<span data-mce-type=”bookmark” style=”display: inline-block; width: 0px; overflow: hidden; line-height: 0;” class=”mce_SELRES_start”></span>
Fast Charge ชาร์จไว แต่ทำไมมือถือเราชาร์จช้า แบตเสื่อมรึเปล่า
มาดูรายการ ดิจิทัลไทยแลนด์ ตอน “ Fast Charge ชาร์จไว แต่ทำไมมือถือเราชาร์จช้า แบตเสื่อมรึเปล่า” รายการย้อนหลังตอนนี้เลยนะคะ
www.it24hrs.com/2022/fast-charge-quick-charge
รายการดิจิทัลไทยแลนด์ ขอขอบพระคุณข้อมูล คำแนะนำ จาก คุณสมเดช แสงสุรศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญวิจัย NECTEC (NSTDA)
ปัจจุบันระบบชาร์จบนสมาร์ตโฟนเดินทางมาไกลมาก แรงได้ถึง 40W แต่ยังคงมีคำถามชวนสงสัยว่า ยิ่งชาร์จเร็วแบบนี้ แบตเตอรีจะเสื่อมไวหรือไม่? ซึ่ง OPPO ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนที่ใช้เรื่องระบบชาร์จไวอย่าง SuperVOOC เป็นจุดขายของเครื่องเรื่อยมาก็ยอมรับว่ายิ่งชาร์จไวเท่าไหร่ แบตเตอรียิ่งเสื่อมเร็วมากเท่านั้น
เมื่อเดือนที่ผ่านมา OPPO เปิดตัว OPPO Ace 2 สมาร์ตโฟนตัวแรงมาพร้อมกับ Snapdragon 865, หน้าจอ 90Hz แบตเตอรีความจุ 4,000 mAh ที่รองรับชาร์จไวได้แรงถึง 65W และชาร์จไร้สายแรงถึง 40W โดยกำลังไฟถึง 65W นั้นเป็นกำลังไฟที่แรงระดับเดียวกับโน้ตบุ๊กเลยทีเดียว
ทั้งนี้ OPPO ได้ยืนยันกับทาง AnandTech ด้วยตัวเองว่า “Fast Charge หรือชาร์จไวไม่เป็นผลดีต่อแบตเตอรีในระยะยาว” โดย Andrei F. เผยข้อมูลจาก OPPO ว่า กำลังไฟ 40W ทำให้ประสิทธิภาพแบตเตอรีเหลือเพียง 70% ในขณะที่กำลังไฟ 15W ทำให้ประสิทธิภาพแบตเตอรีเหลือถึง 90% เมื่อใช้ในระยะเวลาเท่ากัน
Oppo outright confirmed to us that their 40W degrades to 70% capacity in the same cycles 15W would to 90%. It's all a crock of shit marketing race seeking to have the bigger numbers.
— Andrei F. (@andreif7) May 8, 2020
นี่อาจเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำไมผู้ผลิตแบรนด์อื่น ๆ อย่าง Apple, Samsung และ OnePlus เลือกไม่ทำระบบชาร์จไวที่มากเกินไปออกมา (แต่ Apple มาช้าไปหน่อย) โดย Apple มีชาร์จไว 18W มาให้ในกล่อง ส่วน Samsung มีชาร์จไว 25W มาให้ในกล่อง และ OnePlus มีชาร์จไว 30W มาให้ เป็นไปได้ว่าแบรนด์ที่เน้นให้คนใช้สมาร์ตโฟนในระยะยาวอาจจะไม่เน้นระบบชาร์จไวที่มากเกินไปเพื่อถนอมแบตเตอรีให้สามารถอยู่ได้นาน
ใครที่วางแผนใช้สมาร์ตโฟนเครื่องหนึ่งสัก 2-4 ปี ไม่เน้นเปลี่ยนบ่อย ก็ไม่แนะนำให้ใช้ Fast Charge ที่ไวเกินไป แต่หากใครมีแผนเปลี่ยน 1-2 ปีครั้งก็ใช้ตามที่สะดวกจะดีกว่าครับ
คุณสมบัติ การชาร์จแบบเร็ว (Fast Charging) กลายเป็นคุณสมบัติมาตรฐานไปแล้วในสมาร์ทโฟน (Smartphone) รถยนต์ไฟฟ้า (EV Car), แล็ปท็อป (Laptop) และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่สามารถใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวได้ เพราะช่วยให้คุณสามารถชาร์จอุปกรณ์หรือรถยนต์ไฟฟ้าให้ประจุเต็มเร็วได้ในเวลาน้อยกว่าที่เราต้องรอตามปกติ
แต่การที่มันชาร์จได้เร็วจนน่าทึ่งขนาดนี้ มีผลเสียต่ออายุการใช้งาน แบตเตอรี่ (Battery) หรือเปล่า ? และที่ชาร์จแบบเร็วส่งผลเสียกับโทรศัพท์ของคุณมั้ย ? เราจะมาแจกแจงเรื่องนี้กันค่ะ
Fast Charge คืออะไร ?
(What is Fast Charging ?)
เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว (Fast Charging Technology) เป็นคุณเทคโนโลยีที่จะช่วยให้เราสามารถ ชาร์จอุปกรณ์พกพา ต่างๆ ได้ในเวลาที่รวดเร็วกว่าเวลาที่ต้องใช้ปกติ (เรียกสั้นๆ ว่า "Fast Charge") ซึ่งโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์พกพาอื่น ๆ ของคุณจะรองรับการชาร์จนี้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่า แผงวงจรการชาร์จรองรับการชาร์จแบบนี้หรือเปล่านั่นเอง ...
โดยอุปกรณ์ของเรา จะสามารถดึงพลังงานออกมาได้เท่าที่วงจรการชาร์จถูกออกแบบมาให้รองรับไหวเท่านั้น นั่นหมายความว่า ไม่ใช่ว่าทุกอุปกรณ์ที่เสียบเข้ากับที่ชาร์จแบบ Fast Charge แล้วจะทำให้ชาร์จเร็วขึ้นเสมอไป ซึ่งแน่นอนว่าอาจมีเหตุผลอื่นที่ทำให้สมาร์ทโฟนของคุณชาร์จได้ช้าด้วยเหมือนกัน ทำให้ต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ แยกออกไปอีกที
เครดิตภาพ : //giphy.com/gifs/charge-charging-supervooc-SwsW37eVVbyPLxCEnE
การชาร์จอย่างรวดเร็วทำให้แบตเตอรี่ของเราเต็มง่ายขึ้นทุกครั้งที่ต้องการที่ชาร์จ เมื่อคำนึงถึงจำนวนเวลาที่เราต้องใช้งานอุปกรณ์ที่เปรียบเสมือนปัจจัยที่ห้าอย่างสมาร์ทโฟน ที่ต้องใช้งานเกือบตลอดทั้งวันแล้ว ทำให้การที่เราจะชาร์จเพียงครั้งเดียวแล้วอยู่ได้ตลอดก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น คนจึงให้มาให้ความสนใจกับการชาร์จเร็วจึงมีกันมากขึ้น โดยในบทความนี้ เราจะยกตัวอย่างการชาร์จเร็วกับสมาร์ทโฟนเป็นหลัก
การชาร์จแบบไหน ถึงจะเรียกว่า Fast Charge ?
(What kind of charging called Fast Charging ?)
การชาร์จเร็ว ได้กลายเป็นจุดขายที่ดีในแง่การค้าไปแล้วสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ตามที่เรามักจะพบเห็นคำนี้ในการตลาดของสมาร์ทโฟนได้บ่อยขึ้น
ซึ่งบางที ข้อความโฆษณาว่าชาร์จเร็ว หรือการเขียนว่ารองรับการชาร์จเร็วอาจไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป และมักมาค้นพบในภายหลังจากที่เสียเงินซื้อมาแล้วว่ามันไม่ได้ชาร์จเร็วอะไรมากมายเหมือนคำกล่าวอ้าง แล้วอันที่จริง มันต้องเป็นการชาร์จแบบไหน ชาร์จด้วยจำนวน วัตต์ (Watts) เท่าไหร่จึงจะถือว่าชาร์จเร็วกันล่ะ ?
เครดิตภาพ : //www.notebookcheck.net/Xiaomi-s-new-100-W-fast-charging-technology-fully-charges-a-4000-mAh-battery-in-just-17-minutes.443747.0.html
ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนมักจะเขียนว่า อะไรก็ตามที่สามารถชาร์จได้เกิน 10 วัตต์ เป็นอัตราการชาร์จเร็วหมด แต่จริง ๆ แล้วยังไม่มีมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ระบุอย่างชัดเจนในเรื่องของความเร็วในการชาร์จแบบนี้ ที่รู้ ๆ ก็คือ ยิ่งตัวเลขสูงเท่าไหร่ อัตราการชาร์จก็จะยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
Fast Charge จะทำให้แบตเตอรี่เสียหายหรือเปล่า ?
(Will Fast Charging damage battery ?)
คำถามนี้มักผุดขึ้นมาอยู่เนือง ๆ เนื่องจากความร้อนที่เกี่ยวข้องกับการชาร์จอุปกรณ์ของคุณด้วยพลังงานสูง และอย่างที่หลาย ๆ คนอาจจะพอทราบกันอยู่แล้วว่า ความร้อนนั้น ไม่ส่งผลดีต่อแบตเตอรี่สักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะกับ แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน (Li-Ion Battery) ที่สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ใช้ในปัจจุบัน ทำให้เป็นเหตุผลที่ผู้ผลิตระบบชาร์จเร็วหลายเจ้า พยายามลดความร้อนให้มากที่สุดในขณะที่เพิ่มการประจุให้ได้มากที่สุดไปด้วย
สำหรับคำถามที่ว่า แล้วตกลงการชาร์จเร็วทำให้แบตเตอรี่ของอุปกรณ์เสียหายไปด้วยหรือเปล่า คำตอบคือ ไม่ซะทีเดียว สาเหตุคือมันขึ้นอยู่กับวิธีการทำงานของการชาร์จเร็ว โดยแบตเตอรี่สำหรับชาร์จเร็วนั้นจะมีการชาร์จทั้งหมดสองเฟสด้วยกัน เฟสแรกคือเฟสที่ชาร์จโดยนำพลังงานเข้ามาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฟสนี้จะทำงานเมื่อประจุแบตเตอรี่นั้นมีน้อยหรือหมดเกลี้ยง
เครดิตภาพ : //www.pocket-lint.com/phones/news/146725-rapid-charging-compared-super-vooc-vs-supercharge-warpcharge
ทำให้เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมในสื่อการตลาดต่าง ๆ ของบรรดาสมาร์ทโฟน เราจะเห็นผู้ผลิตทั้งหลาย เขียนอวดสรรคุณกันว่า การชาร์จเร็วของตัวเองนั้นใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 ไปถึงความจุเท่านั้นเท่านี้ โดยใช้เวลาเท่าไหร่กันบ้างเป็นหลัก
เพราะเมื่อประจุของแบตเตอรี่ขึ้นถึงระดับที่กำหนด ความเร็วในการชาร์จจะลดลงเพื่อป้องกันระดับความตึงเครียดและความร้อนที่อาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ดังนั้น เราจะสังเกตเห็นได้ว่า โทรศัพท์จะชาร์จเร็วขึ้นเป็นเมื่อมีเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่สูงถึงในระดับหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็จะใช้เวลานานขึ้นทั้ง ๆ ที่มีเปอร์เซ็นต์การชาร์จเหลือน้อยกว่าตอนแรกแล้ว (เช่น 0 ไป 80% ใช้เวลา 35 นาที แต่ 80 ไป 100% ใช้เวลา 20 นาที เป็นต้น)
สาเหตุก็เพราะ โทรศัพท์ของเราจะปิดการชาร์จเร็วโดยอัตโนมัติเพื่อไม่ให้มีระดับความร้อนเกินกำหนดนั่นเอง
แล้วบรรดาบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟน มีการลดผลกระทบตรงนี้อย่างไรบ้าง ?
บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนได้มีการคิดค้นวิธีอื่น ๆ เพื่อลดผลกระทบของเฟสการชาร์จเร็วบนแบตเตอรี่ด้วยเหมือนกัน โดยใช้การออกแบบ ระบบแบตเตอรี่แบบคู่ (Dual Battery System) ด้วยวิธีนี้ แบตเตอรี่ทั้งสอง ก็จะแบ่งกันโหลดประจุสูงเข้าแบตเตอรี่ระหว่างขั้นตอนการชาร์จเร็วเพื่อป้องกันความเสียหายได้ด้วย
อีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจก็คือ การออกแบบซอฟต์แวร์การจัดการแบตเตอรี่แบบต่าง ๆ เพราะบรรดาสมาร์ทโฟนมีระบบการจัดการเฉพาะสำหรับดูแลเรื่องการชาร์จอยู่แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เสียหายจากการชาร์จพลังงานสูง ตัวอย่างที่ดีในเรื่องการออกแบบ คือบรรดาอุปกรณ์ของ Apple โดยเฉพาะ iPhone ที่คนใช้งานประจำจะเห็นเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
เครดิตภาพ : //www.cultofmac.com/735666/apple-struggles-to-make-magsafe-battery-pack-for-iphones/
โดยพื้นฐานแล้ว ประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์จัดการแบตเตอรี่ในโทรศัพท์ที่เราใช้กันต่างหาก ที่เป็นตัวกำหนดว่า การชาร์จเร็วจะทำให้แบตเตอรี่เสียหายหรือเปล่า
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การชาร์จเร็ว จะไม่ได้ส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ของคุณมากมายอะไรขนาดนั้น แต่ตามหลักฟิสิกส์แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าแบตเตอรี่แบบนี้ จะมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าการใช้แบตเตอรี่ธรรมดาที่ชาร์จช้าด้วยเหมือนกัน ยังไงซะ เรื่อง รอบชาร์จแบตเตอรี่ (Battery Charge Cycle) ก็ยังมีผลกับสิ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็น แบตเตอรี่ อยู่ดี
โดยอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ จะแตกต่างกันไปตามปัจจัยแวดล้อมอีกที ซึ่งเอกสารสนับสนุนของ Apple มีการอ้างอิงถึงเรื่องนี้ไว้ว่า
ข้อมูลเพิ่มเติม : แบตเตอรี่ทั่วไป ถูกออกแบบมาให้สามารถรักษาความจุเดิมได้สูงถึง 80% ที่รอบการชาร์จเต็ม 500 รอบ เมื่อทำงานภายใต้สภาวะปกติ
Fast Charge ดียังไง
คุณสมบัติ การชาร์จแบบเร็ว (Fast Charging) กลายเป็นคุณสมบัติมาตรฐานไปแล้วในสมาร์ทโฟน (Smartphone) รถยนต์ไฟฟ้า (EV Car), แล็ปท็อป (Laptop) และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่สามารถใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวได้ เพราะช่วยให้คุณสามารถชาร์จอุปกรณ์หรือรถยนต์ไฟฟ้าให้ประจุเต็มเร็วได้ในเวลาน้อยกว่าที่เราต้องรอตามปกติFast Charge มีอะไรบ้าง
เทคโนโลยีชาร์จเร็วในปัจจุบัน มีอยู่ 2 แบบ คือ.เทคโนโลยี Dash Charge : จ่ายไฟสูงสุดที่ 5V 4A..เทคโนโลยี VOOC : จ่ายไฟสูงสุดที่ 5V 4A และ Super VOOC จ่ายไฟสูงสุดที่ 10V 4A..เทคโนโลยี Super Charge : จ่ายไฟสูงสุดที่ 5V 4.5A หรือ 4.5V 5A และ Supercharge 2 จ่ายไฟสูงสุดที่ 10V 4A..สายชาร์จมีผลต่อการชาร์จไหม
ยาวหรือสั้น ไม่สำคัญเท่าคุณภาพ เราได้เห็นไปแล้วว่าความยาวของสายชาร์จส่งผลต่อความเร็วในการชาร์จจริง แต่ด้วยสเกลเล็ก ๆ ของการชาร์จแบตเตอรี่มือถือ ประกอบกับหัวชาร์จที่มีชิปควบคุมการจ่ายไฟ ทำให้ความแตกต่างนี้แทบจะไม่มีนัยสำคัญชาร์จแบตไม่เข้าเกิดจากอะไร
ลองเช็กที่พอร์ตสำหรับชาร์จดูดี ๆ ว่ามีเศษอะไรติดอยู่ข้างในหรือไม่ ถ้าหากมีให้ใช้ไม้จิ้มฟันหรือเข็มค่อย ๆ เขี่ยออก แต่ถ้าหากไม่มีเศษอะไรติดอยู่เลย ให้เช็กดูว่าช่องพอร์ตยังอยู่ในตำแหน่งและรูปร่างปกติดีหรือไม่ หากพบว่าเกิดความโค้งงอหรือผิดรูปก็จำเป็นต้องส่งซ่อม