ปกป้องตัวคุณและข้อมูลของคุณเมื่อใช้เว็บไซต์เครือข่ายสังคม
ปรับปรุงแล้ว2013
แนวทางนี้ไม่ได้รับการตรวจสอบแล้ว
ชุมชนออนไลน์นั้นมีมาตั้งแต่การคิดค้นอินเทอร์เน็ต แรกสุดเรามีกระดานสนทนาและอีเมลกลุ่ม ซึ่งเปิดโอกาสให้คนทั่วโลกได้ติดต่อ สื่อสาร และแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ทุกวันนี้เว็บไซต์เครือข่ายสังคมหรือโซเชียลเน็ตเวิร์กได้ขยายพื้นที่ของการปฏิสัมพันธ์ ทำให้คุณสามารถแบ่งปันข้อความ ภาพ ไฟล์ และแม้กระทั่งข้อมูลต่อนาทีในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ หรือที่ไหนก็ตามที่คุณอยู่ การทำงานแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือเรื่องเฉพาะตัวแต่อย่างใด การกระทำเหล่านี้ทำผ่านอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมเว็บไซต์เครือข่ายสังคม
ถึงแม้ว่าเครือข่ายเหล่านี้มีประโยชน์มาก และช่วยส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ทางสังคมทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ ในขณะที่คุณใช้เว็บเหล่านี้ ก็อาจจะเปิดโอกาสให้มีคนเข้าถึงข้อมูลของคุณและเอาไปใช้ในทางที่ผิดได้ ลองคิดว่าเว็บไซต์เครือข่ายสังคมเป็นเหมือนงานเลี้ยงขนาดใหญ่ มีแขกบางกลุ่มที่คนรู้จักและก็มีผู้คนบางกลุ่มที่คุณไม่รู้จักเลย ลองจินตนาการดูว่าคุณเดินผ่านฝูงคนในงานเลี้ยงนี้โดยที่คุณมีข้อมูลส่วนตัว และบัญชีล่าสุดที่แสดงว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ เขียนอยู่บนแผ่นป้ายขนาดใหญ่แปะอยู่ที่ข้างหลังคุณ ซึ่งทุกคนอ่านได้ แม้คุณไม่รู้ตัว คุณต้องการให้ทุกคนรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณจริงหรือ
จำไว้ว่าเว็บไซต์เครือข่ายสังคมทั้งหมดเป็นธุรกิจเอกชน และธุรกิจเหล่านั้นทำเงินโดยการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวบุคคลและขายข้อมูลเหล่านั้นออกไป โดยเฉพาะให้กับบริษัทโฆษณาที่เป็นบุคคลที่สาม เมื่อคุณเข้าสู่เว็บไซต์เครือข่ายสังคม เท่ากับว่าคุณกำลังทิ้งเสรีภาพอินเทอร์เน็ตไว้ข้างหลัง และกำลังเข้าสู่เครือข่ายที่ปกครองและควบคุมโดยเจ้าของของเว็บไซต์เหล่านั้น การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวหมายถึงการปกป้องตัวคุณจากผู้ใช้บริการเครือข่ายสังคมอื่นๆ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะปกป้องข้อมูลของคุณจากเจ้าของผู้ให้บริการ สิ่งที่สำคัญก็คือ คุณได้มอบข้อมูลทั้งหมดของคุณให้กับเจ้าของเว็บไซต์เพราะเชื่อใจพวกเขา
ถ้าคุณทำงานเกี่ยวกับข้อมูลหรือประเด็นอ่อนไหวและสนใจใช้บริการเครือข่ายสังคม มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องตระหนักถึงประเด็นความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยซึ่งมาพร้อมกับการใช้บริการดังกล่าว นักปกป้องสิทธิมนุษยชนนั้นมีความเสี่ยงเป็นพิเศษจากอันตรายที่มาพร้อมกับการใช้เว็บไซต์เครือข่ายสังคม และจะต้องระมัดระวังอย่างที่สุดเกี่ยวกับข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองที่พวกเขาจะเปิดเผย รวมถึงข้อมูลของผู้คนที่ทำงานกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนเหล่านั้นด้วย
ก่อนที่คุณจะใช้บริการเว็บไซต์เครือข่ายสังคมใดๆ การทำความเข้าใจว่าเว็บไซต์เหล่านั้นทำให้คุณเกิดความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ และคุณจะต้องหาทางปกป้องตัวเองและผู้คนที่ทำงานกับคุณ คู่มือแนะนำนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจผลที่ตามมาที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการใช้งานเว็บไซต์เครือข่ายสังคม
สถานการณ์ภูมิหลัง
:Snippet
เราไม่ได้บอกให้คุณหยุดใช้เครื่องมือสังคมเครือข่ายทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คุณควรใช้มาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อที่คุณจะสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้โดยไม่ทำให้คุณและใครก็ตามตกอยู่ในความเสี่ยง
สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้จากบทนี้
- รู้ว่าเว็บไซต์เครือข่ายสังคมจะทำให้ข้อมูลอ่อนไหวถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจได้ง่ายเพียงใด
- รู้วิธีปกป้องข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณและคนอื่นเมื่อใช้เว็บไซต์เครือข่ายสังคม
คำแนะนำทั่วไปต่อการใช้เว็บไซต์เครือข่ายสังคม
- **ให้ตั้งคำถามเสมอว่า:** - ใครเข้าถึงข้อมูลที่ฉันใส่ลงไปในโลกออนไลน์ได้บ้าง - ใครเป็นผู้ควบคุมและเป็นเจ้าของข้อมูลที่ฉันใส่ลงไปในเว็บไซต์เครือข่ายสังคม- ข้อมูลเกี่ยวกับตัวฉันข้อมูลใดบ้างที่ผู้ติดต่อของฉันจะส่งต่อไปยังบุคคลอื่นๆ
- ถ้าฉันแบ่งปันรายชื่อผู้ติดต่อของฉันกับบุคคลอื่นๆ พวกเขาจะรังเกียจหรือไม่
- ฉันเชื่อใจทุกคนที่ฉันติดต่อได้หรือไม่
ต้องแน่ใจเสมอว่า คุณใช้ รหัสผ่านที่ปลอดภัยในการเข้าถึงเครือข่ายสังคม ถ้ามีใครเข้าถึงบัญชีของคุณได้ เขาจะเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับตัวคุณและเกี่ยวกับใครก็ตามที่คุณติดต่อผ่านทางเครือข่ายสังคมได้ด้วย ให้เปลี่ยนรหัสผ่านอย่างสม่ำเสมอเป็นกิจวัตร สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดู บทที่ 3: สร้างและรักษารหัสผ่านอย่างปลอดภัย
ต้องมั่นใจว่าคุณเข้าใจการ ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว โดยปริยายซึ่งเว็บไซต์เครือข่ายสังคมได้ตั้งไว้แต่ต้น และเรียนรู้วิธีปรับแต่งมัน
พิจารณาการใช้ บัญชี/สิ่งระบุตัวแยกต่างหากหรืออาจใช้นามแฝงที่ต่างกันไป สำหรับการรณรงค์หรือกิจกรรมต่างๆ จำไว้ว่ากุญแจของการใช้เครือข่ายอย่างปลอดภัยคือ สามารถทำให้สมาชิกเชื่อใจได้ บัญชีแยกต่างหากอาจเป็นวิธีที่ดีที่มั่นใจได้ว่าความเชื่อใจเป็นไปได้
ระวังเมื่อเข้าถึงบัญชีเครือข่ายสังคมของคุณจากพื้นที่อินเทอร์เน็ตสาธารณะ ลบรหัสผ่านของคุณจากบันทึกประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ เมื่อใช้เบราเซอร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ ดูบทที่ 6: ทำลายข้อมูลอ่อนไหว.
เข้าถึงเว็บไซต์สังคมเครือข่ายโดยใช้ // เพื่อปกป้องชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน ของคุณ และข้อมูลอื่นๆ ที่คุณโพส การใช้ // แทน // เป็นการเพิ่มความปลอดภัยเข้าไปอีกชั้น ซึ่งเป็นการเข้ารหัสการจราจรอินเทอร์เน็ตจากเบราว์เซอร์ของคุณไปยังเว็บไซต์เครือข่ายสังคม ดู บทที่ 8: รักษาความเป็นนิรนามและหลบเลี่ยงเซ็นเซอร์บนอินเทอร์เน็ต
ระมัดระวังการใส่ข้อมูลมากเกินไปในช่อง สเตตัสของคุณ – ถึงแม้คุณจะเชื่อใจผู้คนที่อยู่บนเครือข่ายของคุณ เพราะการที่จะมีใครสำเนาข้อมูลของคุณเป็นไปได้ง่ายมาก
เครือข่ายสังคมส่วนใหญ่ยอมให้คุณรวมข้อมูลของคุณเข้ากับเครือข่ายสังคมอื่นๆ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถโพสต์และอัปเดตทวีตเตอร์ของคุณและให้ข้อมูลนั้นถูกโพสต์โดยอัตโนมัติบนบัญชีเฟซบุ๊กด้วย ระวังเป็นพิเศษเมื่อรวมข้อมูลของคุณบนบัญชีเครือข่ายสังคมเหล่านี้! คุณอาจจะคงสถานะนิรนามบนเว็บไซต์หนึ่ง แต่อาจเปิดเผยตัวตนในอีกเว็บไซต์หนึ่ง
ระมัดระวังความปลอดภัยของเนื้อหาที่อยู่บนเว็บไซต์เครือข่ายสังคมว่ามีมากน้อยแค่ไหน อย่าใช้เว็บไซต์สังคมเครือข่ายเว็บใดเว็บหนึ่งเพื่อเก็บเนื้อหาหรือข้อมูลเบื้องแรกของคุณ รัฐบาลจะปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์เครือข่ายสังคมเว็บใดเว็บหนึ่งที่อยู่ภายในอาณาเขตได้ง่ายมาก ถ้ารัฐบาลพบว่าเนื้อหาที่อยู่บนเว็บไซต์นั้นเป็นที่ไม่พึงประสงค์ของพวกเขา ผู้ดูแลเว็บไซต์เครือข่ายสังคมอาจตัดสินใจลบเนื้อหาอันไม่พึงประสงค์นั้นออก ดีกว่าที่จะเจอมาตรการปิดกั้นเว็บไซต์ภายในประเทศ
การโพสต์ข้อมูลส่วนตัว
เว็บไซต์เครือข่ายสังคมจะถามหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณมากมาย เพื่อให้ผู้ใช้คนอื่นๆ ค้นหาและติดต่อกับคุณได้ง่าย บางทีจุดเปราะบางที่สุดของการถามข้อมูลเช่นนี้ที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้คือ อาจมีการสร้างสิ่งระบุตัวปลอมขึ้นมาได้ ปัญหานี้กำลังกลายเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้การที่คุณยิ่งเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณบนโลกออนไลน์มากเท่าใด ก็ยิ่งง่ายต่อการที่เจ้าหน้าที่จะระบุตัวคุณและเฝ้าจับตากิจกรรมของของคุณ กิจกรรมออนไลน์ของนักกิจกรรมจากบางประเทศอาจนำไปสู่การเพ่งเล็งสมาชิกในครอบครัวของเขาที่อยู่ในประเทศบ้านเกิดได้
ถามตัวคุณเองว่า: จำเป็นหรือไม่ที่ต้องโพสต์ข้อมูลต่อไปนี้ออนไลน์
- วันเกิด
- หมายเลขโทรศัพท์
- ที่อยู่
- รายละเอียดสมาชิกในครอบครัว
- รสนิยมทางเพศ
- ประวัติการศึกษาและการทำงาน
เพื่อน ผู้ติดตาม และผู้ติดต่อ
สิ่งแรกที่คุณจะทำหลังจากกรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวลงไปในใบสมัครเครือข่ายสังคมคือการเริ่มติดต่อบุคคลอื่นๆ สมมุติว่าผู้ติดต่อเหล่านี้คือคนที่คุณรู้จักและเชื่อใจ แต่คุณอาจถูกเชื่อมต่อไปยังชุมชนออนไลน์ของผู้ที่ชื่นชอบในสิ่งเดียวกับคุณ บุคคลที่คุณไม่เคยเจอตัวจริงด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำความเข้าใจคือข้อมูลใดบ้างที่คุณอนุญาตให้ชุมชนออนไลน์นี้มีไว้ได้
เมื่อใช้บัญชีเครือข่ายสังคม เช่น เฟซบุ๊ก ซึ่งเก็บข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับตัวคุณอยู่ ให้คุณลองพิจารณาติดต่อเฉพาะกับคนที่คุณรู้จักและเชื่อใจว่าจะไม่นำข้อมูลที่คุณโพสต์ไปใช้ในทางที่ผิด
การอัปเดตสเตตัส
ในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กและเครือข่ายทึ่คล้ายกันอื่นๆ การอัปเดตสเตตัสเป็นการตอบคำถามว่า: ตอนนี้ฉันกำลังทำอะไรอยู่ เกิดอะไรขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการอัปเดตสเตตัสคือ แล้วมีใครบ้างที่ดูข้อมูลที่คุณโพสต์ได้ การตั้งค่าโดยปริยายของการอัปเดตสเตตัสของแอปพลิเคชันเครือข่ายสังคมส่วนใหญ่คือ จะตั้งค่าให้ใครก็ได้ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตเห็นข้อมูลนั้นได้ ถ้าคุณต้องการให้เฉพาะผู้ติดต่อของคุณเห็น คุณจะต้องตั้งค่าแอพพลิเคชั่นเครือข่ายสังคมให้ซ่อนการโพสต์อัปเดตของคุณจากคนอื่นทั่วไป
ในการตั้งค่านี้บนทวิตเตอร์ ให้มองหา“Protect Your Tweets”ในกรณีของเฟซบุ๊ก ให้เปลี่ยนการตั้งค่าในการแบ่งปันข้อมูลอัปเดตเป็น “Friends Only” ถึงแม้คุณจะเปลี่ยนการตั้งค่าดังกล่าวแล้ว ลองพิจารณาดูว่า การที่ข้อมูลของคุณจะถูกโพสต์ซ้ำโดยผู้ติดตามหรือเพื่อนเฟซบุ๊กของคุณนั้นง่ายมาก ทำความตกลงกับเครือข่ายของเพื่อนคุณเกี่ยวกับวิธีการร่วมกันในการส่งต่อข้อมูลที่โพสต์ลงบนบัญชีเครือข่ายสังคมของคุณ คุณก็ควรลองคิดด้วยว่ามีอะไรบ้างเกี่ยวกับตัวเพื่อนคุณที่คุณอาจเปิดเผยไปซึ่งจริงๆ แล้วข้อมูลเหล่านั้นเพื่อนคุณไม่อยากให้คนอื่นรู้ เป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณจะต้องระมัดระวังในประเด็นนี้ และควรร้องขอให้เพื่อนคุณใช้ความระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณ
มีกรณีหลายกรณีที่ข้อมูลรวมถึงสเตตัสของคุณถูกใช้และส่งผลกระทบกับบุคคลอื่น ครูหลายคนในประเทศสหรัฐอเมริกาถูกไล่ออกหลังจากโพสต์สเตตัสแสดงความรู้สึกของพวกเขาที่มีต่อนักเรียน พนักงานหลายคนต้องตกงานเพราะโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเจ้านายตัวเอง สิ่งนี้เป็นเรื่องที่แทบจะทุกคนต้องระมัดระวัง
การแชร์เนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต
การแชร์ลิงก์ไปยังเว็บไซต์เว็บหนึ่งเพื่อเรียกความสนใจจากเพื่อนคุณเป็นเรื่องง่ายมาก แต่มีใครอีกบ้างที่อาจให้ความสนใจและพวกเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ถ้าคุณบอกว่าคุณสนใจเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการโค่นล้มรัฐบาลที่กดขี่ รัฐบาลนั้นก็อาจสนใจด้วยและเพ่งเล็งตัวคุณได้
ถ้าคุณต้องการให้เฉพาะผู้ติดต่อของคุณเท่านั้นที่สามารถดูสิ่งที่คุณแชร์หรือทำเครื่องหมายว่าน่าสนใจได้เท่านั้น คุณต้องแน่ใจว่าคุณได้ตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว
การเปิดเผยตำแหน่งที่อยู่ของคุณ
เว็บไซต์เครือข่ายสังคมส่วนมากจะแสดงตำแหน่งสถานที่ของคุณหากมีข้อมูลอยู่ โดยทั่วไปการบอกตำแหน่งสถานที่ในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณใช้โทรศัพท์มือถือที่มีระบบจีพีเอส(GPS)ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายสังคม แต่คุณไม่ควรทึกทักเอาว่าการบอกตำแหน่งสถานที่นี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าคุณไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตผ่านทางโทรศัพท์มือถือ เครือข่ายที่คอมพิวเตอร์ของคุณเชื่อมต่ออยู่อาจให้ข้อมูลตำแหน่งสถานที่ได้ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดในกรณีแบบนี้คือการตรวจสอบซ้ำอีกครั้งที่การตั้งค่าของคุณ
ระวังเรื่องการตั้งค่าสถานที่ของเว็บไซต์ที่แชร์รูปถ่ายหรือวีดีโอเป็นพิเศษ อย่าทึกทักเอาว่าเว็บไซต์เหล่านั้นจะไม่แชร์ตำแหน่งสถานที่ของคุณ: ตรวจสอบการตั้งค่าซ้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
ให้ดู On Locational Privacy, and How to Avoid Losing it Forever จากเว็บไซต์มูลนิธิ Electronic Frontier Foundation.
การแชร์วีดีโอ/รูปถ่าย
รูปถ่ายและวีดีโอสามารถเปิดเผยสิ่งระบุตัวของบุคคลได้ง่ายมาก เป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณจะต้องได้รับความยินยอมจากคนที่อยู่ในรูปหรือวีดีโอที่คุณโพสต์เสียก่อน ถ้าคุณกำลังโพสต์รูปคนอื่น ให้ตระหนักไว้ว่าคุณอาจทำให้ความเป็นส่วนตัวของเขาลดลงก็ได้ อย่าโพสต์วีดีโอหรือรูปถ่ายของใครก็ตามโดยไม่ได้ขอความยินยอมจากเขาก่อน
รูปถ่ายและวีดีโอเปิดเผยข้อมูลจำนวนมากได้โดยไม่ตั้งใจ กล้องต่างๆ อาจมีการฝังข้อมูลซ่อนไว้ (เมตาดาทา แทกส์) (metadata tags) ซึ่งจะเปิดเผยวัน เวลา และสถานที่ของรูปถ่าย ชนิดของกล้อง และ ฯลฯ เว็บไซต์ที่แชร์รูปถ่ายและวีดีโออาจเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้เมื่อคุณอัปโหลดข้อมูลขึ้นไปบนเว็บไซต์เหล่านั้น
การแชต
เว็บเครือข่ายสังคมหลายเว็บไซต์มีเครื่องมือที่ให้คุณสนทนากับเพื่อนแบบสดๆ ได้ การทำงานในลักษณะนี้ก็เหมือนกับการส่งข้อความแบบทันทีและไม่ปลอดภัยที่สุดในการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต เพราะว่ามันสามารถเปิดเผยได้ว่า คุณกำลังติดต่อสื่อสารกับใครและคุณกำลังสนทนากันเรื่องอะไร
เชื่อมต่อเว็บไซต์ผ่าน HTTPS เป็นมาตรการขั้นต่ำที่สุดในการแชตอย่างปลอดภัย แต่แม้จะทำเช่นนี้แล้วก็ไม่มีอะไรสามารถรับประกันได้ว่าการแชตของคุณนั้นผ่านการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย ตัวอย่างเช่น การแชตของเฟซบุ๊กใช้ช่องทางที่หลากหลายเชื่อมไปยัง HTTP (ซึ่งมีแนวโน้มที่จะถูกเปิดเผยได้มากกว่า)
จะปลอดภัยมากกว่าถ้าคุณจะใช้แอปพลิเคชันสำหรับการแชตโดยเฉพาะเจาะจง เช่น พิดจิน ที่มีโปรแกรมเสริมปลั๊กอิน ออฟ-เดอะ-เรคคอร์ด ซึ่งใช้ในการเข้ารหัส อ่านคู่มือแนะนำการใช้ “พิดจิน” -โปรแกรมส่งข้อความแบบทันทีอย่างปลอดภัย
การเข้าร่วม/สร้าง กลุ่ม กิจกรรม หรือชุมชน
ข้อมูลอะไรบ้างที่คุณจะให้แก่ผู้อื่นถ้าคุณเข้าร่วมกลุ่มหรือชุมชน ข้อมูลเหล่านั้นบอกอะไรเกี่ยวกับตัวคุณ หรือในอีกทางหนึ่งคือ ผู้คนจะประกาศอะไรให้โลกได้รู้เมื่อพวกเขาเข้าร่วมกลุ่มหรือชุมชนที่คุณได้สร้างขึ้น คุณทำให้คนเหล่านี้มีความเสี่ยงอย่างไร
เมื่อคุณเข้าร่วมชุมชนหรือกลุ่มออนไลน์เท่ากับเป็นการเปิดเผยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคุณให้คนอื่นรู้ ทั้งหมดนี้ผู้คนอาจทึกทักเอาว่าคุณสนับสนุนหรือเห็นด้วยกับสิ่งที่กลุ่มนั้นได้กล่าวหรือได้ทำ ซึ่งอาจทำให้คุณตกอยู่ในความเสี่ยง หากคุณเข้าเป็นแนวร่วมกับกลุ่มการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เป็นต้น นอกจากนี้หากคุณเข้าร่วมกลุ่มที่มีสมาชิกจำนวนมากที่คุณไม่รู้จัก กรณีนี้อาจมีผลต่อการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่คุณตั้งไว้กับบัญชีของคุณ ดังนั้นให้คำนึงถึงว่าข้อมูลอะไรที่คุณจะต้องให้ไปเมื่อทำการเข้าร่วมในกลุ่ม คุณใช้รูปและชื่อจริงซึ่งคนแปลกหน้าสามารถใช้ระบุตัวคุณหรือไม่
ในอีกทางหนึ่ง หากคุณตั้งกลุ่มและผู้คนเลือกที่จะเข้าร่วม มีอะไรบ้างที่พวกเขาจะประกาศให้โลกได้รู้จากการเลือกที่จะเข้ากลุ่ม ตัวอย่างเช่น คุณอาจตั้งกลุ่มสนับสนุนเกย์และเลสเบี้ยนเพื่อช่วยเหลือคน แต่การเลือกที่เข้ากลุ่มก็เท่ากับเป็นการที่พวกเขาระบุว่าตัวเองเป็นเกย์ หรือเป็นมิตรกับเกย์ ซึ่งอาจนำอันตรายมาสู่พวกเขาในโลกความเป็นจริงได้
ภาคปฏิบัติ: เริ่มต้นกับคู่มือแนะนำการใช้ เครื่องมือเครือข่ายสังคม: เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ยูทูป และอื่นๆ