เริ่มชีวิตการทำงานไปด้วย-เรียนไปด้วยในวัยไม่ถึง 20 ปี
น้องเริ่มงานแรกด้วยการทำ part-time ทำที่ Hot Pot ชั่วโมงทำงานละ 42 บาท น้องเริ่มทำงานตั้งแต่ 6 โมงเย็นยาวไปถึง 4 ทุ่ม
ผันตัวเองสู่งานขายของออนไลน์ ดันจนสินค้าบูม ลูกค้าชอบ และพัฒนากลายเป็นรายได้หลัก
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว หลังจากที่น้องได้เห็นว่าธุรกิจค้าขายออนไลน์กำลังบูม น้องก็เริ่มสนใจก้าวเข้าสู่เส้นทางนี้
เริ่มต้นด้วยการ Dropship
น้องเริ่มต้นด้วยการสำรวจตลาดในการทำดรอปชิปก่อนว่าเป็นยังไง น้องก็พบว่าเป็นช่องทางที่น่าสนใจ น้องจึงกระโดดลงไปทำส่วนนี้อย่างจริงจัง ซึ่งเงื่อนไข Dropship นี้ก็แล้วแต่แบรนด์ของสินค้านั้นๆ ด้วยนะครับ ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเช่นนี้ทุกแบรนด์ เงื่อนไขต่างกันอยู่ครับ
1. วิธีการทำ Dropship เริ่มจากการที่ผู้ขายสินค้านั้น เปิดรับตัวแทนขายสินค้า แบบไม่ต้อง Stock สินค้าไว้ที่ตัวเอง (คล้ายๆ เป็นที่โฆษณาสินค้าให้คนขายสินค้าเราเองน่ะแหละครับ
2. ไม่เสียค่าสมัคร
3. ไม่ต้องลงทุน
4. เอาโปสเตอร์โฆษณาสินค้ามาโพสต์ขายในพื้นที่ของตัวเอง (ในที่นี้หมายถึง Facebook ก็คือมาโพสต์หน้า wall ตัวเองครับ)
5. สินค้าแรกที่น้องเริ่มขายคือรองเท้า สมมติว่า ถ้ารองเท้าราคาคู่ละ 520 บาท ต้นทุนจะอยู่ที่ประมาณ 320 บาท ค่าส่ง 40 บาท และน้องจะได้ค่าขายอยู่ที่ราวๆ 60 บาทต่อคู่ครับ โดยน้องจะเป็นคนแจ้งออเดอร์ให้ต้นทาง จากนั้น เจ้าของสินค้าก็จะโอนเงินมาให้น้องครับ
6. วิธีการเลือกสินค้ามาขาย เช่น การเลือกรองเท้ามาขาย น้องจะเลือกขายรองเท้าที่มีสไตล์หลากหลาย แยกเกรด น้องบอกว่าช่วงแรก ๆ ก็ขายยาก วันละ 2 - 3 คู่ ถ้าขายได้มากจำนวนสุด จะอยู่ที่วันละ 8 - 9 คู่
เริ่มสร้างเพจ โพสต์ขายสินค้าตาม Facebook page และขยายไปยังสินค้าประเภทอื่น
จุดเริ่มต้นขายสินค้าของน้องมาจากขายรองเท้า น้องก็เริ่มหันมาขายสินค้าประเภทเสื้อผ้าเพิ่มขึ้น น้องว่าเสื้อผ้าเป็นสินค้าที่ขายดีมาก ราคาอย่างต่ำอยู่ที่ 150 บาท จากนั้นก็เพิ่มราคาที่ 100 กว่าบาท ขายได้ทั้งในเพจตัวเอง ขายใน Facebook ที่เน้นขายของ และก็เริ่มเพิ่มเพื่อนรายบุคคล เพื่อสร้างโอกาสในการขายให้ตัวเองมากขึ้น
จากนั้น น้องก็เริ่มหันมาขายเครื่องสำอาง เช่นเคย น้องเริ่มจากการเป็นตัวแทนแบบดรอปชิป (dropship) น้องเล่าว่าเครื่องสำอางค์นั้นมีกำไรมากถึง 50% ไม่ว่าจะเป็นแป้งพัพ เซรั่ม ล้วนขายดี
ต่อมา น้องก็หันมาสนใจสินค้าประเภทเครื่องรางของขลังเพื่อส่งเสริมโชคลาภในคนที่นับถือให้เพิ่มมากขึ้น สินค้าที่น้องเลือกขายคือ “ปี่เซียะ” ที่หมายถึง การส่งเสริมความเชื่อ เมื่อชีวิตมีปัญหา ไม่มีโชคลาภ ใครนำไปบูชาจะทำให้เกิดความมั่นใจในด้านนี้เพิ่มขึ้น (*หมายเหตุ* เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ)
จากปี่เซียะ ก็หันมาขาย “หมูทอง” ที่มีความหมายว่า ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ เฮงๆ ปังๆ มีกินมีใช้ จากนั้นก็ขาย “กังหัน” ซึ่งขายอยู่ในฮ่องกง
ช่วงต้นปี 2019 ถือว่าขายได้ดี ยอดขายค่อนข้างบูม คนนิยมซื้อ แต่ปรากฎว่า Facebook ไม่สนับสนุน และได้ปิดเพจต่างๆ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดูแล้วหลอกลวงประชาชน น้องจึงค่อยๆ เลิกขายเครื่องรางของขลังไป
วิธีการบริหารเงิน แยกประเภทให้ชัดเจน พยายามมองหาโอกาสในการขายสินค้าใหม่ๆ อยู่เสมอ
น้องฝึกงานของเราแบ่งการใช้งินออกเป็นรายจ่าย เงินเก็บ รายได้ และเงินสำหรับลงทุน ในส่วนของรายจ่าย น้องบอกว่าจะเผื่อเงินไว้สำหรับเอนเตอร์เทนตัวเองบ้าง เพื่อไม่ให้การใช้จ่ายเงินของดูคร่ำเคร่งจนเกินไป
ในส่วนของเงินเก็บ น้องจะเก็บเงินไว้สำหรับเอาไว้สำรองเพื่อซื้อสินค้าไว้ขาย และเงินเก็บเพื่ออนาคต
ในส่วนของรายได้ น้องจะพยายามหารายได้หลายๆ ทาง เพื่อให้มีกระแสเงินสดไว้
ในขณะที่เงินลงทุน น้องนำเงินไปลงทุนในพอร์ตหุ้น 40%
หลักในการใช้เงินของน้อง
น้องเล่าให้เราฟังว่า เวลาซื้อของ น้องจะใช้เงินสดซื้อทุกครั้ง น้องไม่ใช้บัตรเครดิตเพราะน้องกลัวการเป็นหนี้ เธอจะเก็บเงินจนครบตามจำนวนที่ต้องซื้อสินค้านั้นๆ เธอจึงค่อยตัดสินใจซื้อ
ปัญหาที่ชัดเจนในการหารายได้แบบที่เธอทำอยู่ คือปัญหาการยื่นกู้ หากต้องการใช้เงินด้วยการกู้เพื่อซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ เธอไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีเอกสารรับรอง เนื่องจากเธอไม่ได้มีสลิปเงินเดือนประจำ แต่เป็นธุรกิจที่ทำไปเรื่อยๆ ด้วยตัวเธอเอง
เธอบอกว่า ข้อคิดที่สำคัญในการใช้เงินของเธอก็คือ เราไม่จำเป็นต้องใช้เงินให้เกินตัว สร้างตัวให้เร็ว สร้างอนาคตให้ตัวเองโดยไว ก็สามารถหาโอกาสให้ตัวเองในการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ ได้
เธอย้ำว่า คนเราไม่ควรสร้างหนี้เกินตัว จงประเมินตัวเองอยู่เสมอว่าถ้ามีหนี้ จะสามารถชำระหนี้นั้นๆ ได้หรือไม่ เธอบอกว่าถ้าเธอต้องซื้อรถยนต์ไว้ขับสักคัน คงจะไม่เหมาะสมสำหรับเธอตอนนี้ เพราะรายได้ไม่เสถียร มันไม่ใช่ก้อนเงินที่เธอได้เท่ากันเป็นประจำทุกๆ เดือน
ขณะเดียวกัน บ้านก็เป็นเรื่องของอนาคต ถ้ายังมีอาชีพที่ไม่มั่นคงมาก เธอก็ยังไม่พร้อมที่จะต้องแบกรับภาระหนี้มากมายขนาดนั้น
ติดตามความรู้เรื่องการเงินการลงทุนจาก aomMONEY Website : www.aomMONEY.com Youtube : //www.youtube.com/AommoneyTH กลุ่มกองทุนไหนดี : //www.facebook.com/groups/SelectedFund/
อยากหารายได้พิเศษ แต่อายุ 16 จะทำงานอะไรได้บ้าง มีอาชีพไหนที่เด็กนักเรียนสามารถทำไปด้วย เรียนไปด้วยได้ ต้องอ่าน!
วันนี้เรามีคำตอบมาฝากเป็นไอเดียให้น้อง ๆ ที่อยากหางานพิเศษแต่ยังอยู่ในวัยเรียนมาฝาก เน้นงานที่สามารถทำได้นอกเวลาเรียนและทำได้ช่วงเสาร์-อาทิตย์ รับรองว่าเป็นงาน part time อายุ 16 ก็ทำได้แน่นอน
เนื้อหา
- YouTuber
- Extra งานแสดงละคร
- แหล่งหางาน extra สำหรับวัยรุ่น
- พนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร
- แหล่งหางานเสิร์ฟในร้านอาหาร ที่รับเด็กอายุ 16 ขึ้นไป
- แคชเชียร์ในห้างสรรพสินค้า
- แหล่งหางานแคชเชียร์ในห้างสรรพสินค้า
- พนักงานห่อของขวัญ จัดกระเช้าของขวัญ
- แจกใบปลิว
- พนักงานร้านสะดวกซื้อ
- คำถามที่พบบ่อย
- รายได้ของการทำงาน part-time เป็นอย่างไร?
- ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ลำบากแค่ไหน?
- จะสมัครงาน part-time ตอนอายุ 16-18 ต้องมีเอกสารอะไรบ้าง?
- เกรดมีผลต่อการรับสมัครงาน part-time หรือไม่?
- สมัครงาน part-time ต้องมีการสัมภาษณ์งานไหม?
YouTuber
หากคุณเป็นคนที่สนใจ และมีไอเดียในการสร้างสรรค์คลิป การเป็น YouTuber หรือคนทำคลิปวิดีโอ สามารถทำได้ตั้งแต่ อายุ 16 ไม่สิ จะบอกว่า เป็นอาชีพใหม่ที่ไม่มีอายุเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ขอเพียงแค่มีไอเดีย โดยหากสนใจรายละเอียดการเป็น YouTuber สามารถอ่านได้ในโพสต์นี้
ถือเป็นอีกงานนึงที่มีโอกาสหารายได้พิเศษได้ไม่น้อย เนื่องจากปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น ซีรีส์ ละคร หนัง มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา วัยเรียนค่อนข้างเยอะ
และการเป็น extra ก็จำเป็นเพื่อที่จะทำให้เนื้อหาของเรื่องสมบูรณ์ โดยคุณสามารถหางานได้จาก กลุ่มหางาน Extra ใน Facebook
- นักแสดง Extra นางแบบ นายแบบ แชร์งาน โฆษณา หนัง ละคร MV เดินแบบ
- หานักแสดง Extra งานภาพยนตร์ โฆษณา MV Event
- งานบันเทิง : นักแสดง Models Extra ช่างภาพ ทีมงาน
พนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร
งานเสิร์ฟในร้านอาหารเป็นงานยอดฮิตที่เด็กรุ่นใหม่นิยมไปทำช่วงหลังเลิกเรียน ส่วนใหญ่ค่าจ้างมักได้รับเป็นรายชั่วโมง ชั่วโมงละ 40-60 บาทแล้วแต่เรทของแต่ละร้าน
งานที่ทำก็เหมือนพนักงานร้านทั่วไปคือรับออเดอร์ เสิร์ฟ เก็บโต๊ะ หรืออาจได้เช็กบิลด้วยหากเข้าใจระบบงานภายในร้านดีแล้ว เป็นอีกหนึ่งงาน part time ที่อายุ 16-18 ก็ทำได้แบบชิลล์ ๆ
แหล่งหางานเสิร์ฟในร้านอาหาร ที่รับเด็กอายุ 16 ขึ้นไป
- ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน
- KFC
- Mcdonald
- Chabuton
- Yoshinoya
- แบรนด์ร้านอาหารชั้นนำ สามารถดูป้ายประกาศได้เลย
แคชเชียร์ในห้างสรรพสินค้า
ทุกวันนี้เวลาเราไปห้างสรรพสินค้าอย่างเทสโก้โลตัสหรือบิ๊กซีก็มักจะเห็นเด็ก ๆ มัธยมมาทำงาน part time เป็นแคชเชียร์กันมากขึ้นโดยเฉพาะช่วงหลังเลิกเรียนและวันหยุด
น้อง ๆ นักเรียนคนไหนที่สนใจอยากลองทำงานแคชเชียร์ก็ไปมัครกับห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านดูได้ แต่อย่าลืมว่างานนี้ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ
หากไม่เข้าใจตรงไหนต้องถามพี่พนักงานที่คอยดูแลทันที
แหล่งหางานแคชเชียร์ในห้างสรรพสินค้า
- บิ๊กซี
- ทอป ซุปเปอร์มาร์เกต
- เซ็นทรัล
- โลตัส
พนักงานห่อของขวัญ จัดกระเช้าของขวัญ
งานห่อของขวัญเป็นงาน part time ที่เด็กนักเรียนอายุ 16 ก็สามารถทำได้ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหรือช่วงปลายปีที่ทางห้างร้านต้องการพนักงานเพิ่มเยอะเป็นพิเศษ
การทำงานต้องเร็ว คล่องแคล่ว และห่อของขวัญหรือจัดกระเช้าได้สวยงามตามมาตรฐานที่ทางห้างวางไว้ด้วย
แจกใบปลิว
งานแจกใบปลิวเป็นงานที่ง่ายแต่มีความเหนื่อยหนักอยู่บ้าง แต่ก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับน้อง ๆ ที่มองหางาน part time อายุ 16 ทำได้
โดยเราต้องรับใบปลิวจากต้นสังกัดก่อนนำไปแจกตามจุดต่าง ๆ ให้หมด ส่วนใหญ่แล้วงานนี้จะเป็นลักษณะงานรายวันมากกว่า
พนักงานร้านสะดวกซื้อ
พนักงานร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11, Familymart หรือ Lawson จะรับพนักงานที่มีอายุ 15 ปีหรือวุฒิม. 3 ขึ้นไป ซึ่งเป็นอีกงาน part time ที่เด็กอายุ 16 ก็ทำได้ สามารถสมัครงานที่ร้านสะดวกซื้อสาขาใกล้บ้านและเลือกกะที่เราสะดวกได้เลย
ลักษณะงานก็ต้องทำหลายอย่างทั้งเป็นแคชเชียร์ จัดเรียงสินค้า นับสต็อก ทำความสะอาด ไปจนถึงงานจิปาถะตามที่ไดรับมอบหมาย
คำถามที่พบบ่อย
รายได้ของการทำงาน part-time เป็นอย่างไร?
สำหรับรายได้งานพาร์ทไทม์ มักจะมีการคิดเป็นเรทรายชั่วโมง รายวัน โดยจะอยู่ที่ 42 – 47 บาทต่อชั่วโมง หรือตกประมาณ 240 – 300 บาทต่อวัน สำหรับงานพาร์ทไทม์แบบตามห้าง โดยอาจจะได้น้อยกว่างานแบบ Full Time เพราะว่าการรับผิดชอบในหน้าที่การงานน้อยกว่า
หรือหากเป็นงานประเภท Freelance ที่ทำออนไลน์ได้ งานจะขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณ
ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ลำบากแค่ไหน?
ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของแต่ละคน แต่งาน part-time มักจะใช้เวลาถึง 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน หากสามารถจัดการเวลาได้ ก็จะทำให้ทำงานได้ไม่ยากลำบาก และมีรายได้มากกว่าการเรียนอย่างเดียวอีกด้วย
ทั้งนี้ แม้การทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยจะลำบาก แต่หากคุณได้ฝึกฝนทำสิ่งนี้แล้ว รับรองว่าการจัดการเวลาจะดีขึ้น และเมื่อโตขึ้นจะสามารถทำงานที่มีความรับผิดชอบสูงได้
จะสมัครงาน part-time ตอนอายุ 16-18 ต้องมีเอกสารอะไรบ้าง?
เอกสารที่ต้องใช้โดยส่วนใหญ่คือ วุฒิการศึกษา บ้างรับ ป.6 ม.3, บัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัญชีเงินฝาก,รูปถ่าย
เอกสารเหล่านี้เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน และจ่ายเงิน ทำให้เข้าระบบของแต่ละสถานประกอบการ การเตรียมเอกสารไว้ล่วงหน้า จะทำให้คุณดูมีความพร้อมที่จะสมัครงานและได้รับความเชื่อถืออีกด้วย
เกรดมีผลต่อการรับสมัครงาน part-time หรือไม่?
มี แต่ไม่ได้มากขนาดนั้น เนื่องจากเป็นงาน part-time เกรดประมาณ 2 – 2.5 ก็ได้รับการพิจารณาแล้ว แต่การมีเกรดเฉลี่ยระดับ 3 ขึ้นไป ถือเป็นข้อได้เปรียบที่จะทำให้คุณแตกต่างกับผู้สมัครคนอื่นๆ
การที่บริษัทต้องการดูเกรดเพื่อคัดเลือกคนนั้น ไม่ได้หมายความว่าบริษัทต้องการคนเก่งๆ แต่หมายถึง ความสามารถในการรับผิดชอบการเรียน เพราะหากคุณเกรดไม่ดี ความเสี่ยงที่จะรับผิดชอบในหน้าที่การงานไม่ได้ก็มีสูง
ดังนั้น ตั้งใจเรียนไว้ ก็เป็นข้อได้เปรียบของการทำงาน
สมัครงาน part-time ต้องมีการสัมภาษณ์งานไหม?
มี แต่ไม่ได้เป็นการสัมภาษณ์ที่จริงจังขนาดนั้น มักเป็นการสอบถามความเป็นอยู่ ความตั้งใจในการทำงาน เพื่อที่จะสามารถตรวจสอบบุคลิกของคุณได้ ว่าเหมาะกับงานไหม
ดังนั้น ทำตัวให้สบาย เป็นตัวของตัวเอง และมีความเคารพต่อผู้ร่วมงานเสมอ ก็จะทำให้ได้งาน
เด็กอายุ 16 ก็สามารถทำงาน part time ได้หลายอย่างถ้าเรารู้จักหางานที่เหมาะสมกับเรา แต่สิ่งสำคัญก็คืออย่าลืมเลือกงานที่ไม่รบกวนเวลาเรียน สามารถทำได้ช่วงหลังเลิกเรียนหรือช่วงวันหยุดก็จะดีที่สุดจ้า