ศิลปิน สถาปัตยกรรม ต่างประเทศ

สร้างในปี 1882 ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นวิหารที่สร้างไม่เสร็จของ Gaudi ผลงานประเภทโมเดิร์นนิสโมเป็นผลงานการออกแบบสถาปัตยกรรมชิ้นสุดท้ายและใช้เวลาก่อสร้างยาวนานที่สุดในช่วง 16 ปีของบั้นปลายชีวิต Gaudi มีแผนสร้างหอคอยทั้งหมด 18 หอคอย แต่จนถึงปัจจุบัน สร้างเสร็จเพียง 8 หอคอยเท่านั้น และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2026 จุดเด่นของวิหารแห่งนี้ คือสีที่ตัดกันระหว่างหินด้านหน้าและด้านหลังอย่างชัดเจน ซึ่งนี่เป็นส่วนผสมของการก่อสร้างในยุคเก่าและยุคใหม่ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน


เที่ยวบาร์เซโลนา - Placa Reial 

ถึงที่นี่จะไม่น่าตื่นเต้นเท่าสถาปัตยกรรมแห่งอื่น แต่ Placa Reial ก็เป็นอีกที่เมื่อนักท่องเที่ยวมาเยือนบาร์เซโลน่าต้องแวะชม แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผลงานของ Gaudi แต่ด้วยบรรยากาศต่าง ๆ ต้นปาล์มเรียงรายบริเวณรอบโรงแรม ร้านอาหาร ไนต์คลับ และร้านกาแฟแบบเอาต์ดอร์ ความคึกคักและสวยงามแบบนี้ดึงดูดผู้คนให้มาเยี่ยมชม ทั้งกลางวันและกลางคืน

Antoni Gaudi (1852-1926) คือหนึ่งในสถาปนิกที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในศตวรรษที่ 19 โดยเกาดี้ได้ยึดเอาคอนเซ็ปต์ของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ท้องฟ้า ลม ทราย หรือสัตว์ชนิดต่างๆ นำมาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ ส่งผลให้ผลงานของเกาดี้นั้นมีรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากผลงานของศิลปินท่านอื่นๆ ถ้าหากสังเกตดูงานของเกาดี้จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะมีแต่รูปทรงโค้งเว้าเลียนแบบรูปร่างต่างๆของธรรมชาติ โดยเกาดี้ได้อธิบายเหตุผลของเขาเอาไว้ว่า "เส้นตรงมันดูไม่เป็นธรรมชาติจนเกินไป" อย่างไรก็ตามเกาดี้ไม่ได้เพียงแต่ออกแบบเท่านั้น หากแต่เขายังพิจารณาเทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแรงโน้มถ่วงต่างๆที่จะขึ้นกับตัวอาคาร ส่งผลให้องค์การ UNESCO ยกย่องให้ผลงานของความฉลาดหลักแหลมและความมีเอกลักษณ์ของเขานั้นเป็นหนึ่งในมรดกโลกถึง 7 ชิ้นด้วยกัน โดยมี Park Güell, Güell Palace, ห้องใต้ดินใน Colonia Güell (Crypt in Colonia Güell), Casa Batlló, Casa Mila, Casa Vicens และผลงานการประสูติของประเยซูที่ด้านหน้าและห้องใต้ดินของมหาวิหารซากราดาแฟมิเลีย (Gaudí’s work on the Nativity façade and Crypt of La Sagrada Familia)ใครที่กำลังวางแผนที่จะไปสัมผัสมรดกโลกเหล่านี้ด้วยตาตัวเอง ลองไปดูข้อมูลกันก่อนเลยว่าแต่ละสถานที่นั้นมีอะไรน่าสนใจบ้าง

1

CASA BATLLO

ปัจจุบันนี้คาซ่าบัตโล่ (Casa Batllo) นั้นตกอยู่ภายใต้การครอบครองของ Chupa Chups S.A.U โดยที่นี่แรกเริ่มเดิมทีนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลบัตโล่ ในเวลาต่อมา Josep Batllo ต้องการออกแบบที่อยู่อาศัยใหม่โดยได้ว่าจ้างเกาดี้ให้มาเป็นสถาปนิก ความต้องการของ Batllo คือต้องการให้บ้านหลังนี้ดูโดดเด่นที่สุดบนถนน Gracias ซึ่งในขณะนั้น ถนนเส้นนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นถนนที่เต็มไปด้วยผลงานของสถาปนิกชื่อดังมากมาย ในตอนแรกนั้น Batllo ต้องการที่จะทุบตึกทิ้งแล้วสร้างใหม่ขึ้นมาทั้งหมดหากแต่เกาดี้ได้เสนอการรีโนเวทโดยที่ไม่ต้องรื้อทิ้ง สุดท้ายแล้วนั้นคาซ่าบัตโล่ก็ได้ถูกรีโนเวทใหม่จนมีหน้าตาอย่างที่เห็นกันในบัจจุบันนี้

คอนเซ็ปต์ในการออกแบบของเกาดี้นั้นได้รับอิทธิพลมาจากธรรมชาติ โดยได้ออกแบบทั้งด้านนอกและด้านในของคาซ่าบัตโล่ให้มีรูปร่างของความเป็นธรรมชาติมากที่สุดและสามารถตีความออกมาได้หลากหลายแบบ ดั่งเช่นผลงานอื่นๆของเขาที่บ้างก็ออกแบบเลียนแบบท้องทะเล ร่างกายมนุษย์ และต้นไม้ใบหญ้าต่างๆ อย่างที่คาซ่าบัตโล่นี้ เขาได้ออกแบบกำแพงและเสาของตัวบ้านให้มีรูปร่างเหมือนกระดูกของสัตว์ หลังคามีรูปร่างคล้ายหลังมังกร และระเบียงที่ว่ากันว่ามีการออกแบบให้ออกมามีลักษณะเป็นเรื่องราวในตำนานของนักบุญจอร์จ (Saint George) นักบุญอุปถัมภ์ของแคว้นคาตาโลเนีย (Catalonia) ด้วยความที่เกาดี้เป็นคนที่ค่อนข้างพิถีพิถันกับการออกแบบภายใน ทำให้มีแต่ละส่วนของบ้านมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามเรื่องราวที่เกาดี้ได้วางเอาไว้ อย่างเช่นหน้าต่างบานมหึมาที่เกาดี้ตั้งใจให้เป็นพื้นที่ที่แสงแดดจะสามารถส่องสว่างเข้ามาได้ ทำให้บ้านนั้นดูโปร่งโล่งสบาย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้อีกด้วย

ทัวร์คาซ่าบัตโล่นี้จะรวม Audio Guide และ Virtual Reality Simulation เอาไว้อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงสามารถดื่มด่ำบรรยากาศและคิดตามเกาดี้ได้ในขณะที่กำลังเยี่ยมชมแต่ละส่วนของตัวบ้าน

ที่อยู่: Passeig de Gràcia, 43, 08007 Barcelona

เวลาทำการ: daily 9:00-21:00

ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 25€ นักเรียนและเด็กอายุระหว่าง 7-18 ปี 22€ / Skip the line - ผู้ใหญ่ 31€ นักเรียนและเด็กอายุระหว่าง 28€ / ตั๋ว VIP พร้อมภาพถ่ายที่ระลึก - ผู้ใหญ่ 35€ นักเรียนและเด็กอายุระหว่าง 7-18 ปี 32€ / เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปีเข้าฟรี

เว็บไซต์: www.casabatllo.es

2

CASA MILA

คาซ่ามิล่า (Casa Mila) ได้รับการยอมรับให้เป็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ไม่เพียงแต่ในเรื่องของการออกแบบเท่านั้นหากเป็นเรื่องของการใช้งานได้จริงอีกด้วย นั่นเป็นเพราะว่าเกาดี้ได้ทำการสร้างลานจอดรถใต้ดินและลิฟท์ในตัวอาคารในยุคที่ไม่มีใครคิดเรื่องนี้มาก่อน และภาพที่เห็นด้านบนนั้นคือภาพจากด้านบนดาดฟ้าของคาซ่ามิล่า โดยปล่องไฟที่ยื่นสูงขึ้นมาจากพื้นได้กลายเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Star Wars และช่องลมต่างๆก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบรูปร่างของดิน ไฟ และน้ำ 

คาซ่ามิล่ามีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า La Pedrera ที่แปลว่า "เหมืองหิน" สืบเนื่องมาจากหินสีขาวที่ถูกนำมาใช้เป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง เกาดี้ผู้รักในความเป็นธรรมชาติได้วางแนวทางในการออกแบบตัวอาคารนี้ให้ออกมาเหมือนมีรูปร่างเหมือนภูเขา เขาได้ใช้เส้นโค้งเว้าต่างๆมาทำเป็นโครงสร้างทั้งด้านในและด้านนอกตัวอาคาร  

ด้านในของคาซ่ามิล่ามี Audio Guide ไว้ให้บริการเพื่อรับรู้เรื่องราวและแรงบันดาลใจของเกาดี้ในส่วนต่างๆของบ้าน

ที่อยู่: Passeig de Gràcia, 92 08008 Barcelona

เวลาทำการ: ทัวร์ช่วงกลางวัน 09:00-18:30 (รอบสุดท้ายตอน 18:00) / ทัวร์ช่วงกลางคืน 19:00-21:00

ค่าเข้า: ทัวร์ช่วงกลางวัน - ผู้ใหญ่ 22€ อายุระหว่าง 7-12 ปี 11€ อายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าฟรี / ทัวร์ช่วงกลางวัน Skip the line - ผู้ใหญ่ 29€ อายุระหว่าง 7-12 ปี 11€ อายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าฟรี / ทัวร์ช่วงกลางคืน - ผู้ใหญ่ 41€ อายุระหว่าง 7-12 ปี 20.50€ อายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าฟรี

***หมายเหตุ: ซื้อตั๋วหน้างานบวกเพิ่ม 3€

เว็บไซต์: www.lapedrera.com

3

SAGRADA FAMILIA

เป็นที่แน่นอนเลยว่าคนทั่วทั้งโลกกำลังภาวนาให้มหาวิหารซากราดาแฟมิเลีย (Sagrada Familia Cathedral) แห่งนี้สร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ในเร็ววัน เป็นที่รู้กันดีว่าเกาดี้ได้อุทิศตนเพื่อก่อสร้างมหาวิหารแห่งนี้อย่างเต็มกำลังจนกระทั่งเขาได้เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง ในขณะนั้นมหาวิหารถูกสร้างไปได้เพียง 1 ส่วน 4 เท่านั้น จนกระทั่งปัจจุบันนี้ มหาวิหารถูกก่อสร้างมาแล้วถึง 136 ปี และจะยังคงทำต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะแล้วเสร็จ 

การก่อสร้างมหาวิหารแห่งนี้ เกาดี้ได้พิจารณาถึงเรื่องของแรงโนมถ่วงบนตึกสูงก่อนที่จะทำการออกแบบและก่อสร้าง สิ่งนี้บ่งบอกได้ว่าเขาไม่ได้แต่เพียงออกแบบเท่านั้น หากแต่ว่ายังมีความรู้ในหลายๆด้านที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ ถึงแม้ว่าในสมัยนั้นเทคโนโลยีจะยังไม่ทันสมัยแต่เกาดี้ก็ได้พิสูจน์ว่าเขาทำสำเร็จ 

ที่ด้านนอกของมหาวิหาร เรื่องราวในไบเบิ้ลถูกถ่ายทอดออกมาผ่านรูปปั้นแกะสลักเหล่านี้ ความเชื่อทางศาสนาของเกาดี้ได้ถูกเปิดเผยออกมาในรูปแบบของสัญลักษณ์ต่างๆ ถ้าหากคุณสังเกตดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน คุณจะรู้สึกถึงความเชื่ออันแรงกล้าของเขา นอกจากรูปปั้นแกะสลักจากเรื่องราวในไบเบิ้ลแล้ว ก็ยังผลงานชิ้นอื่นๆในมหาวิหารที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจต่อโมเดิร์นอาร์ท สถาปัตยกรรม และภาพยนตร์มากมาย และด้วยความเชื่อและความศรัทธาอันแรงกล้าต่อศาสนาและความรักต่อสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่นี้ของเกาดี้ ทำให้เมื่อเขาเสียชีวิตลง ร่างไร้วิญญาณของเขาได้ถูกฝังอยู่ที่ใต้สุสานของมหาวิหารแห่งนี้

นอกจากด้านนอกจะอลังการงานสร้างแล้ว ด้านในของตัวมหาวิหารยังสวยงามไม่แพ้กัน ด้านในเกาดี้ตั้งใจออกแบบให้มีลักษณะเหมือนอยู่ในป่า เสาแต่ละเสานั้นตั้งตรงสูงขึ้นไปจนถึงหลังคาที่สูงลิบลิ่ว เลียนแบบรูปร่างของต้นไม้ใหญ่ในป่าที่เติบโตไม่มีวันหยุด อีกทั้งยังมีแสงแดดที่ส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างกระจกสีทำให้เกิดเป็นสีสันที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับแดดในแต่ละช่วงเวลาของวัน ถ้าหากเป็นไปได้ แนะนำว่าให้เข้าชมมหาวิหารในวันที่อากาศดีและสังเกตดูว่าเมื่อแสงแดดสาดส่องเข้ามาแล้ว ด้านในตัวมหาวิหารจะเปลี่ยนเป็นสีอะไร

ที่อยู่:  Carrer de Mallorca, 401, 08013 Barcelona

เวลาทำการ: เดือนพฤศจิการยนถึงกุมภาพันธ์ 09:00-18:00 / เดือนมีนาคม 09:00-19:00 / เดือนเมษายนถึงกันยายน 09:00-20:00 / เดือนตุลาคม 09:00-19:00 / วันที่ 25-26 ธันวาคมและวันที่ 1 และ 6 มกราคม 09:00-14:00

ค่าเข้า: ตั๋วทั่วไป 17€ / ตั๋วพร้อม Audio Guide 25€ / ตั๋วพร้อมไกด์ทัวร์ 26€ / ตั๋วพร้อม Audio Guide และตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Gaudi House 27€ / ตั๋วพร้อม Audio Guide และตั๋วขึ้นไปยังจุดชมวิวของมหาวิหาร 32€

เว็บไซต์: www.sagradafamilia.org

4

GUELL PARK

ผู้ซึ่งเป็นทั้งผู้สนับสนุนและเพื่อนรักของเกาดี้ Guell วันหนึ่งได้ไหว้วานให้เกาดี้ออกแบบที่อยู่อาศัยของครอบครัวของเขาบนที่ดินที่เขามี แรกเริ่มเดิมทีนั้นทั้ง 2 ได้วางแผนว่าจะออกแบบที่อยู่อาศัยให้สมฐานะของชนชั้นกลางที่ร่ำรวย โดยมีการวางแผนว่าจะสร้างสวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ หากแต่ว่าแผนนี้ไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากคนร่ำรวยคนอื่นๆเท่าไรนัก การก่อสร้างจึงถูกหยุดเอาไว้กลางคันและได้ทำการก่อสร้างต่อในระดับที่ต่ำลงมาอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน

ที่ปาร์คกูเอล (Park Güell) คุณจะพบกับการก่อสร้างโดยใช้กระเบื้องสไตล์ Trencadis ได้อย่างง่ายดาย นี่เป็นเทคนิคที่เกาดี้โปรดปรานเป็นอย่างมาก โดย Trencadis คือการวางกระเบื้องโดยใช้ชิ้นส่วนของกระเบื้องที่แตกหักมาต่อรวมกัน และในผลงาน Trencadis ของเกาดี้ทั้งหมด เจ้ากิ้งก่าตัวนี้ถือว่าเป็นชิ้นงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและได้รับการยอมรับให้เป็นสัญลักษณ์ของกรุงบาร์เซโลน่าไปเสียแล้ว

ม้านั่งทรงโค้งเว้านี้ก็ถูกตกแต่งในสไตล์ Trencadis อีกเช่นกัน ทำให้มีสีสันสดใสมองแล้วไม่น่าเบื่อ เกากี้ได้ออกแบบรูปร่างของม้านั่งตัวนี้ไม่เพียงแต่เพื่อความสวยงามเท่านั้น หากแต่ว่าให้เข้ากับรูปร่างของมนุษย์ทั้งในแง่ของวิทยาศาสตร์และการยศาสตร์อีกด้วย อีกทั้งตามม้านั่งจะมีรูให้เห็นอยู่เรื่อยๆไป นั่นก็เพื่อเป็นรูระบายน้ำในกรณีที่ฝนตกลงมานั่นเอง

แรกเริ่มเดิมทีนั้น Güell และเกาดี้ตั้งใจที่จะสร้างศูนย์รวมที่อยู่อาศัยที่ยิ่งใหญ่และดูมั่งคั่ง และเกาดี้ตั้งใจจะสร้างถึง 60 หลังด้วยกัน หากแต่ว่าเมื่อสร้างได้ 30 หลัง มีเพียง 3 หลังเท่านั้นที่ขายออกไปโดยมีตัวเกาดี้เอง Güell และทนายของ Güell เป็นผู้ซื้อไป เห็นได้ชัดว่าผลงานของเกาดี้ในยุคสมัยนั้นยังไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจเท่าไร อย่างไรก็ตาม บ้านที่เกาดี้ได้อาศัยอยู่จริงๆนั้นตั้งอยู่ในปาร์คกูเอล โดยได้รับการจัดเก็บรักษาเป็นอย่างดี และปัจจุบันนี้ก็เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์บ้านเกาดี้ (Gaudi's House Museum) ให้ผู้ชมได้เข้าชมกัน

ถ้าหากมีโอกาสได้ไปเยือนแล้ว แนะนำว่าให้เผื่อเวลาไปเดินเล่นด้านในปาร์คกูเอลสักหน่อย พลางคิดตามสิ่งก่อสร้างที่เขาออกแบบขึ้นมา คุณจะสัมผัสได้ถึงเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ภายใต้การออกแบบเหล่านี้

ที่อยู่: 08024 Barcelona

เวลาทำการ: 

วันที่ 1 มกราคมถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 08:30-18:15 (ประตูปิดตอน 17:30)

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ถึงวันที่ 30 มีนาคม 08:30-19:00 (lประตูปิดตอน 18:00)

วันที่ 31 มีนาคมถึงวันที่ 28 เมษายน 08:00-20:30 (ประตูปิดตอน 19:30)

วันที่ 29 เมษายนถึงวันที่ 25 สิงหาคม 08:00-21:30 (ประตูปิดตอน 20:30)

วันที่ 26 สิงหาคมถึงวันที่ 26 ตุลาคม 08:00-20:30 (ประตูปิดตอน 19:30)

วันที่ 27 ตุลาคมถึงวันที่ 31 ธันวาคม 08:30-18:15 (ประตูปิดตอน 17:30)

***หมายเหตุ: เวลาทำการนี้เป็นเวลาทำการของปี 2019 (2562)

ค่าเข้า: ซื้อตั๋วล่วงหน้าออนไลน์ 8.50€ เด็กอายุระหว่าง 7-12 ปี 6€

เว็บไซต์: www.parkguell.cat

RIEAL SQUARE STREETLIGHT

ผลงานของเกาดี้ไม่ได้มีแค่สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เท่านั้น หากแต่ว่ายังมีสิ่งก่อสร้างขนาดเล็กให้ได้ชื่นชมอีกด้วย ที่จัตุรัส Reial หรือ Royal Plaza ในเขตเมืองเก่าในบาร์เซโลน่าคุณจะพบกับเสาไฟที่ออกแบบโดยเกาดี้ ย้อนเวลากลับไปในสมัยนั้น กรุงบาร์เซโลน่าได้มีการจัดการแข่งขันออกแบบเสาไฟโดยผลงานของเกาดี้ได้รับรางวัล การออกแบบของเกาดี้นั้นได้ทำการนำเอาไฟทั้ง 6 หลอดมาอยู่ในเสาเดียว อีกทั้งกรอบด้านนอกยังมีรูปร่างเหมือนหมวกนักรบ ในตอนแรกเสาไฟนี้จะถูกติดตั้งไปทั่วทั้งเมือง หากแต่ว่าไฟทั้ง 6 หลอดนี้จะต้องถูกเปิดปิดด้วยมือมนุษย์เท่านั้นเนื่องจากเทคโนโลยีในสมัยนั้นยังไม่ทันสมัยเท่าไร จึงส่งผลให้เสาไฟของเกาดี้ถูกติดตั้งเพียง 2 เสาเท่านั้น ไปตามหาเสาไฟทั้ง 2 เสานี้กันได้ที่จัตุรัส Reial

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง