邮箱或手机号 | 密码 | |
忘记帐户? |
注册
无法处理你的请求
此请求遇到了问题。我们会尽快将它修复。
返回首页
- 中文(简体)
- English (US)
- 日本語
- 한국어
- Français (France)
- Bahasa Indonesia
- Polski
- Español
- Português (Brasil)
- Deutsch
- Italiano
- 注册
- 登录
- Messenger
- Facebook Lite
- Watch
- 地点
- 游戏
- Marketplace
- Meta Pay
- Oculus
- Portal
- Bulletin
- 本地
- 筹款活动
- 服务
- 选民信息中心
- 小组
- 关于
- 创建广告
- 创建公共主页
- 开发者
- 招聘信息
- 隐私权政策
- Cookie
- Ad Choices
- 条款
- 帮助中心
- 联系人上传和非用户
- 设置
- 动态记录
Meta © 2022
คำสำคัญ: ไตรภูมิ, พุทธศิลปกรรมร่วมสมัย, วัดร่องขุ่น บทความวิจัย เรื่อง “แนวคิดเกี่ยวกับไตรภูมิในงานพุทธศิลปกรรมร่วมสมัยของวัดร่องขุ่น อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย” มีวัตถุประสงค์ 2 ข้อ คือ (1) เพื่อศึกษาความเป็นมาและความสำคัญของไตรภูมิในงานพุทธศิลปกรรม และ (2) เพื่อศึกษาวิเคราะห์ไตรภูมิในงานพุทธศิลปกรรมของวัดร่องขุ่น
จังหวัดเชียงราย แนวคิดเกี่ยวกับไตรภูมิในงานพุทธศิลปกรรมร่วมสมัยของวัดร่องขุ่น อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
บทคัดย่อ
ผลการวิจัยพบว่า ความเป็นมาและความสำคัญของไตรภูมิในงานพุทธศิลปกรรมเป็นคติความเชื่อเรื่องจักรวาลวิทยาพุทธศาสนาที่แสดงออกมาเป็นองค์ความรู้ด้วยวิธีการสร้างจินตภาพที่สะท้อนถึงรูปลักษณ์ของงานด้านพุทธศิลปกรรม โดยอาศัยสัญลักษณ์ต่างๆ ในทางพุทธศาสนาที่เกี่ยวกับไตรภูมิ อันประกอบด้วย กามภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ ที่มีรูปแบบและเทคนิคการสร้างสรรค์ที่หลากหลายสะท้อนความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่สัมพันธ์กับงานพุทธศิลป์ ที่ปรากฏอยู่ในพุทธศาสนสถาน
ไตรภูมิที่สะท้อนในงานศิลปะและสถาปัตยกรรมที่วัดร่องชุน จังหวัดเชียงราย เป็นผลงานที่นำมาสร้างสรรค์บนพื้นฐานความเข้าใจของแนวคิดแบบโบราณที่ผสมผสานกับแนวความคิดที่เป็นรูปแบบใหม่ แสดงออกในลักษณะงานที่ร่วมสมัยเป็นรูปแบบที่เป็นปัจเจกทัศนะที่ใส่ความเป็นตัวตนของอาจารย์เฉลิมชัยลงไปในงานออกแบบ ที่สื่อให้เห็นถึงการรับรู้พุทธปรัชญา และการสื่อความหมายภายใต้บริบทในสังคมปัจจุบัน ซึ่งมีรูปแบบที่แตกต่างจากในอดีต ลักษณะกระบวนการดังกล่าวมีอิทธิพลอย่างมากต่อการออกแบบของช่างไทยในปัจจุบัน
บรรณานุกรม
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2534).
พระไตรปิฎกภาษาบาลี ฉบับมหาจุฬาเตปิฏกํ.
กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ดาราพร เหมือดนอก. (2541). “เครื่องใช้ในจิตรกรรมฝาผนังอุโบสถวัดบ้านยางตำบลยาง อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม”. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
คณะทำงานโครงการวรรณกรรมอาเชียน. (2528). ไตรภูมิกถาฉบับถอดความ. กรุงเทพมหานคร: อมรินทร์การพิมพ์.
พระพงศักดิ์ อภิชฺชโว (รุ่งสง). (2549). “ศึกษาบทบาทสื่อจิตรกรรมฝาผนังในการเผยแผ่พุทธธรรมในพระพุทธศาสนา: ศึกษาเฉพาะกรณีพระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม”. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
บุญส่งชัย สิงห์กานานนท์. (2541). “ข้อสังเกตต่อทฤษฎีเชิงสร้างสรรค์ทางศิลปะ”. วารสารอักษรศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร. ปีที่ 21 ฉบับที่ 1 เดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน.
เจตนา นาควัชระ. (2546). ศิลป์ส่องทาง. กรุงเทพมหานคร: คมบาง.
เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์. (2549). สร้างพุทธศิลป์เพื่อแผ่นดิน. กรุงเทพมหานคร: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.
เสมอชัย พูลสุวรรณ. (2539). สัญลักษณ์ในงานจิตรกรรมไทยระหว่างพุทธศตวรรษที่ 19 ถึง 24. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วัดร่ำเปิง (ตโปตาราม). (2556). พุทธศิลป์ล้านนา. ลำพูน: ณัฐพลการพิมพ์.
นางสาวจุฑมาศ อินทรรำพันธ์. (2552). “แนวความคิดเรื่องไตรภูมิที่สะท้อนในงานศิลปะและสถาปัตยกรรม วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย”. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
วัดร่ำเปิง (ตโปตาราม). (2556). พุทธศิลป์ล้านนา. ลำพูน: ณัฐพลการพิมพ์.
สมชาติ มณีโชติ. (2529). จิตรกรรมไทย. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์.
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. “ประกาศเกียรติคุณ”. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: //www.culture.go.th/subculture8/attachments/article/161/CHALERMCHAI%20KOSITPIPAT.pdf. สืบค้นเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562.
เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ (เกิด 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498) จิตรกรไทยมีผลงานจิตรกรรมไทยหลายอย่าง
ได้มีผลงานเช่น ภาพจิตรกรรมไทยในอุโบสถวัดพุทธประทีป
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ, เขียนภาพประกอบบทพระราชนิพนธ์ พระมหาชนก
และผลงานศิลปะที่ วัดร่องขุ่น ซึ่งมีทั้งงานสถาปัตถยกรรม, ประติมากรรมปูนปั้น และงานจิตรกรรมไทย
.
ประวัติ
เป็นจิตรกรที่มีฝีมือเป็นที่ยอมรับท่านหนึ่งของประเทศไทย
เป็นชาวหมู่บ้านร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย
เกิดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 เป็นบุตรคนที่ 3 ของนายฮั่วชิว แซ่โค้ว
(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นนายไพศาล) และนางพรศรี อยู่สุขทำคลอดด้วยหมอตำแยชื่อยายตุ่น
ชีวิตตอนเด็กๆ เป็นคนเกเร ไม่ตั้งใจเรียน แต่มีความชอบวาดรูป
จึงพยายามเข้าเรียนที่เพาะช่าง และมหาวิทยาลัยศิลปากร เคยได้รับเหรียญทองจากการประกวดผลงานระดับชาติ
ในตอนที่เรียนอยู่ตอนปีที่ 4 มีผลงานรูปวาดตามผนังของวัดไทยมากมาย ผลงานปัจจุบัน ท่านตั้งใจที่จะสร้างวัดร่องขุ่น
ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน ด้วยศิลปะสมัยใหม่
(ภาพวาด โดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ )
ผลงาน
การแสดงผลงาน เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จัดแสดงผลงานเดี่ยว และร่วมแสดงผลงานในนิทรรศการสำคัญต่างๆ
ทั้งในและต่างประเทศ
ตั้งแต่ พ.ศ. 2520 จนถึงปัจจุบัน
* พ.ศ. 2523 เป็นประธานก่อตั้งกลุ่ม "ศิลปไทย 23" เพื่อต้านอิทธิพลศิลปะจากยุโรป อเมริกา
* พ.ศ. 2527 เริ่มโครงการจิตรกรรมฝาผนังวัดพุทธประทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และเดินทางไปเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดพุทธปทีป โดยไม่คิดค่าจ้าง
* พ.ศ. 2539 เริ่มดำเนินการออกแบบก่อสร้างอุโบสถ วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย
บ้านเกิดของตนถวายเป็นพุทธบูชาจนถึงปัจจุบัน
รางวัลและเกียรติยศ
* พ.ศ. 2520 - รางวัลที่ 1 เหรียญทอง จากการประกวดจิตรกรรมบัวหลวง ครั้งที่ 3
* พ.ศ. 2520 - รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 3 จากการประกวดศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 25
* พ.ศ. 2522 - รางวัลที่ 2 เหรียญเงิน จากการประกวดจิตรกรรมบัวหลวง ครั้งที่ 4 ของธนาคารกรุงเทพ
* พ.ศ. 2536 -
ได้รับเครื่องหมายเกียรติคุณบุคคลตัวอย่างผู้สร้างเสริมงานวัฒนธรรมด้าน จิตรกรรม จาก สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
* พ.ศ. 2537 - ได้รับโล่เชิดชูเกียรติ "เพชรสยาม" (สาขาจิตรกรรม) จากสถาบันราชภัฎจันทรเกษม
* พ.ศ. 2538 - ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เขียนภาพประกอบ บทพระราชนิพนธ์ "พระมหาชนก"
และออกแบบเหรียญพระราชทานคณะแพทย์
* พ.ศ. 2543 -
ที่ปรึกษากรมศิลปากร งานเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังพระพุทธรัตนสถานในพระบรมมหาราชวัง
o ที่ปรึกษาธนาคารแห่งประเทศไทย ออกแบบธนบัตรราชาภิเษกสมรส ครบ 50 ปี
o ถวายการสอนพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์
ทุนที่ได้รับ
* พ.ศ. 2523 - ทุนจากกลุ่มศิลปินร่วมสมัยของศรีลังกา
ร่วมกับสถานทูตไทยในโคลัมโบให้พำนักศึกษา พุทธศิลป์ เป็นเวลา 6 เดือน และทุนในการแสดงผลงาน
* พ.ศ. 2524 - ทุนจากโยฮันเนส ซุลทส์เทสมาร์ ให้พำนักและแสดงผลงานในเยอรมนีเป็นเวลา 6 เดือน - ได้รับเชิญจากบริติชเคาน์ซิล ให้ไปดูงานศิลปะ
และพบศิลปินมีชื่อของอังกฤษ
* พ.ศ. 2526 - ทุนจากทูตวัฒนธรรมเยอรมนี ไปศึกษาดูงานพุทธศิลป์ ในประเทศพม่า
* พ.ศ. 2527 - ทุนจากมูลนิธิวัดพระพุทธศาสนา ณ
กรุงลอนดอน และรัฐบาลไทยในการเขียนภาพจิตรกรรม ฝาผนัง วัดพุทธปทีป ณ กรุงลอนดอน
* พ.ศ. 2532 - ทุนจากกงสุลเยอรมนีในซานฟรานซิสโก แสดงผลงานในสหรัฐอเมริกา
* พ.ศ. 2539 - ทุนจากกงสุลไทยในแอลเอ ร่วมกับสภาศิลปกรรมไทยในสหรัฐอเมริกาเพื่อเดินทางไปแสดงผลงาน เนื่องในโอกาสเปิดสถานกงสุลไทย
ที่มา วีกีพีเดีย
(ภาพวาด โดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ )
หากจะนับชื่อศิลปินไทยที่เรารู้จัก แน่นอนว่า “เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” เป็นศิลปินในลำดับต้นที่ถูกนึกมาเป็นชื่อแรกๆ เขาเป็น 1 ใน 3 ของศิลปินสายจิตรกรรมในประเทศไทย
ที่นักสะสมต้องการความเห็นของเขา ผลงานของเขาอยู่ในแกลเลอรี่ส่วนตัวของเศรษฐี นักธุรกิจชั้นนำหลายคน
การสร้างงานที่เดินทางมาสู่จุดปลายสุดในสาขาอาชีพของความเป็นศิลปินไทย อันได้แก่ ถวัลย์ ดัชนี, จักรพันธ์ โปษยกฤต
ที่อยู่ในฐานะศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์
(จิตรกรรม) ด้วยการยอมรับจากสังคม และผลงานที่ถูกตีราคาสูง
ด้วยผลผลิตจากบรรยากาศชาตินิยมในช่วงปี 2519 การเกิดขึ้นของภาควิชาศิลปไทยในมหาวิทยาลัยศิลปากรภายใต้การกำกับของ ชลูด นิ่มเจริญ ได้สร้างบัณฑิตรุ่นแรกอย่าง
เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ มาผลิตงานศิลปะไทยในช่วงกระแสชาตินิยม
ด้วยเหตุนี้ศิลปะไทยจึงกลายเป็นจุดยืนของเขาที่ชัดเจนจากที่ว่างที่มี อยู่ในสังคมในขณะนั้น
ด้วยรูปลักษณ์ “ความเป็นไทยแบบร่วมสมัย”
นอกจากนั้นการร่วมและจัดตั้งกลุ่ม “ศิลปไทย 23” เพื่อต่อต้านกระแสวัฒนธรรมต่างชาติในปี 2523 ก็ทำให้ลักษณะการพูดจาอย่างไม่กลัวเกรงเป็นจุดเริ่มที่ติดตา
และได้กลายเป็นการย้ำจุดยืนของเขาที่ชัดเจนในศิลปะไทยต่อสังคมในขณะนั้น ภายหลังจากนั้นอีก 4 ปีถัดมา การเดินทางไปเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่วัดพุทธประทีป
ตำบลวิมเบิลดัน พาร์คไซด์ (Wimbledon Parkside) ประเทศอังกฤษ เป็นการมุ่งสู่ความลึกซึ้งทางธรรม
และกลายเป็นอิทธิพลต่องานในแนวทาง
“พุทธศิลป์” (Buddhistic Art) ที่เขาศรัทธา จนนำไปสู่การสร้างงานประติมากรรมและจิตรกรรมที่ยิ่งใหญ่โดยฝากผลงานทั้ง ชีวิตทิ้งไว้ให้เป็นพุทธบูชา
“วัดร่องขุ่น” ที่จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยว เมื่อเกือบ 2 ปีก่อนเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 18,000 คน ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในปีที่แล้ว
โดยคาดว่าปริมาณคนที่แห่เข้ามาชมผลงานจะมากขึ้นและเหยียบหลักแสนได้ภายในไม่ กี่ปี
ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะชาวไทยที่ตั้งใจ
มาเยี่ยมชมผลงานของเฉลิมชัย ซึ่งสิ่งที่เขากล่าวถึงเสมอก็คือต้องการที่จะสร้างงานตลอดชีวิต เขาบอกว่าเกิดจากความต้องการที่จะสร้างงานระดับโลก
ไม่ได้มีปัญหาเรื่องขาดเงิน
(ภาพวาด โดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ )
การจัดงานนิทรรศการ “วาดทำบุญ” ที่ผ่านมา 3 ครั้ง เป็นการจากมาและจากไปแต่ละครั้งของชีวิต เมื่อ 7 ปีที่แล้ว
การพักงานเขียนเพื่อที่จะลงมือสร้างวัดร่องขุ่น เริ่มมาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ชื่อของเขาก็ยังขายได้มาตลอด
ปัจจุบันงานนิทรรศการของเขาที่ผ่านมาจึงไม่ใช่การขายผลงานจริง แต่เป็นเพียงแค่การแสดงผลงานที่ผ่านมา
ตั้งแต่การเป็นชีวิตนักศึกษา เป็นส่วนที่ต่อจาก ภาพพิมพ์ เสื้อ หนังสือ และการ์ด
ที่จำหน่ายและตั้งใจนำรายได้สมทบทุนสร้างวัดร่องขุ่นโดยให้ทุกคนร่วมทำบุญ
ในจำนวนจำกัดที่ไม่มากกว่า
1 หมื่นบาท และจะไม่มีการจารึกชื่อใดๆ ทั้งสิ้น
ด้วยคำกล่าวตอนหนึ่งที่เขากล่าวกับ “POSITIONING” ว่าเขาไม่ความจำเป็นใดๆ เพื่อที่จะวาดรูปอีก
เขาไม่ได้ต้องการวาดรูปขายหรือเพื่อประทังชีวิต เพราะสิ่งที่เขามีอยู่ตอนนี้เรียกได้ว่าเกินพอ
การวาดของเขาก็เพื่อศาสนา วาดในวัดแค่นี้ก็คงพอแล้ว การจำกัดไม่ให้ใครคนใดบริจาคมากเกินไป
ก็เพื่อหวังจะให้ผลงานนี้ เป็นของทุกคนในประเทศ และเป็นงานของแผ่นดินจริง เขาเล่าว่า
ได้รับการติดต่อจากวัดหลายแห่งทั่วประเทศเพื่อที่จะสร้างผลงน แต่เขาเลือกที่จะไม่ไป
โดยพอใจที่จะอยู่ที่ถิ่นเกิด และหมายมั่นตั้งใจว่าจะสร้างผลงานที่นี่ตลอดชีวิต ให้เป็นงานระดับโลก
ปัจจุบันรายได้จากภาพพิมพ์ เสื้อ หนังสือ และการ์ด ที่มาจากผลงานของเขา ที่จำหน่ายในวัดร่องขุ่นเดือนหนึ่ง
รวมถึงเงินบริจาค รายได้ตกอยู่เฉลี่ยเดือนละ 1.2 ล้านบาท
ถูกบริหารจัดการในรูปแบบบริษัทและมีคณะกรรมการที่มาจากชุมชนเป็นคนคอยดูแล
โดยที่เฉลิมชัยวางตัวและดำรงอยู่ในฐานะเป็นศิลปินผู้ออกแบบเท่านั้น
เขาเล่าว่าเขาปฏิเสธที่จะรับรู้รายได้ และวิธีการบริหารทั้งหมด คนงานภายในวัดกว่า 48 คน
ถูกจัดแบ่งหน้าที่ตามฝ่ายต่างๆ 6 ฝ่าย ประกอบด้วยลูกศิษย์ที่เป็นช่างฝีมือชาวบ้านจังหวัดเชียงรายทั้งสิ้น
รายได้หมดไปกับเงินเดือนพนักงานราวเดือนละ 2 แสนบาท และวัสดุอุปกรณ์เพื่อสร้างงาน
ที่ส่งมาจากต่างประเทศราคาแพง
เป็นสิ่งที่สะท้อนมาจากฝ่ายจัดการอีกว่า
พื้นฐานโครงสร้างที่กำลังจะต่อเติมเพิ่มขึ้นอีก 9 หลัง
ถูกปรับและรื้อถอนตามความไม่พอใจของเฉลิมชัย ซึ่งตกอยู่ราวประมาณ 2-5 ล้านบาทต่อหนึ่งงานที่จ้างจากภายนอก
ที่เป็นฝ่ายทำให้ชายผู้เรียกตัวเองว่า “บ้า” ระดับหนึ่ง กลายเป็นจริง
ขณะที่ส่วนต่างถูกจัดเก็บเพื่อเป็นกองทุน ในยามที่เฉลิมชัยบอกเล่าออกมาเสมอด้วยความไม่ประมาทว่า
“หากเขาจากไปเมื่อไหร่ทุกส่วนต้องอยู่ได้ตัวของตัวเอง”
ปัจจุบันเฉลิมชัยเดินทางโดยไม่พกเงิน มีเพียงหมวก และไม้เท้าปลายแหลมเพื่อคอยเก็บเศษขยะชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่อยู่ในวัดภายใน
พื้นที่ราว 3 ไร่ โดยเป็นพื้นที่เมื่อเริ่มแรก ก่อนที่จะได้รับบริจาคและจัดซื้อบริเวณโดยรอบราว 12 ไร่
อันเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านเล่าว่าแต่ก่อนเคยเป็นป่ารกแต่ 7 ปีถัดมาได้กลายสภาพเป็นพื้นที่ร้านค้า
และร้านอาหาร ลานจอดรถ รวมไปถึงบริเวณรอบนอกที่กำลังจะถูกพัฒนา โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นปัญหาสำคัญ
รวมไปถึงการดูแลภูมิทัศน์โดยรอบไม่ว่าบ้านสองหลังในกรุงเทพฯ ที่ซอยอารีย์สัมพันธ์ และบ้านที่สะพานใหม่
พื้นที่ที่เขาใช้สิทธิเลือกตั้ง บ้านที่เชียงใหม่สำหรับโรงเรียนของลูกและที่อยู่ของภรรยา
และบ้านพักใกล้น้ำตกที่เชียงรายถูกดูแลโดยครอบครัวที่เฉลิมชัยอุปถัมภ์ 3 ครอบครัว การวางแผน
และการจัดการทรัพย์สิน รวมไปถึงภาพเขียนที่เป็นที่ต้องการของตลาด
เขาเล่าว่าถูกจัดการอย่างเป็นระบบ
และเตรียมการมาอย่างดี
ภาพวัดร่องขุ่น จังหวัด เชียงราย
ขอขอบคุณข้อมูล : //www.sipang-artgallery.com