หมอเหรียญทอง บอก แก่แล้ว ดันโล่ห์ไม่ไหว โพสต์ภาพครอบครัว ให้ลูกชาย 2 คนเป็นกองหน้า ทั้งคู่เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวสาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยา ลูกสาวเป็นกองกลาง ภรรยาเป็นกองหลัง เตรียมใช้ชีวิตตาแป๊ะ ริมชายทะเลเมืองเพิร์ธ
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน นายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ อดีตแนวร่วมกลุ่มกปปส. โดยจะถอยบทบาทการบริหารงานของตัวเองมาเป็นกองกลาง แล้วให้ลูกๆ 2 คนซึ่งเป็นหมอขึ้นมาเป็นกองหน้าในการบริหารโรงพยาบาล พร้อมระบุว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ทุกคนในครอบครัวแข็งแรงสามารถบินเดี่ยวได้ ก็จะไปใช้ชีวิตเป็นตาแป๊ะริมทะเลชายเมืองเพิร์ธประเทศออสเตรเลีย ระบุว่าตอนนี้รู้สึกแก่แล้ว ไม่สามารถดันโล่ไหวแล้ว
ผมจะเปลี่ยนตำแหน่งของตัวเองจากกองหน้ามาเป็นกองกลาง แล้วให้ภริยาของผมยังคงเป็นกองหลังต่อไป ส่วนลูกๆ 3 คน 2 คนทางขวาสุดและซ้ายสุดซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวสาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยาด้วยกันทั้งคู่จะเป็นกองหน้า ส่วนลูกคนเล็กเป็นผู้สอบบัญชีเพิ่งสำเร็จปริญญาโทด้านการเงิน ก็จะเป็นกองกลางคู่กับผมและหลานชายของผมอีกคนใน บริษัท มงกุฎวัฒนะ จำกัด (มหาชน)
อีกไม่กี่ปีเมื่อกองหน้าและกองกลางทั้งสาม บินเดี่ยวได้เอง ผมจะใช้ชีวิตตาแป๊ะ ริมชายทะเลเมืองเพิร์ธ รัฐออสเตรเลียตะวันตก …ผมย่าง 63 แล้ว ผมแก่แล้วครับ…ดันโล่ไม่ไหวแล้ว 10 พ.ย.65 เวลา 12.30 น.
สำหรับนายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา นอกจากเป็นหมอ ยังมีบทบาทสำคัญทางการเมืองช่วงชัตดาว์น กทม. เมื่อปี 2556-57 โดยมีบทบาทโดดเด่นในการร่วมนำและชุมนุมปิดถนนแจ้งวัฒนะ ร่วมกับพุทธะอิสระ เคยประกาศภูมิใจที่ถูกเรียกว่าเป็นพวกขวาสุดโต่ง ใครที่คิดแบบซ้ายไม่สามารถร่วมงานกันได้
นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการแสดงความเห็นทางการเมืองสังคม โดยเฉพาะช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา ได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามพลังแผ่นดินเพื่อช่วยผู้ป่วยโควิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยเต็มหมอเหรียญทองเป็นหนึ่งในทีมที่ปรึกษาโควิด อีกด้วย
ล่าสุดเกิดดราม่าเกี่ยวกับประเด็นการเลิกบัตรทองของ สปสช. และประกันสังคมอีกด้วย จนเปิดการฟ้องร้องเป็นคดีความ
6 ม.ค.63 - พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า " อาทิตย์ที่ 12 ม.ค.63 ณ ลาพระบรมรูป ร.6 สวนลุมพินี เวลา 8.30 น. ผมและครอบครัวขอเดินเชียร์ลุงด้วยคนนะครับ เตรียมเสื้อให้ผมด้วย พี่เหรียญ
31 ก.ค. 63 - พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กระบุว่าได้รับแจ้งว่าให้ผมและครอบครัวระวังอันตราย โดยเฉพาะตัวผม...ผมทราบมาโดยตลอดอยู่แล้วตั้งแต่ประกาศตนชัดเจนต่อสู้กับขบวนการบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 จนถึงปัจจุบัน
ผมขอเรียนให้ทราบว่าไม่ต้องห่วงผมนะครับและไม่ต้องปกป้องอะไรผมทั้งนั้น..."จงปกป้องพระเจ้าแผ่นดิน"...'Save the king' จำกันไว้ให้มั่นนะครับ...ผมสั่งเสียภริยาของผมมานานหลายปีแล้วว่าถ้าผมตายผิดธรรมชาติจากการฆาตกรรม จงอย่าคาดหวังที่จะได้ตัวคนร้ายและอย่าคาดหวังความยุติธรรมใดๆ อย่าไปเสียเวลากับกระบวนการตามความยุติธรรม จงจัดงานศพอย่างเรียบง่าย คลุมศพของผมด้วย 'ธงสีน้ำเงินที่ปักข้อความว่า "สละชีพเป็นราชพลี" '...ห้ามขอพระราชทานเพลิงศพเพื่อไม่ให้ขบวนการจัญไรนำไปโยงใยว่าพระเจ้าแผ่นดินคือผู้อยู่เบื้องหลังภารกิจปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ของผม ...นี่เป็นเพียงภารกิจของผมในฐานะคนไทยคนหนึ่งเท่านั้น...เผาแล้วนำกระดูกฝังดินแล้วสร้างศาลพิทักษ์ราชันขึ้นเพื่อเป็นตำนานให้แก่ลูกหลานเหลนโหลนของผมไว้ที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ เตือนจิตสำนึกว่านี่คือความกตัญญูของผม'โหลนจีน' ที่มีต่อราชวงศ์จักรี
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
31 ก.ค.63 เวลา 9.40 น.
พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ภาพครอบครัวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว วันนี้ (11 พ.ย.) แสดงความยินดีกับลูกสาวคนเล็กที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านการเงิน โดยระบุว่า หลังจากนี้ ขอลดบทบาทตัวเองจากกองหน้า มาเป็นแค่กองกลาง แล้วให้ภรรยาเป็นกองหลังต่อไป
ส่วนลูกคนโตและคนกลางเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรังสีรักษาและมะเร็งวิทยา จะเป็นคู่กองหน้า และลูกสาวที่เพิ่งเรียนจบจะมาเป็นกองกลางคู่กัน ยืนยันว่า ลูกทั้ง 3 คน เป็นคนรุ่นใหม่ที่รักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ เหมือนพ่อแม่ และจะเป็นผู้บริหารบริษัท มงกุฎวัฒนะ จำกัด (มหาชน) ในอนาคตอันใกล้
นอกจากนี้ ยังระบุว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากกองหน้าและกองกลางทั้งสาม สามารถบินเดี่ยวได้แล้ว จะขอไปใช้ชีวิตตาแป๊ะ ริมชายทะเลเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย เพราะปัจจุบันอายุ 63 ปี ถือว่าแก่แล้ว
พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ภาพครอบครัวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว วันนี้ (11 พ.ย.) แสดงความยินดีกับลูกสาวคนเล็กที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านการเงิน โดยระบุว่า หลังจากนี้ ขอลดบทบาทตัวเองจากกองห