สำหรับความหมายของคำว่า Direct Marketing คือ การตลาดทางตรง นั่นคือการตลาดที่มีการใช้สื่อโฆษณา 1 ชิ้นหรือมากกว่านั้นเพื่อให้กลุ่มผู้บริโภค กลุ่มเป้าหมายที่เราคาดหวังไว้ เกิดการตอบสนองต่อรูปแบบการตลาดที่เราได้ทำขึ้น และสามารถทราบผลลัพธ์เหล่านั้นได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดนั่นเอง ซึ่งลักษณะของการตลาดนี้จะเป็นการสื่อสาร 2 ทาง ระหว่างเจ้าของสินค้ากับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ตัวอย่างของ Direct Marketing
• การทำการตลาดผ่านแคตตาล็อก
การส่งแคตตาล็อก หรือรายการสินค้า โบรชัวร์ ต่างๆ ไปยังลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะสนใจในสินค้าของเรา โดยหวังผลที่จะขายสินค้าหรือนำเสนอสิ่งที่น่าสนใจ เพื่อให้เกิดการซื้อขายในช่วเวลาถัดมา
• การทำการตลาดทางตรง
กลยุทธ์นี้จะทำการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง นั่นคือการส่งไปรษณีย์ โดยอาจเป็นข้อเสนอสุดพิเศษ เช่น บัตรอวยพรในวาระสำคัญต่างๆ คูปองส่วนลด สินค้าตัวอย่างตามเงื่อนไขที่กำหนด เป็นต้น
• การทำการตลาดทางตรงโดยผ่านตัวแทน
หรือที่เรียกว่า การขายตรง ส่วนนี้เองที่ทำให้หลายคนอาจสับสนระหว่างขายตรงกับการตลาดทางตรง แต่ความหมายที่แท้จริงนั่นคือการขายตรงนั้นคือส่วนหนึ่งของการตลาดแบบทางตรง Direct Marketing
• การทำการตลาดผ่านโทรศัพท์
อย่างที่เราเห็นและคุ้นเคย เป็นการต่อสายถึงเราโดยตรง ซึ่งวิธีการนี้อาจก่อเกิดความน่ารำคาญได้ ถ้าหากเราเจาะผิดกลุ่มเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น Pizza Delivery, Call Center เป็นต้น อีกทั้งอย่าลืมว่าถ้าหากเป็นการทำการตลาดที่ก่อให้เกิดความน่ารำคาญ เบอร์ที่เราใช้โทรก็อาจทำให้ถูกบล็อกจากกลุ่มผู้บริโภคได้
• การทำการตลาดผ่านอินเทอร์เน็ต และสื่อต่างๆ
การตลาดในลักษณะนี้ จะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เยอะขึ้น และเป็นการทำการตลาดแบบกระจาย อีกทั้งยังเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เราสามารถได้รับผลตอบรับที่ทันท่วงที และยังเป็นช่องทางที่มีความนิยม และให้การตอบรับอย่างมากในปัจจุบันนี้
เพราะพฤติกรรมของลูกค้านั้นคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจนั้นสามารถพัฒนาต่อไปได้ บวกกับความทันสมัย เทคโนโลยีที่เข้ามาเพิ่มมากขึ้นในสังคมจึงทำให้ปัจจัยการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ รวมไปถึงการส่งเสริมการตลาด รูปแบบการเลือกซื้อสินค้าที่มีความสะดวกสบาย และเป็นการตอบสนองความต้องการของคนในสังคมมากขึ้นอีกด้วย
ที่มา : im2market
กลยุทธ์การทำการตลาดทางอินเทอร์เน็ต
ปัจจุบันสื่อทางด้านไอทีเป็นสื่อที่มาแรงมากและมีแนวโน้มว่าสื่อประเภทนี้ กำลังเจริบเติบโตมากขึ้นทุกวันๆ โดยคนไทยส่วนใหญ่มักใช้ Internet มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นบริษัท นักการตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมถึงธุรกิจการบริการต่างๆ ก็มีการนำสื่อประเภทนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำตลาด และถ้าบริษัทใดไม่ปรับตัวตามยุคไอทีดิจิตอลแล้ว ความสำเร็จและโอกาสในการดำเนินธุรกิจคงเป็นไปได้ยาก แม้แต่ธุรกิจขายตรงก็หลีกหนีไม่พ้นที่จะต้องเจอกระแสไอทีดิจิตอล เห็นได้ว่าบริษัทขายตรงหลายแห่งเริ่มมีการให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ต มีการจัดประชุมผ่านระบบ Online , สามารถดาวน์โหลด MP3 เกี่ยวกับแผนการจ่าย ผลตอบแทน , รายละเอียดของสินค้า ที่สามารถนำไปนั่งฟังบนรถประจำทางได้โดยที่ไม่ต้องเร่งรีบมาที่บริษัทเพื่อรับฟังรายละเอียดของสินค้า สิ่งเหล่านี้กำลังเป็นตัวบ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น ดังนั้น การทำกลยุทธ์ทางการตลาดบนสื่ออินเตอร์เน็ตจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการดำเนินธุรกิจเพราะเป็นการดึงดูดลูกค้าได้หลายกลุ่มนอกจากลูกค้าในประเทศแล้วการใช้สื่อออนไลน์นี้ยังเป็นประโยชน์ในการดึงดูดกลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศให้เข้ามาสนใจธุรกิจของเรา แล้วตัดสินใจซื้อสินค้าของเราและหากลูกค้าเกิดความประทับใจก็จะนำสินค้าของเราไปบอกต่อกับลูกค้ารายอื่นๆ แล้วกลับมาใช้บริการธุรกิจของเราอีก
ลักษณะเด่นหรือข้อดีของการทำการตลาดทางอินเทอร์เน็ต
1. สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง เพราะข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับผู้บริโภค ทำให้ลดการสูญเปล่าในการใช้สื่อและสื่อสารได้อย่างมี ประสิทธิภาพสูง
2. สามารถส่งข้อมูลไปยังกลุ่มเป้าหมายได้
3. สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละประเภทได้
4. ประหยัดเวลา หมายถึง สามารถใช้เวลาไม่มากนักในการผลิตสื่อต่าง ๆ และจัดส่งให้กลุ่ม เป้าหมาย
5. มีลักษณะส่วนบุคคลทำให้ผู้รับสารรู้สึกดีที่มีข่าวสารส่งถึงเฉพาะเนื่องจากมีการระบุชื่อ นามสกุล
6. ต้นทุนกิจกรรมค่าเฉลี่ยของการตลาดโดยตรงจะต่ำเพราะส่งข้อมูลไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนและสามารถทราบถึงการตอบรับด้วยว่าจะมีการซื้อสินค้าหรือไม่
7. สามารถทำรูปแบบให้ดูสวยงามสะดุดตา และสามารถสร้างด้วยภาษา html ให้มีความสวยงาม และยังมีฟังก์ชั่นอื่น ๆ
10 เครื่องมือที่นักการตลาดออนไลน์ต้องมีในปี 2011
ปี 2010 นั้นมีเหตุการณ์และความเคลื่อนไหวหลายอย่างเกี่ยวกับโลกออนไลน์ เช่น การที่ Facebook มีผู้ใช้งานมากกว่า 590 ล้านคนทั่วโลกและเป็นเว็บไซต์ที่คนเข้าใช้บริการมากกว่า Google.com ไปแล้ว ตลอดไปจนถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดของตลาดSmartphone ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการ iOS หรือ Androidประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความตื่นตัวตามกระแสโลกออนไลน์อยู่ไม่น้อย ตั้งแต่การมีผู้ใช้บริการ Facebook มากถึง 7 ล้านคน ตลอดจนความนิยมในการเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ Smartphone ต่างๆ ที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่องตามจำนวนรุ่นที่มากขึ้นและราคาที่ไม่ได้สูงมากทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมากกำลังก้าวเข้าสู่ Digital Lifestyle โดยเริ่มมีโลกออนไลน์มาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมากขึ้น
เรื่อยๆเมื่อตลาดออนไลน์กลายเป็นตลาดที่นักการตลาดต้องหันมาสนใจอย่างจริงจังแล้ว สิ่งที่สำคัญคือการรู้จักเครื่องมือทางการตลาด (Marketing Tools) ในการเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างถูกวิธีซึ่งเครื่องมือบนโลกออนไลน์นั้นมีมากมายและมีการปรับปรุงพัฒนาแทบจะตลอดเวลา หากนักการตลาดออนไลน์ตามไม่ทันแล้วแทนที่การตลาดจะเป็นตัวนำเทรนด์ให้กับผู้บริโภค ก็อาจจะกลายเป็นตามหลังผู้บริโภคไปเสียเอง
ตลาดออนไลน์ในปี 2011นี้อุดมไปด้วยเครื่องมือทางการตลาดหลายอย่างที่นักการตลาดออนไลน์ไม่ควรพลาดที่จะศึกษาและเลือกนำมาใช้อย่างถูกวิธีและถูกเวลา เพื่อที่จะสามารถทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้แบรนด์สินค้าสามารถช่วงชิงยึดพื้นที่ในโลกดิจิตอลนี้ไว้ได้ ประกอบด้วย
ณ เวลานี้คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธเว็บไซต์สังคมออนไลน์อย่างFacebook.com ได้เพราะมันได้กลายเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักของชาวออนไลน์ในปัจจุบันผู้คนมากมายเข้าไปเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและข่าวสารต่างๆ ตั้งแต่ข้อความ รูปภาพ วีดีโอเพื่อทำการอัพเดทเรื่องราวต่างๆ จากบุคคลในเครือข่ายเพื่อนของตนโดยนอกเหนือจากนั้นแล้วFacebook ยังสามารถสร้างหน้าเพจ (Page) ให้กับบุคคล แบรนด์สินค้า ธุรกิจฯลฯ เพื่อให้ผู้ใช้ Facebook ได้เข้าไปทำการเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับเพจดังกล่าวซึ่งจะทำให้สามารถได้รับข่าวสารหรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นบนหน้าเพจนั้นๆจนไม่แปลกที่ธุรกิจมากมายจึงสร้างหน้าเพจของตัวเองบน Facebook เพื่อเป็นช่องทางให้ผู้ใช้ Facebook ได้ทำการติดต่อและปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์สินค้าตลอดไปจนถึงการประชาสัมพันธ์และสร้างโอกาสทำยอดขายได้จากกิจกรรมในเพจของตนได้อีกด้วยนอกจากนี้แล้ว เจ้าของธุรกิจบางรายยังประยุกต์หน้า Pageตัวเองให้กลายเป็นเหมือนแคตตาล็อคสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของตัวเอง ให้ลูกค้าเข้ามาเลือกชมสั่งจองและสั่งซื้อกันทางออนไลน์ได้ทันที เช่นธุรกิจขายเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าต่างๆ ฯลฯ
นอกเหนือจากที่ Facebookจะสามารถสร้างหน้าเพจเพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้งานแล้วนั้น อีกหนึ่งกิจกรรมซึ่งเป็นที่นิยมของผู้ใช้งาน Facebook คือการใช้งาน Facebook Application ต่างๆ เช่นเกมอย่าง Farmville Mafia War ฯลฯ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในโอกาสของบางธุรกิจที่คิดจะสร้างแบรนด์ของตัวเองผ่านทาง Application รูปแบบต่างๆ ดังตัวอย่างที่เห็นได้จาก K-SME Start-Up City ของ K-Bankที่เอาบริการของตัวเองมาดัดแปลงให้กลายเป็นเกมส์ หรือกรณีของ dtac one D.I.Y. ที่สร้าง Application น่ารักๆ ในการสร้างรูป Avatar จนฮิตถล่มทลายมีผู้ใช้งานหลายแสนคนไปแล้วตัวอย่างเหล่านี้ทำให้เห็นรูปแบบใหม่ๆในการสร้างแบรนด์บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่หากทำได้ถูกใจผู้ใช้งานแล้วล่ะก็จะเกิดการบอกต่อและแนะนำให้กับเพื่อนๆอย่างรวดเร็วโดยพ่วงสารและ Brand Awareness ของสินค้าหรือบริการ ไปพร้อมๆ กัน
Twitter กลายเป็นหนึ่งในเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่โดดเด่นในช่วงปีที่ผ่านมาไม่แพ้Facebook โดยแม้ว่าอาจจะไม่มีผู้ใช้งานที่มากเท่า หรือความสามารถต่างๆ จะค่อนข้างแตกต่างกันแต่ด้วยความเรียบง่ายของข้อความเพียง 140 ตัวอักษร ทำให้ Twitter เป็นเครือข่ายที่เหมาะกับในการเผยแพร่และติดตามข่าวสารต่างๆ ที่โดดเด่นในเรื่องความ“สด”และ “ใหม่” ชนิดนาทีต่อนาทีและการบอกต่ออย่างรวดเร็วกลายเป็นหนึ่งในแหล่งข่าวที่สื่อหลักอย่างโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์นำไปอ้างอิงอยู่บ่อยครั้งที่ผ่านมา ธุรกิจมากมายประยุกต์ใช้ Twitter เป็นช่องทางในการประกาศการจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษการขายแบบจำกัดจำนวน การให้สิทธิพิเศษต่างๆ ฯลฯ ทำให้กลุ่มคนออนไลน์เกิดการติดตามตัวสินค้าอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นอีกหนึ่งในช่องทางในการพา
ผู้บริโภคไปทำการซื้อสินค้าออนไลน์ในที่สุด
ในขณะที่ Twitter กลายเป็นหนึ่งในเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ฮิต ผู้มีอิทธิพลออนไลน์ (Influencer) ก็เกิดขึ้นพร้อมกันไปด้วยซึ่งผู้มีอิทธิพลเหล่านี้อาจจะไม่ใช่ดาราหรือคนดังแต่อย่างใด หากแต่เป็นคนที่มีผู้ติดตามและให้ความ “เชื่อถือ”ซึ่งนำไปการมีอิทธิพลในด้านความเชื่อ ความคิด และพฤติกรรมของคนในเครือข่ายของผู้มีอิทธิพลนั้นๆในสมัยก่อนอาจจะมีพยายามวัดที่จำนวนของผู้ติดตาม (Follower) แต่ในระยะเวลาต่อมาก็ได้มีการเพิ่มแง่มุมว่าการมีอิทธิพลจริงๆนั้นไม่ได้วัดแค่จำนวนผู้ติดตามเพียงอย่างเดียว หากแต่รวมถึงพฤติกรรมต่างๆ ของทั้งตัวผู้มีอิทธิพลเองและเครือข่ายที่ติดตาม ซึ่งKlout.com นั้นเป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ให้บริการตรวจสอบและประเมินผลของความ“มีอิทธิพลที่แท้จริง” ของแต่ละ Twitter Accountหากแบรนด์สินค้าใดเลือกที่จะทำการตลาดผ่านผู้มีอิทธิพลออนไลน์เหล่านี้แล้วล่ะก็ Klout.com ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะตรวจสอบเพื่อนำข้อมูลมาประกอบการเลือกผู้มีอิทธิพลเหล่านั้นเพื่อที่จะมาช่วยโปรโมตสินค้าต่างๆ ได้ถูกต้องและเหมาะสม
5. Viral Video
ข่าวสารในรูปแบบภาพเคลื่อนไหวหรือคลิปวีดีโอนั้นกลายเป็นสิ่งที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากโทรศัพท์รุ่นใหม่สามารถเปิดดูและส่งต่อกันได้ง่ายมากขึ้นเช่นเดียวกับความเร็วของอินเตอร์เนตที่ทำให้การดาว์นโหลดไฟล์วีดีโอต่างๆ ทำได้เร็วกว่าสมัยก่อนนั่นหมายความว่าความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นวีดีโอของผู้บริโภคนั้นมากขึ้นเรื่อยๆจึงไม่แปลกที่คลิปวีดีโอที่มีเนื้อหาน่าสนใจหรือโดนใจคนบางกลุ่มจะเกิดการส่งต่ออย่างรวดเร็วผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ ถ้านักการตลาดสามารถสร้างคลิปโฆษณาดีๆและน่าสนใจแล้วล่ะก็คนบนโลกออนไลน์จำนวนมากก็พร้อมจะทำหน้าที่เป็นสื่อโปรโมตวีดีโอดังกล่าวได้ทันที
การเติบโตของ Smartphone และ Mobile Device อื่นๆ อย่าง Tablet เป็นที่จับตามองของนักธุรกิจทั่วโลกเพราะนั่นแสดงให้เห็นพฤติกรรมในการเข้าโลกออนไลน์ที่กำลังจะเปลี่ยนไปของผู้บริโภค นอกจากนี้ระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์พกพาต่างๆไม่ได้แค่ให้ผู้ใช้เข้าโลกออนไลน์ผ่าน Web Browser เท่านั้น แต่ยังเปิดให้มีการสร้าง Application ต่างๆ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานต่างๆ ในแทบจะทุกกิจกรรมของชีวิตเช่นการจดบันทึก อ่านข่าว เล่นเกมส์ ดูแผนที่ ฯลฯMobile Application นี้เองที่หลายแบรนด์สินค้ากระโดดเข้ามาสร้าง Brand Application ของตัวเองเพื่อที่ผู้ใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการต่างๆ ของตัวเองด้วยประสบการณ์แบบใหม่ที่นอกเหนือไปจากการใช้ผ่านหน้าจอ Web Browser ทั่วๆ ไป เช่นการดูรอบหนังและทำการซื้อตั๋วได้ทันทีผ่าน App ของ SF Cinema จึงอาจบอกได้ว่า Mobile Application นี้จะเป็นหนึ่งในการสร้าง Brand Experience ตลอดไปจนการได้รับบริการรูปแบบใหม่ให้กับผู้บริโภคที่ไม่อาจมองข้ามได้นั่นเอง
. Location Base Service
บริการเครือข่ายสังคมที่มีการใช้ข้อมูลของสถานที่และพิกัดบนแผนที่นั้นเป็นหนึ่งในบริการยอดนิยมของผู้ที่พก Smartphoneเนื่องจากความสนุกในการได้บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้กับเพื่อนในเครือข่ายของตนเกี่ยวกับกิจกรรมในแต่ละวันของตัวเองว่าไปสถานที่ใดมาบ้าง การ Check-in ผ่าน Foursquare หรือ Gowalla กลายเป็นเสมือนเกมสนุกบนโลกออนไลน์ แต่ในขณะเดียวกันมันคือการที่ผู้บริโภคโปรโมตสินค้า ร้านค้า และสถานที่ต่างๆ ให้กับธุรกิจไปพร้อมๆ กันทำให้เกิดกิจกรรมที่นำบริการออนไลน์นี้มาต่อยอดเป็นกิจกรรมทางการตลาดเช่นการ Check-in ที่ร้านค้าเพื่อรับส่วนลดพิเศษ หรือรับสินค้าฟรี
8. QR Code
ภาพขนาดสี่เหลี่ยมที่ทำหน้าที่เสมือน Barcodeนี้กำลังกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นตามการเติบโตของ Smartphoneซึ่งเป็นเหมือนอุปกรณ์ในการแสกนและเข้าถึงข้อมูลบนโลกออนไลน์วิธีใหม่ เพราะนอกจากที่ QR Code จะพาผู้ใช้ไปสู่ URL ของเว็บไซต์ต่างๆ ได้หลังจากทำการ Scan ได้แล้วนั้น ยังสามารถประยุกต์ในการพาผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลรูปแบบอื่นๆ เช่นไฟล์เสียง คลิปวีดีโอ หรือลิงค์ดาว์นโหลดต่างๆ ได้ดังตัวอย่างที่มักเห็นในสื่อต่างประเทศแม้ในปัจจุบันเราจะเห็นการใช้ QR Code ส่วนใหญ่อยู่กับการให้ Information แต่ถ้ามีการประยุกต์ใช้อย่างชาญฉลาดแล้วนั้น QR Code จะกลายเป็น Gimmick ที่น่าสนใจสำหรับคนออนไลน์ไม่น้อยทีเดียว
9. Dynamic Website
แม้ว่า Facebook หรือ Twitter จะเป็นที่นิยมมากเพียงใดแต่เว็บไซต์ซึ่งเป็นเหมือนออฟฟิศหลักของแบรนด์สินค้านั้นก็ยังคงมีความจำเป็นอยู่เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็ยังมีการค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการต่างๆ ผ่านทาง Search Engine อย่าง Googleรวมทั้งเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลต่างๆนั้นจะกลายเป็นแหล่งข้อมูลที่ถูกนำไปบอกต่อทางเครือข่ายสังคมออนไลน์อีกด้วยฉะนั้นการสร้างเว็บไซต์ที่ทำให้ผู้ใช้งานออนไลน์สามารถเข้าถึงข้อมูลสินค้า บริการข่าวสารต่างๆ นั้นรวมทั้งการทำ Search Engine Optimization (SEO) ก็ยังมีความสำคัญมากอยู่ดีอีกทั้งรูปแบบของเว็บไซต์ในปัจจุบันไม่ควรจำกัดตัวเองอยู่ที่การเป็นเพียงการสื่อสารเพียงด้านเดียวกับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมหากแต่ต้องมีความสามารถในการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานกับตัวเว็บเอง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความเห็น โหวตตลอดจนความสะดวกในการแบ่งปันเนื้อหาของเว็บเข้าสู่เครือข่ายสังคมอย่าง Facebook และ Twitter และการเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกรับข่าวสารของเว็บผ่าน RSS Feed ได้
10. Email Subscription
การใช้งาน Email ยังคงเป็นหนึ่งในการรับข้อมูลและติดต่อสื่อสารบนโลกออนไลน์อยู่แม้จะมีการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์มากขึ้นแต่ถ้าหากพิจารณาแล้วทั้งสองช่องทางก็ยังมีความแตกต่างและจุดเด่นจุดด้อยที่ต่างกันออกไป โดย Email จะมีความได้เปรียบในเรื่องการส่งข้อมูลที่มีเนื้อหามากระดับหนึ่ง และเข้าถึงผู้ที่สนใจโดยตรงผ่านการ Subscription ดังที่เห็นเว็บไซต์ที่เป็นที่นิยมมักเปิดบริการรับข่าวสารหรือโปรโมชั่นพิเศษผ่านทาง Email เพื่อไม่ให้พลาดกิจกรรมพิเศษต่างๆ ในแต่ละวันสำหรับเครื่องมือทางการตลาด 10 อย่างตามที่กล่าวมานั้นจะเห็นได้ว่าบางอย่างอาจจะไม่ใช่ของใหม่ที่เพิ่งมีการคิดค้นขึ้นแต่อย่างใดหากแต่พฤติกรรมของผู้บริโภคบนโลกออนไลน์กำลังมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนเรื่อยๆ จึงจำเป็นที่จะต้องทำเครื่องมือต่างๆมาประยุกต์และปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป