ชาร์จแบตลําโพง Marshall กี่ชั่วโมง

สวัสดีค่ะณัช สาขาปิ่นเกล้าเองนะคะ วันนี้ณัชจะมาแนะนำ วิธีเช็ค สถานะไฟ LED ของลำโพงพกพามาฝาก มีลูกค้าหลายท่านที่ซื้อลำโพงพกพาไปแล้ว บางท่านก็อาจจะทราบไปแล้วว่าเวลาชาร์จสถานะไฟ LED จะโชว์อย่างไร แต่ลูกค้าบางท่านที่ยังไม่ทราบ ณัชมีวิธีเช็คสถานะไฟ LED ขณะชาร์จเบื่องต้นมาเรียนให้ทราบนะคะ ว่าแต่ล่ะรุ่น แต่ล่ะยี่ห้อเวลาที่ชาร์จแบต สถานะไฟจะโชว์อย่างไร หรือ เมื่อเวลาแบตเตอรรี่เต็มแล้ว สถานะไฟLED จะเป็นอย่างไรค่ะ 

เริ่มจากลำโพงพกพารุ่นเล็กสุดของเราตอนนี้ นั่นก็คือ เจ้า JBL GO 2 นั่นเอง เวลาเสียบชาร์จ JBL GO 2 นั้น เมื่อเราเสียบชาร์จเข้าไป สถานะไฟ LED จะโชว์สถานะเป็นสีแดงนะคะ ถ้าสถานะไฟ LED ดับลง แสดงว่า เจ้าลำโพงจิ๋วเครื่องนี้ แบตเตอรี่เต็มแล้ว พร้อมใช้งานได้เลยค่ะ ส่วนเวลาชาร์จเจ้าตัวนี้นั้น ใช้เวลาชาร์จ ราวๆ 2 ชั่วโมงค่ะ

SONY SRS XB-21
 

ต่อมาจะเป็น SONY SRS XB-21 ลำโพงพกพาจาก SONY รุ่นนี้ เวลาเราเสียบชาร์จ สถานะไฟ  LED จะโชว์เป็นสีส้มอยู่ข้างๆ ช่องชาร์จ จนกว่าไฟสถานะ LED นั้นจะดับลง แสดงว่า FULL BATTERRY ค่ะ เจ้าเครื่องนี้ ใช้งานได้ถึง 12 ชั่วโมงแนะนำ (ตาม SPEC เครื่องนะคะ) ใช้เวลาชาร์จไม่ถึง 4 ชั่วโมงเท่านั้น
 

SOUNDLINK REVOLVE
 

ส่วนรุ่นถัดไปจะเป็น ของ BOSE รุ่น SOUNDLINK REVOLVE นั่นเองค่ะ เวลาเราเสียบชาร์จ รุ่นนี้ไฟสถานะ LED จะโชว์เป็นสีส้มนะคะและเมื่อแบตเตอรี่เต็ม ไฟสถานะ LED จะเป็นสีเขียว ซึ่งจะใช้เวลาในการชาร์จ 4 ชั่วโมง และสามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 12 ชั่วโมงเลยทีเดียวค่ะ

B&O PLAY BEOPLAY P6
 

ทางฝั่งของ แบรนด์ B&O สำหรับเจ้า B&O PLAY BEOPLAY P6 ไฟสถานะ LED ที่โชว์ขณะเรากำลังชาร์จนั้น จะเป็นสีส้มกระพริบช้าๆ ซึ่งไฟ LED จะโชว์อยู่ข้างช่องที่เราเสียบชาร์จนะคะ เมื่อแบตเตอรี่เต็ม ไฟสถานะLED จะโชว์เป็นสีเขียว ส่วนรุ่นนี้ใช้เวลาชาร์จประมาณ 3 ชั่วโมงนะคะ ใช้งานได้สูงสุด 16 ชั่วโมง (แต่เป็น 16 ชั่วโมงที่เปิดเพลงเบาๆ คลอๆนะคะ ถ้าใช้ VOLUME เยอะหน่อยเวลาใช้งานอาจจะลดลงตามไปด้วยนะคะ)
 

สำหรับ ลำโพง FENDER NEWPORT เมื่อเราชาร์จไฟ ไฟสถานะ LED จะโชว์เป็นสีแดง จนกว่า ไฟ LED จะดับลง นั่นก็แสดงว่าเจ้า FENDER NEWPORT พร้อมใช้งานได้แล้ว ซึ่งใช้เวลาชาร์จทั้งหมดราวๆ 4 ชั่วโมงนะคะ เมื่อแบตเตอรี่เต็ม เราจะสามารถใช้งานได้ถึง 12 ชั่วโมงเลยทีเดียวค่ะ

และสุดท้ายจากทางค่ายของ MARSHALL สำหรับ เจ้า KILBURN นั้น รุ่นนี้ในขณะที่ชาร์จต้องเปิด ปุ่ม POWER ON ไว้ด้วยนะคะ โดยเมื่อเราชาร์จ ไฟสถานะ LED จะโชว์เป็นสีแดงกระพริบนะคะ และจะแตกต่างจากรุ่นอื่นตรงที่ไฟสถานะ LED ของรุ่นนี้จะค้างเมื่อบตเตอรี่เต็ม รุ่นนี้ อาจจะใช้เวลาชาร์จนานถึง 6 ชั่วโมง นะคะ เพราะว่าแบตเตอรี่เค้าอยู่ได้นาน ใช้งานได้ถึง 20 ชั่วโมง เรียกว่าฟังได้แบบเต็มอิ่มกันเลยทีเดียวค่ะ

สรุป เพื่อเป็นการถนอม และยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ลำโพงทุกรุ่น คือไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่หมดแล้วชาร์จนะคะ และไม่ควรชาร์จไปเล่นไปนะคะ เพราะอะไรรู้ไหมคะ เพราะว่า...มันจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมก่อนเวลาอันสมควร หลังการใช้งานทุกครั้งควรที่จะชาร์จไว้เลยค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านบ้างนะคะ ไม่มากก็น้อย

เขียนโดย : เจ้ณัช  สาขาปิ่นเกล้า  เขียนเมื่อ :  7  ส.ค. 2561

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

19 พ.ค. 2565

Marshall Emberton II เท่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสนุกได้นานขึ้น

Marshall Emberton II เปิดตัวมาพร้อมกับลำโพงพกพาตัวจิ๋วรุ่นใหม่ล่าสุด Marshall Willen โดยในเจเนอเรชันที่ 2 นี้มีการอัพเกรดสเปคหลายอย่างเพื่อประสิทธิภาพการใช้งานให้ดีขึ้น อาทิ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น เพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่าง Stack Mode สำหรับจับคู่ลำโพงได้หลายตัวพร้อมกันเพื่อความมันส์ที่มากขึ้น อัพเกรดเวอร์ชันการเชื่อมต่อบลูทูธ และสามารถป้องกันฝุ่นได้แล้ว

รูปลักษณ์ดีไซน์ของ Marshall Emberton 2 ไม่แตกต่างจากเจนฯ แรกมากนัก ยังคงเอกลักษณ์ความเท่ในสไตล์คลาสสิกเอาไว้เช่นเดิม จุดที่เปลี่ยนไปคือโลโก้ Marshall ที่เปลี่ยนมาเป็นสีทองให้ความโดดเด่นยิ่งขึ้น ตัวลำโพงมีการใช้วัสดุรีไซเคิลจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใช้แล้ว ขวดน้ำ และฝาครอบไฟรถยนต์มาเป็นส่วนประกอบ และยังปลอด PVC 100% ขณะที่งานประกอบก็มีความประณีตและแข็งแรงทนทาน ด้านบนลำโพงมาพร้อมปุ่มควบคุมแบบหลายทิศทางและแถบไฟแสดงปริมาณแบตเตอรี่ ไฮไลท์สำคัญคือได้เพิ่มคุณสมบัติกันฝุ่นเข้ามาแล้วตามมาตรฐาน IP67 ดังนั้นจึงใช้งานสมบุกสมบันได้โดยไม่ต้องทะนุถนอม 

ลำโพง Marshall Emberton II ยังคงไว้ซึ่งคาแร็กเตอร์เสียงสไตล์ Marshall อันเป็นเอกลักษณ์จากไดรเวอร์ Full range ขนาด 2 นิ้ว 2 ตัวและ Passive radiator 2 ตัว ลำโพงมีกำลังขับ 10W ตอบสนองความถี่ 60 - 20,000 Hz ให้พลังเสียงหนักแน่นเกินตัว เสียงดังฟังชัด เนื้อเสียงคมใส รายละเอียดดี ตอบโจทย์ทุกการฟังเพลงได้เป็นอย่างดี เสริมด้วยฟีเจอร์ True Stereophonic สร้างประสบการณ์เสียงแบบ 360 องศา ให้เวทีเสียงที่กว้างและแยกรายละเอียดเครื่องดนตรีได้ชัดเจนกว่าลำโพงระดับเดียวกัน อีกหนึ่งจุดเด่นที่เพิ่มเข้ามาใหม่คือ Stack Mode จับคู่ลำโพง Emberton II ได้หลายตัวพร้อมกัน สร้างเสียงที่ใหญ่และดังมากขึ้น ฟังเพลงสนุกมากขึ้น

ด้านการเชื่อมต่อ ลำโพง Marshall Emberton II อัพเกรดขึ้นมาเป็น Bluetooth 5.1 ผลลัพธ์คือประสิทธิภาพการรับส่งสัญญาณดีขึ้น เสียงมีความเสถียรมากขึ้น อาการดีเลย์ลดลง และประหยัดพลังงานมากขึ้น ลำโพงยังรองรับการเชื่อมต่อกับแอปฯ Marshall Bluetooth สำหรับเข้าไปปรับ EQ ได้ตามต้องการ ในส่วนของแบตเตอรี่มีการปรับปรุงให้ใช้งานได้นานขึ้นเป็น 30 ชั่วโมง และมาพร้อมคุณสมบัติชาร์จเร็ว ชาร์จเพียง 20 นาทีฟังได้นานถึง 4 ชั่วโมง ขณะที่การชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น

อัพเกรดสเปคใหม่ สนุกได้นานขึ้น

จุดเด่นของลำโพง Marshall Emberton 2

• ดีไซน์เท่ในสไตล์คลาสสิก ใช้วัสดุคุณภาพดี งานประกอบเนี๊ยบ
• กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67
• กำลังขับ 10W คาแร็กเตอร์เสียงชัดเจนตามแบบฉบับ Marshall
• Stack Mode จับคู่ลำโพงได้หลายตัวพร้อมกัน
• เชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.1
• รองรับการใช้งานร่วมกับแอปฯ Marshall Bluetooth
• แบตเตอรี่ใช้งานได้ 30 ชั่วโมง ชาร์จเร็ว 20 นาที ฟังได้ 4 ชั่วโมง

เปรียบเทียบ Marshall Emberton 2 กับ Marshall Emberton

รู้จัก Marshall Emberton II ไปแล้ว ลองมาเทียบสเปคกับ Emberton รุ่นแรกดูหน่อยว่ามีจุดใดที่อัพเกรดขึ้นมาบ้าง

จากตารางเปรียบเทียบจะเห็นว่า Marshall Emberton 2 มีการอัพเกรดสเปคด้านคุณสมบัติการกันฝุ่นเพิ่มเข้ามาจนได้รับมาตรฐาน IP67 สามารถใช้งานสมบุกสมบันได้มากขึ้นไม่ว่าจะบนบนชายหาดหรือสถานที่ outdoor ทั้งหลาย จุดต่อมาคือ Stack Mode ที่ช่วยเพิ่มความสนุกได้มากขึ้นจากการจับคู่ลำโพงหลายตัวพร้อมกัน ให้เสียงที่ดังกระหึ่มมากขึ้น พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับแอปฯ Marshall Bluetooth ได้แล้ว นอกจานี้ยังอัพเกรดการเชื่อมต่อเป็น Bluetooth 5.1 ประหยัดพลังงานกว่า Bluetooth 5.0 และส่งผลทางอ้อมถึงอายุแบตเตอรี่ที่ฟังได้ยาวนานขึ้นจาก 20 เป็น 30 ชั่วโมงด้วยครับ

Marshall Emberton II ราคาเท่าไร เข้าไทยเมื่อไร?

เรียกได้ว่า Marshall Emberton 2 เป็นลำโพงพกพาที่น่าสนใจมากๆ อีกหนึ่งรุ่นและน่าจะมีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยเฝ้ารอการวางจำหน่ายในไทยอย่างใจจดใจจ่อ สำหรับราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยนั้นอยู่ที่ 7,490 บาท เตรียมวางจำหน่ายต้นเดือนกรกฎาคมนี้ แฟนคลับ Marshall เตรียมตัวเตรียมตังค์ต้อนรับได้เลยครับ ถ้าสินค้ามาประจำการในเว็บไซต์ Mercular.com เมื่อไร ทางเราจะรีบนำมารีวิวให้ลูกค้าทุกท่านได้รับทราบข้อมูลโดยเร็วที่สุด รอติดตามได้เร็วๆ นี้

สุดท้ายนี้ Mercular.com ก็ต้องขอตัวลาไปก่อน พบกันการแนะนำสินค้ารุ่นใหม่น่าสนใจได้เรื่อยๆ ที่เว็บไซต์ของเรา สวัสดีครับ