ในการวางแผนการเงินนั้น การจัดลำดับเป้าหมายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุน ในที่นี้จะใช้เครื่องมือลงทุนหลักๆเป็นกองทุนรวมนะ เพราะเหมาะกับคนส่วนใหญ่ เข้าถึงได้ง่าย มีการกระจายความเสี่ยงที่พอใช้ได้
ในการวางแผนการเงินส่วนบุคคลโดยมาตรฐานนั้นมีลำดับดังนี้
1.สภาพคล่องสำรองฉุกเฉิน (พอร์ตแรกที่ทุกคนต้องมี)
ควรมีอย่างน้อย 3-12 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน เผื่อไว้กรณีฉุกเฉินเช่น รายได้ลดลง ตกงาน การเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุที่ต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน การลงทุนที่เหมาะสมต้องเป็นสินค้าการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำมากๆ และต้องมีสภาพคล่องสูงๆ เช่น เงินฝากออมทรัพย์ กองทุนตลาดเงิน กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นๆ สำคัญคือต้องมีการทบทวนสภาพคล่องฉุกเฉินให้เหมาะสมอยู่สม่ำเสมอ ผลตอบแทนคาดการณ์สัก 1%-2%
2.การป้องกันความเสี่ยง (หาเงินมาได้แล้วอย่าให้มันเสียไปกับเรื่อโง่ๆที่เรารู้ว่ามีโอกาสเกิดได้อยู่แล้ว)
กองทุนสภาพคล่องฉุกเฉินมันรับได้แค่ความเสี่ยงเล็กๆน้อยๆ ถ้าเป็นความเสี่ยงใหญ่ๆต้องอาศัยการบริหารความเสี่ยงด้วยการวิเคราะห์โดยคำนึงเรื่องโอกาสในการเกิด และความสูญเสียว่ามีมากน้อยแค่ไหนในแต่ละความเสี่ยง และเลือกวิธีการซึ่งมี 4 แนวทางคือ เลี่ยงความเสี่ยง(โอกาสสูง สูญเสียมาก) ลด/ควบคุมความเสี่ยง(โอกาสสูง สูญเสียน้อย) ถ่ายโอนความเสี่ยง(โอกาสต่ำ สูญเสียมาก) รับความเสี่ยงไว้เอง(โอกาสต่ำ สูญเสียน้อย) สินค้าการเงินที่อยู่ในหมวดนี้คือ ประกันประเภทต่างๆสำหรับวิธีถ่ายโอนความเสี่ยง ส่วนวิธีอื่นๆก็อาจเป็นการกันเงินเก็บไว้เอง ปรับพฤติกรรม หลีกเลี่ยงความเสี่ยง ผลตอบแทนคาดการณ์น่ะหรอ...ไม่ใช่ประเด็น
3.การลงทุนระยะสั้น (ลงทุนสั้น อย่าเล่นท่ายาก และจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับมือใหม่)
การลงทุนระยะสั้นเหมาะกับเป้าหมายทางการเงินในช่วงไม่เกิน 1-3 ปี เช่น ดาวน์รถ/บ้าน เรียนต่อป.โท ซื้อมือถือ/กล้องถ่ายรูปใหม่ ซื้อคอมพ์ใหม่ ฯลฯ ซึ่งจะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากไม่ได้ เน้นความปลอดภัยของเงินต้น ในขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝากทั่วไป และมีสภาพคล่องพอสมควร เครื่องมือการลงทุนที่เหมาะ เช่น เงินฝากประจำ สลากออมสิน สลากธกส. กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น-กลาง ผลตอบแทนคาดการณ์ประมาณ 2%-3%
4.การลงทุนระยะกลาง (ไม่คุ้นกับการลงทุนหุ้น มาทางนี้)
เหมาะกับเป้าหมายระยะเวลา 3-7 ปี หรือคนอยากเรียนรู้ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง(หุ้น) จากประสบการณ์ที่เคยจัดสัดส่วนการลงทุน และจากกองทุนรวมฯผสมในไทยเราสามารถคาดหวังผลตอบแทน(แบบไม่เว่อร์)ได้เฉลี่ยประมาณ 4% - 6% ต่อปี หน้าตาพอร์ตการลงทุนระยะกลางมี 2 ส่วนหลักๆคือสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงเพื่อดึงผลตอบแทนของพอร์ตให้สูงขึ้น และส่วนที่ลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำเพื่อควบคุมความเสี่ยงรวมของพอร์ต สัดส่วนคร่าวๆประมาณ 50% : 50%
5.การลงทุนระยะยาว (ทางออกของคนอยากได้ผลตอบแทนสูง)
ยาวๆไม่ชอบเลย กว่าจะได้ใช้เงิน ทำไมต้องยาว...จะบอกว่าถ้าคุณอยากได้ผลตอบแทนดีๆ แต่ไม่อยากขาดทุน การให้ระยะเวลาลงทุนนานๆนี่แหละทางออกที่ใช่เลย เป้าหมายระยะยาว เช่น กองทุนเกษียณ สร้างมรดก หรือเงินเหลืออยากใช้มันทำงาน เป้าทั้งหมดนี้น่าจะเกิน 7 ปีขึ้นไป สัดส่วนการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงมีได้ตั้งแต่ 70%-90% ของพอร์ตเลย บางคนหุ้น 100% ก็ได้นะ ผลตอบแทนคาดหวังก็พอหวังตั้งแต่ 7%-12% ต่อปี ลงทุนหุ้นเยอะเสี่ยงมากมั้ย...เสี่ยง แต่การทยอยลงทุน และให้เวลากับเงินของเราในการทำงาน ในทางสถิติแล้วช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้มาก โอกาสขาดทุนก็ลดลง
ฝากไว้ให้คิดแถมท้าย...Key Success Factor ที่จะกำหนดผลตอบแทนการลงทุนในระยะยาวของคุณ คือ การจัดสรรสินทรัพย์ลงทุน ไม่ใช่การจับจังหวะ
สำหรับคนที่อยากมีธุรกิจส่วนตัวและกำลังมองหาไอเดียขายอะไรดี นั่งค้นหาข้อมูลว่าจะเราลงทุนขายอะไรดีนะ เพราะมีเงินทุนไม่มากวันนี้เรามีไอเดีย 20 ธุรกิจที่มีเงินหลักพันก็ทำกำไรได้สำหรับมือใหม่ที่สนใจธุรกิจขายของมาฝากเผื่อเป็นไอเดียทำธุรกิจแบบมีเงิน 5,000 ลงทุนอะไรดี-ขายข้าวโพดต้ม
บางคนคิดไม่ถึงว่าข้าวโพดต้มจะขายดีได้อย่างไร นี่คือเมนูบ้าน ๆ แต่รายได้ไม่บ้าน ๆ นะครับ ต้นทุนข้าวโพดดิบกิโลกรัมละ 8-10 บาท ติดต่อกับสวนข้าวโพดได้ยิ่งดีครับ ซื้อมาสัก 100 กิโลกรัมก็ประมาณ 1,000 บาท ได้ข้าวโพดประมาณ 200 ฝัก (น้ำหนักเฉลี่ย 2 ฝัก/กก.) ไม่ต้องกังวลเรื่องหม้อต้มหากยังไม่มีทุนมากก็ใช้หม้อธรรมดาไปก่อน ต้นทุนที่เหลือคือค่าแก๊ส ราคาขาย ตั้งแต่ ฝักละ 15-20 บาท ถ้ามี 200 ฝัก ก็ขายได้ 1,500-2,000 บาท แต่แม่ค้าข้าวโพดต้มส่วนใหญ่จะขายได้วันละมากกว่า 5,000 บาท คิดดูว่ากำไรดีแค่ไหน และวิธีการก็ไม่ยุ่งยาก สินค้าขายตัวเองได้ และคนที่นิยมก็ยังมีมากอีกด้วย จะลองเพิ่มน้ำตาล เพิ่มมะพร้าว หรือท็อปปิ้งอื่น ๆ ก็ได้ตามชอบ
-ขนมจีนน้ำยา
แม้จะดูเป็นเมนูจุกจิกในเรื่องของส่วนผสม แต่ต้นทุนโดยรวมไม่เกิน 3,000 ก็ทำขนมจีนน้ำยาขายได้แน่ เริ่มต้นธุรกิจไม่ต้องตั้งร้านใหญ่โต แค่มีที่ในเขตชุมชนหรืออยู่ใกล้ตลาดนัดน้ำยา 1 หม้อ ขนมจีนพร้อมขาย ไว้มีเงินทุนค่อยเพิ่มเมนูอื่นประกอบเข้าไปอย่างน้ำพริกขนมจีน แกงเขียวหวาน น้ำเงี้ยว ขนมจีนน้ำย้อย ต้องไม่ลืมเครื่องเคียงอย่างผักสด ผักดอง ขายชุดละ 30-35 บาท
-กล้วยทอด มันทอด เผือกทอด
มีเงิน 3,000 ลงทุนอะไรดีการเปิดร้านกล้วยทอดมันทอด เผือกทอดก็น่าสนใจครับ เทคนิคการทำให้อร่อย ต้องอร่อยที่ตัวแป้ง และต้องไม่ติดน้ำมันมากจนเกินไป อีกทั้งต้นทุนที่ใช้ก็ไม่สูงมาก ถ้าเริ่มเปิดร้านแรกไม่ต้องมีขนาดใหญ่โต ให้คำนวณต้นทุนและสัดส่วนสินค้าที่คุณจะขายให้ดี
-ขายสินค้า Pre-order
ยุคนี้ตลาดออนไลน์คือช่องทางที่เราไม่ต้องใช้เงินทุนในการเริ่มต้น โดยเฉพาะกับวิธี Pre-order ที่มีตัวเราเป็นคนกลางในการสั่งสินค้าโดยที่เราไม่ต้องสต็อกสินค้า เมื่อลูกค้าต้องการสินค้าก็จะออร์เดอร์ไปยังผู้ผลิตและผู้ผลิตจะจัดส่งให้ลูกค้าตามสเปคที่ต้องการ ในฐานะคนกลางก็หักเปอร์เซ็นต์ตามที่ตกลงหรือส่วนต่างราคาตามที่ตกลง ซึ่งการค้าออนไลน์แบบ Pre-order ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่ให้การสนับสนุนการทำธุรกิจแนวนี้ให้เราเลือกเป็นพาร์ทเนอร์ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือเรื่องมาตรฐานของผู้ผลิตที่ต้องมีคุณภาพส่งของให้ตรงกับที่ลูกค้าต้องการ
-ขายรองเท้ามือสอง
ราคารองเท้ามือสองแบบขายส่งคู่ละประมาณ 30 บาท อันดับแรกต้องดูคุณภาพของรองเท้าทั้งสี รอยชำรุดต่าง ๆ แล้วนำกลับมาซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพการใช้งานที่ดี ซึ่งจากคู่ละ 30 บาท สามารถขายได้ 70-100 บาท ตามคุณภาพของสินค้า ดังนั้น ถ้ารับซื้อมาคู่ละ 30 บาท ในจำนวนเงิน 2,000 บาท จะได้ประมาณ 66 คู่ ส่วนเงินอีก 1,000 บาท ไว้เป็นเงินสำรอง ส่วนอุปกรณ์วางขายไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่ เอาผ้าปูพื้นหรือโต๊ะมาวางรองเท้าก็ได้ เพียงเท่านี้รายได้จากการขายก็จะได้เป็นเท่าตัว อีกอย่างขายรองเท้ามือสองสามารถเก็บไว้ขายต่อเมื่อไรก็ได้ สินค้าไม่เน่าเสีย
-ขายเสื้อผ้ามือสอง
เสื้อผ้ามือสองมีหลายราคา หลายเกรด ราคาตั้งแต่ 10 บาทไปจนถึง 50 บาท ถ้าเริ่มลงทุนด้วยเงิน 2,000 จะได้เสื้อผ้ามือสองประมาณ 100 ตัว สิ่งสำคัญคือต้องเช็คสภาพสินค้าให้ดี ต้องไม่มีรอยชำรุด รอยขาด หรือเสื้อผ้ายืดจนไม่เหมาะแก่การใส่อีกต่อไป พร้อมนำไปซักให้ดูสะอาด และตั้งราคาตามคุณภาพของสินค้า การขายสามารถได้ทั้งออนไลน์และขายตามตลาดนัด ข้อดีของเสื้อผ้ามือสองคือเป็นสินค้าที่ไม่มีอายุการจัดเก็บ ไม่มีต้นทุนการเน่าเสีย
-ขายหม่าล่าปิ้งย่าง
หม่าล่าปิ้งย่างเนี้ยะถือเป็นอาหารยอดฮิตแห่งยุคเลยก็ว่าได้ครับ คนที่คิดจะขายหม่าล่าเป็นอาชีพเสริม สามารถลงทุนได้เองไม่ต้องผ่านแฟรนไชส์ แค่มีเงินทุนเริ่มต้นเพียง 3,000 ก็เริ่มต้นอาชีพนี้ได้แล้ว เบื้องต้นเราจะต้องลงทุนวัตถุดิบและเครื่องปรุงหมาล่า อุปกรณ์จะมี เตาปิ้งย่าง ตะแกรงพักของย่าง ไม้ทาพริกหม่าล่า ถุงพลาสติกหรือกล่องโฟม และพลาสติกวางรองกล่อง หรือถ้วยพลาสติกสำหรับใส่ขาย และเพื่อรักษาความสดให้กับเนื้อและผักควรมีตู้แช่สำหรับแช่เนื้อในระหว่างขายด้วย เพราะถ้าหลายชั่วโมง อาจมีกลิ่นหรือไม่น่ารับประทานได้นะ
-ข้าวไข่เจียว ข้าวไข่เจียวฟูกรอบ
มาถึงร้านข้าวไข่เจียวลงทุนไม่ยาก โต๊ะ 1 ตัว เตาแก๊ส จานโฟม ช้อนส้อมพลาสติก วัตถุดิบสำหรับผสมไข่เจียว เช่น หมูสับ, ปูอัด, หมูยอ, ผัก, ไก่สับ ฯลฯ ซึ่งเราอาจไม่ต้องมีเครื่องเคียงมากนักในช่วงแรกที่ทำธุรกิจ แต่ที่ต้องมีและเป็นพระเอกของธุรกิจนี้เลยก็คือ ข้าวและไข่ไก่
ยกตัวอย่างต้นทุน ข้าวสารราคาถังละประมาณ 450 บาท ไข่เบอร์ 1-2 แผงละประมาณ 95 บาท ได้ไข่ไก่ 30 ใบ ต้นทุนเบ็ดเสร็จพร้อมเปิดร้านประมาณ 2,000 บาท หากเราขายข้าวไข่เจียวจานละ 20-25 บาท แค่ 100 จานก็ได้เงิน 2,500 บาท อาจจะเพิ่มเครื่องให้หลากหลาย หรือเพิ่มน้ำจิ้มรสเด็ดที่หลากหลายมากกว่าซอสพริก ซอสมะเขือเทศ ไม่ว่าจะเป็น น้ำจิ้มแจ่ว, น้ำจิ้มซีฟู้ด ที่เข้ากับรสชาติของไข่เจียว เพื่อสร้างเสน่ห์ให้กับร้านไข่เจียวของเราก็ได้นะ
-ร้านโจ๊ก
ใช้ทุนไม่สูงอย่างที่คิดต้นทุนสำคัญคือข้าวสำหรับทำโจ๊ก ไข่ หมู เริ่มต้นง่าย ๆ ก่อนได้ครับไม่ต้องมีวัตถุมากนัก ส่วนพวกเครื่องปรุงเดี๋ยวนี้ก็มีที่ทำสำเร็จรูปเป็นซองเราไปซื้อมาได้เลย แค่ตั้งโต๊ะ หม้อโจ๊กขนาดใหญ่ 1 ใบ เปิดร้านแบบง่าย ๆ ไม่ต้องนั่งทานให้ซื้อกลับบ้านอย่างเดียวต้นทุนรวม 3,000 เอาอยู่แน่นอน ขายโจ๊กถุงละ 30-35 บาท ขายสัก 100 ถุงก็ได้เท่าทุน และยิ่งเปิดร้านนาน ๆ มีลูกค้าประจำแล้วคำนวณได้เลยว่าแต่ละวันจะขายได้ประมาณเท่าไหร่ ธุรกิจนี้ยังไงก็กำไร ออกไอเดียว่า เตรียมไข่หลากหลายรูปแบบให้ลูกค้าเลือกก็เป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจครับ เช่น ไข่ลวก ไข่สุก หรือไข่เค็ม ได้ตามสไตล์ที่เราต้องการสร้างคาแรคเตอร์ให้ร้านได้เลย
-ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน
เมนูเพื่อสุขภาพอีกอันที่น่าลงทุนครับ สำหรับธุรกิจลงทุนไม่เกิน 3,000 บาท ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนใช้ค่าใช้จ่ายไม่เยอะ มีแป้ง ผักต่าง ๆ หมูสับหรือไก่ หมูยอ ปูอัด เครื่องทำน้ำจิ้ม ถ้าขายก๋วยเตี๋ยวลุยสวนในราคากล่องละ 30-35 บาท ขายได้ 300 กล่อง เป็นเงิน 9,000 – 10,500 บาทแล้ว
-ขายแซนวิช
แซนวิชมีหลายอย่าง เช่น แซนวิชหมูหยอง, ,แซนวิชแฮม, แซนวิชไข่ดาวหมูยอง, แซนวิชผัก หรือแซนวิชโบราณ ฯลฯ เบื้องต้นเราอาจไม่ต้องมีสินค้ามากเกินไป เอาตามงบประมาณที่มี โดยตั้งราคาขายตามคุณภาพและขนาดของแซนวิชครับ คือตั้งราคาเพิ่มมากกว่าต้นทุน 5-10 บาท ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการขายคือเช้า และเย็น สำหรับต้นทุนที่สำคัญคือขนมปังและวัตถุดิบประกอบต่าง ๆ เช่น หมูหยอง แฮม ผัก ไข่ดาว ฯลฯ เบ็ดเสร็จต้นทุนอยู่ประมาณ 2,000 บาทครับ แต่ละวันถ้าขายได้ 100 ชิ้นก็ถือว่าเท่าตัว แต่หากทำตลาดดี ๆ ขายส่งตามโรงเรียนขายส่งตามออฟฟิศ หรือมีออร์เดอร์ประจำ แค่ 100 ชิ้นถือว่าง่ายมากเผลออาจขายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 500 ชิ้นทีเดียว รายได้ก็ลองคูณดูว่าจะมากขึ้นแค่ไหน
-ร้านยำ
ยำคนนิยมมาก เบื้องต้นเราอาจใช้งบ 3,000 ทำเมนูยำที่ไม่มากเกินไป เตรียมยำหลัก ๆ อย่างเช่น ยำวุ้นเส้น ยำมาม่า ยำไข่เยี่ยวม้า ยำตีนไก่ ยำหมูยอ ฯลฯ ซึ่งต้องพยายามคำนวณให้อยู่ในงบประมาณที่เรามี ยิ่งถ้าเรามีฝีมือในการทำยำให้รสชาติจัดจ้าน เพิ่มความปลาร้านัว ๆ รับรองว่า ขายดีคนติดใจซื้อทุกวันแน่นอนครับ ราคาขายตักใส่ถุงละ 35-40 บาท มีรายได้ต่อวันไม่น่าจะต่ำกว่า 3,000 บาท เราเอากำไรมาต่อยอดทำยำเพิ่มก็จะทำให้มีรายได้มากขึ้นด้วย
-วุ้นแฟนซี
ต้นทุนวุ้นแฟนซีไม่มีอะไรมาก ผงวุ้น กลิ่น สี แป้นพิมพ์ และกล่องใส่วุ้น เบ็ดเสร็จ 3,000 พอไหว สิ่งสำคัญคือสีสันและความสวยงาม ขายเป็นกล่องกล่องละ 20-30 บาท ซึ่งสามารถขายได้ทั้งหน้าร้านและขายออนไลน์ รวมถึงขายฝากตามร้านต่างๆ ได้อีกด้วย เป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่หลายคนมองข้ามแต่ถ้าคิดทำจริงจังลงทุนไม่สูงแต่กำไรดี ขึ้นอยู่กับไอเดียด้วย
-ผัดมาม่าและเส้นต่างๆ
สามารถขายได้ในราคาห่อละ 10-15 บาท และจะให้ดีควรมีวัตถุดิบให้ลูกค้าเลือกผสมเพิ่มเติมจะทำให้ขายง่ายขึ้นเพิ่มทางเลือกให้มากขึ้น เช่น ลูกชิ้น หมูสับ ไข่ ผัก แฮม ฯลฯ โดยรวมต้นทุนใช้ไม่มาก แค่ 1,000 บาทก็เอาอยู่แล้ว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการขายว่าจะทำอย่างไรให้คนติดใจ เมนูนี้ไม่ต้องพูดมากไม่ต้องโฆษณาเยอะ แค่ทำอร่อยๆ คนก็ติดใจแน่นอน ดีไม่ดีในกรณีลูกค้าเยอะอาจต้องมีการเพิ่มสาขาตัวเอง รายได้วันละ 2,000-3,000 น่าจะได้สบาย ๆ
-ขายน้ำแข็งไส
กินตอนร้อน ๆ ยิ่งชื่นใจ เทคนิคคือต้องมีน้ำหวานให้เลือกหลายสี หรือเพิ่มพิมพ์น้ำแข็งใสทรงกลม ทรงเหลี่ยม มีท็อปปิ้งหลายอย่าง และต้องสะอาด ภาชนะต้องได้มาตรฐาน กลุ่มลูกค้าที่สนใจมักอยู่ในวัยเด็ก-วัยผู้ใหญ่ การลงทุนใช้แค่ 1,000 บาทก็เอาอยู่ แต่ต้องหาแหล่งขายสินค้าที่เหมาะสมด้วย ราคาขายถ้วยละ 15-20 บาท ถ้าทำแบบสะสมกำไรไว้แล้วนำมาต่อยอดธุรกิจเพิ่มสินค้าให้มากขึ้น จัดร้านให้น่าสนใจขึ้น อนาคตก็จะเป็นธุรกิจที่แข็งแรงได้เช่นกัน
-----------------------------------------------------------------------------------
สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เงินทุน5000 ทำอะไรได้บ้าง
มีเงิน 5000 ซื้อหุ้นได้ไหม
ทำธุรกิจอะไรดีถึงจะรวย
ขายอะไรดีงบไม่เกิน3000