ประโยชน์ของอาหารเม็ด เท่าที่เห็นคือ จัดเก็บง่าย และให้อาหารได้สะดวก แมวอาจนั่งอย่างมีความสุขข้างชามอาหารตลอดทั้งวันโดยไม่ทำให้เสียนิสัย วิธีนี้ช่วยให้แมวได้แทะเล็มครั้งละน้อยๆ ตามต้องการซึ่งเหมาะกับนิสัยการกินเพื่อมีสุขภาพดี อาหารเม็ดมีส่วนผสมที่เหมาะสมและยังช่วยดูแลสุขภาพฟันโดยพื้นผิวที่แข็งของอาหารเม็ดช่วยขัดฟันและควบคุมการเกิดหินปูนในฟันแมว
ประโยชน์ของอาหารเปียก คือแมวได้รับน้ำเพิ่มโดยที่ไม่ต้องกระคุ้นให้เขากินน้ำ แมวจำนวนมากไม่ได้รับน้ำเพียงพอผ่านการดื่มน้ำ แต่อาหารเปียกช่วยให้แมวได้รับน้ำเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้แมวไม่ขาดน้ำและยังช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาด้านสุขภาพในอวัยวะสำคัญเช่น ไต หรือระบบทางเดินปัสสาวะด้วย อาหารเปียกยังมีประโยชน์มากขึ้นจากกลิ่นที่หอมกว่าอาหารเม็ด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแมวที่ใช้การดมกลิ่นมากกว่าการรับรู้รสชาติ โดยปกติแล้วแมวมีความสามารถในการรับรู้กลิ่นมากกว่าคน ขณะที่ลิ้นคนมีตุ่มรับรสมากกว่าลิ้นแมวประมาณ 20 เท่า
จริงๆ แล้วคุณไม่ต้องให้ตัวละครึ่งซองแบบผมก็ได้นะ เพราะจริงๆ ที่ซองจะบอกปริมาณไว้อยู่ แต่หากคุณให้อาหารเม็ดเป็นหลักแบบผมก็แค่ให้เขากินเสริม เพิ่มความอยากอาหารเท่านั้นเองครับ
เจ้าของควรเรียนรู้วิธีให้อาหารลูกแมวและศึกษาว่าลูกแมวกินอาหารได้ตอนไหนบ้าง เจ้าเหมียวของคุณต้องการสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้เค้ามีสุขภาพดีและอายุยืน เคล็ดลับการให้อาหารลูกแมวสำหรับเจ้าของมือใหม่ ได้แก่ เลือกสูตรอาหารสำหรับลูกแมว ให้เค้ากินครั้งละน้อย ๆ แต่ให้ตลอดทั้งวัน รวมถึงให้เค้าได้ลองรสชาติและรสสัมผัสหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้เค้าเติบโตแข็งแรงและฝึกสัญชาตญาณได้อย่างเต็มที่ อาหารแมวแสนอร่อยจากวิสกัส® อุดมด้วยสารอาหารครบถ้วนและสมดุล เพื่อสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดีของเจ้าตัวน้อย
คู่มือให้อาหารลูกแมว
เมื่อลูกแมวเติบโตขึ้น รูปแบบและความต้องการด้านสารอาหารของเค้าย่อมเปลี่ยนไป คุณคงมีคำถามในใจว่า แล้วลูกแมวกินอาหารได้ตอนไหนบ้าง เราจึงทำคำแนะนำในการให้อาหารลูกแมวเพื่อให้คุณได้ใช้เป็นแนวทาง หรือวิธีให้อาหารลูกแมวด้วยอาหารแมววิสกัส® โดยคุณสามารถดูคำแนะนำในการให้อาหารของเราได้ที่บรรจุภัณฑ์วิสกัส® ทุกซอง
ลูกแมวแรกเกิดถึงอายุ 2 เดือน:
ให้ลูกแมวกินนมแม่ เมื่ออายุประมาณ 1 เดือน ให้เค้าเริ่มกินอาหารลูกแมวคำเล็กๆ ระหว่างที่เริ่มหย่านม
อายุ 2 ถึง 4 เดือน:
เริ่มให้อาหารลูกแมววิสกัส® โดยให้อาหารเปียกลูกแมว 4 ถึง 5 ซองต่อวัน หรือหากเจ้าเหมียวพร้อมกินอาหารเปียกผสมกับอาหารเม็ด ให้คุณลดอาหารเปียกลงเหลือ 2 ซองและให้อาหารเม็ดลูกแมว 18-40 กรัมต่อวันแทน โดยให้วันละ 4-5 ครั้ง
อายุ 4 ถึง 8 เดือน:
เพิ่มอาหารเปียกลูกแมวเป็น 5 ถึง 6 ซองต่อวัน หรือหากให้อาหารลูกแมวแบบผสมอยู่ ให้อาหารเปียกลูกแมว 2 ซอง และอาหารเม็ดลูกแมว 40-48 กรัมต่อวัน โดยให้วันละ 4-5 ครั้ง
อายุ 8 ถึง 12 เดือน:
ให้อาหารเปียกลูกแมววันละ 6 ถึง 7 ซอง หรือแบบผสม โดยให้อาหารเปียกลูกแมว 2 ซองกับอาหารเม็ดลูกแมว 48 กรัมต่อวัน ลดจำนวนครั้งเหลือวันละ 2-4 ครั้ง
การให้ขนมและของกินเล่น
สำหรับเจ้าของแล้ว การให้ขนมหรือของกินเล่นกับเจ้าเหมียวมักเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขเสมอ! ขนมแมวส่วนใหญ่ที่ผลิตขึ้นมีเป้าหมวยเพื่อช่วยระบบย่อยอาหาร สุขภาพฟัน และสุขภาพโดยรวมของแมว แต่ต้องอย่าลืมว่าเมื่อเทียบกับอาหารแมวแล้ว ของกินเล่นมีแคลอรี่มากกว่า และสารอาหารยังไม่ครบถ้วนและสมดุลอีกด้วย ดังนั้นคุณจึงควรให้ขนมแมวเป็นครั้งคราวหรือสำหรับเป็นรางวัลเท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงของการให้อาหารมากเกินจำเป็นและเสียสมดุลของอาหาร หากมีการให้ขนมแมวใดๆ ก็ตาม ควรลดปริมาณอาหารมื้อหลักตามปริมาณขนมแมวที่ให้เค้ากิน
ความถี่ในการให้อาหารลูกแมว
เจ้าของส่วนใหญ่มักมีคำถามว่าลูกแมวกินอาหารได้ตอนไหน ทั้งอาหารเม็ดและอาหารเปียก ช่วงที่เจ้าเหมียวอายุ 2 เดือน ควรให้เค้าได้กินอาหารเม็ดในปริมาณน้อยๆ ตลอดทั้งวัน สำหรับแมวที่อายุมากกว่า 2 เดือน ให้อาหารลูกแมววันละ 4 ถึง 5 ครั้ง และเมื่อเค้าอายุ 6 ถึง 12 เดือน ให้ลดจำนวนมื้อลงเหลือวันละ 2 ถึง 4 ครั้ง ในกรณีที่ให้อาหารเม็ด คุณสามารถวางชามอาหารเม็ดทิ้งไว้ให้เจ้าเหมียวกินได้ตลอดทั้งวัน และยังสามารถแบ่งอาหารเปียกครึ่งหนึ่ง โดยให้เค้ากินวันละ 2 ครั้งก็ได้เช่นกัน หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีให้อาหารเปียกลูกแมวและอาหารเม็ด ให้ดูที่คำแนะนำในการให้อาหารบนบรรจุภัณฑ์วิสกัส® ทุกซองอาหารเม็ด ให้ดูที่คำแนะนำในการให้อาหารบนบรรจุภัณฑ์วิสกัส® ทุกซอง
เมื่อเจ้าของแมวคิดว่าจะให้อาหารอะไรกับแมวดี พวกเขามักจะมีคำถามด้วยว่าอาหารแมวแบบเปียกหรือแบบเม็ดดีกว่ากัน อาหารแมวที่ดีที่สุดไม่เพียงแต่มอบโภชนาการที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่ควรช่วยในการดูแลแมวและแมวชอบกินอีกด้วย
นอกจากนี้ยังควรช่วยให้ตรวจพบสิ่งที่อาจเป็นปัญหาสุขภาพ อาหารเปียกเป็นวิธีที่ดีในการดูแลความต้องการบางอย่างเหล่านั้น ขณะที่อาหารเม็ดสำหรับแมวมีข้อดีในด้านอื่นๆ อาหารเปียกช่วยเพิ่มปริมาณน้ำที่แมวได้รับ ขณะที่อาหารเม็ดช่วยดูแลสุขภาพฟันของแมว กลิ่นอาหารเปียกมีแนวโน้มยั่วยวนแมวช่างเลือกมากกว่า ขณะที่อาหารเม็ดจะคงคุณภาพแม้เทไว้ในชามตลอดทั้งวัน เนื่องจากอาหารเปียกและอาหารเม็ดสำหรับแมวให้ประโยชน์แตกต่างกัน แต่ควรพิจารณาการให้อาหารแมวของคุณด้วยการผสมอาหารทั้งสองชนิด (แม้อาจไม่ได้ใส่ในชามเดียวกันก็ตาม)
ประโยชน์ของอาหารแมวชนิดเม็ด
ประโยชน์สำคัญประการหนึ่งของอาหารแมวชนิดเม็ดคือ จัดเก็บง่าย และให้อาหารได้สะดวก แมวอาจนั่งอย่างมีความสุขข้างชามอาหารตลอดทั้งวันโดยไม่ทำให้เสียนิสัย วิธีนี้ช่วยให้แมวได้แทะเล็มครั้งละน้อยๆ ตามต้องการซึ่งเหมาะกับนิสัยการกินเพื่อมีสุขภาพดี อาหารเม็ดมีส่วนผสมที่เหมาะสมและยังช่วยดูแลสุขภาพฟันโดยพื้นผิวที่แข็งของอาหารเม็ดช่วยขัดฟันและควบคุมการเกิดหินปูนในฟันแมว
ประโยชน์ของอาหารแมวชนิดเปียก
แมวจำนวนมากไม่ได้รับน้ำเพียงพอผ่านการดื่มน้ำ และต้องอาศัยอาหารเพื่อเติมปริมาณน้ำที่ขาดไป ประโยชน์ประการสำคัญของอาหารแมวชนิดเปียกคือ ช่วยให้แมวได้รับน้ำเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้แมวไม่ขาดน้ำและยังช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาด้านสุขภาพในอวัยวะสำคัญเช่น ไต หรือระบบทางเดินปัสสาวะด้วย
อาหารเปียกยังมีประโยชน์มากขึ้นจากกลิ่นที่หอมกว่าอาหารเม็ด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแมวที่ใช้การดมกลิ่นมากกว่าการรับรู้รสชาติ โดยปกติแล้วแมวมีความสามารถในการรับรู้กลิ่นมากกว่าคน ขณะที่ลิ้นคนมีตุ่มรับรสมากกว่าลิ้นแมวประมาณ 20 เท่า
ข้อดีของการให้อาหารแบบผสม
แมวมักจะชอบอาหารที่ค่อนข้างมีความหลากหลาย แต่ไม่ได้หมายความว่าแมวต้องการกินอาหารที่ไม่เหมือนกันทุกมื้อหรือต้องการให้เปลี่ยนอาหารเดือนละครั้ง อย่างไรก็ตาม การให้อาหารแมวด้วยการใช้ทั้งอาหารเปียกและอาหารเม็ดแสดงให้เห็นว่าช่วยลดปัญหาในแมวช่างเลือกกินได้ แมวแต่ละตัวก็มีความชื่นชอบในเนื้อสัมผัสของอาหารที่แตกต่างกัน ด้วยการให้อาหารทั้งสองแบบแก่แมว แมวจะได้รับรู้เนื้อสัมผัสแตกต่างกันซึ่งแน่ใจได้ว่าจะต้องมีแบบใดแบบหนึ่งที่แมวชื่นชอบ
การให้อาหารแบบผสมจะสอดคล้องกับพฤติกรรมการกินอาหารตามธรรมชาติของแมว แมวชอบกินอาหารมื้อเล็กๆ ตลอดทั้งวัน ให้อาหารแมวโดยผสมอาหารเปียกและอาหารเม็ดตลอดทั้งวันในชามแยกต่างหากเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้แมวของคุณ
วิธีแนะนำการให้อาหารแบบผสม
การให้อาหารแบบผสมสามารถให้สลับกันและ/หรือรวมกันได้ วิธีการผสมขึ้นอยู่กับความชอบของแมวของคุณ การแนะนำการให้อาหารแบบผสมควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปภายในอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์เพื่อป้องกันการปวดท้อง หากต้องการค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนอาหารใหม่ให้แมวของคุณ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่