ข้อใดเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่มีความแปรผันต่อเนื่อง ลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการแปรผันไม่ต่อเนื่องกับลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการแปรผันต่อเนื่องต่างกันอย่างไร ความแปรผันของลักษณะทางพันธุกรรมหมายถึงอะไร การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม มีอะไรบ้าง ลักษณะที่แปรผันไม่ต่อเนื่อง มีอะไรบ้าง ลักษณะที่มีความแปรผันต่อเนื่อง ลักษณะทางพันธุกรรมใดของนักเรียน ที่มีความแปรผันแบบไม่ต่อเนื่อง ลักษณะทางพันธุกรรมมีกี่ประเภท ลักษณะใดไม่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม พันธุกรรมมีอะไรบ้าง ลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ลักษณะทางพันธุกรรมของมนุษย์

ลักษณะทางพันธุกรรมที่มีความแปรผันไม่ต่อเนื่อง เช่น

               ลักษณะทางพันธุกรรมของมนุษย์ สามารถถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังรุ่นต่อๆไปได้หลายลักษณะ ซึ่งแต่ละลักษณะที่แสดงออกต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยสองประการ คือ ปัจจัยภายใน ได้แก่      ฮอร์โมน และระบบประสาท ถือเป็นอิทธิพลจากพันธุกรรม ส่วนปัจจัยภายนอก เช่น อากาศ แสงสว่างอุณหภูมิ เป็นต้น ถือเป็นอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อม ลักษณะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ และเป็นลักษณะที่มีอิทธิพลจากพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว เช่น หมู่เลือด แต่ลักษณะที่มีอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมอย่างเดียวนั้นยังไม่ชัดเจน เนื่องจากลักษณะทุกอย่างต้องมีอิทธิพลจากพันธุกรรมด้วย

การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุ์กรรม
         ลักษณะทางพันธุกรรม คือ ลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่ถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอักรุ่นหนึ่งได้ โดยทางยีน ซึ่งเป็นหน่วยพันธุกรรม ซึ่งควบคุการถ่ายทอดลักษณะต่างๆ ของสิ่งมีชีวิต ยีนจะอยู่บนโครโมโซมและโคโมโซมจะอยู่ในนิวเคลียสของเซลล์
ลักษณะทางพันธุกรรม จำแนกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
         1. ลักษณะทางพันธุกรรมที่มีความแปรผันต่อเนื่อง (continuous variation) เป็นลักษณะทางพันธุกรรม ที่ไม่สามารถแยกความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เช่น สีผิว ความสูง น้ำหนัก ไอคิวของคน ลักษณะเหล่านี้ถูกควบคุมด้วยยีนหลายคู่ ยีนจึงมีอิทธิพล ต่อการควบคุม ลักษณะดังกล่าวน้อย แต่สิ่งแวดล้อมจะมีอิทธิพลมาก
         2. ลักษณะทางพันธุกรรมที่มีความแปรผันไม่ต่อเนื่อง (discontinuous variation)เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่มีความแตกต่างกันอย่งชัดเจน เช่น ความสามารถในการห่อลิ้น จำนวนชั้นของตา การถนัดมือขวาหรือมือซ้าย
         ลักษณะเหล่านี้ถูกควบคุมด้วยยีนน้อยคู่ ยีนจึงมีอิทธิพลต่อการควบคุมลักษณะดังกล่าวมาก แต่สิ่งแวดล้อมจะมีอิทธิพลน้อย
         การศึกษาแบบแผนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุ์กรรมของพืช และสัตว์บางชนิดโดยทั่วไปจะศึกษา ได้จากการทดลองลักษณะทางพันธุ์กรรมในพืช ได้แก่ ความสูง ลักษณะรูปร่างของใบรูปร่างของดอก ขนาดของผล สี ขนาดของลำต้น ความหวาน เป็นต้น
         ฟีโนไทป์ (phenotype) คือ ลักษณะที่ปรากฏให้เห็นภายนอกซึ่งเป็นผลมาจากยีน เช่น ต้น สูง ต้นเตี้ย เมล็ดกลม เมล็ดขรุขระ เป็นต้น
จีโนไทป์ (genotype) คือ ลักษณะของยีนที่อยู่ภายใน จะอยู่กันเป็นคู่ ๆ นิยมใช้สัญลักษณ์เป็นอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมใหญ่แทนยีนที่ควบคุมลักษณะเด่น และใช้อักษรตัวพิมเล็กแทนยีนที่ควบคุมลักษณะด้อย เช่น TT, Tt , tt เป็นต้น แบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ ได้แก่
         1.พันธุ์แท้ (homozygous) คือ ลักษณะของจีโนไทร์ที่มียีนทั้งคู่เหมือนกันซึ่งอาจเป็นยีนที่มีลักษณะเด่นทั้งคู่ เช่น TT, RR หรือแสดงลักษณะด้อย เช่น tt , rr เป็นต้น
         2.พันธุ์ทาง (heterozygous) คือ ลักษณะของจีโนไทร์ ที่มียีนทั้งคู่แตกต่างกัน โดยมียีนแสดงลักษณะเด่น 1 ยีนแสดงลักษณะด้อย 1 ยีน เช่น Tt , Rr เป็นต้น สูตรในการหาจำนวนจีโนไทปและฟีโนไทป์
                  ชนิดของเซลล์สืบพันธุ์ = 2n
                  จีโนไทป์ของลูกที่เกิดมา = 3n
                  ฟีโนไทป์ของลูกที่เกิดมา = 2n
         โดยที่ n คือ จำนวนคู่ของเฮเทอโรไซกัสยีน

          //www.thaigoodview.com/node/18800

พันธุกรรม ( Heredity )

      หมายถึง การถ่ายทอดลักษณะของสิ่งมีชีวิตจากรุ่น หนึ่งไปยังรุ่นหนึ่ง  หรือจากบรรพบุรุษไปสู่ลูกหลาน  เช่น  ลักษณะสีผิว  ลักษณะเส้นผม  ลักษณะสีตา  เป็นต้น ถ้านักเรียนสังเกตจะเห็นว่าในบางครั้งอาจมี คนทักว่ามีลักษณะ เส้นผมเหมือนพ่อ  ลักษณะสีตาคล้ายกับแม่ซึ่งลักษณะต่างๆ เหล่านี้จะถูกส่งผ่านจาก พ่อแม่ไป ยังลูกได้ หรือส่งผ่านจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคน รุ่นต่อไป เราเรียกลักษณะ ดังกล่าวว่า ลักษณะทางพันธุกรรม  (genetic character) ในการพิจารณาลักษณะ ต่างๆ ว่าลักษณะใดเป็นลักษณะทาง พันธุกรรมนั้น  จะต้องพิจารณาหลายๆ รุ่น หรือหลายชั่วอายุ  เพราะลักษณะทาง พันธุกรรมบางอย่างอาจไม่ปรากฏในรุ่นลูก แต่อาจปรากฏในรุ่นหลานได้

ลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
            กรรมพันธุ์หรือลักษณะต่างๆในสิ่งมีชีวิตสามารถถ่ายทอดไปสู่รุ่นต่อไปได้โดย ผ่านทางเซลล์สืบพันธุ์  กล่าวคือ  เมื่อเกิดการปฏิสนธิระหว่างเซลล์ไข่ ของแม่และอสุจิของพ่อ  ลักษณะต่าง ๆ ของพ่อและแม่จะถ่ายทอดไปยังลูก  ตัวอย่างลักษณะทางพันธุกรรม  ได้แก่

ความแปรผันทางพันธุกรรม
          นักวิทยาศาสตร์จำแนกสิ่งมีชีวิตหลายชนิดออกจากกัน  โดยดูจากความ คล้ายคลึง  และแตกต่างของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น  ความแตกต่างของสิ่งมีชีวิตที่ ต่างชนิดกัน  มักจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน  เช่น  โลมาจะต่างไปจากลิง เป็นอย่างมาก  ถึงแม้สัตว์ทั้งสองชนิดนี้จะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนกัน  นอกจากนี้ยังพบว่า  ความแตกต่างเกิดขึ้นจากความแปรผันภายใน สิ่งมีชีวิต ชนิดเดียวกันได้  แต่จะมีความแตกต่างน้อยกว่าที่เกิดขึ้นระหว่างสิ่งมีชีวิตต่างชนิดกัน
เราทั้งหลายถูกจัดอยู่ในกลุ่มของมนุษย์  เนื่องจากเรามีลักษณะหลายอย่าง เหมือนกัน  และมนุษย์แต่ละคนมีความแตกต่างกัน  แม้แต่ฝาแฝดที่เป็นแฝดร่วมไข่  ถึงแม้ว่าจะมีหน้าตาใกล้เคียงกันมากที่สุด  ก็ยังมีลักษณะแตกต่างกัน  ความแตกต่างดังกล่าวเรียกว่า  “ความแปรผันทางพันธุกรรม” (genetic variable)  

ภาพแสดงการถ่ายทอดทางพันธุกรรม

ที่มา : //www.oknation.net/blog/print.php?id=444996


ความแปรผันทางพันธุกรรม  จำแนกได้ 2 ประเภท  คือ


1. ลักษณะที่มีความแปรผันแบบไม่ต่อเนื่อง ลักษณะที่มีความแปรผันแบบไม่ต่อเนื่อง (discontinuous variation)  เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่สามารถแยกความแตกต่างได้อย่างชัดเจนลักษณะความแปรผันไม่ต่อเนื่องเกิดจากอิทธิพลทางพันธุกรรม

เพียงอย่างเดียว  เช่น  ลักษณะลักยิ้ม (มีลักยิ้มหรือไม่มีลักยิ้ม)  ติ่งหู (มีติ่งหูหรือไม่มีติ่งหู)  ห่อลิ้น  (ห่อลิ้นได้หรือห่อลิ้นไม่ได้)  เป็นต้น
2. ลักษณะที่มีความแปรผันแบบต่อเนื่อง ลักษณะที่มีความแปรผันแบบต่อเนื่อง  (continuous  variation)  เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ไม่สามารถแยกความแตกต่างได้เด่นชัด  เช่น  ความสูง น้ำหนัก  โครงร่าง  สีผิว  ซึ่งเป็นลักษณะที่ได้รับอิทธิพลจากพันธุกรรม  และสิ่งแวดล้อมร่วมกัน  เช่นความสูงของคน  ถ้าเราได้รับอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ มีการออกกำลังกาย  จะทำให้เรามีร่างกายสูงขึ้นได้

คำศัพท์ที่ควรทราบในการศึกษาพันธุศาสตร์


1.เซลล์สืบพันธุ์ (Gamete or Sex cell)หมายถึง ไข่ (Egg) หรือ สเปิร์ม ( Sperm)
2.ลักษณะเด่น (Dominance) หมายถึง ลักษณะที่ปรากฏออกมาในรุ่นลูกหรือรุ่นต่อ ๆ ไปเสมอ
3.ลักษณะด้อย (Recessive) หมายถึง ลักษณะที่ไม่มีโอกาสปรากฏในรุ่นต่อไป
4.ยีน (Gene) หมายถึง หน่วยควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตเป็นสารเคมีจำพวก
กรดนิวคลีอิก โดยเฉพาะ ชนิด DNA จะพบมากที่สุด ชนิด RNA
5.โฮโมโลกัสยีน (Homologous gene) หมายถึง ยีนที่เหมือนกันอยู่ด้วยกัน เช่น TT , tt , AA , bb
6.เฮเทอโรไซกัสยีน (Heterozygous gene) หมายถึง ยีนที่ต่างกันอยู่ด้วยกัน เช่น Tt , Aa , Bb
7.จีโนไทป์ (Genotype) หมายถึง ลักษณะหรือแบบของยีนที่ควบคุมลักษณะ
8.ฟีโนไทป์ (Phenotype) หมายถึง ลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏออกมาเนื่องจากการ แสดง
ออกของยีนและอิทธิพลของ สิ่งแวดล้อม
9.โฮโมโลกัสโครโมโซม (Homologous chromosome) หมายถึง โครโมโซมที่เป็นคู่กัน มีขนาด
และรูปร่างภายนอกเหมือนกัน
10.โฮโมไซกัสโครโมโซม (Homozygous chromosome) หมายถึง โครโมโซมที่เป็นโฮโมโลกัส
กันและมียีนที่เป็นโฮโมไซกัสกัน อย่างน้อย 1 คู่

กฏพันธุกรรมของเมนเดล
เมนเดลได้ทดลองผสมถั่วลันเตาที่มีลักษณะต่าง ๆ กัน 7 ลักษณะซึ่งกระจายอยู่บนโครโมโซมต่างท่อนกัน โดยได้ทำ การทดลองนานถึง 7 ปี จึงพบกฏเกณฑ์การถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ และได้รับการยกย่องเป็นบิดาแห่งวิชาพันธุศาสตร์  (Father of Genetics)

กฏการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของเมนเดล ที่สำคัญ คือ
      กฏข้อที่ 1 กฏแห่งการแยก (Law of segregation)มีสาระสำคัญดังนี้คือ : ยีนที่อยู่คู่กันจะแยกตัวออกจากกันไปอยู่ในแต่ละเซลล์สืบพันธุ์ก่อนที่
จะมารวมตัวกันใหม่เมื่อ จะมารวมตัวกันใหม่เมื่อ
      กฏข้อที่ 2 กฏแห่งการรวมกลุ่มอย่างอิสระ (Law of independent assortment)มีสาระสำคัญดังนี้คือ : ยีนที่เป็นคู่กันเมื่อแยกออกจากกันแล้ว แต่ละยีนจะไปกับ ยีนอื่นใดก็ได้อย่างอิสระนั่นคือเซลล์ สืบพันธุ์จะมีการรวมกลุ่มของหน่วยพันธุกรรมของลักษณะต่าง ๆ โดยการรวมกลุ่มที่เป็นไปอย่างอิสระ จึงทำให้สามารถทำนายผลที่เกิดขึ้นในรุ่นลูกรุ่นหลายได้

ขอขอบคุณ : 1. //www.student.chula.ac.th/~53437623/unit1.htm#u1
                       2. //sites.google.com/site/chawissil/laksna-thang-phanthukrrm

ข้อใดเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่มีความแปรผันต่อเนื่อง

2. ลักษณะที่มีความแปรผันแบบต่อเนื่อง ลักษณะที่มีความแปรผันแบบต่อเนื่อง (continuous variation) เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ไม่สามารถแยกความแตกต่างได้เด่นชัด เช่น ความสูง น้ำหนัก โครงร่าง สีผิว ซึ่งเป็นลักษณะที่ได้รับอิทธิพลจากพันธุกรรม และสิ่งแวดล้อมร่วมกัน เช่นความสูงของคน ถ้าเราได้รับอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ มีการออกกำลัง ...

ลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการแปรผันไม่ต่อเนื่องกับลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการแปรผันต่อเนื่องต่างกันอย่างไร

จะแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร นักเรียนควรสรุปได้ว่า ลักษณะที่มีการแปรผันไม่ต่อเนื่อง เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุม ด้วยยีนโลคัสเดียว ฟีโนไทป์มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เมื่อเขียนกราฟแสดงขนาดประชากรจะ เป็นดังรูป 5.20 ก. ส่วนลักษณะที่มีการแปรผันต่อเนื่อง จะเป็นลักษณะควบคุมด้วยยีนหลายคู่

ความแปรผันของลักษณะทางพันธุกรรมหมายถึงอะไร

การแปรผันทางพันธุกรรม หรือ ความแตกต่างทางพันธุกรรม (อังกฤษ: Genetic variation) คือความจริงว่า ระบบชีวภาพ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตแต่ละหน่วยหรือทั้งกลุ่มประชากร จะมียีนที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นมูลฐานของความผันแปรได้ทางพันธุกรรม (genetic variability) ของระบบชีวภาพ ความแตกต่างทางพันธุกรรมมีมูลฐานจากอัลลีลแบบต่าง ๆ ของยีน ซึ่ง ...

การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม มีอะไรบ้าง

ลักษณะทางพันธุกรรม (genetic character) เป็นลักษณะของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด เช่น ลักษณะจมูกโด่ง จมูกแบน ผมหยิก ผมตรง ผิวดา ผิวขาว ตาชั้นเดียว ตาสองชั้น ลักษณะ ดังกล่าวมักมีลักษณะเหมือนกับพ่อแม่หรือญาติ ลักษณะเหล่านี้จึงสามารถถ่ายทอดมาจากพ่อ แม่ เรียกว่า ลักษณะทางพันธุกรรม

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง