หมอนรองกระดูกคอเสื่อม “หายได้” โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด
หมอนรองกระดูกคอจะคั่นอยู่ระหว่างปล้องกระดูกคอที่จะมีประมาณทั้งหมด 7 ปล้อง มีหน้าที่ช่วยในเรื่องของการเคลื่อนไหวกระดูกคอ ทำให้มนุษย์เราสามารถก้มหรือเงยคอได้ เมื่อเราใช้ไปนานๆ หรือใช้ไม่ถูกต้องก็จะทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมได้
พฤติกรรมเสี่ยงที่จะเป็นหมอนรองกระดูกคอเสื่อมเร็วของคนในปัจจุบัน ได้แก่
พนักงานออฟฟิศที่ใช้คอมพิวเตอร์ทั้งวัน คนที่จดจ่อใช้มือถือสมาร์ทโฟนแบบหนักหน่วง คนทำงานห้องแล็บที่ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์บ่อยๆ คนทำงานฝีมือก้มๆ เงยๆ ต่างๆ พฤติกรรมเหล่านี้จะยิ่งเร่งให้หมอนรองกระดูกคอของเราเสื่อมไวกว่าปกติ ส่วนมากโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมจะพบในคนที่อายุประมาณ 40 ปี ขึ้นไป และมักจะเป็นบริเวณปล้องที่ 5 ต่อ 6 รองลงมา คือ ปล้องที่ 6 ต่อ 7
เมื่อมีการเสื่อมหรือแตกของหมอนรองกระดูก
ก็จะมีโอกาสเกิดการกดทับที่ประสาทไขสันหลังและรากประสาทได้ ทำให้เกิดอาการปวดคอร้าวมาที่แขน หากเป็นมากๆ หรือมีการกดทับเส้นประสาทมากๆ ก็จะทำให้เกิดอาการแขนอ่อนแรง ชาบริเวณปลายนิ้ว เป็นต้น
การที่เราสะบัดคอแล้วมีเสียงดังกร็อบแกร็บ คือ อาการของโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อมหรือไม่?
ต้องบอกว่าไม่ใช่ โรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อมส่วนใหญ่จะไม่มีเสียง หากเราสะบัดแล้วมีเสียงกร็อบแกร็บแต่ไม่มีอาการปวดใดๆ ก็ไม่น่าจะมีผลขนาดต้องทำการรักษา ซึ่งเสียงที่ว่า คือ เสียงของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นมากกว่า แต่โดยปกติแล้วการสะบัดคอให้มีเสียงดังๆ นั้น แพทย์แนะนำว่า “ไม่ควรทำ” เพราะมีผลทำให้ข้อต่อบริเวณคอเสื่อมเร็วได้เช่นกัน เกิดจากการทำงานที่หนักเกินไปเวลาเราสะบัดแรงๆ
การรักษาโดยทั่วไปของโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม
จะเป็นการชะลอไม่ให้มันเสื่อมไวขึ้น ส่วนใหญ่คนไข้จะมาด้วยอาการปวดบริเวณต้นคอถึงสะบัก แพทย์จะให้ทานยาลดการอักเสบ การนอนพัก กายภาพบำบัด ประคบด้วยน้ำร้อน การบริหาร อาการปวดเหล่านี้ก็จะสามารถหายได้เอง ส่วนการผ่าตัดโดยใช้หมอนรองกระดูกเทียมนั้น ปัจจุบันก็มีการผ่าตัดอยู่เหมือนกันแต่ให้ผลได้ไม่ดีเท่าที่ควร การผ่าตัดโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อมที่จำเป็นต้องทำ คือ หมอนรองกระดูกมีการแตกและกดทับบริเวณเส้นประสาทไขสันหลัง ซึ่งโชคดีหน่อยที่เราพบได้ค่อนข้างน้อยมาก
ข้อมูลจาก
รศ. นพ.วิวัฒน์ วจนะวิศิษฐ
หัวหน้าหน่วยกระดูกสันหลัง ภาควิชาออโธปิดิกส์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล
คลิกชมคลิปรายการ “รายการพบหมอรามา | Big Story วัยทำงานเสี่ยงเป็นหมอนรองกระดูกเสื่อม” ได้ที่นี่
ในเบื้องต้น การรักษาโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อมกดทับเส้นประสาท สามารถรักษาด้วยยา และรักษาโดยวิธีการทำกายภาพบำบัด
ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ดีขึ้นในเวลา 6 สัปดาห์ หรือมีภาวะชาและอ่อนแรงของแขนมากขึ้น ทางแพทย์จะแนะนำรักษาโดยการผ่าตัด
• การรักษาโดยการผ่าตัด
การผ่าตัดหมอนรองกระดูกคอ โดยใช้กล้องและเชื่อมข้อทางด้านหน้า ศัลยแพทย์กระดูกสันหลังจะผ่าตัดเข้าทางด้านหน้าบริเวณคอ ใช้เครื่องมือสอดและถ่างขยายบริเวณช่องว่างกล้ามเนื้อคอ และนำหมอนรองกระดูกคอที่ถูกกดทับเส้นประสาทออกตามความจำเป็น หลังจากนั้นศัลยแพทย์จะปิดช่องว่าง โดยการเชื่อมข้อ ใช้วัสดุเชื่อมข้อเทียมแทนหมอนรองกระดูกสันหลัง และบางครั้งจะยึดตรึงด้วยสกรู หรือแผ่นโลหะ ผู้ป่วยจะสามารถกลับบ้านภายใน 2-3 วัน หลังการผ่าตัด สามารถปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันได้ปกติในเวลา 2-3 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ร่างกายจะใช้เวลา 3 ถึง 6 เดือนในการสร้างกระดูกใหม่ เพื่อเชื่อมกระดูก ติดกัน
• ผลของการผ่าตัด
การผ่าตัดหมอนรองกระดูกคอทางด้านหน้า หวังผลประสบความสำเร็จได้ 92 ถึง 100% โดยทั่วไปอาการปวดแขนจะลดลงได้มากกว่าปวดคอ อาการชา และกล้ามเนื้ออ่อนแรงจะดีขึ้นหลังผ่าตัด ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
ความเสี่ยงจากการผ่าตัด
• ความเสี่ยงทั่วไป
อาจเกิดผลแทรกซ้อนจากการดมยาสลบ ภาวะแผลติดเชื้อ การเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ความเสี่ยงนี้ พบได้ 1-2 %
• ความเสี่ยงเฉพาะ
– บาดแผลติดเชื้อ อาการบาดเจ็บเส้นประสาท ภาวะเสียงแหบ สามารถพบได้ 1-3 %
– ภาวะกระดูกไม่เชื่อมติดตามกำหนด อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การสูบบุหรี่ โรคกระดูกพรุน โรคอ้วน หรือ อาจเกิดจากโลหะที่ใช้ยึดตรึง มีการหลวม หรือหัก ในบางกรณีอาจต้องผ่าตัดเข้าไปแก้ไขใหม่
การปฏิบัติตัว หลังการรักษา
– หลีกเลี่ยงการยกของหนัก การขับรถ ใน 2-4 สัปดาห์ หลังการผ่าตัด งดการทำงานที่ต้องใช้แรงมาก
– ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ใกล้เคียงปกติ เริ่มจากการเดินในระยะสั้น และค่อยเพิ่มจำนวนการเดินจนถึง 1-2 กิโลเมตร หลีกเลี่ยงการนั่งติดต่อกัน เป็นเวลานาน
– ผู้ป่วยจะได้รับการนัดหมายให้มาทำแผลผ่าตัด หลังจากออกโรงพยาบาล 1-2 สัปดาห์ และนัดมาติดตามอาการเป็นระยะ อาจมีการแนะนำ การทำกายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟู กล้ามเนื้อ หรือแนะนำ ให้ใส่อุปกรณ์พยุงคอ
– งดสูบบุหรี่ รักษาและควบคุมน้ำหนักตัว
– มีท่าทาง การนั่ง ยืน เดิน ที่ถูกต้อง