ร้อย ไหม บ่อยๆ ดี ไหม

นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ AIC หรือ AIC Clinic กล่าวว่า สาเหตุหลักบนใบหน้าที่ทำให้ผู้คนต้องหันไปพึ่งวิธีเสริมหรือศัลยกรรมความงาม เกิดจากใบหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอย เกิดเหนียง รวมทั้งใบหน้าผิดสัดส่วน เนื่องมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ปัจจัยจากภายนอก รวมถึงการขาดการเอาใจใส่ในการดูแลรักษาสุขภาพ ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมกันเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้คือ การร้อยไหม ที่ทำให้ใบหน้ากระชับ เรียวสวย ซึ่งเห็นผลเร็ว ส่วนใหญ่จะร้อยบริเวณที่เป็นกรอบหน้า ร่องแก้ม และมุมปาก

สำหรับการร้อยไหมในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาขึ้นมากมาย โดยเฉพาะการร้อยไหมละลาย เป็นไหมชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในการเย็บผนังเส้นเลือดหัวใจ มีปฏิกิริยาการอักเสบต่อผิวหนังน้อยมาก ที่นิยมทำกันมี 2 แบบ การร้อยไหมแบบกระตุ้นผิว เป็นไหมเป็นเส้นเล็ก ๆ เท่าเส้นผมของคนเรา เวลาทำจะใช้ประมาณ 100 เส้นขึ้นไป ซึ่งสานเป็นร่างแหเพื่อทำให้เกิดการยกกระชับของผิวหน้า

ส่วนอีกประเภทหนึ่ง การร้อยไหมแบบเกี่ยวผิว เป็นเทคนิคของยุโรปตะวันออก มีมานานกว่า 20-30 ปี โดยมีลักษณะเป็นไหมก้านใหญ่คล้ายเส้นเอ็นใหญ่แล้วมีแง่งเพื่อเกี่ยวกับผิวหน้า ใช้ข้างละประมาณ 4-6 เส้น โดยมีการเข้าใจว่าทำวิธีนี้เห็นผลเร็วและสามารถคงทนอยู่ได้หลายปี ซึ่งการใช้ไหมเส้นใหญ่ชนิดมีแง่งจะมีข้อเสียทำให้รอยยิ้มอาจไม่เป็นธรรมชาติ และเมื่อผ่านไป 4-5 เดือน แง่งที่เกี่ยวกับผิวหน้าจะค่อย ๆ ละลายและหลุดออก ทำให้ผิวหน้าคลายตัวลง กลับมาหย่อนคล้อยเหมือนเดิม แพทย์จึงต้องนัดให้มาทำใหม่อีกครั้ง โดยที่แกนก้านไหมเก่าที่มีขนาดใหญ่ยังคงอยู่ และเมื่อเวลาผ่านไปจะกลายเป็นพังผืดบนผิวชั้นบน ซึ่งหมอจะทำได้ยากขึ้น เพราะแนวเส้นประสาทหรือเส้นเลือดจะเปลี่ยนไปจากการดึงรั้งของพังผืด

นอกจากนี้ เมื่อในช่วง 10 ปีก่อน การร้อยไหมทองคำซึ่งมีราคาแพง เป็นที่นิยมกันมากโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงวัย ซึ่งอาจไม่ได้มองถึงผลลบในอนาคต เช่น การทำ X-ray เพื่อดูกะโหลกศีรษะ ฟัน หรือขากรรไกร จะไม่สามารถอ่านฟิล์มได้ เพราะเส้นทองจะไปบังทำให้ฟิล์มเสีย หรือการเข้าเครื่องตรวจวินิจฉัยอย่าง MRI ซึ่งเป็นเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งจะต้องถอดโลหะในร่างกายออกทั้งหมด รวมทั้งทองคำซึ่งเป็นโลหะ เนื่องจากไหมทองที่อยู่ในผิวหน้าเกิดการเหนี่ยวนำทำให้หน้าไหม้

“เส้นไหมทองเมื่ออยู่ในใบหน้านานๆ จะหักแหลกเป็นเส้นเล็กๆ จะเอาออกก็ไม่ได้ แล้วถ้าหากอักเสบ การรักษาก็ยากมาก อาจทำให้หน้าเป็นรอยบุ๋ม ผิดรูปทรงหรือสัดส่วนตามมาได้ นอกจากนี้สิ่งที่ต้องระวังให้มากคือ เส้นไหมปลอม และอีกประเภทหนึ่งคือการร้อยไหมที่ไม่ละลาย ซึ่งจะทำให้เกิดพังผืดบริเวณใบหน้า อีกทั้งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมสะสมกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต 10-20 ปี อาจมีอันตรายได้ แต่ถ้าหากร้อยไหมด้วยโลหะไปแล้ว เช่น ทองคำ จำเป็นต้องทำ MRI Scan ก็ต้องบอกหมอหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพราะจะได้หาวิธีหลีกเลี่ยง”

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องการจะรักษาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยด้วยวิธีการร้อยไหม ต้องศึกษาข้อมูลให้ดี ไม่แนะนำให้ดูจากรีวิวที่มีอยู่เกลื่อนโซเชียลมีเดีย เพราะส่วนใหญ่จะปรับแต่งเนื้อหาและรูปภาพให้เกินจริง รวมทั้งราคาที่ถูกมากจนไม่สมเหตุสมผล เพื่อเป็นการดึงดูดความน่าสนใจ ซึ่งมีผู้หลงเชื่อประสบปัญหามาแล้วหลายราย แนะนำให้เข้าไปดูงานวิจัยและผลงานของแพทย์ผู้มีประสบการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศในอินเทอร์เน็ตที่มีมากมาย แต่อาจมีข้อจำกัดเพราะส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ

นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดด้านสุขภาพของผู้ที่จะทำการร้อยไหม เช่น ห้ามผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ตนเอง (SLE) และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ รวมถึงการศึกษาผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นด้วย เช่น รอยเขียวช้ำหรืออาการบวมหลังจากการรักษา เป็นต้น อยากฝากถึงแพทย์ความงามและบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้นึกถึงความปลอดภัยและผลประโยชน์อย่างแท้จริงที่คนไข้จะได้รับ และต้องมองถึงผลระยะยาวด้วย รวมทั้งการแก้ไขและการรักษาหากมีปัญหาในอนาคต อย่างกรณีการร้อยไหม โดยเฉพาะเส้นไหมที่ไม่ละลาย หรือละลายได้ไม่หมด ว่าหากร้อยเข้าใต้ผิวแล้ว หากเกิดปัญหาสามารถเอาออกให้คนไข้ได้อย่างปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงหรือไม่

“ในอนาคตการร้อยไหมก็ยังคงได้รับความนิยม โดยมีนวัตกรรมทันสมัยมาตอบโจทย์ความต้องการมากยิ่งขึ้น อีกทั้งมีการผสมผสานกับการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ แต่คงไม่ใช่เป็นการใช้หุ่นยนต์หรือเอไอ เพราะการร้อยไหมเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้ฝีมือของมนุษย์เรา เนื่องจากคนไข้แต่ละคนการรักษาจะแตกต่างกันออกไป รวมทั้งตัวแพทย์เองนอกจากต้องมีความรู้ทางด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์อย่างแท้จริงแล้ว ยังต้องมีความรู้ด้านศิลปะ ตลอดจนจริยธรรม คุณธรรม เคียงคู่อีกด้วย”

บริการ ร้อยไหมคุณภาพ มีทุกรูปแบบ ร้อยไหมก้างปลา ยกกระชับหน้า เรียว V Shape คลินิกเสริมความงามด้านผิวพรรณครบวงจร ให้บริการด้วยทีมงานมืออาชีพ และเครื่องมือสุดทันสมัย ให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจ

นับเป็นอีกหนึ่งวิธียกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะมีค่าใช้จ่ายไม่สูง ผลข้างเคียงน้อย การทำไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีอะไรที่ซับซ้อน แต่ก็ต้องอาศัยฝีมือ และความสามารถเฉพาะตัวของแพทย์แต่ละคน จึงมีคลินิกความงามให้บริการกันอย่างมากมาย

ที่จริงการร้อยไหมไม่ใช่ของใหม่ ซึ่งมีมานานกว่า 10 ปี เกิดจากแนวคิดที่ว่าทำอย่างไรจึงจะดึงหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไหมยกกระชับหน้าในช่วงแรกๆ จึงมีลักษณะเหมือนฟันปลาหรือก้างปลา (Aptos) เพราะเชื่อว่าจะสามารถเกาะเกี่ยวเนื้อเยื่อผิวหนังได้ดี คิดค้นและพัฒนาโดยศัลยแพทย์ชาวรัสเซีย เหมาะสำหรับการดึงผิวหน้าเฉพาะส่วน เช่น หางคิ้ว ร่องแก้ม เป็นต้น

10 เรื่องจริงเกี่ยวกับการร้อยไหม

1. คำร่ำลือ : การร้อยไหมเหมาะกับทุกคน

ข้อเท็จจริง : ร้อยไหม เป็นวิธียกกระชับหน้า ลดริ้วรอยที่ให้ผลได้ชัดเจน แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ผลแบบเดียวกัน การร้อยไหมเหมาะกับคนที่มีริ้วรอยและการหย่อนคล้อยไม่มาก โดยทั่วไปก็จะเป็นช่วงอายุประมาณ 35-55 ปี สำหรับกรณีผิวหย่อนคล้อยมากๆ ซึ่งอาจเกิดจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว วิธีการใช้ไหมอาจะช่วยได้ไม่มากนัก

2. คำร่ำลือ : ไหมที่ไหนๆ ก็เหมือนกัน

ข้อเท็จจริง : ไหมที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันแบ่งหลักๆ เป็ไหมละลายและไหมไม่ละลาย ความนิยมในปัจจุบันมักใช้ไหมละลายพราะไม่ตกค้างอยู่ในร่างกายสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ นอกจากนั้นก็ยังแบ่งได้ตามสภาพการยึดเกาะกับเนื้อเยื่อผิว คือ เป็นแบบผิวเรียบกับผิวมี texture เช่น เป็นก้างปลา กรวยหรือเกลียว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้การยึดเกาะกับเนื้อเยื่อผิวดีขึ้น ส่งผลต่อการยกกระชับได้ดียิ่งขึ้น และผลคงอยู่ได้ยาวนานขึ้น

3. คำร่ำลือ : ผลของการยกกระชับด้วยไหม สามารถอยู่ได้ตลอดไป

ข้อเท็จจริง : ผลที่ได้จากการร้อยไหมไม่ได้คงอยู่ตลอดไป ผลลัพธ์ที่ได้อาจคงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน หรือ 1-2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมและการผสมผสานกับเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น การฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ หรือแม้แต่การใช้เทคโนโลยีพลังงานคลื่นต่างๆ เช่น เทอร์มาจหรืออัลเทอร่า

สำหรับไหมที่อยู่ได้นานๆ ก็เช่น ไหม aptos ไหม Silhouette และไหมรุ่นใหม่ๆ ที่ทยอยออกมากันเรื่อยๆ ไหมเหล่านี้ส่วนมากจะมีส่วนผสมของวัสดุที่สามารถอยู่ได้นาน เป็นไหมที่ไม่ละลายอยู่ส่วนหนึ่ง เมื่อร้อยเข้าไปก็จะสามารถอยู่ได้นานมากขึ้น และเห็นผลลัพธ์ในการยกกระชับได้ชัดเจนมากกว่าไหมละลาย และไหมธรรมดา เพราะโครงสร้างของไหมเหล่านี้ ทำให้ขบวนการสร้างคอลลาเจนของผิวสามารถยึดเกาะกับเนื้อเยื่อผิวได้ดีขึ้น ผลจึงเห็นได้ชัดเจนกว่า ซึ่งปัญหาที่อาจเกิดกับไหมกลุ่มนี้ก็คือ ถ้าร้อยไม่ดีอาจทำให้รู้สึกแปล๊บๆ ใต้ผิวหนังหลังจากร้อยไปแล้ว

ล่าสุดในวงการร้อยไหมมีผลิตภัณฑ์ไหมตัวใหม่ที่เรียกว่า ‘ไหมอิตาลี’ (Definisse–Italian Thread Lift) ซึ่งผลิตจากวัสดุ p(LA-CL) เรียกว่าเป็นวัสดุแบบไฮบริดก็ว่าได้ค่ะ เพราะเป็นการผสมผสานกันระหว่างวัสดุ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเด่นในเรื่องความยืดหยุ่น กระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกับวัสดุ PCL (Polycaprolactone) ที่เด่นในเรื่องของการอุ้มน้ำ ไม่แตกหักง่าย ยึดเกาะใต้ผิวหนังได้ดี จึงทำให้ไหมอิตาลีมีคุณสมบัติในการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนได้ดี สามารถให้ผลลัพธ์ในระยะเวลา 12-15 เดือน ยาวนานกว่าเส้นไหมทั่วๆ ไปในท้องตลาด

เหตุผลอีกข้อหนึ่งที่ทำให้การร้อยไหมอิตาลีเป็นที่สนใจและแตกต่างไปจากไหมทั่วๆ ไปก่อนหน้านี้ คือ ถูกออกแบบมาเป็น Double Needle Threads มีเข็มนำในแต่ละด้านของปลายไหม ซึ่งปลายเข็มจะคมและลื่นเป็นพิเศษ ทำให้แพทย์สามารถร้อยในทิศทางที่ต้องการได้สะดวกยิ่งขึ้น ช่วยลดอาการบวมแดงหลังจากการร้อยไหมได้ด้วย ตัวเส้นไหมมีลักษณะเป็นเงี่ยงหันเข้าหากัน เมื่อถูกร้อยเข้าใต้ผิวหนังจะสามารถยึดติดกับผิวได้ดี ส่งผลต่อการยกกระชับหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องหลังจากร้อยไปแล้ว

ด้วยคุณสมบัติของวัสดุ p(LA-CL) ที่ทั้งละลายช้า ขาดยาก ยืดหยุ่นดี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนสุขภาพดี และการออกแบบปลายเข็มกับเงี่ยงมาเป็นพิเศษ จึงมีแต่แพทย์ที่ผ่านเทรนแล้วเท่านั้นที่จะสามารถร้อยไหมอิตาลีได้พราะต้องใช้เทคนิคการร้อยแบบเฉพาะตัวต่างจากการร้อยไหมเดิม ที่สำคัญคือร้อยไหมในแต่ละครั้งจะใช้เส้นไหมเพียงข้าง 1-2 เส้นเท่านั้น ซึ่งสามารถลดทอนความเจ็บปวดในระหว่างการร้อยได้ดี ตามคอนเซปต์ที่ว่า ‘เจ็บน้อยแต่ยกกระชับนาน’

4. คำร่ำลือ : ร้อยไหม อาจทำให้เกิดพังผืดใต้ผิวหนังและเป็นรอยแผลเป็นได้

ข้อเท็จจริง : พังผืดใต้ผิวหนังก็คือแผลเป็นใต้ผิวหนังนั่นเอง เกิดจากการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง การร้อยไหมเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง หรือก็คือการสร้างพังผืดใต้ผิวหนังในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้ผิวด้านนอกดูเปล่งปลั่ง ตึงกระชับ แต่ถ้าในกรณีที่แพทย์ที่ทำไม่มีประสบการณ์หรือทำผิดวิธี เช่น ร้อยไหมเข้าไปตื้นเกินไป หรือผิดจังหวะก็จะทำให้เกิดพังผืดที่ไม่พึงประสงค์ในบริเวณผิวหนังชั้นบนขึ้นได้ ทำให้มองเห็นเป็นลอนๆ บนผิวด้านนอกเหมือนกับแผลเป็น โดยเฉพาะการร้อยที่ตำแหน่งจมูกหรือหน้าผาก เพราะฉะนั้นการร้อยไหมในบริเวณเหล่านี้ถ้าไม่จำเป็นก็ควรจะหลีกเลี่ยง นอกจากนี้จะต้องพิจารณาเลือกทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหามีพังผืดผิดตำแหน่งขึ้นได้

5. คำร่ำลือ : การร้อยไหมใช้ได้เฉพาะกับใบหน้าเท่านั้น

ข้อเท็จจริง : การร้อยไหม สามารถทำได้กับทุกส่วนของร่างกาย แต่ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ชนิดของไหมด้วย ไหมที่มีคุณสมบัติในการยกกระชับได้ดีก็คือ ไหมสปริงซึ่งเป็นไหมละลายชนิดหนึ่ง เกิดจากการใช้ไหม 2 เส้น พันกันเป็นเกลียวแบบเดียวกับคอลลาเจน นอกจากช่วยสร้างคอลลาเจนใหม่แล้วก็จะช่วยดึงเนื่อเยื่อผิวหนังให้ไปในทิศทางที่เราต้องการ เกาะเกี่ยวเนื้อเยื่อให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการได้ ผลการยกกระชับจึงไม่เพียงแต่เห็นผลเร็ว แต่ยังอยู่ได้ยาวนานขึ้น สามารถใช้ยกกระชับผิวได้หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า หน้าท้อง ใต้ท้องแขน เรียกว่าทุกส่วนที่มีปัญหาผิวห้อยย้อยค่ะ

6. คำร่ำลือ : การร้อยไหมสามารถรักษาฝ้าได้

ข้อเท็จจริง: การร้อยไหมไม่ได้เป็นการรักษาฝ้า การรักษาฝ้าคือ การทำให้เม็ดสีที่ผิดปกติใต้ผิวหนังจางลง ซึ่งการที่เม็ดสีจะจางลงได้นั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น คอลลาเจน การร้อยไหมเพียงแค่ทำให้เกิดคอลลาเจนใหม่เพิ่มขึ้น ผิวก็จะตึงขึ้น ขาวกระจ่างใสขึ้น เปล่งปลั่งขึ้น ฝ้าจึงดูลดน้อยลง จางลง

7. คำร่ำลือ : ไหมทอง ยกกระชับและให้ผิวใส

ข้อเท็จจริง : จากความเชื่อที่ว่า ทองคำทำให้ผิวกระจ่างใสได้ ก็เลยมีการใส่ทองเข้าไป ปัญหาของไหมทองก็คือ เป็นโลหะหนักและจะไม่สลายไป แต่จะหักเป็นท่อนเล็กๆ ผลในการยกกระชับอาจอยู่ได้ 6 เดือน แต่ชิ้นส่วนเล็กๆ ของโลหะหนักจะยังคงอยู่ในผิวเราตลอดไป ทำให้ต้องหลีกเลี่ยง ทรีทเม้นท์ที่ให้ความร้อนต่างๆ เพราะโลหะหนักจะไวต่อความร้อนมากกว่าผิวปกติ รวมถึงไม่สามารถทำ MRI Scan ได้ตลอดไปอีกด้วย นอกจากนั้นอาจจะมีปัญหาสำหรับผู้ที่แพ้โลหะได้ โลหะหนักถือเป็นสารอนุมูลอิสระอย่างหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีผลการศึกษาถึงผลกระทบในระยะยาว ดังนั้นก่อนเลือกใช้ไหมทองจะต้องพิจารณาศึกษาให้รอบคอบถี่ถ้วนมากๆ

8. คำร่ำลือ : การร้อยไหมสเต็มเซลล์ให้ผลที่ดีกว่าไหมทั่วไป นอกจากร้อยยกกระชับผิว ยังช่วยสร้างคอลลาเจน ให้ผิวเรียบเนียน ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งกระจ่างใสได้ด้วย

ข้อเท็จจริง : หลักการทำงานของไหมทุกชนิด มีพื้นฐานของแนวคิดเหมือนกันคือ เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ผิว ร่างกายก็จะสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นในบริเวณนั้น จึงทำให้ผิวยกขึ้น ตึงขึ้น ดูเปล่งปลั่งขึ้น ดังนั้นไหมทุกชนิดสามารถทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งและตึงขึ้นอยู่แล้ว โดยไม่ต้องนำไปเพิ่มสารใดๆ สำหรับไหมสเต็มเซลล์ คือ การนำไหมไปจุ่มในสเต็มเซลล์ ทำให้เป็นเส้นไหมที่มีสเต็มเซลล์เคลือบอยู่ โดยมีการคาดหวังผลว่าจะช่วยให้เกิดการสร้างคอลลาเจนได้ดีขึ้น แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือ โอกาสในการติดเชื้อเมื่อมีการนำสารอื่นๆ ไปเคลือบที่ไหม อาจทำให้เกิดการอักเสบของผิวในบริเวณที่ร้อยไหมขึ้นได้

9. คำร่ำลือ : ไหมฟิกซ์ ยกกระชับแบบยึดติดแน่น ได้ผลคงอยู่ยาวนาน

ข้อเท็จจริง : ไหมฟิกซ์ เป็นการร้อยไหมเข้าไปในชั้นเนื้อเยื่อของผิวเป็นจำนวนหลายเส้นขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ต้องการยก แล้วนำไปผูกรวมไว้ใต้ชั้นพังผืดของผิว ข้อดีคือ อยู่ได้นาน แต่ก็มีข้อเสีย เนื่องจากเป็นการร้อยใต้ชั้นผิวหนัง จึงยากที่จะคาดเดาผลลัพธ์ที่จะออกมา มีโอกาสสูงที่ทำแล้วหน้าจะไม่เท่ากัน นอกจากนี้ยังเป็นไหมไม่ละลาย จึงไม่สลายไปเอง การแก้ไขจึงยุ่งยากหรือไม่สามารถแก้ไขได้ นอกจากนั้นไหมอาจเข้าไปกระทบเส้นประสาทใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้เวลาขยับหน้า หรือเคี้ยวอาหารอาจเกิดอาการเจ็บแปล๊บขึ้นได้ เป็นวิธีที่ต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญและมีประสบการณ์มากๆ

10. คำร่ำลือ : อาการบวมช้ำหลังการร้อยไหม เป็นเรื่องปกติ เกิดขึ้นเสมอ

ข้อเท็จจริง : อาการบวมช้ำหลังการร้อยไหม อาจมีมาก มีน้อยหรือไม่มีเลย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคในการร้อย ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณไหมที่ใช้ ในกรณีถ้าการร้อยมีเทคนิคที่ดีแม้จะใช้ไหมจำนวนมาก ก็อาจไม่มีอาการบวมช้ำเกิดขึ้นเลย แต่ถ้าเทคนิคในการร้อยไม่ดี ก็อาจทำให้มีอาการบวมช้ำเกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์นั้

ร้อยไหมกี่วันเห็นผล รีวิว

หลังร้อยไหมก้างปลา อาจมีอาการบวมแดงหรือเขียวช้ำเล็กน้อย ประมาณ 3-4 วันแรกจะบวมมากขึ้น แต่อาการบวมจะยุบลงได้เองในช่วง 14 วัน และใบหน้าจะเข้าที่ได้รูปชัดเจนในช่วงประมาณ 1 เดือน ในกรณีที่ร้อยไหมไปแล้ว 4 วัน แต่มีอาการบวมแดงมากขึ้น แนะนำให้รีบกลับมาพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการและรับประทานยาแก้ปวด ลดบวมเพิ่มครับ

ร้อยไหมบ่อยๆ จะมีข้อ เสียไหม

ร้อยไหม ไม่อันตรายครับ ถ้าหากร้อยด้วยวิธีที่ถูกต้อง และใช้ไหมละลายที่ผ่านการรับรองจาก อย. รวมไปถึงเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยครับ

ร้อยไหมยกกระชับกี่วันเห็นผล

การร้อยไหมยกกระชับจะใช้เป็นตัวไหมที่มีเงี่ยง ช่วยเกาะเนื้อเยื่อและยกผิวส่วนที่หย่อนคล้อยขึ้น โดยปกติแล้วหลังร้อยไหมไปจะ “เห็นผลลัพธ์เลยทันทีหลังทำ” แต่ไหมจะยังเกาะกับผิวไม่ดีพอ และยังมีอาการบวมไหมอยู่ ซึ่งไหมจะเซ็ตตัวเกาะกับผิวเราได้ดี และเห็นผลลัพธ์เต็มที่ ใช้เวลาประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ร้อยไหมได้บ่อยแค่ไหน

ร้อยไหมก้าง มีฤทธิ์ในการยกกระชับดึงใบหน้าให้เรียวตึง อยู่ได้นาน 8 เดือน – 1 ปี ซึ่งการร้อยไหมก้างทั่วไปสามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปี หากเป็นไหม Diamond จะสามารถอยู่ได้นานตั้งแต่ 2-5 ปี ซึ่งทำให้ลดอัตราการร้อยซ้ำได้ค่ะ

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง