พอดีเพิ่งซื้อ เครื่องซักผ้าฝาหน้า ของ beko มา ตอนซักก็ปกติ แต่ช่วงปั่น เครื่องทั้งสั่นทั้งดัง โทรคุยกับsale เค้าบอกว่าสายพานยังตึงอยู่ให้ลองใช้ไปก่อนเดี๋ยวจะดีขึ้น ก็ทนใช้มาเรื่อยๆ เกือบเดือนละ ตอนนี้เจอปัญหาอีก คือ มีน้ำซึมออกมาจากใต้เครื่อง
มีใครเคยเจอปัญหาแบบนี้บ้างมั้ยคะ
17%
ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคา
ใช้คะแนนได้สูงสุด
28354 คะแนน
รายละเอียดสินค้า
ขนาดถังซัก(กิโลกรัม):12
รอบปั่นหมาด(รอบ/นาที):1400
โปรแกรมการซัก(โปรแกรม):16
ปรับอุณหภูมิน้ำได้(องศา):90
ข้อมูลสินค้า
คุณลักษณะ
การจัดส่งสินค้า
รีวิว
17%
BEKO เครื่องซักผ้าฝาหน้า (12 KG) รุ่น WTE12744M
รายละเอียดสินค้า
ขนาดถังซัก(กิโลกรัม):12
รอบปั่นหมาด(รอบ/นาที):1400
โปรแกรมการซัก(โปรแกรม):16
ปรับอุณหภูมิน้ำได้(องศา):90
รายละเอียดสินค้า
ขนาดถังซัก(กิโลกรัม):12
รอบปั่นหมาด(รอบ/นาที):1400
โปรแกรมการซัก(โปรแกรม):16
ปรับอุณหภูมิน้ำได้(องศา):90
โปรแกรมซักด่วน:มี
ระบบINVERTER:มี
ขนาด(ซม.):84.00 x 60.00 x 67.00
ช่วงปีที่ผ่านมา ผมเห็นแบรนด์ Beko ที่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าบ่อยมาก บวกกับพนักงานแนะนำว่า Beko WTV 9745 X0A เป็นเครื่องซักผ้าที่น่าจะตอบโจทย์ผมที่สุด ด้วยจุดเด่นด้านการเชื่อมต่อ Wi-Fi และควบคุมผ่านมือถือ รวมถึงโหมด Clean & Wear ที่ซักแล้วพร้อมใส่ได้ทันที และเป็นเครื่องซักผ้าฝาหน้าเหมาะกับการวางในคอนโด
Beko WTV 9745 X0A เปิดตัวพร้อมราคาเต็มที่ 24,990 บาท ส่วนราคาโปรโมชั่นที่หาซื้อได้ถูกสุดตอนนี้ก็อยู่ที่ราวๆ 21,990 บาท ซึ่งก็ต้องบอกกันตามตรงว่าราคานี้ทำให้หลายคนหันไปซื้อแบรนด์ที่คุ้นหูมากกว่าจะเลือก Beko ที่เป็นแบรนด์สัญชาติตุรกี
แม้ว่าคนไทยจะยังไม่คุ้นหูกับ Beko มากเท่าไร แต่ก็ต้องบอกว่าแบรนด์นี้สร้างชื่อเสียงผ่านวงการกีฬา ด้วยการเป็นสปอนเซอร์หลักให้กับฟุตบอลทีมดังอย่าง Barcelona มาตั้งแต่ปี 2014 รวมถึงเป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมฮ็อกกี้น้ำแข็ง Chicago Blackhawks และยังเป็นสปอนเซอร์ให้กับวงการบาสอีกด้วย
เครื่องซักผ้ารุ่นนี้อยู่ในกลุ่ม AirTherapy series ที่มีเทคโนโลยีเด่นอยู่ 5 อย่างคือ
- Clean & Wear ซักด่วนพร้อมใส่ ภายใน 120 นาที
- Refresh ขจัดกลิ่นอับ ลดรอยยับ
- Hygiene+ ซักด้วยน้ำร้อน เพื่อสุขอนามัย
- HomeWhiz ระบบควบคุมเครื่องซักผ้าผ่าน Wi-Fi
- EU A+++ มาตรฐานประหยัดพลังงานจากยุโรป
รุ่นที่ผมเลือกมาใช้งานมีตัวถังจุผ้าได้ 9 กก. รอบปั่นสูงสุด 1,400 รอบ ปรับอุณหภูมิน้ำได้ร้อนสุด 60 องศา และรับประกันมอเตอร์ 12 ปี ถาดใส่น้ำยามี 3 ช่องคือ ช่องใส่ผงซักฟอก, ช่องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม และช่องซักล้างเบื้องต้น
สิ่งที่ชอบก็คือคุณสมบัติที่เหมาะกับคนอยู่คอนโดแบบผมอย่าง Clean & Wear ที่ซักด่วนพร้อมใส่ แบบที่หยิบออกจากเครื่องแล้วสามารถใส่ได้เลย แต่ข้อจำกัดของโหมดนี้คือใส่ผ้าได้ไม่เกิน 1 กก. เท่านั้น แต่ข้อดีก็คือ Clean & Wear เป็นโหมดเสริมที่สามารถใช้ร่วมกับโหมดอื่นๆ ได้
และผมได้ลองใช้โหมด Refresh กับผ้าที่มีกลิ่นอับ ผลคือกลิ่นอับหายไปเกือบหมด (ใช้คำว่าเกือบหมดเพราะคนจมูกดีบางคนก็ยังได้กลิ่นอยู่) รวมถึงโหมดซักด่วนที่เหมาะกับความเร่งรีบ
สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้เลยก็คือผ้าที่ซักเสร็จแล้วจะไม่พันกัน เนื่องจาก Beko ใช้เทคโนโลยี AquaWave ที่ช่วยลดโอกาสที่ผ้าจะพันติดกัน
และถ้าสังเกตที่ปุ่มปรับโหมด จะเห็นว่ามีโหมด “ดาวน์โหลดโปรแกรมซัก” นั่นก็เพราะเราสามารถโหลดโหมดเพิ่มจากแอพได้ เช่นโหมด Mix ที่สามารถใส่ผ้าหลายชนิดรวมกันแล้วตัวเครื่องจะทำการวิเคราะห์และใช้รูปแบบการซักที่เหมาะสมให้ทันที
เชื่อมต่อ Wi-Fi สั่งการผ่านมือถือได้
ข้อดีของเครื่องซักผ้าฝาหน้ารุ่นนี้ก็คือการควบคุมผ่านมือถือด้วยแอพ HomeWhiz นั่นหมายความว่าแม้เราจะอยู่นอกบ้าน เราก็สามารถสั่งงานได้เช่นกัน …ฟังแล้วช่างเหมาะกับคนอยู่คอนโดอย่างผมเสียจริง
หลักการทำงานก็เหมือนกับอุปกรณ์ IoT ทั่วไป ที่เครื่องซักผ้าจะเชื่อมต่อ Wi-Fi เข้ากับเร้าเตอร์ และควบคุบผ่านแอพบนมือถือ
เราสามารถตั้งค่าการซักได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโหมด เลือกเวลา เลือกอุณหภูมิน้ำ หรือเลือกโหมดเสริมซักด่วนพร้อมใส่ Clean & Wear และยังมีเซ็นเซอร์ที่ฝาหน้าเพื่อแจ้งเตือนเมื่อมีคนเปิดฝาเครื่องซักผ้า
แต่พอได้ใช้งานจริงมันก็ไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบ เพราะบางอย่างยังต้องพึ่งพาการกดที่ตัวเครื่องอยู่ดี เนื่องด้วยตัวแอพไม่สามารถสั่งให้เครื่องซักผ้าเปิดเครื่อง นั่นหมายความว่าเราต้องเดินไปกดเปิดเครื่องซักผ้าเองก่อน และความซับซ้อนยังไม่หมดแค่นั้น เพราะเราต้องกด Remote Control เพื่อสลับจากการสั่งการหน้าเครื่องไปใช้การสั่งผ่านมือถือแทน
ดังนั้นในการใช้งานจริง มันเหมาะกับคนที่ยัดผ้า ใส่ผงซักฟอก ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม และเปิดเครื่องรอไว้ก่อนจะออกไปข้างนอกเพื่อให้เราสั่งซักเมื่อเราต้องการได้ หรือไม่ก็สั่งซักไปเลยแล้วตัวแอพบนมือถือจะเป็นตัวแจ้งเตือนเราว่าต้องใช้เวลาอีกกี่นาทีกว่าจะเสร็จ
จุดอ่อนอีกอย่างก็คือ HomeWhiz ไม่รองรับ Automation อย่าง ifttt และ Google Assistant ก็เลยทำให้ความเป็น IoT และ Smarthome ยังไปได้ไม่สุดเท่าที่ควร แต่ก็ถือว่าสะดวกกว่าแบบดั้งเดิมที่ไม่มีแอพ
ระบบป้องกันอันตราย
ระบบล็อกการควบคุมเป็นแบบ 2 ชั้น คือล็อกฝาเครื่องซักผ้าและล็อกปุ่มควบคุม โดยเครื่องจะไม่อนุญาตให้เปิดฝาระหว่างซัก เว้นแต่จะกดหยุดการทำงานชั่วคราวก่อน
นั่นรวมไปถึงกรณีที่เราซักด้วย แม้ว่าการซักจะเสร็จตามเวลาแล้วแต่ถ้าตัวถังยังมีความร้อนสะสม ตัวเครื่องก็จะไม่อนุญาตให้เปิดฝาเช่นกัน ซึ่งต้องรอจนกว่าความร้อนจะอยู่ในระดับที่ปลอดภัย เครื่องถึงจะปลดล็อกฝาให้
บทสรุปของ Beko WTV 9745 X0A
ด้วยชื่อชั้นแน่นอนว่า Beko คงสู้แบรนด์รุ่นเก๋าที่ทำตลาดในไทยมานานไม่ได้ แต่ด้วยคุณสมบัติต่างๆ ทำให้ผมรู้สึกว่านี่เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ในหลายๆ ด้าน เหมาะกับคนที่มีชีวิตรีบเร่งหรืออยู่ในพื้นที่จำกัดที่ตากผ้าไม่สะดวก รวมไปถึงคนที่พักอาศัยคนเดียว เพราะการมีแอพบนมือถือก็ช่วยทำให้เราจัดการชีวิตได้ง่ายขึ้น