หน้า เล็บ พัง ทํา ไง ดี

สาวๆ ทั้งหลายที่ชื่นชอบการทาเล็บ เพ้นต์เล็บเป็นชีวิตจิตใจ และคอยอัพเดตเทรนด์เล็บใหม่ๆ มาสร้างสีสันบนเล็บและมือคู่สวยเสมอๆ ก็คงจะรู้จักนวัตกรรมการทำเล็บแบบใหม่ที่กำลังมาแรง นั่นก็คือ “การทาเล็บแบบเจล” ซึ่งทำให้สีเล็บติดทนทาน ไม่หลุดลอกง่ายเหมือนการใช้ยาทาเล็บทั่วไป เพราะมีการอบด้วยเครื่องอบ UV หรือแบบ LED และแบบอื่นๆ ที่ทำให้สีเล็บแข็งตัว

แต่สาวๆ รู้ไหมว่าการทาเล็บเจลแบบนี้ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน เพราะนอกจากจะมีค่าใช้จ่ายในการทำสูงแล้ว ยังมีผลเสียตามมาคือ มันจะทำให้เล็บของเราอ่อนแอ หน้าเล็บเปราะบาง อาจเกิดการระคายเคืองผิวรอบๆ และหากทำเป็นประจำก็อาจทำให้เล็บติดเชื้อราได้อีกด้วย ดังนั้น เรามาดูวิธีฟื้นฟูดูแลเล็บหลังจากการทาเล็บเจลกันดีกว่า เพื่อให้เล็บของเรามีสุขภาพดี แข็งแรง ไม่แตกหักง่าย

 

1.ทำความสะอาดด้วยตัวเองอีกครั้ง

การล้างเล็บเจลให้ออกหมดจดจำเป็นต้องทำที่ร้าน เพราะต้องตะไบเอาหน้าเล็บออกเพื่อให้เจลหลุดออกมา ซึ่งเมื่อกลับมาบ้านแล้วให้สาวๆ เอาน้ำยาล้างเล็บเช็ดทำความสะอาดอีกครั้ง โดยชุบกับสำลีค่อยๆ ถูเบาๆ เพื่อให้สีที่อาจต้องค้างอยู่ที่เล็บออกไปให้หมด แล้วจึงล้างมือให้สะอาดอีกครั้ง

2.ทำสปาเล็บที่บ้านเองแบบง่ายๆ

การทำสปามือและเล็บก็สามารถทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน โดยการแช่น้ำอุ่นประมาณ 10 นาที รอให้มือและเล็บอ่อนนุ่ม ชุ่มชื่น แล้วใช้เกลือสปาขัดเบาๆ ก็เป็นอันเสร็จ การทำสปาแบบนี้จะช่วยผ่อนคลายและฟื้นฟูให้เล็บกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

3.พักการทาเล็บ 2-3 เดือน

การทาเล็บเจลหรือแม้แต่แบบธรรมดา เป็นการทำให้หน้าเล็บทำงานหนัก เพราะต้องแบกรับสารเคมีและสีต่างๆ ไว้เป็นเวลานาน ซึ่งทำให้เล็บอ่อนแอ เปราะ และแตกหักง่าย ดังนั้น เมื่อเราทำสปาเล็บแล้วก็ควรพักหรืองดทาเล็บ 2-3 เดือน เพื่อให้เล็บได้ฟื้นฟูสุขภาพ

4.ทาโลชั่นหรือน้ำมันบำรุงเล็บ

ช่วงที่เราพักจากการทาเล็บก็ควรดูแลด้วยการทาโลชั่นหรือน้ำมันบำรุง เพื่อให้เล็บค่อยๆ ซึมซับความชุ่มชื่น และยังเป็นการกระตุ้นทำให้เลือดบริเวณปลายนิ้วมือทำงานได้ดี ช่วยเร่งให้ต่อมสร้างเล็บทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยระหว่างที่ทาโลชั่นหรือน้ำมันควรนวดเบาๆ 3-5 นาที เพื่อให้ซึมซาบได้ดี และกระตุ้นสุขภาพเล็บให้ฟื้นฟูโดยเร็ว

5.แช่น้ำมะนาวหรือน้ำมันมะกอก

เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนการดูแลเล็บ ช่วยป้องกันเล็บไม่ให้แตกหรือเปราะบาง เพราะในน้ำมะนาวและน้ำมันมะกอกมีวิตามินซีอยู่ โดยควรแช่ประมาณ 5-10 นาทีแล้วล้างออก แค่เล็บก็จะมีสุขภาพดียิ่งขึ้น

6.รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงเล็บ

การรับประทานอาหารเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เล็บของเราได้รับการฟื้นฟูและป้องกันไม่ให้เล็บเสีย โดยการเลือกรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์และผักที่มีสารไบโอติน เช่น ข้าวโอ๊ต ปลาแซลมอน แครอท และแตงกวา จะช่วยให้เล็บมีสุขภาพดี สีเล็บสวยดูเป็นธรรมชาติ

7.อย่าลืมทาครีมกันแดดให้เล็บด้วย

สาวๆ ส่วนใหญ่ก็จะทาครีมกันแดดทั้งผิวหน้าและผิวกายอยู่แล้ว อย่าลืมว่าเล็บของเราก็ต้องการการปกป้องจากแสงแดดแรงๆ เช่นกัน เพราะความร้อนจะทำให้เล็บแห้งและแตกหักง่าย ลองหาครีมกันแดดสำหรับเล็บมาใช้ดู และจะให้ดียิ่งขึ้น ช่วงทำกับข้าวที่มือต้องโดนความร้อนมากๆ ก็ควรใส่ถุงมือป้องกันความร้อนกันด้วยนะคะ

การทาเล็บเจลไม่ใช่เรื่องอันตราย แต่ก่อนและหลังทำเราต้องรู้จักดูแลสุขภาพเล็บให้ดี เล็บของเราก็จะปลอดภัยจากสารเคมี และมีสุขภาพดีอย่างแน่นอน

8 ทริค "ซ่อมเล็บซีด เล็บเปราะ" กู้เล็บพัง ปั้นเล็บสวยเหมือน Hand Model

17 ต.ค. 63 (16:00 น.)แสดงความคิดเห็น พิมพ์

แชร์เรื่องนี้

แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คัดลอกลิงก์

- กก +

สวัสดีค่าา สาวๆ SistaCafe คนอยากเล็บสวยทั้งหลาย หน้าสวยก็เรื่องหนึ่ง แต่เราเชื่อว่าสาวๆ อีกหลายคนที่ไม่ได้อยากสวยแค่หน้า แต่อยากสวยหัวจรดเท้า รวมถึง "มือและเล็บ" ที่สุขภาพดี แม้จะเปลือยเล็บสดถ่ายรูปมือเฉยๆ ก็ยังสวยโดยไม่ต้องทาเล็บ ซึ่งบางคนก็มีเล็บแบบนั้นตั้งแต่เกิด แต่ก็ยังมีสาวๆ อีกมากมายที่อายเล็บตัวเองที่ซีด เปราะ หรือเล็บเหลืองเพราะทาเล็บบ่อยเกินไปจนไม่กล้าถ่ายรูปเห็นเล็บด้วยซ้ำ ( บางคนแก้ปัญหาเล็บเหลืองด้วยการทาเล็บทับ ยิ่งเหลืองก็ยิ่งทา วนลูปไม่จบไม่สิ้น แล้วเมื่อไหร่เล็บจะหายเหลืองล่ะจ๊ะเธอ -___-'')

ใครที่เล็บสภาพไม่โอเคมากๆ แล้ว แต่ก็ไม่อยากเสียเงินให้ร้านทำเล็บ เธอเข้ามาถูกบทความแล้ว! เพราะเราจะมาบอกต่อ 8 ทริคซ่อมเล็บพัง กู้กลับเป็นเล็บสวยสุดเฮลตี้ด้วยตัวเอง ที่ทำง่าย ใช้ได้จริงชัวร์ *แต่อาจต้องใช้เวลา มีวินัย และใช้อุปกรณ์เยอะนิ้ดดด นึงเด้อ* ถ้าพร้อมจะมีเล็บสวยไปกับเราแล้ว ก็ 1 2 3 Go!


1. 'บำรุงเล็บ' ให้แข็งแรงตั้งแต่พื้นฐาน
 


มือและเล็บจะสวยได้ ก็ต้องบำรุงกันตั้งแต่แรกเริ่ม! นั่นคือเติม "ความชุ่มชื้น" ให้เล็บอย่างสม่ำเสมอ เรามักทาแฮนด์ครีมกันเป็นปกติ แต่มักละเลยส่วนที่เป็นเล็บไป บางคนเว้นทาช่วงเล็บหรือทาแค่ผ่านๆ ทำให้เล็บไม่ได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ จึงอาจเกิดอาการแห้ง เปราะบางได้ง่าย ( ที่จริงเล็บเปราะมักมาจากหลายสาเหตุรวมกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลักๆ คือเล็บไม่ชุ่มชื้นมากพอค่ะ ) 

สาวๆ ยังต้องทาแฮนด์ครีมเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือทา "ผลิตภัณฑ์บำรุงเล็บ" เช่น เซรั่ม ครีม หรือออยล์ที่เน้นฟื้นฟูเล็บโดยเฉพาะควบคู่ไปด้วย หรืออย่างง่ายที่สุด ก็ใช้ออยล์อะไรก็ได้ที่มีในบ้าน น้ำมันมะกอกก็ได้ น้ำมันมะพร้าวก็ดี นวดเน้นบริเวณเล็บเป็นประจำ เท่านี้เล็บก็จะแข็งแรง อิ่มฟูขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลองทำดูสักสัปดาห์ก็เห็นความแตกต่างแล้วค่ะ


2. "หนังกำพร้าข้างเล็บ" อย่าขูดเยอะ ปล่อยไว้บ้างก็ได้
 


 สาวๆ หลายคนอาจติดนิสัย ต้องทำให้เล็บเรียบเนียนสวยงามตลอดเวลา ว่างๆ ก็ใช้ตะไบขูดเล็บ กรรไกรตัดหนังมาขูดๆ ถูๆ หนังกำพร้าข้างเล็บ ( หรือที่เรียกกันว่า จมูกเล็บ ) อยู่ตลอด เพื่อกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกไป ผู้เชี่ยวชาญได้บอกว่า ที่จริง ' หนังกำพร้า ' ไม่ใช่ผู้ร้าย หน้าที่ของมันตามธรรมชาติคือช่วยป้องกันเล็บไม่ให้ติดเชื้อ หากไปขูดมันออกมากๆ จะส่งผลร้ายกับเล็บมากกว่าด้วยซ้ำ 

หมอผิวหนังเตือนว่า หากหนังข้างเล็บถูกเสียดสีจนแห้งมากๆ หรือมีแผล ถ้าไม่รีบบำรุงรักษา นานเข้าอาจส่งผลให้เล็บติดเชื้อและมีผลกับการเติบโตของเล็บได้ด้วย! ดังนั้นถ้ารู้สึกว่าจมูกเล็บแห้งลอกหรือฉีกง่าย ควรบำรุงด้วยครีมหรือออยล์สำหรับเล็บ จะช่วยทำให้เล็บแข็งแรง เฮลตี้ได้ดีกว่าในระยะยาวค่ะ


3. เลี่ยงการให้เล็บ "สัมผัสกับน้ำ" โดยตรง
 


 
ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ให้เธอเลิกล้างมือ หรือใส่ถุงมือล้างนะคะ อันนั้นก็อาจจะเยอะไปหน่อย! แต่พยายามลดเวลาที่ ' เล็บจะปะทะน้ำโดยตรง ' ให้น้อยลง โดยที่ยังล้างมือได้สะอาดปกติ เอาง่ายๆ คือไม่อ้อยอิ่งกับการล้างมือนานเกินจำเป็นค่ะ เพราะหากเล็บโดนน้ำมากเกินไป จะทำให้โครงสร้างเล็บอ่อนแอลงได้ อารมณ์คล้ายๆ ผมที่เปียกหมาดๆ ก็จะอ่อนแอกว่าผมแห้งเช่นกันค่ะ 

แนะนำให้สาวๆ ใส่ถุงมือ เวลาทำงานใช้มือที่ต้องสัมผัสกับน้ำนานๆ เช่น ล้างจาน ล้างรถ เป็นต้น ลองสังเกตง่ายๆ เวลาอาบน้ำสระผมหรือว่ายน้ำนานเป็นชั่วโมง เล็บจะมีลักษณะนิ่มๆ ยุ่ยๆ เพราะเล็บก็เหมือนฟองน้ำ แต่ที่พิเศษคือ สามารถดูดซึมน้ำเข้าไปได้มากกว่าผิวหนังปกติถึง 1000 เท่า และน้ำสามารถกระจายเข้าไปในเล็บชั้นในได้ง่ายกว่า! ผลลัพธ์คือเมื่อน้ำเข้าเล็บเยอะเกินไป จะทำให้เซลล์เล็บเกิดความเสียหาย เปราะ ลอกร่อนได้ค่ะ


4. เลิกแคะ แงะหาขี้เล็บ ยิ่งทำ ยิ่งเล็บพัง!
 


 
อยากเล็บสวยเหมือนนางแบบมือ ก็ต้องอ่อนโยน เบาๆ กับเล็บหน่อย ไม่ใช่ว่างๆ ก็แซะ แงะหาขี้เล็บอยู่ตลอดเวลา เข้าใจว่าอยากให้เล็บสวยคลีน ถ้ามีขึ้เล็บดำๆ ก็จะดูเสียบุคลิก แต่สาวๆ บางคนก็เล่นใช้ไม้เล็กๆ อย่างไม้แคะหูแงะเข้าไปใต้เล็บ ซึ่งมันทำให้เล็บเสียหายได้ คนที่แงะแรงอาจเกิดปรากฏการณ์หน้าเล็บเผยอ เลือดซึมออกมา สุดท้ายเล็บติดเชื้อแบคทีเรียไปเก๋ๆ ดังนั้น #อย่าหาทำ!!

อีกอย่างคือ นิสัยที่ชอบไว้เล็บยาวๆ แล้วใช้เล็บแทนปิ๊กดีดกีตาร์เอย ไว้แงะขอบฝาแยม ฝาน้ำอัดลมเอย เลิกได้ขอให้เลิก แม้จะใช้สะดวกแค่ไหนก็ตาม เพราะอาจเกิดเหตุการณ์เล็บเผยอเหมือนข้างบน! สำหรับสาวๆ ที่ชอบทำเล็บอะคริลิกหรือเล็บเจล อย่าแงะเล็บออกเอง ควรไปหาร้านให้เอาออกอย่างถูกต้อง เพราะเวลาลอกเล็บเจลออก เธออาจลอกหน้าเล็บออกมาด้วย ซึ่งทำให้เล็บอ่อนแอลงอย่างมาก และอาจเกิดเล็บเหลืองได้ด้วย ดังนั้นหาร้านดีๆ ไปเอาออกดีกว่า และอย่าทาเล็บตลอดเวลา มีช่วงพักเล็บบ้าง เล็บจะได้มีเวลาหายใจนะคะ


5. ดูแล 'เล็บมือ-เล็บเท้า' ให้เหมือนบำรุง 'เส้นผม'
 


 เล็บกับผมมีลักษณะบางอย่างคล้ายกัน เพราะประกอบจากโปรตีนที่ชื่อว่า "เคราติน" เหมือนกัน ดังนั้นการบำรุงก็ควรอยู่ในระดับเดียวกัน ถ้าบำรุงเส้นผมหนัก ก็ต้องบำรุงเล็บให้เข้มข้นด้วยเช่นกัน! ทั้งเส้นผมและเล็บสามารถแห้ง ขาดความชุ่มชื้นได้ถ้าใช้สารเคมีเยอะเกินไป ถ้าเธอทาเล็บบ่อย ทำเล็บเจล เล็บอะคริลิกมากเกินไป เล็บก็จะแห้งไม่ต่างกับใช้ไดร์เป่าผมจนผมแห้งกรอบนั่นล่ะค่ะ

ถ้าความชุ่มชื้นช่วยซ่อมผมชี้ฟูเป็นผมนิ่มสลวยได้ มันก็ช่วยรักษาเล็บแห้ง บางเปราะได้เช่นกัน แม้ผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บจะมีในท้องตลาดไม่เยอะเท่ากับผม แต่ก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด แค่ใช้ออยล์และครีมบำรุงเล็บ และไม่ใช้สารเคมีกับเล็บเยอะเกินไปก็พอค่ะ เท่านี้เล็บก็สวยและงอกขึ้นมาอย่างสวยงามแล้ว อย่าให้เล็บแห้งกรอบก็พอ เพราะยิ่งเล็บชุ่มชื้น เล็บยิ่งงอกไว ในทางกลับกัน ถ้าเล็บแห้ง เล็บจะงอกช้าหรืองอกมาแบบบิดๆ เบี้ยวๆ ค่ะ


6. ปรับวิธีบำรุงเล็บไปตาม 'สภาพอากาศ'
 


 เล็บที่สวยสุขภาพดี เจ้าของเล็บต้องปรับเปลี่ยนการบำรุงไปตาม "สภาพอากาศ" อยู่เสมอค่ะ เช่น หน้าหนาวที่มักทำให้ผิวแห้ง เล็บก็แห้ง เปราะง่ายกว่าเดิมเช่นกัน จึงต้องดูแลเล็บให้มากกว่าช่วงหน้าร้อน! ในบางฤดูกาลที่เกิดอากาศแปรปรวน อุณหภูมิช่วงเช้ากับช่วงค่ำต่างกันมากๆ หรือที่เรียกว่าอุณหภูมิสวิง อาจเกิดผลเสียกับเส้นผมและเล็บได้ 

แค่สาวๆ ทำงานออฟฟิศที่เปิดแอร์เย็นจัดๆ เหมือนอยู่ขั้วโลกเหนือ แต่พอเลิกงานต้องมายืนโหนรถเมล์ในอากาศร้อนจัดของประเทศไทย เซลล์เส้นผมกับเล็บก็เกิดความเสียหายได้มากมายแล้ว! ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ควรใส่ถุงมือบางๆ ไว้เสมอเพื่อป้องกันเล็บเสีย และกักเก็บความชุ่มชื้นในมือและเล็บไว้ค่ะ


7. เลือกใช้ 'ผลิตภัณฑ์ดูแลเล็บ' ที่มีคุณภาพ!
 


 
จะมีเล็บสวยเหมือน hand model การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเล็บก็สำคัญ เรามีหลักมาแนะนำผลิตภัณฑ์เล็บหลักๆ ดังนี้ค่ะ

ตะไบเล็บ : แทนที่จะใช้ตะไบเนื้อทราย ขูดแล้วสากๆ ที่ทำร้ายและเสียดสีจมูกเล็บ ลองเปลี่ยนไปใช้ตะไบที่ทำจากแก้วหรือคริสตัลแทน มีขายในร้านเกี่ยวกับการทำเล็บทั่วไปเลย หรือสั่งออนไลน์ก็ได้ค่ะ 

น้ำยาล้างเล็บ : จริงๆ ถ้าอยากเล็บสุขภาพดี ไม่ควรทาเล็บเลย ซึ่งก็จะไม่ได้ใช้น้ำยาล้างเล็บไปโดยปริยาย แต่ถ้ายังสนุกกับทาเล็บสีสวยๆ อยู่ อย่างน้อยก็ควรเลือกน้ำยาสูตรที่ไม่ใส่อะซีโตน เพราะถ้าใช้สูตรอะซีโตนบ่อยๆ จะทำให้เล็บเปราะบาง ขาดความเงางาม และยังส่งผลต่อสมองและระบบประสาทเมื่อสูดดมบ่อยอีกด้วย ให้เลือกสูตรที่ผสมออยล์เพิ่มความชุ่มชื้นให้เล็บแทนค่ะ

แปรงขัดเล็บ : แทนที่จะใช้ไม้แหลมๆ อย่างไม้แคะหูแงะซอกเล็บ แนะนำให้ใช้แปรงขัดเล็บหรือ nail brush ปัดสิ่งสกปรกออกอย่างอ่อนโยนดีกว่า แต่ถ้าไม่อยากเสียเงินเยอะ ก็ใช้แปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้วค่อยๆ แปรงออกก็ได้ค่ะ

ผลิตภัณฑ์ช่วยเร่งเล็บงอก : ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ไม่จำเป็นต้องใช้ของเหล่านี้ เพราะไม่มีผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ชัดเจนว่าเห็นผลจริง! ไปเน้นกินอาหารดีๆ บำรุงเล็บด้วยออยล์ทุกวัน ยังจะช่วยได้ดีกว่าค่ะ


8. อดทน ข่มใจไม่กัดเล็บ รอให้เล็บงอกอย่างช้าๆ
 


 สาวคนไหนติดนิสัยชอบกัดเล็บ แทะเล็บตัวเองหนักๆ เวลาเครียด ขอให้พักไว้ก่อนถ้าอยากมีเล็บสวยนะคะซิส! ทำใจอดทน เล็บก็เหมือนผมแหละค่ะ ส่วนที่แหว่งไปแล้วเราทำอะไรไม่ได้นอกจากตัดทิ้ง แล้วรอให้เล็บใหม่ค่อยๆ งอกขึ้นมาอย่างช้าๆ ช่วงแรกอาจจะทรมานหน่อย คนมันเคยกัดอะเนอะ แต่เชื่อเถอะว่าการอดทนครั้งนี้คุ้มค่าแน่นอน

วิธีนี้ค่อนข้างใช้เวลาเยอะที่สุดแล้ว รอขั้นต่ำ 1 เดือน หากเป็นคนเล็บขึ้นช้าหน่อยก็อาจจะหลายเดือน แนะนำให้ใส่ถุงมือเผื่อลืมตัวยกเล็บขึ้นมากัด หรือจะหาลูกอม หมากฝรั่งมาเคี้ยวให้ปากไม่ว่างก็ดี แต่สำคัญที่สุดคือใจล้วนๆ ค่ะ ย้ำอีกครั้งว่าอดทนไว้เพื่อเล็บที่เพอร์เฟกต์ ฮึบๆ! 

ทำเล็บยังไง ไม่ให้หน้าเล็บพัง

สาว ๆ ที่ชอบทำเล็บแล้วเล็บพังบ่อยวันนี้เรามีทริคง่าย ๆ ทำได้ทุกวันมาฝาก ไปดูกันเลยค้าา !!! 5 ก.ค. 2018 · โดย Beauty Editor..
บำรุงเล็บด้วยน้ำมันมะกอก ... .
บำรุงเล็บด้วยมะนาว ... .
รับประทานอาหารที่มีไบโอติน ... .
ทาครีมบำรุงเล็บเป็นประจำ.

ใช้อะไรบำรุงหน้าเล็บ

5 เซรั่มบํารุงเล็บ.
1. Sephora Collection Cuticle Care Gel. ... .
2. Innisfree Nail Serum. ... .
3. Okeny'S Antibacterial Oil. ... .
4. Mentholatum Hand Veil Premium Rich Nail. ... .
5. Etude House Help My Finger Essence Spa..

ทำเล็บควรพักกี่วัน

ระยะเวลาพักเล็บที่เหมาะที่สุดคือ 2 - 4 อาทิตย์ เพื่อให้หน้าเล็บฟื้นฟู และยังช่วยลดอาการเล็บเหลืองจากการทำเล็บบ่อยได้ และเมื่อกลับมาทำเล็บอีกครั้งอย่าลืมทาเบสโค้ตเพื่อปกป้องหน้าเล็บก่อนเสมอ

ควรทำเล็บเดือนละกี่ครั้ง

ความถี่การทาสีเจลที่แนะนำ ไม่ควรเกินเดือนละหนึ่งครั้ง หากสาวเจ้า ทนไม่ไหวจริงๆ ควรเคลือบเล็บด้วยบิ้วเดอร์เบส เป็นรองพื้นสีที่ช่วยสร้างความหนาให้กับหน้าเล็บ 1-2 mm. เสริมให้หน้าเล็บแข็งแรงมากขึ้นพร้อมมีวิตามามินบำรุงสุขภาพเล็บ หรือที่เรียกกันติดปากว่า “แคร์เจล”

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง