ผมพึ่งจะซื้อ garmin instinct tactical มาได้เมื่อวาน วันนี้ผมใช้ใส่ทั้งวันเปิด gps ครับทุกดวง ผมทำงานพวกยกแผ่นโซล่าเซลล์ เดินไปเดินมาทั้งวัน นาฬิกามันบอกว่าผมเบิลแคลไปได้ตั้ง 6××× กว่า แคล ไม่ทราบว่ามันเป็นปกติมัย (เมื่อก่อนผมใช้ตัว fenix3 ยังไม่ขึ้นเท่านี้ต่อวัน )
ผมหนัก 100 kg
สูง 170 cm
เป็นคนอ้วนครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
0
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
แข็งแรงทนทาน ตอบโจทย์ทุกกิจกรรม
ตัวเรือนของ Garmin Instinct Solar ผลิตจากวัสดุไฟเบอร์โพลิเมอร์ที่มีความแข็งแรง หุ้มด้วยกระจก Gorilla Corning เพื่อช่วยป้องกันรอยขีดข่วน ทำให้ทนทานต่อการใช้งานทุกรูปแบบ หน้าจอแสดงผลโมโนโครมแบบ Transflective MIP ความละเอียด 128 x 128 พิกเซล ที่มีคอนทราสต์สูง สามารถมองเห็นเมื่ออยู่กลางแจ้งได้อย่างชัดเจน สายทำจากวัสดุซิลิโคนเพื่อการสวมใส่ที่สะดวกสบาย น้ำหนักเบาเพียง 52 กรัมเท่านั้น การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทำได้ผ่านเทคโนโลยีบลูทูธ และยังบิลด์อิน MULTI-GNSS ที่ช่วยในการนำทางจาก GPS, GLONASS และ Galileo
รองรับการชาร์จด้วยพลังงานแสงอาทิตย์
ด้วยเลนส์ Power Glass ที่ติดตั้งอยู่ภายใน Smart Watch ทำให้สามารถกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้เป็นพลังงานของ Garmin Instinct Solar โดยอัตโนมัติ จึงช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถตรวจสอบกราฟช่วงเวลาในการชาร์จ รวมไปถึงระดับความเข้มของแสงอาทิตย์ได้จากบนอุปกรณ์อีกด้วย สามารถใช้งานได้นานกว่า 54 วัน บนโหมดสมาร์ทวอทช์ และสูงสุด 145 ชั่วโมง บนโหมด Max Battery ที่เปิด GPS และใช้ร่วมกับพลังงานแสงอาทิตย์
นาฬิกาข้อมือเรือนแรกที่ผมได้ใส่ เป็นรักแรกที่ทำให้ผมอยากใส่ไปทุก ๆ วัน และน่าจะเป็นนาฬิกาเรือนแรก ๆ ของใครหลายคน หรือตอนนี้ก็ต้องใส่กันอยู่ ต้องมี Casio G-Shock อยู่ในฐานะนาฬิกาข้อมือเรือนแรก หรือเรือนที่ใส่ได้ทุกวัน ทุกโอกาสมากที่สุด หรือหลาย ๆ คนที่ใส่อยู่ ก็รักในความทนถึกของมัน ที่ต้องเล่าถึง Casio G-Shock ก่อน เพราะลองแล้วเล่าครั้งนี้ เป็นนาฬิกา Smart Watch ที่มีจุดเชื่อมโยงบางอย่างที่คิดถึง G-Shock ทันทีที่เห็น นาฬิกาที่ว่าคือ Garmin Instinct นาฬิกาที่หน้าตา สีสัน ความสามารถ เหมือนเรียกให้คนที่ใช้ G-Shock อยู่ แต่อยากลองใช้ Smart Watch ดู หรืออยากเปลี่ยนไปใช้ Smart Watch แต่กลัวจะไม่ทนถึกแบบ G-Shock ที่คุ้นเคย
อันที่จริง Garmin Instinct เปิดตัวมาสักพักแล้ว ได้รับเสียงตอบรับที่ไปได้ดีซะด้วย เพราะเท่าที่ผมใช้การสังเกตจากข้อมือคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ถ้าไม่นับตระกูล Fenix แล้ว ผมจะเห็น Forerunner เป็นลำดับถัดมา พอมี Instinct ออกมา น้องใหม่รายนี้ก็ทำให้ผมเห็นได้บ่อยไม่แพ้รุ่นพี่สองรุ่นก่อนหน้า โดยรุ่นที่จะเอามาเล่ากันเป็น Garmin Instinct Solar ที่เสริมระบบใช้พลังงานจากแสงเข้าไปจาก Instinct ที่ออกมาก่อนหน้า
ไม่นานมานี้ ผมซื้อ Garmin Forerunner 245 มาเสริมกับความชอบส่วนตัวในการวิ่ง ทำให้การลอง Garmin Instinct Solar เข้าขาได้ง่ายขึ้น และพอให้คำตอบได้ว่า การจ่ายเงินเพิ่มอีก 4-5 พัน บาท เพื่อระบบใช้พลังงานจากแสง คุ้มค่าหรือไม่ ลองมาแล้ว เล่าให้ฟังตามนี้ครับ : )
ส่องรอบตัว
ครั้งแรกที่ผมเห็นหน้าตา Garmin Instinct ผมรู้สึกไม่เหมือน Garmin ที่คุ้นเคยรุ่นอื่น ๆ เอาจริง ๆ ก็ไม่ค่อยเหมือนนาฬิกา Smart Watch อื่น ที่ไม่ดูไฮเทคจ๋า ๆ ก็มักดูไม่แข็งแรงแบบพร้อมพังได้ แต่สิ่งที่ทำให้ Instinct เหมือน Garmin อื่น ๆ อยู่ คือการเลือกใช้ลายเส้น ฟอนท์ตัวหนังสือ รวมถึงรายละเอียดการออกแบบต่าง ๆ ที่ต่อให้ปิดยี่ห้อหรือลบออก ก็พอเดาได้ว่ามาจาก Garmin อยู่ มาดูทีละส่วนกันครับ
ตัวเรือน Garmin Instinct ใช้วัสดุตัวเรือนทำจากพลาสติกผสมโพลิเมอร์ ที่เสริมความแข็งแรง ใช้กระจกหน้าจอแบบ Power Glass จาก Corning Gorilla Glass โดยกระจกหน้าปัด จะอยู่ต่ำกว่าขอบตัวเรือน มีหน้าปัดขนาดเดียวคือ 45mm เป็นทรงกลมแบบไม่สมมาตร หน้าจอหลักของหน้าปัด เป็นพื้นที่แปดเหลี่ยมที่มุมขวาบนแทรกด้วยวงกลม ตัวหน้าจอเป็นแบบ ขาว-ดำ แสดงผผลแบบพื้นหลังดำ อักษรขาว หรืออักษรดำ พื้นหลังขาว แล้วแต่เมนูการใช้งาน กรอบหน้าปัด ใส่รายละเอียดแบบเข็มทิศเอาไว้ พร้อมระบุการใช้งานของปุ่มกดที่เรือนว่าทำอะไรได้บ้าง และพิมพ์คำว่า “Solar” เพื่อบอกว่า นี่คือ Instinct รุ่นรองรับใช้พลังงานจากแสง
สันตัวเรือนฝั่งซ้ายจะมีปุ่มสั่งงาน 3 ปุ่ม ฝั่งขวามี 2 ปุ่ม ทรงปุ่มเป็นแบบเหลี่ยม และปั้มกันลื่นแบบจุดที่ตัวปุ่มมาให้พร้อมใช้งาน ส่วนด้านหลังของเรือน ฝาหลังส่วนกลาง เป็นที่รวม Sensor ที่จำเป็น ไม่ว่าจะการวัดอัตราการเต้นหัวใจ / ออกซิเจนในเลือด / Body Battery / การนอน ฯลฯ ล้อมรอบเซนเซอร์ที่ฝาหลังด้วยชื่อรุ่นและรายละเอียดของตัวเรือน และฝั่งขวาของเซนเซอร์ เป็นตำแหน่งต่อสายชาร์จไฟแบบเขียวล็อคทรงแคปซูลยา โดยที่ชาร์จนี้ ใช้ร่วมกับนาฬิกา Garmin รุ่นใหม่ ๆ ได้ทั้งหมด
สายนาฬิกาเป็นแบบลู่ไปกับตัวเรือน รองรับการเปลี่ยนสายนาฬิกาด้วยตัวเอง โดย Garmin เรียกการเปลี่ยนสายว่า เป็นระบบ QuickFit โดยใช้สายขนาด 22mm พร้อมหูคล้องสายนาฬิกาแบบรัดปลายสายแบบสองหูรัด
เมื่อได้จับตัวเรือน Garmin Instinct Solar สิ่งที่ชอบในสัมผัสแรก เมื่อนำมาขึ้นข้อมือ จะได้ความเบาแบบนาฬิกาที่ดี แต่แข็งแรง แน่นหนา โดยไม่จำเป็นต้องหนักและหนา ด้วยความที่หน้าปัดต้องใช้แสดงผลข้อมูลด้วย ทำให้การเลือกหน้าปัดบางแบบ มองชัดเต็มตาสะใจ กระจกหน้าจอที่ทำมาใส จอแสดงผลแบบขาว-ดำ รวมถึงขนาดฟอนท์ต่าง ๆ ที่ใช้แสดงผล ที่ถึงจะดูแข็ง ๆ ไม่สวยงาม แต่ใช้อ่านให้รู้เรื่องอย่างรวดเร็วคือดีมาก
ด้วยความที่ฝาหลังเป็นพลาสติก ถึงจะไม่ดูดี เป็นฝาหลังแบบเซรามิคหรือแก้วแบบ Smart Watch แบรนด์อื่นที่นิยมใช้เป็นหน้าตัวรับของเซนเซอร์ แต่อย่างน้อย ผมใส่แล้วไม่มีอาการคัน หรือรู้สึกติดกับผิวหนังจนเหมือนโดนดึงรั้งมากไป รวมถึงตัวปุ่มกดต่าง ๆ ที่ต้องใช้ สามารถเอานิ้วชี้มือขวากับนิ้วโป้งของมือขวา ทำหน้าที่ทั้งประคองและกดลงไปได้อย่างแม่นยำ ตามแต่ว่าจะใช้ปุ่มฝั่งซ้ายหรือขวา เพราะด้วยขนาดของปุ่ม รวมถึงน้ำหนักปุ่มที่ไม่จมไปหรือแข็งไปนั้นเอง
เมื่อขึ้นข้อใส่จริง ความรู้สึกแรกจะเหมือนนาฬิกาไม่ได้หนักมาก ยิ่งเทียบกับขนาดตัวแล้ว ถือว่าไม่หนักเลย แต่พอใส่ไปสักพัก จะรู้สึกไม่ต่างอะไรกับ G-Shock เรือนใหญ่ ฉะนั้นแล้ว ถ้าไม่ใช่คนที่ใส่นาฬิกาเรือนใหญ่ มีน้ำหนักมาเป็นประจำ จะรู้สึกว่า Instinct Solar หนักข้อมือพอสมควร ยิ่ง Smart Watch ยุคนี้ เหมือนบังคับให้ใส่แบบพอดีข้อมือ เพราะไม่งั้น Sensor สุขภาพต่าง ๆ จะทำงานไม่เต็มที่ ทำให้การสวมใส่ Instinct เรือนนี้ อาจไม่ถูกใจกับคนอยากได้นาฬิกาที่เบาหน่อย
สิ่งเดียวที่ผมค่อนข้างมีปัญหากับ Garmin Instinct Solar ในแง่กายภาพ คือเรื่องการเก็บตัวเรือน กับการสวมใส่ ด้วยความที่ข้อสายรัด ถูกบังคับทรงให้มันกลมตลอด ทำให้การวางนาฬิกาแบบแผ่กับโต๊ะ หรือจับเช็ดเหงื่อหลังใช้งาน ไม่ได้สะดวกเท่า Forrunner หรือ Fenix เท่าที่ควร ถึงจะแผ่ได้ ก็ไม่เรียบไปกับโต๊ะดี การถอดนาฬิกาแล้ววางกับโต๊ะ จึงควรรัดสายกลับเข้าไป แล้วเอาสันตัวเรือนวาง เพราะถ้าถอดแล้ววางไปเลยไม่แบบจัดระเบียบ นอกจากดูไม่เป็นระเบียบ ถ้าวางกับโต๊ะเครื่องแป้งแบบมีสองชั้น ก็มีโอกาสร่วงหล่นพื้นได้เช่นกัน และเพราะตัวเรือนบังคับทรงให้สายกับตัวเรือนกลมตลอด ทำให้ตอนหยิบมาใส่แบบเร็ว ๆ โอกาสที่จะพลาดร่วงพื้นสูงกว่านาฬิกาที่สายกับตัวเรือนสามารถแผ่ได้เช่นกัน ฉะนั้นแล้ว ตอนใส่ต้องมีท่าประจำที่เข้ามือบวกกับสติที่พร้อมเสมอด้วยนะครับ
แต่โดยสรุปเลย ผมว่านี่คือนาฬิกา Smart Watch ที่กายภาพ ความรู้สึกที่ได้สัมผัส ขึ้นข้อ เหมือนเอา G-Shock สักเรือนที่คุ้นเคยมาใส่นั่นแหละ ชอบหรือไม่ ใช้ประสบการณ์ที่เคยใส่ G-Shock พิจาราณาได้เลยครับ : )
ลองของกัน
โดยมาตราฐานแล้ว นาฬิกา Garmin ในยุค Smart Watch ไม่ว่าจะถูกหรือแพง จะยืนพื้นที่ควบคุมด้วย 5 ปุ่ม ทุกรุ่น เพื่อให้เข้าใจขึ้น ผมจะเขียนไปตามโครงสร้างเมนูการใช้งาน ที่ไล่จากหน้าแรกสุดที่เป็นหน้าปัดนาฬิกาไป และเหมือนกับ Garmin ทุกเรือน ต้องเริ่มจากการเชื่อมต่อกับมือถือที่ลง Garmin Connect ให้เรียบร้อยก่อน
หลังจากเชื่อมต่อกันแล้ว การควบคุมหลักของนาฬิกา ปุ่มฝั่งซ้ายของเรือน ปุ่มบนสุดใช้เปิดไฟหน้าปัด ปุ่มกลางใช้เลื่อนเมนูขึ้น ปุ่มล่างใช้เลื่อนเมนูลง ส่วนปุ่มฝั่งขวาของเรือน ปุ่มบนเป็นการเข้าเมนูออกกำลังกาย ปีนเขา ฯลฯ ส่วนปุ่มล่างมีไว้ถอยออกจากเมนูหรือหยุดการทำงาน
หน้าปัดนาฬิกาใน Garmin Instinct Solar เป็นจะมีรูปแบบหลักมาให้ 13 แบบ โดยทุกแบบ สามารถปรับรายละเอียดการแสดงผลแต่ละมุมได้ ปรับได้มากน้อย ขึ้นอยู่กับรูปแบบหน้าปัด น่าเสียดายที่ไม่รองรับการลงหน้าปัดเพิ่มจาก Garmin Connect IQ
เมื่อลงหน้าปัดเพิ่มไม่ได้ แปลว่าการลง App เพิ่มก็ทำไม่ได้เช่นกัน เมนูการใช้งานหลักจึงมี สภาพอากาศ / ปฎิทิน / Pluse OX (วัดออกซิเจนในเลือด) / ข้อมูลอัตราการเต้นหัวใจ / สถิติการเคลื่อนไหวในแต่ละวัน / เพลงหรือ Media ที่มือถือกำลังเล่นอยู่ / การแจ้งเตือนรวมทั้งหมดทุก App / ข้อมูลการใช้พลังงานแสง เพียงแค่กดปุ่ม Menu หรือ ABC ขณะอยู่ในหน้าปัดนาฬิกา จะเป็นการเลื่อนไปที่เมนูต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น
หากกดปุ่ม Menu ค้างไว้ ถึงจะเป็นการเข้าเมนูการตั้งค่าของนาฬิกา ไม่ว่าจะการตั้งหน้าปัด ข้อมูลสุขภาพของผู้ใช้แบบรวม / ตั้งตำแหน่งเมนูในส่วนการออกกำลังกาย / Widgets ฯลฯ
หากกดปุ่ม CTRL สั้น ๆ จะเป็นการเปิดไฟหน้าปัด แต่ถ้ากดค้าง จะเปิดเมนูลัดทั้งหมดในรูปแบบวงกลม ไม่ว่าจะการค้นหาโทรศัพท์ / เปิดโหมดประหยัดพลังงาน / ล็อกปุ่ม / เปิดโหมดห้ามรบกวน / ความสว่างของหน้าจอ ฯลฯ
หากกดปุ่ม GPS ค้างไว้ จะเป็นการเปิดตัวจับตำแหน่งปัจจุบันของผู้ใช้ ครบถ้วนทั้งทิศ ตำแหน่ง ระดับความสูง ฯลฯ ที่จำเป็นต่อการนำทางแบบเดินป่า
หากกดปุ่ม ABC ค้างไว้ จะเป็นเมนูลัดเข็มทิศ ระดับความสูง ทำงานอัตโนมัติทันทีโดยไม่ต้องตั้งค่าอะไรก่อน
หากกดปุ่ม SET ค้างไว้ จะเป็นเมนูลัดนาฬิกาไม่ว่าจะนาฬิกาปลุก นาฬิกาจับเวลา รวมถึงนาฬิกาต่างประเทศด้วย
ถ้าไม่เคยใช้ Smart Watch อะไรมาก่อนเลย และใช้เรือนนี้เป็นเรือนแรก ขอให้มองเมนูที่อยู่ด้านในกระจกเป็นหลัก แล้วการใช้งานเบื้องต้นจะง่ายขึ้น เพราะไม่งั้นจะงงลำดับการกดอย่างมาก แต่ถ้าเคยใช้ Garmin รุ่นอื่น ๆ มาก่อน จะไม่ยากไป ถึงต้องเรียนรู้สึกเล็กน้อยก็ตาม ในแง่รูป รส ที่สัมผัสได้จากการใช้งาน หน้าจอแบบขาว-ดำ ให้ความได้เปรียบเรื่องการอ่านที่ง่ายในทุกสภาพแวดล้อม การตอบสนองของนาฬิกาทำได้ค่อนข้างไว อันเป็นผลจากการที่ระบบการทำงานไม่ซับซ้อน ไม่เน้นกราฟฟิคสวย ๆ แบบ Smart Watch อื่น ฉะนั้น ถ้ามองว่าจืดหรือไม่แพรวพราวเท่า ก็ไม่เถียง แต่ถ้ามองเรื่องใช้ได้จริง นี่เป็นจุดขายที่ชัดเจนที่สุดของนาฬิกาจาก Garmin เช่นกัน
มาเล่าจุดขายสำคัญดีกว่า สำหรับ Garmin แล้ว แต่ละซีรีส์ จะมากับจุดเด่นหลักที่เป็นบุคลิกที่บอกเลยว่า อยากใช้เพื่ออะไรเป็นหลัก ก็ซื้อรุ่นนั้นไป สำหรับ Garmin Instinct จุดเด่นหลักที่ว่าคือ “กิจกรรมกลางแจ้ง” ผู้ใช้งานต้องลง Garmin Expoler เพื่อเป็นศูนย์กลางเก็บข้อมูล สำหรับปีนเขา / การนำทางเข็มทิศ / การเดินป่า / ตำแหน่งปัจจุบันผ่าน GPS ฯลฯ โดยเหล่านี้ ผมไม่ได้ลองกดเล่นคร่าว ๆ นาฬิกาให้การทำงานที่รวดเร็ว จับสัญญาณ ทิศทาง ความเคลื่อนไหว ได้แบบตามทันทีแบบไม่หน่วง ถึงผมจะไม่เข้าใจประโยชน์ของการใช้งานในส่วนนี้ว่า แต่ละการทำงานของนาฬิกา บอกครบหรือใช่ไหม แต่อย่างน้อย ตอนที่ผมเล่น Smart Watch อื่น ก็พบว่า ถึงจะไม่ได้หน้าจอดูแพรวพราว แต่ Garmin instinct ให้การใช้งานจริงที่พึ่งพาได้แน่มากกว่า หากวันนึงในอนาคต มีโอกาสได้ใช้ความสามารถนี้แบบเจาะลึก จะกลับมาเขียนเล่าเรื่องนี้ละเอียด ๆ อีกรอบนะครับ
แต่การใช้งาน Garmin แบบที่ทุกคนได้ใช้กันแน่ ๆ คือเรื่องการออกกำลังกาย ที่ถึงจะเป็นนาฬิกาสายลุย แต่ชุดคำสั่งสำหรับคำนวณการออกกำลังกายก็มาครบ ไม่ว่าจะวิ่ง ปั่น ยก ว่าย ใช้เครื่องออกกำลังกายเฉพาะต่าง ๆ สามารถเพิ่มเข้าไปในรายการออกกำลังกายที่ชอบได้ เท่าที่ได้ใช้งานหลัก ๆ คือการวิ่ง (เพราะชอบวิ่งเป็นการส่วนตัว) ต้องบอกว่า ที่กล้าเขียนถึงในย่อหน้าในความหมายเชิงว่า “นาฬิกาทำงานได้รวดเร็ว พึ่งพาได้” เพราะถึง Instinct เรือนนี้ จะไม่ได้ให้ความสามารถด้านการวิ่งมาครบเท่า Forrunner 245 ที่ผมใช้ประจำ แต่ความสามารถหลัก ๆ พื้นฐานที่ควรจะทำได้ รวมถึงความแม่นยำในการเก็บข้อมูล ไม่ว่าจะหัวใจ ความเร็ว ก้าว ฯลฯ เพียงแต่ไม่ได้ลงลึกเท่ากับ Forerunner ก็เท่านั้น
ฉะนั้นแล้ว ถ้าหวังว่าจะใช้เป็นนาฬิกาที่สวย ถูกใจ แต่ใช้เก็บข้อมูลการออกกำลังกายได้ Instinct ก็คงคุณความดีทั้งหมดเหมือน Garmin ทุกรุ่นหลัก ๆ เพียงแต่ถ้าอยากได้ข้อมูลลึก ๆ ครบ ๆ ก็ควรเลือกใช้ Garmin ให้ตรงสายกับความชอบของกิจกรรมเรา ก็เท่านั้นครับ
ในความเป็น Smart Watch แบบมาตราฐาน Instinct สามารถอ่านการแจ้งเตือนที่เข้ามาในโทรศัพท์ แสดงข้อมูลสภาพอากาศ (ใช้ข้อมูลจาก Garmin Connect) รวมถึงค้นหาโทรศัพท์หรือค้นหานาฬิกาได้ด้วย
โดยรวมแล้ว อรรถประโยชน์ของ Instinct ถือเป็นนาฬิกาที่ขายสายลุยเป็นหลัก จริงอยู่ หน้าตาอาจถูกใจวัยรุ่นหรือเด็ก ที่อยากลอง Smart Watch เรือนแรก แต่ความสามารถหลายอย่าง ถ้าใส่แค่เน้นสวย ก็อาจไม่ได้ใช้งานจริงให้สมกับราคาของนาฬิกา สิ่งที่ดีของการใช้งานคือ การตอบสนองของเครื่องที่ว่องไว จอแบบขาวดำที่อ่านได้ชัดทุกสภาพแวดล้อม แต่การใช้งานถือว่า ต้องตั้งใจในการเรียนรู้เมนูสักหน่อย แต่ไม่ยากจนเกินเข้าใจได้ไม่ยาก เพียงแค่อย่าลืมมองคำสั่งของปุ่มที่อยู่ในกระจกจอว่ากดแล้ว ไปทิศไหน จะกลับออกกดตรงไหน ฉะนั้นแล้ว Instinct คือนาฬิกาสายลุย เข้าป่า ปีนเขา กิจกรรมกลางแจ้ง ถ้าชอบออกกำลังกายสาย วิ่ง ปั่น ว่าย ไปเรือนอื่นใน Garmin รุ่นอื่นจะดีกว่า
การใช้พลังงาน
สเปกที่ Garmin Instinct Solar แจ้งมา คือแบตเตอรี่ชาร์จหนึ่งรอบ ใช้งานได้ประมาณ 24 วัน และทำได้สูงสุดที่ 56 วัน ในโหมดประหยัดพลังงานสูงสุด ใช้การชาร์จไฟผ่านสายแบบหัวล็อคทรงเม็ดยา ที่ใช้ร่วมกับนาฬิกา Garmin อื่นได้ โดยการชาร์จจากนาฬิกาแบตเตอรี่หมดเกลี้ยงจนเต็ม ด้วยที่ชาร์จ 10W ใข้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงโดยประมาณ โดยช่วง 10 นาทีแรกของการชาร์จ สามารถดึงไฟเข้านาฬิกาได้อย่างน้อย 20% ซึ่งพอสำหรับการใช้งานประมาณ 2-3 วัน หากชาร์จไป 30 นาที หรือครบชั่วโมง จะได้แบตเตอรี่ที่มากกว่า 60% ที่สามารถพานาฬิกาใช้งานได้มากกว่า 5 วันขึ้นไปได้ โดยทั้งหมดนี้ ไม่ได้นำการใช้งานพลังงานแสงมารวมด้วย
มาที่ระบบ Solar ที่เพิ่มมา หลักการทำงานคือ ถ้านาฬิกาจับแสงสว่างได้มากพอ นาฬิกาจะใช้พลังงานจากแสงเป็นหลักก่อนแบตเตอรี่ เมื่อไม่มีแสง หรือแสงน้อย จึงตัดกลับมาใช้พลังงานแบตเตอรี่ของเครื่อง ตามสเปกที่ลงไว้ สามารถใช้ร่วมกับแบตเตอรี่ของเครื่องได้นานถึง 30 วัน (แบตเตอรี่ล้วน ๆ อยู่ที่ 24 วัน เมื่อชาร์จเต็ม) ในเงื่อนไขว่า ต้องอยู่กลางแดดเฉลี่ยวันละ 3 ชั่วโมง กับแดดที่มีความเข้มแสงที่ 50,000 Lux ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ถ้าใช้งานแบบประจำวัน แล้วไปดูค่าการรับแสงใน Solar Meter ดูแล้ว แสงแดดช่วงสายถึงบ่าย เพียงแค่เดินไปมากลางแดดแค่ 5-10 นาที ก็สามารถดูดแสงมาใช้งานให้เต็มหลอด ณ ช่วงเวลานั้นได้อยู่ แต่คิดกลับกันว่า การเดินกลางแดด 5-10 นาที กับแดดในกรุงเทพฯ ก็แทบไม่ค่อยอยากเดินกันนาน ๆ อยู่แล้ว
โดยสรุปแล้ว ระบบ Solar จะใช้ได้จริงกับสายลุยที่เอานาฬิกาเรือนนี้ไปปีนเขา หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งจริง ๆ แต่ถ้าใช้งานประจำวันเป็นหลัก หรือใส่เพราะสวยงาม แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้เฉลี่ยประมาณ 13-18 วัน เรียกว่าเหลือเฝือมากกับการใช้งานต่อเนื่อง หากว่างสัก 2 ชั่วโมงหรือชาร์จทิ้งไว้ตอนนอน หรือว่างหลังใช้งานแค่ 15 นาที กับการไปอาบอาบน้ำหลังออกกำลังกาย ก็ชาร์จนาฬิกาให้กลับมาเต็มแบบพร้อมลุยได้มากกว่า 3 วันแน่นอน
สรุป “ถ้าไม่ได้เป็นสายลุยตัวจริง Solar ไม่ต้องจ่ายก็ได้”
ที่ต้องเล่าถึง G-Shock ตอนเปิดหัวเรื่อง เพราะบุคลิกของ Garmin Instinct ทั้งในแง่หน้าตา พื้นฐานการสร้าง คือการเน้นความทนทาน ในแฟชั่นแนวสตรีทที่ดูแข็งแรง ในเมื่อโลกตอนนี้ นาฬิกาคือพื้นที่ใหม่ของการเป็นจอที่สองของ Smartphone ผสานกับเทรนด์สุขภาพที่ทุกคนใส่ใจกันมากขึ้น ถ้าจะมีใครทำนาฬิกา Smart Watch ที่หน้าตาดูแฟชั่น แต่ทนทานในการใช้งาน ก็คงต้องเป็น Garmin เท่านั้น และ Instinct คือผลงานที่ใช่
เอาเข้าจริง ๆ ตอนผมยังไม่ได้ลองนาฬิกาเรือนนี้จริงจัง ผมคิดว่า แค่ Garmin อยากขยายไลน์ไปจับคนรุ่นใหม่ ลดความเนิร์ดของหน้าตามันหน่อย แต่พอได้ใช้จริง ก็ไม่แปลใจที่มันจะขายได้ดี ถึงคนส่วนใหญ่ที่ซื้อไปใส่ จะไม่ได้เอาความสามารถเรื่องการนำทางเข็มทิศ ปีนเขา เข้าป่า ไปใช้เป็นประจำก็ตาม ถึงผมเองจะไม่ใช่คนที่เข้าใจความสุขของการ เข้าป่า ปีนเขา แต่จากหน้าตาเมนู ความสามารถที่ Garmin ทำให้กับ Instinct แล้ว เมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไป ผมก็เต็มใจจะแนะนำให้ซื้อไปใส่ในวันที่เหนื่อยล้า อยากเดินเข้าป่าแน่นอน
สิ่งที่ผมอยากให้ Garmin ปรับปรุงกับ instinct จริง ๆ คงมีแค่เรื่องการจัดวางเมนูในภาพรวม ที่ถ้าขายคนที่ซื้อเพราะสวย แล้วไปเจอคนขายที่ไม่ได้แนะนำเป็น หรือสอนพื้นฐานในการใช้งานที่ดีแล้ว คนที่ซื้อไป อาจแค่ใส่สวย ๆ ยกดูตอนสั่นเตือน และจำได้แค่ว่า กดสองปุ่ม จับตอนวิ่งนะ ไม่ก็คงขายทิ้งแล้วไปหานาฬิกาอื่นที่ใช้ได้เหมือนกัน แต่เข้าใจง่ายกว่า ลองปรับให้ง่ายกว่านี้ จะเป็นมิตรมากขึ้น อย่างต่อมาคือเรื่องน้ำหนัก ลองหาวิธีจัดวางให้รู้สึกเบากว่านี้ จะทำให้ลูกค้ากลุ่มที่เป็นผู้หญิงรู้สึกชอบมากขึ้น เพราะน้ำหนักโดยรวม ตัวผมเองที่เป็นผู้ชาย ยังแอบรู้สึกว่า นาฬิกาแนวเดียวกัน ที่พอจะลุยได้หลายรุ่น หลายเรือน ทำข้อนี้ได้ดีกว่าจริง ๆ และเรื่องสุดท้ายคือการชาร์จไฟกลับ ถ้าเทียบประสบการณ์กับ Forerunner ที่รองรับการแสดงผลจอสี แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้น้อยกว่า แต่การชาร์จไฟ เห็นได้ชัดว่า Instinct รุ่น Solar ที่ได้ลองนี้ ชาร์จไฟให้มากพอไปใช้ แอบใช้เวลาอยู่เล็กน้อยพอสมควร
ท้ายสุดนี้ ถ้ายังไงก็อยากได้ Garmin Instinct จริง ๆ ถ้าเป็นคนที่เห็นวันเสาร์ อาทิตย์ วันว่าง คือการเข้าป่า วิ่งเทรลฯ มองไปต้องเห็นธรรมชาติเขียว ๆ เป็นปกติ แต่ให้จ่ายเงินระดับ Fenix ก็ดูจะแรงเกินไป รุ่น Solar เป็นตัวเลือกที่ดีในการลงทุนรอบเดียวจบ ถึงจะไม่มีความแพรพราวในแบบ Smart Watch ก็ตาม แต่ก็พอสำหรับการเก็บมือถือไว้ในกระเป๋ากันน้ำตอนลุยแน่นอน แต่ถ้าซื้อเพราะชอบในความสวยแบบสตรีท หรือชอบนาฬิกาแนวนี้ แต่กลัวเอาไปฟาดประตูเบา ๆ แล้วเสียวจอแตก ประหยัดเงินจากรุ่น Solar ได้เลยครับ เพราะความสามารถไม่ต่างกัน แถมแบตเตอรี่ต่อการชาร์จก็ใช้ได้นานมากจนไม่น่าห่วงว่าต้องคอยชาร์จด้วย
และท้ายสุดจริง ๆ ผมเก็บ Instinct Solar ลงกล่องเพื่อส่งคืนด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ว่า ผมเลือกไม่ผิดที่ลองก้าวออกจากความคุ้นเคยที่ใช้แต่ Apple Watch มาตลอด ลองเอา Forerunner 245 เข้ามาในชีวิต ที่ทำให้การวิ่งของผมสนุก แม่นยำกว่าเดิม พอมาเป็น Instinct Solar ผมก็ได้ประสบการณ์ใหม่ว่า ถึงจะไม่ได้กลมกลืนกับ iPhone ที่สุด แต่ก็พอสำหรับการเป็นตัวเลือกของนาฬิกาที่ไม่ใช่ Apple Watch ที่จะฝากความเป็นผู้ช่วยมือถือได้ดีไม่แพ้กันแน่นอน : )