ดูแลรักษาเตารีดให้ใช้ได้นาน (Happy time & Happy family) ของทุกชิ้นมีอายุการใช้งานค่ะ แต่ที่สำคัญคือเราต้องรู้จักวิธีการดูแลรักษา เพื่อให้ของที่ซื้อมานั้นใช้ไปได้อย่างคุ้มค่า และถนอมอายุการใช้งานได้นานขึ้น
ถ้าเราดูแลรักษาอย่างถูกวิธี
เพราะเตารีดเป็นอุปกรณ์ที่มีความร้อน ถ้าหากขาดความระมัดระวังในการใช้ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้นะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านไหนที่มีลูกเล็กยิ่งต้องระวัง เพราะเด็ก ๆ จะยังไม่รู้จักอันตรายของเตารีด อาจเผลอคว้าจับในขณะที่กำลังร้อนอยู่ และทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้
การใช้เตารีดควรใช้อย่างระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย และควรปฏิบัติดังนี้
เห็นมั้ยล่ะคะ
ว่าการรีดผ้าไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าเรารู้วิธีและมีผู้ช่วยที่ดีไม่ว่าจะเป็นเตารีด หรือแรงงานชั้นดีอย่างคุณพ่อบ้าน และกำลังใจที่น่ารักจากลูก ๆ ก็จะทำให้การรีดผ้าเป็นงานบ้านเบา ๆ ที่คุณก็ทำเองได้สบายมาก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือ Happy time & Happy family by Tefal
การซักผ้า คือ การทำให้สิ่งสกปรกหลุดออกจากเสื้อผ้า โดยใช้สารทำความสะอาด สามารถทำได้ 2 วิธี คอการซักผ้าด้วยมือ และการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า
การซักผ้าด้วยมือตามกระบวนการทำงาน
2. การวางแผนการทำงาน เป็นการกำหนดกรอบการซักผ้าด้วยมือ โดยสร้างแผนที่ความคิด เพื่อให้เห็นภาพรวมของการทำงาน
3. การปฏิบัติงานตามลำดับขั้นตอน เป็นการซักผ้าด้วยมือตามขั้นตอนที่กำหนด
4. การประเมินผลการทำงาน เป็นการตรวจสอบความสะอาดของการซักผ้าด้วยมือว่าสะอาดตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ถ้าไม่ควรนำไปซักใหม่อีกครั้ง
ตัวอย่างการซักผ้าด้วยมือตามกระบวนการทำงาน
1. การวิเคราะห์งาน
ลักษณะงาน การซักผ้าด้วยมือเหมาะกับผ้าเนื้อบาง ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ หรือเสื้อผ้าที่สกปรกมาก การซักผ้าด้วยมือจะช่วยทำความสะอาดเฉพาะจุดได้ดี
ซึ่งจะใช้เวลาในการปฏิบัติงานประมาณ 45 นาที
คุณสมบัติของผู้ปฏิบัติงาน เป็นผู้ที่รักความสะอาด มีความประณีต พิถีพิถัน ละเอียดรอบคอบ มีทักษะการวางแผน ทักษะการจัดการ และทักษะการแก้ปัญหา
2. การวางแผนในการทำงาน
วัตถุประสงค์
- ทำความสะอาดเสื้อผ้า
- เพื่อฝึกทักษะการทำงาน
สิ่งที่จัดเตรียม วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ
- กะละมัง
- ผงซักฟอก
- สารขจัดรอบเปื้อน
- น้ำยาปรับผ้านุ่ม
- แปรงถูผ้า
- ไม้กระดานแปรงผ้า
- ตะกร้าใส่ผ้า
ศึกษาวิธีการ วิธีการซักผ้าด้วยมือ
- ขั้นตอนการซักผ้าด้วยมือ
- การตรวจสอบผลงาน
- การปรับปรุงแก้ไข
3. ปฏิบัติตามขั้นตอน
1. สำรวจเสื้อผ้าก่อนนำไปซัก โดยตรวจดูสิ่งของที่อาจตกค้างอยู่ในกระเป๋าเสื้อ กระโปรง หรือกางเกง ถ้าเสื้อผ้าชำรุดควรนำไปซ่อมแซมให้เรียบร้อย
2. แยกผ้าขาและผ้าสีออกจากกัน โดยแช่ผ้าขาวและผ้าสีในน้ำสะอาดคนละกะละมัง
3. ผสมผงซักฟอกกับน้ำในกะละมัง ดีให้เป็นฟอง แล้วหยิบผ้าขึ้นจากน้ำที่แช่ บีบน้ำออกแล้วใส่ลงในกะละมังที่ละลายผงซักฟอกไว้
4. ขยี่หรือแปรงผ้าส่วนที่สกปรกให้ทั่ว เช่น ปกเสื้อ ปลายแขนเสื้อ ขอบกางเกง ปากกระเป๋ากางเกง ถ้าสกปรกมากควรใช้สารขจัดรอยเปื้อนทำความสะอาดก่อน
5. บีบหรือบิดผ้าเพื่อให้น้ำผงซักฟอกออกจากผ้า แล้วนำไปซักด้วยน้ำเปล่า 3 ครั้งให้น้ำผงซักฟอกออกหมด โดยอาจใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มในน้ำสุดท้ายที่ใช้ซักผ้าก็ได้
6. บีบหรือบิดผ้าใส่ตะกร้า แล้วนำไปตาก
4. การประเมินผลการทำงาน เป็นการตรวจสอบความสะอาดของการซักผ้าด้วยมือว่าผ้าที่ซักมีคราบสกปรกหรือไม่ ถ้าพบคราบสกปรกควนนำไปซักใหม่อีกครั้งพร้อมกับใช้สารขจัดรอยเปื้อนทำความสะอาด
การซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า
1.
การวิเคราะห์งาน เป็นการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า และศึกษาคุณสมบัติของผู้ปฏิบัติงาน เพื่อนำมาใช้ในการวางแผนการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า
2. การวางแผนในการทำงาน เป็นการกำหนดกรอบการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า
3. การปฏิบัติงานตามขั้นตอน
4. การประเมินผลการทำงาน
ตัวอย่าง การซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าตามกระบวนการทำงาน
1. การวิเคราะห์งาน
ลักษณะงาน
การซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าจะช่วยประหยัดเวลา แรงงาน และอำนวยความสะดวกสบายในการดำรงชีวิต ควรศึกษาเรื่องการจัดเตรียมวััสุด อปรกรณ์ และเครื่องมือในการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า ซึ่งจะใช้เวลาปฏิบัตงานประมาณ 1 ชั่วโมง
คุณสมบัติของผู้ปฏิบัติงาน ควรเป็นผู้ที่รักความสะอาด มีความประณีต พิถีพิถัน ละเอียดรอบคอบ มีทักษะในการวางแผน ทักษะการจัดการ และทักษะการแก้ปัญหา
2. การวางแผนการทำงาน เป็นการกำหนดกรอบการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า
วัตถุประสงค์
- เพื่อทำความสะอาดเสื้อผ้า
- เพื่อฝึกทักษะการทำงาน
สิ่งที่จัดเตรียม วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ
- เครื่องซักผ้า
- ผงซักฟอก
- สารขจัดรอยเปื้อน
- น้ำยาปรับผ้านุ่ม
- ตะกร้าใส่ผ้า
- ถุงซักสำหรับเครื่องซักผ้า
ศึกษาวิธีการ วิธีการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า
- ขั้นตอนการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า
- การตรวจสอบผลงาน
- การปรับปรุงแก้ไข
3. การปฏิบัติตามขั้นตอน
1. สำรวจเสื้อผ้าก่อนนำไปซักในเครื่องซักผ้า โดยตรวจดูสิ่งของที่อาจตกค้าอยู่ในกระเป๋าเสื้อ กระโปรง หรือกางเกง ถ้าเสื้อผ้าชำรุดควรนำไปซ่อมแซมให้เรียบร้อย
2. แยกผ้าขาวและผ้าสีออกจากกัน
ถ้าเป็นผ้าเนื้อบางควรใส่ถุงซักสำหรับเครื่องซักผ้า เพื่อป้องกันผ้าขาด
3. ขจัดคราบสกปรกหรือรอยเปื้อนด้วยสารขจัดรอยเปื้อนก่อนนำผ้าลงในเครื่องซักผ้าตามขนาดบรรจุหรือน้ำหนักที่บอกไว้ในคู่มือ
4. ใส่ผลซักฟอกลงในเครื่องซักผ้าตามคำแนะนำของเครื่องซักผ้าแต่ละชนิด
5.
ตั้งรายการซักผ้าตามคำแนะนำของเครื่องซักผ้าก่อนเปิดสวิตช์ ถ้าต้องการใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มให้ใส่ในน้ำสุดท้ายของการซัก
6. เมื่อเครื่องซักผ้าปั่นผ้าจนผ้าแห้งพอหมาดๆ หยิบผ้าใส่ตะกร้าผ้า แล้วนำไปตาก
4. การประเมินผลการทำงาน
เป็นการตรวจสอบความสะอาดของการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าว่าผ้าที่ซักมีคราบสกปรกหรือไป ถ้าพบคราบสกปรกควรนำไปซักใหม่อีกครั้งพร้อมกับใช้สารขจัดรอยเปื้อนทำความสะอาด
วิธีการซักผ้าอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการซักผ้าที่มีการจัดการแบบประหยัด
1. ประหยัดเวลา ก่อนซักผ้าควรแผนการทำงานให้พร้อม เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการทำงาน
และลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น เช่น การซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าจะช่วยลดเวลาในการทำงาน การจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์เครื่องมือให้พร้อมก่อนการทำงานจะช่วยให้ประหยัดเวลาได้มากขึ้น
2. ประหยัดแรงงาน เป็นการเลือกใช้เครื่องมือที่เป็นเครื่องทุ่นแรงมาช่วยในการซักผ้ เช่น การแช่ผ้าก่อนซักประมาณ 30 นาที ช่วยประหยัดพลังงานในการซักผ้า
การนำเครื่องซักผ้ามาใช้ในการซักผ้าจะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานและช่วยทำงานแทนแรงงานคน
3. ประหยัดทรัพยากร เช่น ใช้เครื่องซักผ้าที่มีระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ หรือซักผ้าสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง เพื่อประหยัดน้ำและค่าไฟฟ้า
4. ประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น
ใช้สารซักฟอกที่เหมาะสำหรับการซักผ้าด้วยเครื่อง หรือการซักผ้าด้วยมือ ในปริมาณที่พอเหมาะสม จะช่วยรักษาเครื่องซักผ้าให้สามารถใช้ได้นานขึ้น หรือการใช้สารสมุนไพรทำความสะอาดเสื้อผ้าแทนสารเคมี จะไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม
5. คำนึงถึงความปลอดภัย ควรคำนึงถึงความปลอดภัยในการซักผ้า เช่น ปฏิบัติตามคู่มือการใช้งานเครื่องซักผ้าอย่างเคร่งครัด ตั้งเวลา ความเร็วหรืออุณหภูมิที่พอเหมาะ
จะช่วยถนอมเสื้อผ้าและเครื่องซักผ้าไม่ชำรุดเสียหาย
การตากผ้า
1.
ก่อนตากผ้าควรกลับผ้าด้านในออกทุกชิ้น เพื่อป้องกันผ้าสีซีดเมือถูกแสงแดด
2. ควรใช้วิธีการบีบน้ำออกจากผ้าแทนการบิด เพื่อไม่ให้ผ้ายับมาก เส้นใยผ้าไม่ขาดง่ายและทำให้ใช้งานได้นาน
3. เสื้อหรือกางเกงควรตากด้วยวิธีการแขวนด้วยไม้แขวนเสื้อ ขณะตากผ้าควรจัดผ้าให้เรียบหรือมีรอยยับน้อยที่สุด เพื่อประหยัดเวลาในการรีดผ้า
4. เสื้อผ้าที่เป็นผ้าสีควรตากในร่มที่มีลมโกรกไม่ควรตากกลางแจ้ง เพราะจะทำให้สีของผ้าซีดเร็ว
5. ผ้าเนื้อหนา เช่น ผ้าห่ม
ผ้าเช็ดตัว ควรตากกลางแจ้งเพื่อจะได้แห้งเร็วและไม่มีกลิ่นอับ
6. ควรใช้ไม้หนีบฟ้าหนีบตรงบริเวณที่แข็งแรงที่สุดของผ้า เช่น ขอบกางเกง เพื่อช่วยไม่ให้เสื้อผ้าเสียรูปทรง
7. ราวตากผ้าควรมีความแข็งแรง ทนทาน ไม่เป็นสนิม สีไม่ตก ไม่มีคราบสกปรก ถ่าไม่มีราวตากผ้าอาจนำเชือกไนลอนสีขาวมาขึงเป็นราวตากผ้าได้
8. ไม่ควรตากผ้าในบริเวณที่มีกลิ่นและควันไฟ เพราะจะทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่น
นอกจากนี้อาจใช้เครื่องอบแห้งหรือเครื่องอบไฟฟ้า มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่เหมาะกับร้านซักรีดเสื้อผ้า โรงพยาบาล หรือโรงแรม
วิธีการตากผ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
1. ประหยัดเวลา เป็นการวางแผนการตากผ้าตามลำดับขั้นตอน เพื่อความรวดเร็วในการทำงาน เช่น การตากผ้าด้วยไม้แขวนเสื้อ การนำเสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วไปตากในขณะที่ซักเสื้อผ้าอีกส่วนหนึ่งในเครื่องซักผ้า
2. ประหยัดแรงงาน อาจใช้เครื่องทุนแรงมาช่วยในการตากผ้า เช่น
การใช้ราวตากผ้าที่ทำจากอะลูมิเนียมซึ่งมีน้ำหนักเบาและมีล้อลากเพื่อให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น
3. ประหยัดทรัพยากร เป็นการเลือกใช้วิธีการแบบประหยัดมาใช้ในการตากผ้า เช่น ถ้ามีลมแรงขณะตากผ้าควรใช้ไม้หนีบผ้า เพื่อป้องกันผ้าหล่น ซึ่งอาจทำให้ต้องซักผ้าใหม่ทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากร
4. ประหยัดค่าใช้จ่าย เป็นการเลือกใช้วิธีการตากผ้าแบบประหยัด เช่น ตากผ้าโดยใช้แสงธรรมชาติแทนเครื่องอบผ้า หรือการใช้ไม้หนีบผ้าพลาสติกแทนไม้หนีบผ้าที่ทำจากไม้
เพราะกันน้ำได้ดีี ทนทาน ราคาถูก
5. คำนึงถึงความปลอดภัย ควรเลือกตากผ้าในบริเวณที่แห้ง สะอาด ไม่มีคนเดินผ้าไปมา ได้รับแสงแดดตลอดวัน ราวตากผ้าไม่เป็นสนิม การตากผ้าในที่สูงควรใช้ความระมัดระวังอย่างมาก