ทำสเปรย์สมุนไพรกันยุงจากผักสวนครัว
ฝนตกบ่อยๆ อาจมาพร้อมกับปัญหาน้ำท่วมขัง อันเป็นบ่อเกิดของยุง วันนี้ขอนำความรู้เรื่องการทำสเปรย์สมุนไพรกันยุง ซึ่งสามารถใช้วัตถุที่ปลูกเองที่บ้านมาทำได้ ผักสวนครัวที่ว่าคือ ตะไคร้ และมะกรูด มีวิธีทำอย่างไร ลองมาดูกันคะ
สิ่งที่ต้องเตรียม- เอทิลแอลกอฮอล์ 1 ลิตร
- การบูร 50 กรัม
- ตะไคร้สด (ลำต้นขาว) 100 กรัม
- ผิวมะกรูดสด 50 กรัม
- กลิ่นตะไคร้หรือมะกรูด (ไม่ใส่ก็ได้) 1 ช้อนชา
- ผ้าขาวบาง สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาด 10×10 นิ้ว 2 ผืน
- โหลแก้วสำหรับหมัก ขนาด 1-2 ลิตร 1 โหล
- ขวดสเปรย์สำหรับบรรจุน้ำยากันยุง
- ไซริงค์สำหรับดูดน้ำยาใส่ขวด
- กิโลเล็กสำหรับชั่ง
- เขียง มีด
- ป้ายติดขวด พิมพ์ว่า “สเปรย์สมุนไพรกันยุง”
- หั่นตะไคร้เอาเฉพาะลำต้นขาวๆ ยาวๆ 1 ซม. ประมาณ 1 ขีด (100 กรัม) ห่อผ้าขาวบาง ผูกเงื่อนให้เรียบร้อย
- หั่นผิวมะกรูดซอยเล็กๆ ประมาณ ½ ขีด หรือ 50 กรัม ห่อผ้าขาวบ้างเหมือนตะไคร้
- นำห่อตะไคร้ และห่อผิวมะกรูด วางลงก้นโหลแก้ว
- นำแอลกอฮอล์ที่ใช้ทำน้ำหอม (เอทิลแอลกอฮอล์) 1 ลิตร เทใส่โหลแก้ว
- ใส่การบูร (และกลิ่นตะไคร้หอมหรือมะกรูดลงไป) ปิดฝาให้แน่น หมักไว้ 7 วัน
ระหว่างที่หมักต้องเขย่าโหลแก้วทุกวัน พอครบกำหนด ก็นำมาบรรจุขวด อาจใช้ขวดฝาเกลียวธรรมดาก็ได้ เขียนติดข้างขวดไว้ว่าสเปรย์สมุนไพรกันยุง เพื่อความปลอดภัย
- ใช้ฉีดหรือทาตามผิวกาย ยกเว้นใบหน้า เพื่อป้องกันยุงกัน นานถึง 5 ชั่วโมง
- ใช้ฉีดไล่มด แมลงสาบ แมลงวัน และแมลงที่ไม่ต้องการบริเวณที่อยู่อาศัย
- ใช้ฉีดดับกลิ่นเหม็น กลิ่นอับ
เขาบอกว่าสเปรย์สมุนไพรกันยุงนี้เด็กหรือผู้สูงอายุก็ใช้ได้
ใครสนใจลองนำไปทดลองทำใช้กันดูนะคะ เป็นการพึ่งตนเองง่ายๆ โดยการใช้ผักสวนครัวบ้านเรา ส่วนใครที่ยังไม่ปลูก ก็ลองหามาปลูกกันนะคะ หรือจะไปขอปันจากเพื่อนบ้านที่ปลูกไว้เยอะ แล้วนำสเปรย์สมุนไพรกันยุงที่ทำเสร็จแล้วไปให้ตอบแทนก็ไม่เลวค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจากชมรมคลับปัญญาผู้สูงวัย จ. ปทุมธานี ซึ่งมาร่วมแบ่งปันความรู้ในงานร้อยพลัง สร้างสุข ของสสส. ใครสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ก็ติดต่อไปได้ที่คุณสมสุข แก้วพรรณา สมาชิกชมรมนี้นะคะ โทร 081-987-3394
สเปรย์สมุนไพรปรับอากาศจากสมุนไพร
1.ปัจจุบันสภาวะแวดล้อมมีกลิ่นเป็นมลพิษต่อระบบหายใจหากเราซื้อน้ำยาดับกลิ่นตามท้องตลาดมาใช้นั้นจะมีราคาแพงซึ่งส่วนใหญ่จะผลิตจากสารเคมีทำให้เกิดอันตรายต่อสภาพแวดล้อมมากขึ้น คณะผู้จัดทำจึงศึกษาสมุนไพรที่หาง่ายในท้องถิ่นและเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม เช่น ใบเตย ผิวมะกูด ใบตะไคร้
มาทดลองสกัดคลอโรฟิลล์เพื่อเปรียบเทียบปริมารที่เหมาะสมและชนิดของสมุนไพรที่สามารถกำจัดกลิ่นในสถานที่ต่าง ๆเช่น ห้องน้ำ สถานที่ ที่มีกลิ่นอับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2.วัสดุอุปกรณ์ และวิธีการทดลอง
1.การเพิ่มคุณค่าให้กับสมุนไพรในท้องถิ่น
2.การลดมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม
3.การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับวิทยาศาสตร์ให้เกิดประโยชน์
อุปกรณ์และสารเคมี
อุปกรณ์
1.หม้อ
2.กรวย
3.ขวดสเปรย์
4.ภาชนะตวง
วัสดุและสารเคมี
1.ตะไคร้ 30 กรัม
2.ใบมะกรูด 30 กรัม
3.ใบเตย 30 กรัม
4.แอลกอฮอร์ 600 มิลลิลิตร (เจือจาง 70%)
วิธีการทดลอง
1.นำใบเตย ตะไคร้ ใบมะกรูดมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ(เพื่อให้สมุนไพรสามารถออกกลิ่นได้เร็วกว่าการที่ต้มโดยไม่หั่น)
2.ต้มแอลกอฮอร์แล้วนำสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดลงไปต้ม
3. ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วกรองกากสมุนไพรออก จากนั้นสามารถบรรจุลงขวดสเปรย์ได้ทันที
1.ปัจจุบันสภาวะแวดล้อมมีกลิ่นเป็นมลพิษต่อระบบหายใจหากเราซื้อน้ำยาดับกลิ่นตามท้องตลาดมาใช้นั้นจะมีราคาแพงซึ่งส่วนใหญ่จะผลิตจากสารเคมีทำให้เกิดอันตรายต่อสภาพแวดล้อมมากขึ้น
คณะผู้จัดทำจึงศึกษาสมุนไพรที่หาง่ายในท้องถิ่นและเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม เช่น ใบเตย ผิวมะกูด ใบตะไคร้ มาทดลองสกัดคลอโรฟิลล์เพื่อเปรียบเทียบปริมารที่เหมาะสมและชนิดของสมุนไพรที่สามารถกำจัดกลิ่นในสถานที่ต่าง ๆเช่น ห้องน้ำ สถานที่ ที่มีกลิ่นอับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.การเพิ่มคุณค่าให้กับสมุนไพรในท้องถิ่น
2.การลดมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม
3.การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับวิทยาศาสตร์ให้เกิดประโยชน์
2.วัสดุอุปกรณ์ และวิธีการทดลอง
อุปกรณ์และสารเคมี
อุปกรณ์
1.หม้อ
2.กรวย
3.ขวดสเปรย์
4.ภาชนะตวง
วัสดุและสารเคมี
1.ตะไคร้ 30 กรัม
2.ใบมะกรูด 30 กรัม
3.ใบเตย 30 กรัม
4.แอลกอฮอร์ 600 มิลลิลิตร (เจือจาง 70%)
วิธีการทดลอง
1.นำใบเตย ตะไคร้ ใบมะกรูดมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ(เพื่อให้สมุนไพรสามารถออกกลิ่นได้เร็วกว่าการที่ต้มโดยไม่หั่น)
2.ต้มแอลกอฮอร์แล้วนำสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดลงไปต้ม
3. ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วกรองกากสมุนไพรออก จากนั้นสามารถบรรจุลงขวดสเปรย์ได้ทันที