั้ง และได้ประกาศความเป็นกลางอย่างถาวรใน ค.ศ. 1955
ออสเตรียเป็นประเทศประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนโดยมีประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นประมุขแห่งรัฐ และมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลและหัวหน้าฝ่ายบริหาร พื้นที่เมืองขนาดใหญ่ ได้แก่ เวียนนา กราทซ์ ลินทซ์ ซัลทซ์บวร์ค และอินส์บรุค ออสเตรียได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตามผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัว ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีมาตรฐานการครองชีพสูงสุด และได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 18 ของโลก ในดัชนีการพัฒนามนุษย์ใน ค.ศ. 2020
ออสเตรียเป็นสมาชิกของสหประชาชาติมาตั้งแต่ ค.ศ. 1955[12] และเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปมาตั้งแต่ ค.ศ. 1995[13] เป็นที่ตั้งขององค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรปและองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก ออสเตรียเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจและองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่สำหรับการลงนามความตกลงเชงเกนใน ค.ศ. 1995[14] และออสเตรียใช้สกุลเงินยูโรใน ค.ศ. 1999[15]
ศัพทมูลวิทยา[แก้]
ชื่อของประเทศออสเตรียในภาษาเยอรมัน (Österreich) มาจากคำในภาษาเยอรมันสูงเก่าว่า Ostarrîchi ซึ่งแปลว่า "อาณาจักรทางตะวันออก" และปรากฏเป็นครั้งแรกใน "เอกสารอาณาจักรทางตะวันออก" (Ostarrîchi document) จาก ค.ศ. 996[16][17] คำดังกล่าวอาจเป็นคำแปลของวลีในภาษาละตินสมัยกลางว่า Marchia orientalis มาเป็นภาษาท้องถิ่น (ไบเอิร์น) อีกทอดหนึ่ง
ออสเตรียเป็นจังหวัดหนึ่งของไบเอิร์นซึ่งได้รับการสถาปนาขึ้นใน ค.ศ. 976 คำว่า ออสเตรีย เป็นชื่อในภาษาเยอรมันที่แผลงเป็นภาษาละตินและได้รับการบันทึกไว้เป็นครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 12[18] ในขณะนั้น พื้นที่บริเวณลุ่มน้ำดานูบของออสเตรีย (พื้นที่โอแบร์เอิสเตอร์ไรช์และนีเดอร์เอิสเตอร์ไรช์) เป็นอาณาเขตทางตะวันออกสุดของไบเอิร์น
ประวัติศาสตร์[แก้]
การแบ่งเขตการปกครอง[แก้]
ออสเตรียเป็นสหพันธรัฐที่ประกอบด้วย 9 รัฐท้องถิ่น รัฐเหล่านี้แบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น เขต (Bezirke) และ นคร (Statutarstädte) ซึ่งในเขตแต่ละแห่งยังแบ่งออกเป็นเทศบาล (Gemeinden)
- รัฐคารินเทีย (Kärnten)
- รัฐซัลทซ์บวร์ค (Salzburg)
- รัฐทีโรล (Tirol)
- รัฐบัวร์เกินลันท์ (Burgenland)
- รัฐฟอร์อาร์ลแบร์ค (Vorarlberg)
- รัฐนีเดอร์เอิสเตอร์ไรช์ (Niederösterreich )
- รัฐเวียนนา (Wien)
- รัฐสตีเรีย (Styria)
- รัฐโอแบร์เอิสเตอร์ไรช์ (Oberösterreich)
ภูมิศาสตร์[แก้]
ประเทศออสเตรียในปัจจุบัน ตามแผนที่ประเทศออสเตรียมีความกว้างจากทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตกมากกว่า 575 กิโลเมตร มีความยาวจากทิศเหนือจรดทิศใต้มากกว่า 294 กิโลเมตร
ประมาณ 60% ของสภาพภูมิประเทศของประเทศออสเตรียมีลักษณะเป็นภูเขาและเนินเขา ซึ่งได้รับการขานนามให้เป็น "ดินแดนแห่งขุนเขา" ประเทศออสเตรียมีการพาดผ่านของเส้นทาง "แม่น้ำดานูบ" (Donau) โดยผ่านรัฐโลเวอร์ออสเตรียหรือนีเดอร์เอิสเทอร์ไรช์ (Lower Austria; Niederösterreich) และรัฐอัปเปอร์ออสเตรียหรือโอเบอร์เอิสเทอร์ไรช์ (Upper Austria; Oberösterreich) ก่อนไหลต่อไปยังประเทศเช็กเกีย ภูมิประเทศของประเทศออสเตรียแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคือ
ภูเขา (Berge)ภูเขาสูงในประเทศออสเตรียมีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 3,000 เมตร ยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศออสเตรียตั้งอยู่ทางเทือกเขาด้านตะวันออก (Ostalpen) ด้วยความสูง 3,798 เมตร มีชื่อว่า โกรสส์กล็อกเนอร์ (Großglockner) ยอดเขาที่สูงรองลงมาคือ วิลด์ชปิทเซอ (Wildspitze) ด้วยความสูง 3,774 เมตร และยอดเขาที่สูงเป็นอันดับที่สามของประเทศออสเตรยคือ ไวสส์คูเกิล (Weißkugel) ด้วยความสูง 3,738 เมตร ด้วยลักษณะของภูเขาเป็นจุดสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกีฬาฤดูหนาว (Wintersport) ยกตัวอย่างเช่น สกี สโนว์บอร์ด เป็นต้น ส่วนในฤดูร้อน ก็ยังสามารถที่จะท่องเที่ยวชื่นชมสภาพป่า และการปีนเขา อีกด้วยทะเลสาบ (Seen) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศออสเตรียมีชื่อว่า นอยซีดเลอร์เซ (Neusiedler See) โดยมีพื้นที่ประมาณ 77% หรือประมาณ 315 ตารางกิโลเมตร อยู่ที่รัฐบูร์เกนลันด์ (Burgenland) ส่วนพื้นที่อีกประมาณ 33% ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของประเทศฮังการี และยังมีทะเลสาบอื่นๆ ที่มีความสำคัญคือ อัทเทอร์เซ (Attersee) ด้วยพื้นที่ประมาณ 46 ตารางกิโลเมตร และเทราน์เซ (Traunsee) อยู่ในพื้นที่รัฐอัปเปอร์ออสเตรีย และทะเลสาบอื่น ๆ อีกมากมายที่มีความสำคัญมากสำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน เช่น โบเดินเซ (Bodensee), ซัลซ์คัมเมอร์กูทส์ (Salzkammerguts), โวทเฮอร์ซี (Wörthersee), มิลล์ชเตทเทอร์เซ (Millstätter See), ออสเซียเคอร์เซ (Ossiacher See), ไวส์เซินเซ (Weißensee), โมนด์เซ (Mondsee), วอล์ฟกังเซ (Wolfgangsee) เป็นต้นแม่น้ำ (Flüsse)เศรษฐกิจ[แก้]
เป็นแบบเสรีนิยมผสมสังคมนิยม โดยรัฐมีบทบาทในอุตสาหกรรม และวิสาหกิจหลัก เช่น อุตสาหกรรมขั้นปฐม การผลิตกระแสไฟฟ้า ธนาคาร และกิจการสาธารณูปโภค สาเหตุที่รัฐได้เข้ามาจัดการบริหารแบบรวมศูนย์ ก็เพื่อป้องกันการครอบครองจากโซเวียตภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ออสเตรียจึงเริ่มแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และได้พัฒนาเศรษฐกิจแบบตลาดได้สำเร็จ ซึ่งทำให้ประชาชนมีมาตรฐานความเป็นอยู่สูง รัฐบาลชุดที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพรรคขวา ได้มีแผนที่จะแปรรูปรัฐวิสาหกิจการของรัฐเพิ่มเติม อันจะทำให้รัฐบาลออสเตรียมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจลดลง และในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างแบบ Social Partnership ในช่วงทศวรรษที่ 60 และ 70 ได้ลดน้อยลงตามเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่เปลี่ยนไป รัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งนำโดยพรรคฝ่ายซ้ายสังคมนิยมจึงมีนโยบายชะลอการแปรรูปรัฐวิสาหกิจลง และเป็นที่คาดว่า จะมีนโนบายที่ทำให้ความสัมพันธ์ของนายจ้างและลูกจ้างในภาคอุตสาหกรรมเป็นไปแบบ Social Partnership ต่อไป
ประชากร[แก้]
สถิติออสเตรีย (Statistik Austria) รายงานว่าประชากรออสเตรียมีประมาณเกือบ 9 ล้านคน (8.9) ใน ค.ศ. 2020[19] โดยประชากรในเวียนนา เมืองหลวงของประเทศ มีมากกว่า 1.9 ล้านคน[20] (รวมชานเมืองที่มีประชากร 2.6 ล้านคน) ซึ่งเท่ากับหนึ่งส่วนสี่ของประชากรทั้งประเทศ
เวียนนาเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ รองลงมาคือกราทซ์ที่มีประชากร 291,007 คน หลังจากนั้นคือลินทซ์ (206,604), ซัลทซ์บวร์ค (155,031), อินส์บรุค (131,989) และคลาเกินฟวร์ท (101,303) เมืองอื่น ๆ มีประชากรน้อยกว่า 100,000 คน
ตามรายงานจาก Eurostat ใน ค.ศ. 2018 มีพลเมืองต่างชาติในประเทศออสเตรียที่ 1.69 ล้านคน ซึ่งเท่ากับ 19.2% ของประชากรทั้งหมด แบ่งเป็น 928,700 คน (10.5%) ที่ถือกำเนิดนอกสหภาพยุโรป และ 762,000 คน (8.6%) ถือกำเนิดในรัฐสมาชิกสหภาพยุโรป[21] มีลูกหลานของชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้มากกว่า 483,100 คน[22] ชาวเติร์กเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีมากที่สุดในประเทศออสเตรีย โดยมีจำนวนประมาณ 350,000 คน[23]
มีการประมาณอัตราการเจริญพันธุ์โดยรวม (TFR) ใน ค.ศ. 2017 ที่เด็ก 1.52 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคน[24] ซึ่งต่ำกว่าอัตราการทดแทนที่ 2.1 และยังคงต่ำกว่าจำนวนเด็ก 4.83 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคนใน ค.ศ. 1873[25] ออสเตรียมีประชากรที่อยู่ในวัยชรามากเป็นอันดับ 12 ของโลก โดยชาวออสเตรียมีอายุเฉลี่ยที่ 44.2 ปี[26] การคาดหมายคงชีพใน ค.ศ. 2016 อยู่ที่ประมาณ 81.5 ปี (ชาย 78.9 ปี หญิง 84.3 ปี)[27]
สถิติออสเตรียประมาณการว่าใน ค.ศ. 2080 จะมีประชากรอาศัยอยู่ในประเทศนี้เกือบ 10 ล้านคน[28]
เมืองใหญ่สุด[แก้]
ศาสนา[แก้]
โรมันคาทอลิก | 56.9% | |
อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ | 8.8% | |
อิสลาม | 8.0% | |
โปรเตสแตนต์ | 3.3% | |
พุทธ | 0.3% | |
ไม่มี | 22.7% | |
ข้อมูล:[29][30][31] |
บาซิลิกาMariazell เป็นสถานที่แสวงบุญยอดนิยมในออสเตรีย
ใน ค.ศ. 2001 ประชากรออสเตรียประมาณ 74% ระบุตนเองว่านับถือโรมันคาทอลิก[32] ในขณะที่ประมาณ 5% ระบุตนเองเป็นโปรเตสแตนต์[32] ชาวออสเตรียที่นับถือศาสนาคริสต์ทั้งนิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์[33]จำเป็นต้องจ่ายค่าสมาชิกบังคับ (คำนวณตามรายได้—ประมาณ 1%) ให้กับคริสต์จักร การชำระเงินนี้มีชื่อเรียกว่า "Kirchenbeitrag" ("คุณูปการคริสตจักร") เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีผู้นับถือและผู้เข้าโบสถ์น้อยลง ข้อมูลจากรายชื่อสมาชิก 5,050,000 คน หรือ 56.9% ของประชากรทั้งประเทศ ของคริสตจักรโรมัคาทอลิกออสเตรียใน ค.ศ. 2018 มีผู้เข้าโบสถ์ในวันอาทิตย์ที่ 605,828 คน หรือ 7% ของประชากรทั้งประเทศใน ค.ศ. 2015[34] คริสตจักรลูเทอแรนก็รายงานว่าสูญเสียผู้นับถือ 74,421 คนในช่วง ค.ศ. 2001 ถึง 2016 รายงานสำมะโน ค.ศ. 2001 ระบุว่ามีประชากรประมาณ 12% ที่ประกาศว่าตนไม่มีศาสนา[32]
ตามรายงานจากโพล Eurobarometer ใน ค.ศ. 2010[35]
- พลเมืองออสเตรีย 44% ตอบว่า "พวกเขาเชื่อว่ามีพระเจ้า"
- 38% ตอบว่า "พวกเขาเชื่อว่ามีวิญญาณหรือพลังชีวิต"
- 12% ตอบว่า "พวกเขาไม่เชื่อว่ามีวิญญาณ พระเจ้า หรือพลังชีวิต"
วัฒนธรรม[แก้]
หมายเหตุ[แก้]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ "Die verschiedenen Amtssprachen in Österreich". DemokratieWEBstatt.at. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 พฤษภาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 23 พฤษภาคม 2018.
- ↑ "Regional Languages of Austria". Rechtsinformationssystem des Bundes. 2013. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 ตุลาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 27 กรกฎาคม 2013.
- ↑ "Bevölkerung nach Migrationshintergrund". www.statistik.at (ภาษาเยอรมัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-11-14. สืบค้นเมื่อ 2021-12-23.
- ↑ "Central Intelligence Agency". The World Factbook. Central Intelligence Agency. 7 February 2020. สืบค้นเมื่อ 23 February 2020.
- ↑ "Surface water and surface water change". Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD). สืบค้นเมื่อ 2020-10-11.
- ↑ "Population by Year-/Quarter-beginning". 7 พฤศจิกายน 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 มิถุนายน 2015. สืบค้นเมื่อ 12 มิถุนายน 2015.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 7.3 "Austria". International Monetary Fund. 1 April 2018. สืบค้นเมื่อ 23 July 2018.
- ↑ "Gini coefficient of equivalised disposable income – EU-SILC survey". ec.europa.eu. Eurostat. สืบค้นเมื่อ 9 August 2021.
- ↑ Human Development Report 2020 The Next Frontier: Human Development and the Anthropocene (PDF). United Nations Development Programme. 15 December 2020. pp. 343–346. ISBN 978-92-1-126442-5. สืบค้นเมื่อ 16 December 2020.
- ↑ Roach, Peter (2011), Cambridge English Pronouncing Dictionary (18th ed.), Cambridge: Cambridge University Press, ISBN 978-0-521-15253-2
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ :0
- ↑ Jelavich 267
- ↑ "Austria". The World Factbook. Central Intelligence Agency. 14 May 2009. สืบค้นเมื่อ 31 May 2009.
- ↑ "Austria joins Schengen". Migration News. พฤษภาคม 1995. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 กรกฎาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2009.
- ↑ "Austria and the euro". European Commission - European Commission. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 มกราคม 2018. สืบค้นเมื่อ 7 มกราคม 2018.
- ↑ "University of Klagenfurt". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 พฤษภาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 2 ตุลาคม 2009.
- ↑ Bischof, Günter; Pelinka, Anton, บ.ก. (1997). Austrian Historical Memory and National Identity. New Brunswick: Transaction Publishers. pp. 20–21. ISBN 978-1-56000-902-3. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 มิถุนายน 2018. สืบค้นเมื่อ 14 มิถุนายน 2018.
- ↑ Brauneder, Wilhelm (2009). Österreichische Verfassungsgeschichte (11th ed.). Vienna: Manzsche Verlags- und Universitätsbuchhandlung. p. 17. ISBN 978-3-214-14876-8.
- ↑ Statistik Austria. "STATISTIK AUSTRIA – Presse". statistik.at. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2014. สืบค้นเมื่อ 4 เมษายน 2014.
- ↑ "Probezählung 2006 – Bevölkerungszahl" (PDF). Statistik Austria (ภาษาเยอรมัน). 31 ตุลาคม 2006. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 20 มิถุนายน 2009. สืบค้นเมื่อ 27 พฤษภาคม 2009.
- ↑ "Migration and migrantpopulation statistics" (PDF). www.ec.europa.eu. Eurostat.
- ↑ "Population – Austria". Austrian Press & Information Service in the United States, Embassy of Austria.
- ↑ "Turkey's ambassador to Austria prompts immigration spat". BBC News. 10 November 2010.
- ↑ AUSTRIA, STATISTIK. "Bevölkerung". Statistik.at. สืบค้นเมื่อ 24 August 2017.
- ↑ Roser, Max (2014), "Total Fertility Rate around the world over the last two centuries", Our World In Data, Gapminder Foundation
- ↑ "The World FactBook - Austria", The World Factbook, July 12, 2018
- ↑ "The World Factbook — Central Intelligence Agency". www.cia.gov. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 พฤษภาคม 2014. สืบค้นเมื่อ 17 กรกฎาคม 2017.
- ↑ "Population Forecasts". www.statistik.at.
- ↑ WZ-Recherche 2016. Published in article: "Staat und Religion Archived 15 พฤศจิกายน 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน". Wiener Zeitung, January 2016.
- ↑ "Anzahl der Gläubigen von Religionen in Österreich im Zeitraum 2012 bis 2017". Statista – Das Statistik-Portal. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2018. สืบค้นเมื่อ 3 ธันวาคม 2018.
- ↑ katholisch.at. "Statistik". www.katholisch.at. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 มีนาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 6 ธันวาคม 2016.
- ↑ 32.0 32.1 32.2 "Census 2001: Population 2001 according to religious affiliation and nationality" (PDF) (ภาษาเยอรมัน). Statistik Austria. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2007. สืบค้นเมื่อ 17 ธันวาคม 2007.
- ↑ ภาษีเป็นข้อบังคับสำหรับลูเทอแรนและปฏิรูป
- ↑ "Katholische Kirche Österreichs, Statistik". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 มีนาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2017.
- ↑ "Special Eurobarometer, biotechnology, page 204" (PDF) (Fieldwork: Jan–Feb 2010 ed.). เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 15 ธันวาคม 2010. สืบค้นเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2013.
บรรณานุกรม[แก้]
- Brook-Shepherd, Gordon (1998). The Austrians: a thousand-year odyssey. New York: Carroll & Graf Publishers, Inc. ISBN 978-0-7867-0520-7.
- Jelavich, Barbara (1987). Modern Austria: empire and republic 1815–1986. Cambridge: Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-31625-5.
- Johnson, Lonnie (1989). Introducing Austria: a short history. Riverside, Calif.: Ariadne Press. ISBN 978-0-929497-03-7.
- Rathkolb, Oliver. The Paradoxical Republic: Austria, 1945–2005 (Berghahn Books; 2010, 301 pages). Translation of 2005 study of paradoxical aspects of Austria's political culture and society.
- Schulze, Hagen (1996). States, nations, and nationalism: from the Middle Ages to the present. Cambridge, Massachusetts: Blackwell. ISBN 978-0-631-20933-1.
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
วิกิซอร์ซมีเอกสารต้นฉบับในเรื่องนี้: Austria |
- Federal Chancellery of Austria official government portal
- AEIOU Austria Albums Archived 2009-03-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (in German, English)
- Chief of State and Cabinet Members Archived 2013-09-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Austrian Law Information on Austrian Law
- World Bank Summary Trade Statistics Austria
- Austria.info Official homepage of the Austrian National Tourist Office
- TourMyCountry.com Website on Austrian culture, cuisine and tourist attractions
- Europe Pictures – Austria