215 ชลดา เรื องรั กษ์ลิ ขิ ต วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๙ ฉบับที่ ๓ ก.ค.-ก.ย. ๒๕๕๗ ความน� ำ เรื่อง อิเหนา เป็นวรรณคดีส� ำคัญเรื่องหนึ่งของไทยซึ่งมีต้นเค้าดั้งเดิมเป็นนิทานปันหยีของชวา นิทานปันหยีเป็นนิทานวีรบุรุษที่น� ำเนื้อหาบางส่วนมาจากพงศาวดารชวา โดยเฉพาะอย่างยิ่งวีรกรรมของ พระเจ้าไอรลังคะและพระเจ้ากาเมศวรผู้เป็นพระนัดดาในการขยายอาณาจักรชวาโบราณ การแบ่งแยก ชวาออกเป็น ๒ ส่วนของพระเจ้าไอรลังคะและการรวมอาณาจักรที่แบ่งแยกไว้ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวของ พระเจ้ากาเมศวร* แห่งอาณาจักรชวาตะวันออกประมาณศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ (ธานีรัตน์ จัตุทะศรี, ๒๕๕๒ : ๒๗-๒๘) ในช่วงเวลาประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๐ หรือ ๒๐-๒๑ ในสมัยที่อาณาจักรมัชปาหิตรุ่งเรือง และมีวัฒนธรรมแบบฮินดู (ก่อนศาสนาอิสลามจะเผยแผ่เข้ามาในอาณาจักร) มีการแต่งนิทานปันหยี เป็นวรรณคดีลายลักษณ์หลังจากถ่ายทอดแบบมุขปาฐะตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๗-๒๐ (เรื่องเดิม : ๓๓ และ ๓๕) ทั้งยังเผยแพร่ไปยังบาหลีเมื่อมัชปาหิตมีอ� ำนาจเหนือบาหลี (เรื่องเดิม : ๓๕) นิทานปันหยีพัฒนา เป็นหลายส� ำนวนและเผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น รูปแบบวรรณกรรม การแสดง ภาพปูนปั้น ภาพสลัก และภาพวาด (เรื่องเดิม : ๓๖-๔๒) ต่อมานิทานปันหยีเผยแพร่เข้าสู่มลายูผ่านการแสดงส� ำคัญในพิธีอภิเษก ระหว่างเจ้านายเชื้อพระวงศ์ของชวากับมลายู หรือผ่านการศึกษาของดาหลังของมลายูซึ่งเป็นผู้พากย์หนัง เมื่อไปศึกษาการแสดงที่ชวา (เรื่องเดิม : ๔๔-๔๖) หลังจากนั้นนิทานปันหยีก็แพร่หลายเข้ามาในหลาย ประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย บาหลี มะละกา และไทย หากกล่าวเฉพาะของไทย นิทานปันหยีแพร่หลายเข้ามาช่วงปลายสมัยอยุธยาสมัยสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ผู้น� ำเข้ามาเผยแพร่คือหญิงมลายูที่ราชส� ำนักอยุธยาได้มาจากปัตตานี หญิงผู้นี้ เล่านิทานปันหยีถวายเจ้าฟ้ากุณฑลและเจ้าฟ้ามงกุฎ พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แล้ว พระธิดาทั้งสองทรงพระนิพนธ์เป็นบทละครในพระองค์ละ ๑ เรื่อง ได้แก่ เรื่อง ดาหลัง และ อิเหนา โดยล� ำดับ มีข้อสังเกตว่านิทานปันหยีที่เข้ามาในอยุธยาเวลานั้นน่าจะเป็น ๒ ส� ำนวน จึงมีรายละเอียดแตกต่างกัน บทละครในทั้ง ๒ เรื่องนี้เป็นที่มาของพระราชนิพนธ์บทละครในเรื่อง ดาหลัง และ อิเหนา ของพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เนื่องจากเรื่อง อิเหนา ได้รับความนิยมมากกว่า เป็นเหตุให้เรื่อง ดาหลัง ไม่ใคร่เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากนักแม้ว่าพระราชนิพนธ์เรื่อง ดาหลัง ในพระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจะยังคงมีฉบับสมบูรณ์อยู่ในวงการภาษาและวรรณคดีไทยก็ตาม สมัยรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระราชนิพนธ์บทละครในเรื่อง อิเหนา ขึ้นใหม่ มีเนื้อหาตั้งแต่ตั้งเมืองของกษัตริย์วงศ์เทวา ๔ เมืองจนถึงอิเหนาสึกชีโดยทรงปรับปรุงจากพระราช- * ในปลายสมัยของพระเจ้าไอรลังคะ พระองค์ทรงแบ่งชวาออกเป็น ๒ ส่วน คือ กุเรปันและดาหา แล้วพระราชทานให้โอรส ๒ พระองค์ปกครอง องค์ละเมือง ต่อมาพระนัดดา คืออินู (แปลว่ารัชทายาท เมื่อครองราชย์ทรงพระนามว่าพระเจ้ากาเมศวร) โอรสของเจ้าเมืองกุเรปันอภิเษกกับ ธิดาของเจ้าเมืองดาหา จึงท� ำให้อาณาจักรชวาที่เคยแบ่งแยกออกจากกันรวมเข้าเป็นอาณาจักรเดียวอีกครั้งหนึ่ง
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=
- ฮิต: 2185
- พิมพ์
ประวัติความเป็นมาของอิเหนา
ประวัติความเป็นมาของอิเหนา
เรื่องอิเหนามีหลักฐานปรากฏครั้งแรกในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
ในเรื่อง ปุณโณวาทคำฉันท์ ของพระมหานาควัดท่าทราย
ซึ่งกล่าวถึงการสมโภชพระพุทธบาทพรรณนาการมหรสพต่าง ๆ ไว้ตอนหนึ่งว่า
“ร้องเรื่องระเด่นโดย / บุษบาตุนาหงัน
พักพาคูหาบรร / พตร่วมฤดีโลม”
ซึ่งแสดงว่าในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมีเรื่องอิเหนาเล่นแล้ว
กล่าวกันว่าเจ้าฟ้าหญิงกุณฑล เจ้าฟ้าหญิงมงกุฎ พระราชธิดาในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเป็นผู้นิพนธ์
โดยฟังเรื่องจากนางข้าหลวงชาวมลายูชื่อยะโว เป็นผู้เล่า เห็นเป็นเรื่องสนุกจึงทรงนำมาแต่งเป็นบทละคร
เจ้าฟ้าหญิงกุณฑลทรงนิพนธ์เรื่องดาหลัง (อิเหนาใหญ่)
เจ้าฟ้าหญิงมงกุฎทรงนิพนธ์เรื่องอิเหนา (อิเหนาเล็ก)
ซึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า ต้นฉบับทั้งสองเรื่องคงเสียหายไปครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2
เรื่องดาหลังและเรื่องอิเหนาที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นในสมัยต้นรัตนโกสินทร์
โดยรัชกาลที่ 1 ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องดาหลังตลอดเรื่อง
และรัชกาลที่ 2 ทรงพระราชนิพนธ์อิเหนาตลอดเรื่องเช่นเดียวกัน
อิเหนาพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 2 นี้ ถือว่าเป็นฉบับที่ดีเลิศทั้งในกระบวนวรรณศิลป์และนาฏศิลป์
จึงได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรให้เป็นยอดของกลอนบทละครรำ วรรณคดีเรื่องอิเหนามีเนื้อหาเป็นพงศาวดาร
แต่งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติกษัตริย์ชวาพระองค์หนึ่งซึ่งทรงเป็นนักรบ นักปกครอง
และทรงสร้างความเจริญให้แก่ชวาเป็นอย่างมาก
อิเหนาเป็นกษัตริย์ชวาที่มีตัวตนอยู่จริงตามประวัติศาสตร์ ชาวชวาถือว่าอิเหนาเป็นวีรบุรุษ
เป็นกษัตริย์ที่ทรงอานุภาพมาก ทรงปราบปรามหัวเมืองน้อยใหญ่ให้อยู่ในอำนาจ
จนได้ชื่อว่าเป็นมหาราชพระองค์หนึ่งในพงศาวดาร
ดังนั้นเรื่องที่เกี่ยวกับอิเหนา จึงมีการต่อเสริมเติมแต่งกลายเป็นนิทานเล่าสืบต่อกันมา
เนื่องจากนิทานปันหยีหรืออิเหนาเป็นเรื่องราวที่ได้รับความนิยมจากชาวชวาเป็นอย่างมาก เนื้อเรื่องจึงปรากฏหลายสำนวน
เมื่อเข้าสู่ประเทศไทย เมื่อนำมาทำเป็นบทละครก็ได้รับความนิยมอย่างสูง ตั้งแต่ครั้งกรุงเก่ามาจนถึงสมัยกรุงธนบุรี ครั้นมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดให้กวีช่วยกันรวบรวมแต่งเติมเรื่องดาหลังและอิเหนาไว้
ดังที่ปรากฏในบทนำของอิเหนาว่า "แต่ต้นเรื่องตกหายพลัดพรายไป" คงเหลือสมบูรณ์อยู่เฉพาะเรื่องดาหลังหรืออิเหนาใหญ่
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องอิเหนาขึ้นใหม่ มีความไพเราะจนได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรดังกล่าวมาแล้ว