เราจะเริ่มตรวจปัสสาวะการตั้งครรภ์ได้หลังจากเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2-3 สัปดาห์ หากยังไม่แน่ใจอีกประมาณ 1 สัปดาห์ให้ตรวจอีกครั้งค่ะ
หากตรวจแล้วไม่ท้อง แต่ประจำเดือนยังไม่มาอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่พบได้ทั่วไป เช่น สุขภาพ ความเครียด น้ำหนักตัวเพิ่ม/ลดอย่างรวดเร็ว เป็นต้นค่ะ
คำถาม ประจำเดือนขาด 21 วัน ตรวจไปเมื่ออาทิตย์ที่เเล้วเเต่ไม่ท้อง ถ้าไม่ท้องเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง แก้ไขอย่างไรคะ และการตรวจปัสสาวะดูการตั้งครรภ์ตรวจหลังเพศสัมพันธ์กี่วัน จำเป็นต้องตรวจตอนเช้าไหม ?
ตอบ การตรวจปัสสาวะพบว่าไม่ท้องหลังขาดประจำเดือน 21 วัน อาจมีสาเหตุหลายอย่าง เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไข่อาจไม่ตกในรอบเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ประจำเดือนอาจขาดหลายเดือนแต่ท้องเพียงเดือนกว่าๆ ถ้าได้มีการยืนยันว่าไม่ท้องจริงติดต่อกันหลายสัปดาห์ แก้ไขด้วยการพบแพทย์รักษาเพื่อให้มีประจำเดือนมาได้ปกติ การตรวจปัสสาวะว่าท้องหรือไม่ ดีที่สุดคือตรวจหลังขาดประจำเดือน 1 สัปดาห์ขึ้นไปเมื่อต้องการรู้ผลเร็ว หรือหลังเพศสัมพันธ์ 14 วัน จะตรวจเวลาไหนก็ได้
ผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์และมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันหรือการป้องกันเกิดความผิดพลาด เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 1-2 สัปดาห์ โดยนับจากวันที่คาดว่าจะมีประจำเดือนแต่ประจำเดือนไม่มาตามกำหนด เป็นไปได้ว่ากำลังตั้งครรภ์ ทั้งนี้ อาจตรวจเช็คสัญญาณการตั้งครรภ์อื่น ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน คัดหน้าอก และซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจเพื่อยืนยัน หากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ให้เว้นไปอีก 1 สัปดาห์ และหากเมนยังไม่มาให้ตรวจอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หากตรวจทั้ง 2 ครั้งแล้วยังไม่พบการตั้งครรภ์และเมนยังไม่มา อาจเป็นไปได้ว่าฮอร์โมน HCG ที่พบในหญิงตั้งครรภ์ยังไม่มากพอ จึงควรเข้ารับการตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง นอกจากนี้ เมนไม่มาอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การลดน้ำหนักมากเกินไป การเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ใช้ยาคุมกำเนิด ความเครียด กลุ่มอาการรังไข่มีถุงน้ำหลายใบ
ประจำเดือนมาไม่ปกติ อยากกินของเปรี้ยวอีกต่างหาก! อาการแบบนี้ตั้งท้องจริงดิ? เช็กให้ชัวร์อาการคนท้อง อาการไหนท้องไม่ท้อง พร้อมวิธีรับมือสำหรับคุณแม่มือใหม่
เคยเห็นในละครเวลาคนตั้งท้องมักจะอยากกินของเปรี้ยว แถมประจำเดือนก็ขาดอีกแบบนี้ต้องท้องแน่! ใครที่มีอาการแบบนี้อยู่ต้องใจเย็นไว้ค่ะทุกคนและไม่ต้องวิตกกังวลแต่อย่างใด เพราะอาการคนท้องไม่ได้มีแค่สองอย่างนี้เท่านั้นนะ ต้องมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยค่ะ วันนี้ Wongnai Beauty พามาเช็กอาการคนท้อง 1-4 สัปดาห์แรก แท้จริงคนท้องเค้ามีอาการยังไงกันบ้าง พร้อมบอกวิธีการรับมือสำหรับคุณแม่มือใหม่ มาดูกันดีกว่าว่า #อาการแบบนี้ท้องไม่ท้อง
เช็กให้ชัวร์! อาการคนท้อง 1-2 สัปดาห์แรกมีอะไรบ้าง
คุณแม่มือใหม่อาจจะยังไม่รู้ตัว แท้จริงแล้วเรากำลังตั้งท้องอยู่มั้ยนะ? แน่นอนว่าอาการของคนท้องในระยะเริ่มต้นประมาณ 1-2 สัปดาห์แรกจะมีอาการยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร แต่มีอาการที่พอจะสังเกตได้ ดังนี้ค่ะ
ประจำเดือนขาด : เป็นที่รู้กันว่าเกิดประจำเดือนขาดเมื่อไร เป็นอันต้องกังวลเป็นแน่ ส่วนใหญ่แล้วถ้าผ่านการมีเพศสัมพันธ์แล้วประจำเดือนเกิดขาดหายไปนานเกินกว่า 10 วันอาจจะเป็นสัญญาณแรกที่บอกว่ากำลังตั้งครรภ์ แต่ก็ไม่แน่เสมอไปนะคะเพราะบางทีอาจจะเกิดจากความผิดปกติภายในร่างกาย เช่น ความเครียด หรือโรคเกี่ยวกับรังไข่ เป็นต้น
เต้านมและหัวนมมีการเปลี่ยนแปลง : หลังประจำเดือนขาด 1 อาทิตย์ อาการต่อมาก็เริ่มเจ็บแปลบที่หัวนมจะรู้สึกได้เมื่อสัมผัสโดนเสื้อชั้นใน เริ่มมีปุ่มเล็ก ๆ มากมายเกิดขึ้นบริเวณรอบหัวนมหรือเกิดอาการคัดเต้านม รวมถึงมีเส้นเลือดบริเวณเต้านมนูนขึ้นมาและมีสีเข้มขึ้น ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปหลังการตั้งครรภ์ 3 เดือนค่ะ
มีตกขาว (ไม่เป็นอันตราย) : สาว ๆ ที่กำลังเริ่มตั้งครรภ์ส่งผลให้ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง อาจจะทำให้เกิดการตกขาวมากขึ้น ไม่ต้องตกใจไปค่ะ ลักษณะของตกขาวโดยทั่วไปที่ไม่เป็นอันตราย ก็จะเป็นของเหลวลักษณะเป็นมูกมีสีขาวขุ่นหรือสีครีม ถือว่าเป็นปกติ สิ่งสำคัญเลยต้องรักษาความสะอาดให้มากขึ้น แต่ถ้าเกิดมีการตกขาวสีเขียว สีเหลืองรวมถึงมีอาการคันร่วมด้วย ถ้ามีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นสาว ๆ ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจดูนะคะ
ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ : อีกหนึ่งสัญญาณที่บอกได้ว่าเริ่มเป็นคุณแม่มือใหม่นั่นคืออาการลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ นั่นเองค่ะ ด้วยความที่ตั้งครรภ์ใหม่ 1-2 สัปดาห์แรก ร่างกายจะสร้างของเหลวขึ้นมามากขึ้น ส่งผลให้ปัสสาวะบ่อย อาการแบบนี้จะเป็นอีกทีในช่วงใกล้คลอดค่ะ
มีไข้ต่ำตอนเย็น : หากคุณแม่มือใหม่รู้สึกไม่สบายตัวเหมือนจะมีไข้ อาการนี้ไม่ถือว่าผิดปกติค่ะ เพียงแต่ต้องดื่มเยอะ ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ อาการก็จะดีขึ้นเอง
ปวดหลัง : ปวดหลังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนโดยจะปวดบริเวณหลังล่าง ร่วมถึงมีตะคริวร่วมด้วย ซึงมีสาเหตุมาจากการขยายตัวของกล้ามเนื้อหลังส่วนกลาง แนะนำว่าให้ปรับท่านอน นอนตะแคงหรือใช้หมอนข้างสำหรับรองขา หากปวดจนทนไม่ไหว ไม่ควรซื้อยากินเองนะคะ ให้รีบพบแพทย์จะดีที่สุดค่ะ
อาการคนท้อง ที่เพิ่มมาใน 2-4 สัปดาห์
ท้องผูกหรือท้องอืดมากกว่าปกติ : รู้สึกไม่สบายท้องก็เป็นอีกหนึ่งอาการของคนท้อง เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเพื่อเข้าสู่สภาวะการตั้งครรภ์ จะมีอาการอาหารย่อยยาก ย่อยได้ช้าลง มีลมในกระเพาะมาก แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูงก็จะช่วยได้ค่ะ
เมื่อยล้าอ่อนเพลียง่าย และรู้สึกหายใจถี่ : จะรู้สึกเหนื่อยง่ายในขณะทำงาน ต้องใช้แรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ช่วงนี้ก็อาจจะลดกิจกรรมระหว่างวันไปก่อน ควรทานอาหารและพักผ่อนให้เพียงพอ
อยากกินของเปรี้ยวหรืออยากกินของแปลก ๆ : หนึ่งในอาการคลาสสิกที่คนท้องมี บางคนอยากอาหารที่มีรสเปรี้ยวมากขึ้นหรืออยากกินของแปลกโดยบอกไม่ได้ว่าทำไมถึงอยากกิน ทั้งนี้เป็นเพราะฮอร์โมนคนท้องนั่นเองค่ะ
อารมณ์แปรปรวนหงุดหงิดง่าย : เป็นอาการที่กำลังเข้าสู่ช่วงสภาวะตั้งครรภ์ระยะแรก เมื่อผ่านพ้นระยะนี้ไปก็จะกลับสู่สภาวะปกติ ดังนั้นให้คุณแม่มือใหม่หากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำ ก็จะให้ทั้งคนใกล้ตัวและคุณแม่เครียดลดลงค่ะ
ไวต่อกลิ่น : อาการนี้เรียกว่า "Super Smell" จะมีสัมผัสที่ไวต่อกลิ่นเป็นพิเศษ กลิ่นน้ำหอมที่เคยหอมอาจจะเหม็นเอาได้และจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนตามมาด้วยค่ะ
ความต้องการทางเพศเปลี่ยนไป : บางรายอาจจะมีความต้องการทางเพศลดลง หรือบางรายอาจจะเพิ่มขึ้น จะเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เมื่อเข้าสู่การตั้งครรภ์ในไตรมาสที่สอง
วิธีการดูแลตัวเองเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์
เมื่อสังเกตอาการเรียบร้อยแล้ว หากรู้ว่าตัวเองเข้าข่ายเป็นคุณแม่มือใหม่ อาจจะยังงง ๆ ทำอะไรไม่ถูก ไม่ต้องตกใจไปค่ะ วันนี้เราจะมีวิธีการรับมือและดูแลตัวเองเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์กันมาฝากกันด้วย มาดูกันดีกว่าคนท้องต้องทำอะไรบ้างก่อน-หลัง
- เริ่มแรกเลยต้องไปฝากครรภ์ในโรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยใกล้บ้านก่อนค่ะ และไปตามหมอนัดทุกครั้ง
- คุณแม่มือใหม่ต้องศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและจำเป็นอะไรที่ควรกิน ไม่ควรกิน ทานอาหารบำรุงท้อง
- เตรียมลิสต์รายชื่อสิ่งของที่จำเป็นไว้ล่วงหน้า เพื่อเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินสามารถเตรียมตัวได้ทันที
- อันนี้สำคัญมากต้องดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ กินอาหารที่มีประโยชน์
- อย่าลืมออกกำลังกายตามแพทย์แนะนำ ให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง
อาหารที่มีประโยชน์สำหรับคนตั้งครรภ์
แน่นอนว่าสิ่งที่คุณแม่มือใหม่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกก็คืออาหารนั่นเองค่ะ ต้องเลือกกินเป็นพิเศษเพราะอาหารเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวคุณแม่เองและเจ้าตัวน้อยในท้อง เป็นส่วนช่วยที่สำคัญในการเจริญเติบโตและพัฒนาการ อีกทั้งยังช่วยบำรุงให้คุณแม่แข็งแรงอีกด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่าอาหารที่มีประโยชน์กับคุณแม่มือใหม่มีอะไรบ้าง
โยเกิร์ตไขมันต่ำ : ช่วยเรื่องการขับถ่าย สารอาหารในโยเกิร์ตจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้คุณแม่และลูก ควรเป็นโยเกิร์ตไขมันต่ำ
อาหารที่มีโปรตีน : โปรตีนดีจำพวก เนื้อสัตว์ติดมัน เนื้อไก่ ไข่ และอาหารทะเล จะช่วยเสริมกล้ามเนื้อและป้องกันเชื้อโรคที่จะเข้าสู่ร่างกาย
อาหารมีธาตุเหล็ก : จำเป็นมากค่ะคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อ่อน ๆ ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางได้เป็นอย่างดี พบได้ในจากตับ เลือด เนื้อสัตว์ ไข่แดง ผักที่มีสีเขียวเข้มและขนมปังโฮลวีต
ผักและสมุนไพร : สมุนไพรมีหลายชนิดมีสรรพคุณช่วยบำรุงคุณแม่มือใหม่ อย่างมะนาว ขิง ช่วยลดอาการคลื่นไส้ แพ้ท้อง หรือกระเทียมที่มีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือดและลดความดันโลหิตได้
ผักและผลไม้ : ขาดไม่ได้เลยสำหรับผักและผลไม้ เพราะมีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยการบำรุงครรภ์และช่วยในการเจริญเติบโตของลูกน้อย ผลไม้ที่แนะนำจำพวก มะม่วง มะละกอ แอปเปิ้ล ส้ม ส่วนผักควรเป็นผักใบเขียว สามารนำไปปรุงเป็นอาหารหรือคั้นออกมาเป็นผักผลไม้ ควรกินผักผลไม้อย่างน้อย 3-5 ชนิด
เมล็ดฟักทอง : ในเมล็ดฟักทองมีธาตุเหล็กเยอะ ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 20 เป็นต้นไปต้องการเสริมธาตุเหล็กเยอะเป็นพิเศษ
พริกแดง : ประกอบด้วยวิตามินซีที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงช่วยดูดซับธาตุเหล็กจากอาหารที่คุณแม่ทานเข้าไปอีกด้วย คุณแม่คนไหนอยากผิวดีพริกแดงสามารถช่วยได้ค่ะ
ปลาซาร์ดีน : คนท้องให้กินปลา ในปลาซาร์ดีนนั้นมีวิตามินดีที่จะช่วยเสริมสร้างแคลเซียมในกระดูกซึ่งจำเป็นมากต่อพัฒนาการของเจ้าตัวเล็ก หากทานวิตามินดีไม่มากพอ จะทำให้กระดูกและฟันของลูกน้อยไม่แข็งแรง
ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ : แน่นอนว่าน้ำเปล่าเป็นสิ่งสำคัญ คุณแม่ตั้งท้องควรดื่มน้ำเปล่า 8-12 แก้วต่อวัน จะช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำไปจนถึงความไม่สบายตัวที่เกิดขึ้น อาจจะต้องทนลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อยหน่อย
อาหารครบ 5 หมู่ : สำคัญที่สุดคือการทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ แบ่งปริมาณในการกินแต่ละมื้อให้พอดี กินให้ครบมื้อแต่ต้องไม่ให้อิ่มจนเกินไปที่สำคัญต้องระวังการกินเป็นอย่างมาก พยายามอย่ากินตามใจตัวเอง ไม่งั้นจะเสี่ยงกับภาวะกรดไหลย้อนเอาได้ค่ะ
คำถามที่พบบ่อย สำหรับคนที่คิดว่าตัวเองตั้งครรภ์
Q : ประจำเดือนขาดกี่วันถึงมีโอกาสตั้งท้อง ?
A : โดยประมาณ 10-14 วันหลังรอบเดือน อย่างแรกต้องรู้ก่อนว่าประจำเดือนเรามาตรงรอบมั้ย ปกติผู้หญิงจะมีรอบเดือน 28 วัน/ 1 รอบ ซึ่งไข่จะตกประมาณวันที่ 14 หากเรามีเพศสัมพันธ์ก่อนหน้านั้นไป 3 วัน โอกาสท้องจะมีสูงมาก หากไม่มีการตั้งครรภ์ ประจำเดือนจะมาในอีก 14 วันค่ะ ทั้งนี้ที่ประจำเดือนอาจจะเกิดจากฮอร์โมนแปรปรวนก็เป็นได้ค่ะ
Q : เมื่อไหร่ถึงจะตรวจได้ว่าท้อง ?
A : ถ้าต้องการตรวจด้วยการเจาะเลือด ให้ตรวจหลังมีเพศสัมพันธ์ 15 วัน หากต้องการตรวจด้วยชุดตรวจปัสสาวะ ให้ตรวจหลังมีเพศสัมพันธ์ 20 วันเป็นต้นไปค่ะ