รายได้เท่านี้ เสียภาษีเท่าไร
โดยปกติแล้ว ผู้มีเงินได้จะต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีปีละ 1 ครั้ง ของปีถัดไปหรือหากยื่นแบบทางอินเตอร์เน็ตก็อาจมีขยายระยะเวลาในการยื่นแบบฯ การคำนวณภาษีนั้น จะนำเงินได้พึงประเมินรวมตลอดปี หักด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่างๆ จึงได้เป็นเงินได้สุทธิ ซึ่งเราจะนำเงินได้สุทธินี้ไปคำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีการจัดเก็บในอัตราที่ต่างกัน โดยแบ่งเป็นช่วงๆ ตามเงินได้สุทธิ ใครมีเงินได้สุทธิอยู่ในช่วงไหนก็ต้องคำนวณภาษีตามอัตราของช่วงนั้น
ตัวอย่างบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
เงินได้สุทธิ 0 - 150,000 บาทต่อปี ได้รับการยกเว้น
เงินได้สุทธิ 150,001 - 300,000 บาทต่อปี ได้รับอัตราภาษีร้อยละ 5
เงินได้สุทธิ 300,001 - 500,000 บาทต่อปี ได้รับอัตราภาษีร้อยละ 10
เงินได้สุทธิ 500,001 - 750,000 บาทต่อปี ได้รับอัตราภาษีร้อยละ 15
เงินได้สุทธิ 750,001 - 1,000,000 บาทต่อปี ได้รับอัตราภาษีร้อยละ 20
เงินได้สุทธิ 1,000,001 – 2,000,000 บาทต่อปี
ได้รับอัตราภาษีร้อยละ 25
เงินได้สุทธิ 2,000,001 - 5,000,000 บาทต่อปี ได้รับอัตราภาษีร้อยละ 30
เงินได้สุทธิ 5,000,001 บาทขึ้นไปต่อปี ได้รับอัตราภาษีร้อยละ 35
จากบัญชีอัตราภาษีเงินได้ ทำให้เห็นว่ายิ่งเงินสุทธิสูงก็จะมีอัตราการจัดเก็บภาษีที่สูงตามขึ้นด้วย แต่เมื่อคำนวณภาษี เราสามารถนำค่าใช้จ่ายประเภทต่างๆ มาหักลดหย่อนภาษีได้ ไม่ว่าจะเป็น ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว, ค่าประกัน เงินออม และการลงทุนต่างๆ, ค่าบริจาค, ค่าลดหย่อนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ
บรรดาค่าลดหย่อนต่างๆ นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นรายการค่าใช้จ่ายที่ทุกคนต้องจ่ายอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ต้องการวางแผนชีวิตหรือวางแผนการเงินในระยะยาว การซื้อประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะนอกจากจะสามารถนำเบี้ยประกันมาหักลดหย่อนภาษีแล้ว ยังจะได้รับความคุ้มครองความเสี่ยงรวมถึงผลประโยชน์จากสัญญากรมธรรม์ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักในการวางแผนทางการเงินและความมั่นคงของตนเองและครอบครัว โดยเราสามารถเลือกชำระเบี้ยประกันในวงเงินและระยะเวลาที่กรมสรรพากรกำหนดในเรื่องค่าเบี้ยประกันไปหักลดหย่อนภาษีในแต่ละปี อีกทั้งให้เหมาะสมกับความต้องการได้รับความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพตามประเภทของประกันชีวิตนั้นๆ เช่น ประกันสุขภาพ iHealthy ซึ่งคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในทุกที่ทุกเวลา ช่วยดูแล และให้ผลประโยชน์อย่างคุ้มค่า อีกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ประกันคุ้มครองชีวิตและโรคร้ายแรงตลอดชีพ iShield ที่คุ้มครองโรคร้ายแรงทั้งระยะเริ่มต้นและระยะรุนแรง รวม 70 โรค โดยสามารถนำเบี้ยประกันสำหรับความคุ้มครองชีวิตมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท*
ทั้งนี้ สำหรับปีภาษี 2561 เป็นต้นไป ผู้เสียภาษีที่ประสงค์จะนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษี จะต้องแจ้งความประสงค์ให้บริษัทประกันภัยทราบ เพื่อให้บริษัทประกันภัยสามารถนำส่งข้อมูลเบี้ยประกันให้แก่กรมสรรพากร โดยที่ผู้มีเงินได้ไม่ต้องใช้หลักฐานประกอบการขอลดหย่อนภาษี
*เงื่อนไขเป็นไปตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร
แบบประกันชีวิตที่แนะนำ
ประกันคุ้มครองชีวิตและโรคร้ายแรงตลอดชีพ | iShield
โรคร้าย ควบคุมไม่ได้ แต่ “ความสุข” คุณปกป้องได้
iShield ยืดเวลาแห่งความสุข ไม่หยุดไปกับโรคร้าย ทางเลือกใหม่ที่จะช่วยปกป้องความสุขของคุณและครอบครัวจากภัยโรคร้ายแรง วางแผนรับมือตั้งแต่วันนี้ อย่าปล่อยให้โรคร้ายแรงทำลายชีวิตคุณ เพราะโรคร้ายเกิดขึ้นได้แบบไม่คาดฝัน โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว และใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด หากไม่มีการเตรียมพร้อมรับมือใด ๆ อาจทำให้ความสุขทั้งหมดของชีวิตต้องหยุดลง
- ชำระเบี้ยสั้น เบี้ยประกันคงที่ตลอดสัญญา
- 70 โรคร้ายแรงที่ไอชิลด์คุ้มครองทั้งระยะเริ่มต้นและระยะรุนแรง
- เบี้ยประกันภัยในส่วนคุ้มครองชีวิตสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ (ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร)
สิทธิประโยชน์
คำนวณภาษี
ช่วยคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี
รายรับ
รายได้อื่นๆ เช่น การขายของออนไลน์, รับจ้างฟรีแลนซ์ (บาท)
กองทุน SSF / RMF แนะนำ
เริ่มต้นลงทุนเพียง 500 บาท
หมายเหตุ
* โปรแกรมคำนวณภาษีนี้ถือเป็นการคำนวณเบื้องต้นเท่านั้น โดยใช้ข้อมูลของปีภาษี 2565 ธนาคารขอไม่รับรองความถูกต้องของข้อมูลและผลลัพธ์ ทั้งนี้รายการลดหย่อนเพิ่มเติมในปีภาษี 2565 กรุณาตรวจสอบเพิ่มเติมจากประกาศของกรมสรรพากร** กรณีที่ลูกค้าเคยลงทุนใน RMF แต่ในปีนี้ไม่มีภาษีที่ต้องเสีย แนะนำให้ลูกค้าลงทุนใน RMF 500 บาท เพื่อรักษาสิทธิทางภาษี
กองทุนมีนโยบายที่แตกต่างกันทั้งด้านสินทรัพย์/ภูมิภาค/ประเทศ/กลุ่มธุรกิจที่กองทุนลงทุน ราคาของหลักทรัพย์จึงมีความผันผวนตามปัจจัยที่กระทบ / เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน / ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน สนใจลงทุนและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ www.kasikornasset.com
บริการทุกระดับประทับใจ
คำเตือน
©สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556 บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด
400/22 อาคารธนาคารกสิกรไทย ชั้น 6 และ 12 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 ประเทศไทย โทรศัพท์: 0-26733999 โทรสาร: 0-26733988