Iphone support file mp4 คร บ

ให้เราช่วยคุณแก้ไขไฟล์ MP4 ออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาเครื่องมือตัดวิดีโอ เครื่องมือครอบตัดวิดีโอ เพื่อลบเสียงออกจากวิดีโอ เพิ่มเพลงลงในวิดีโอ บีบอัดวิดีโอ หรือแม้แต่แปลงไฟล์ MP4 ออนไลน์ คุณมาถูกที่แล้ว!

เครื่องมือแก้ไขวิดีโอออนไลน์ของเราใช้งานง่ายมาก คุณจะแก้ไขอย่างมืออาชีพในเวลาไม่นาน ไม่ต้องใช้ Final Cut Pro อีกต่อไป VEED คือซอฟต์แวร์แก้ไขวิดีโอเพียงตัวเดียวที่คุณต้องการ

ด้วย VEED คุณสามารถเพิ่มคำบรรยายได้โดยอัตโนมัติ แปลคำบรรยาย เปลี่ยนฟอนต์ ขนาด สี สไตล์ และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ไฟล์วิดีโอ MP4 ของคุณสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นกัน

ปรับเฟรมเรตและความละเอียด คุณสามารถบีบอัดไฟล์ MP4 ของคุณโดยใช้ VEED หรือเพียงแค่ปรับเฟรมเรตและความละเอียดให้เหมาะกับความต้องการของคุณไม่ว่าจะเป็น 1440p, 1080p, 720p และอีกมากมาย!

The short answer is the iPhone supports H.264 video, High profile and AAC audio, in container formats .mov, .mp4, or MPEG Segment .ts. MPEG Segment files are used for HTTP Live Streaming.

• For maximum compatibility with Android and desktop browsers, use H.264 + AAC in an .mp4 container.
• For extended length videos longer than 10 minutes you must use HTTP Live Streaming, which is H.264 + AAC in a series of small .ts container files (see App Store Review Guidelines rule 2.5.7).

On the iPhone, H.264 is the only game in town. [1]

There are several different feature tiers or "" available in H.264. All modern iPhones () support the High profile. These profiles are basically three different levels of algorithm "tricks" used to compress the video. More tricks give better compression, but require more CPU or dedicated hardware to decode. is a table that lists the differences between the different profiles.

[1] Interestingly, Apple's own Facetime uses the newer H.265 (HEVC) video codec. However right now (August 2017) there is no Apple-provided library that gives access to a HEVC codec to developers. This is expected to change at some point.

In talking about what video format the iPhone supports, a distinction should be made between what the hardware can support, and what the (much lower) limits are for playback when streaming over a network.

The only data given about hardware video support by Apple about the current generation of iPhones (SE, 6S, 6S Plus, 7, 7 Plus) is that they support

4K [3840x2160] video recording at 30 fps

1080p [1920x1080] HD video recording at 30 fps or 60 fps.

Obviously the phone can play back what it can record, so we can guess that 3840x2160 at 30 fps and 1920x1080 at 60 fps represent design limits of the phone. In addition, the screen size on the 6S Plus and 7 Plus is 1920x1080. So if you're interested in playback on the phone, it doesn't make sense to send over more pixels then the screen can draw.

However, streaming video is a different matter. Since networks are slow and video is huge, it's typical to use lower resolutions, bitrates, and frame rates than the device's theoretical maximum.

The most detailed document giving recommendations for streaming is TN2224 Best Practices for Creating and Deploying HTTP Live Streaming Media for Apple Devices. Figure 3 in that document gives a table of recommended streaming parameters:

This table is from May 2016.

As you can see, Apple recommends the relatively low resolution of 768x432 as the highest recommended resolution for streaming over a cellular network. Of course this is just a recommendation and YMMV.

The question is about video, but that video generally has one or more audio tracks with it. The iPhone supports a , but the most modern and by far most widely used is AAC. The iPhone 7 / 7 Plus, 6S Plus / 6S, SE all support AAC bitrates of 8 to 320 Kbps.

The audio and video tracks go inside a . The purpose of the container is to combine (interleave) the different tracks together, to store metadata, and to support seeking. The iPhone supports

The .mov and .mp4 file formats are (.mp4 is in fact .mov), however .mp4 is an ISO standard that has much wider support.

ไฟล์วิดีโอหรือไฟล์ MP4 เป็นไฟล์ใช้งานกันอย่างกว้างขวางมากๆ ซึ่งเวลาที่เราถ่ายโอนไฟล์ ยิ่งวิดีโอมีความละเอียดสูง ไฟล์ก็จะมีขนาดที่ใหญ่ตามไปด้วน การลดขนาดไฟล์จึงเป็นตัวช่วยที่ทำให้การแชร์ไฟล์หรือถ่ายโอนไฟล์ MP4 ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทีมงาน NotebookSPEC จึงมาแนะนำวิธีลดขนาดไฟล์วิดีโอ, ไฟล์ MP4 ที่สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ทำได้ฟรีด้วย

ลดขนาดไฟล์วิดีโอ ออนไลน์ ทำได้ง่ายๆ

การลดขนาดไฟล์ MP4 หรือขนาดของไฟล์วิดีโอนั้น สามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเว็บไซต์ โดยเพียงแค่เราอัปโหลดวิดีโอของเราขึ้นไปบนเว็บไซต์ ระบบก็จะทำการลดขนาดของไฟล์ให้เราได้ง่ายๆ แล้ว เว็บไซต์สำหรับลดขนาดไฟล์นี้ จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย

Advertisement

1. 123apps

เริ่มต้นกันด้วย 123apps เว็บไซต์ที่รวบรวมเครื่องเกี่ยวกับการจัดการไฟล์ต่างๆ เอาไว้มากมาย ตัวเว็บรองรับการใช้งานภาษาไทย จึงทำให้เข้าใจได้ง่าย เมื่อเปิดเข้าไปยังเว็บไซต์ เราก็จะเจอเข้ากับเมนูสำหรับเลือกใช้งานเครื่องมือต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องมือสำหรับการจัดการไฟลืวิดีโอ, เครื่องมือจัดการไฟล์เสียง, เครื่องมือจัดการไฟล์ PDF, ตัวแปลงไฟล์ต่างๆ ไปจนถึงเครื่องมือแยกเอกสาร เป็นต้น

สำหรับการลดขนาดของไฟล์ MP4 หรือไฟล์วิดีโอนั้น สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

• เริ่มต้นให้เราเข้าไปที่ 123apps >> จากนั้น เลือกที่เมนู เครื่องมือวิดีโอ >> เลือก ปรับขนาดวิดีโอ
• จากนั้นให้เราลากไฟล์วิดีโอ หรือกดเลือกที่ ‘เปิดไฟล์’ เพื่ออัปโหลดวิดีโอของเราขึ้นไปบนเว็บไซต์
  • ตัวเว็บรองรับไฟล์วิดีโอมากมาย ไม่ว่าจะเป็น MKV, MP4, AVI, FLV, MOV, 3GP, WMV และ MV4
  • สามารถอัปโหลดไฟล์จาก URL, Google Drive, Dropbox หรือจากอุปกรณ์ของเราก็ได้
• เมื่ออัปโหลดไฟล์วิดีโอขึ้นไปแล้ว ระบบจะทำการประมวลผลสักครู่ แล้วจะแสดงหน้าเครื่องมือต่างๆ ในการจัดการกับไฟล์วิดีโอขึ้นมา
  • ในหน้านี้เราสามารถเลือกตัดส่วนของวิดีโอได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถ หมุน, ปรับระดับเสียง, ใส่รูปภาพ, เพิ่มข้อความ ฯลฯ ให้กับวิดีโอของเราได้ด้วย
  • สามารถเลือกคุณภาพของวิดีโอได้
• เมื่อได้ตามที่ต้องการแล้วกดก็ ‘ดาวน์โหลด’ >> บันทึก เพื่อดาวน์โหลดวิดีโอกลับมายังอุปกรณ์ของเราได้เลย

สามารถเข้าไปใช้งานเครื่องมือได้ที่: 123apps

2. XConvert

สำหรับ XConvert ก็เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมเครื่องมือสำหรับการแปลงไฟล์ต่างๆ ที่มีเครื่องมือมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแปลงไฟล์ภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์วิดีโอ, ไฟล์เอกสาร ฯลฯ สามารถใช้งานได้ฟรี เลือกได้ตามต้องการเลย

สำหรับการลดขนาดของไฟล์วิดีโอหรือไฟล์ MP4 นั้น ก็มีวิธีการง่ายๆ ที่สามารถทำได้ดังนี้เลย

• อันดับแรก ให้เราเข้าไปที่เว็บไซต์ XConvert >> จากนั้น เลือกที่เมนู MP4 video compressor >> จากนั้นเราก็จะเข้าสู่หน้าสำหรับการอัปโหลดไฟล์วิดีโอ
• ให้เราทำการอัปโหลดไฟล์วิดีโอของเราขึ้นไปบนเว็บไซต์ โดยเลือกที่ ‘Add Files’
  • สามารถอัปโหลดไฟล์ได้จากวิดีโอที่อยู่ในเครื่อง หรือ Dropbox, Google Drive ก็ได้
• เมื่อเราอัปโหลดไฟล์วิดีโอขึ้นไปแล้ว ระบบจะทำการประมวลผลสักครู่ โดยจะแสดงรายละเอียดต่างๆ ของไฟล์วิดีโอที่ทำการลดขนาดให้แล้วเสร็จสรรพ
  • มีเครื่องมืออื่นๆ ในการปรับคุณภาพของไฟล์วิดีโอให้เราเลือกใช้งานด้วย เช่น Video Codec, Reduce video size, Video resolution ฯลฯ หรือถ้าใครไม่ต้องการปรับอะไรให้ยุ่งยาก ตัวเว็บก็จะเลือกมาให้อยู่แล้ว
• เมื่อเราได้ที่ต้องการแล้วก็สามารถกด Compress ได้เลย >> รอระบบทำการประมวลผลสักคณู่ แล้วจากนั้นก็ Download ไฟล์วิดีโอกลับมายังเครื่องของเราได้เลย หรือจะเลือกเป็นลิงก์ดาวน์โหลด หรือ บันทึกไปยัง Dropbox ก็ได้

สามารถเข้าไปใช้งานเครื่องมือได้ที่: XConvert

3. CompressVideo

CompressVideo เป็นเว็บไซต์ที่เป็นเครื่องมือสำหรับการลดขนาดของไฟล์วิดีโอ หรือไฟล์ MP4 โดยเฉพาะเลย ตัวเว็บไซต์รองรับการใช้งานภาษาไทย สามารถลดขนาดของไฟล์วิดีโอได้ผ่านการประมวลผลโดยตรงบนเบราว์เซอร์ ตัวเว็บรองรับไฟล์วิดีโอมากมาย ไม่ว่าจะเป็น MP4, WEBM, MOV, FLV, 3GP, M4V, MPG, MPEG, MKV, AVI, WMV, MV, DV, ASF และ 3G2 สามารถใช้งานได้ฟรีๆ เลย

ขั้นตอนการลดขนาดของไฟล์วิดีโอ สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

• เข้าไปที่ CompressVideo >> จากนั้นเลือกที่ ‘เลือกเอกสาร’ เพื่อเลือกไฟล์วิดีโอจากเครื่องของเราขึ้นไปบนเว็บไซต์ หรือจะลากไฟล์วิดีโอมาวางก็ได้
• ด้านล่างเราจะพบกับเครื่องมือที่ชื่อ ‘การบีบอัด’ ในส่วนนี้เราสามารถกำหนดเวลาเริ่มและสิ้นสุดของวิดีโอได้ เพื่อเป็นการครอปวิดีโอ รวมไปถึงขนาดของไฟล์หลังจากที่บีบอัดแล้วด้วย
  • ถ้าใครอยากตั้งค่าอื่นๆ เพิ่มเติมก็สามารถกดเลือกที่ ‘การตั้งค่ารูปแบบเอาต์พุตวิดีโอ’ ได้เลย ภายในจะมีการตั้งค่าต่างๆ เพิ่มเติม เช่น การเข้ารหัสวิดีโอ, คุณภาพเสียง, ช่องสัญญาณเสียง เป็นต้น
• เมื่อได้ที่ต้องการแล้ว กดเลือก ‘การบีบอัด’ >> ระบบจะทำการประมวลผลสักครู่ แล้วจากนั้นเลือกที่ ‘คลิกบันทึก(output…mp4…)’ เพียงเท่านี้ก็สามารถบันทึกไฟล์วิดีโอกลับมายังอุปกรณ์ของเราได้แล้ว

สามารถเข้าไปใช้งานเครื่องมือได้ที่: CompressVideo

4. Safevideokit

เว็บไซต์นี้ ก็เป็นอีกเว็บไซต์ที่รวบรวมเครื่องมือจัดการไฟล์ต่างๆ เอาไว้มากมาย ตัวเว็บรองรับการใช้งานภาษาไทย มีทั้งเครื่องมือสำหรับการจัดการไฟล์วิดีโอ ไปจนถึงการปรับขนาดสำหรับ Facebook, WhatsApp, YouTube เป็นต้น

สำหรับการลดขนาดของไฟล์ MP4 นั้น สามารถทำได้ไม่ยากเลย

• เริ่มต้นให้เราไปที่ Safevideokit >> จากนั้น เลือกที่เครื่องมือ MP4 compressor หรือ บีบอัดวิดีโอ MP4
• เราจะเข้าสู่หน้า บีบอัด MP4 ที่เราสามารถกดเลือกที่ ‘Choose file’ เพื่อเลือกไฟล์จากเครื่องของเรา หรือจาก Dropbox, Google Drive หรือ จะลากไฟล์วิดีโอมาวางไว้ก็ได้
• เมื่อเลือกไฟล์วิดีโอมาแล้ว ระบบจะทำการประมวลผลสักครู่ แล้วแสดงเครื่องมือต่างๆ สำหรับจัดการกับวิดีโอ
  • ภายในเครื่องมือเราสามารถจัดการกับวิดีโอเพิ่มเติมได้ เช่น การตัด, หมุน, ปรับความเร็วของวิดีโอ เป็นต้น
• เมื่อได้ตามที่ต้องการแล้วก็กด Save ได้เลย >> ระบบจะประมวลผลสักครู่ แล้วให้เรากด Download เพื่อดาวน์โหลดวิดีโอกลับมายังเครื่องของเรา

สามารถเข้าไปใช้งานเครื่องมือได้ที่: Safevideokit

5. Aspose

Aspose เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมเครื่องมือสำหรับการจัดการไฟล์เอาไว้มากมาย ทั้งงานเอกสาร, ภาพ, เสียง, วิดีโอ, E-book ฯลฯ สามารถเข้าไปใช้งานได้ฟรีๆ รองรับการใช้งานหลายภาษา รวมทั้งภาษาไทยด้วย

สำหรับการลดขนาดของไฟล์ MP4 หรือไฟล์วิดีโอ ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

• เริ่มต้นให้เราไปที่ Aspose >> จากนั้นเลือกที่ ‘View All Products’
• เราจะพบกับเครื่องมือจัดการไฟล์ประเภทต่างๆ มากมาย ให้เลื่อนลงมาด้านล่าง เลือกที่ ‘Aspose.Video App Product Family’ >> เลือก Aspose Video ‘Compress’
• จากนั้นเราจะเข้าสู่หน้าเครื่องมือสำหรับการบีบอัดไฟล์ MP4 >> ให้เราอัปโหลดไฟล์วิดีโอของเราขึ้นไปบนเว็บไซต์ หรือจะเป็น URL ก็ได้
  • ตัวเว็บรองรับการบีบอัดไฟล์วิดีโอหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น AVI, FLV, MKV, MOV, MP4, WEBM, WMV และ GIF
• ดูในส่วนของ Save as ให้เลือกเป็น MP4 >> จากนั้นกด Compress
• ระบบจะทำการประมวลผลสักครู่ จากนั้นก็กด Download Now เพื่อดาวน์โหลดวิดีโอกลับมายังเครื่องของเราได้เลย

สามารถเข้าไปใช้งานเครื่องมือได้ที่: Aspose

ลดขนาดไฟล์ MP4, ไฟล์วิดีโอ ด้วยเครื่องมือบน Windows 11

ถ้าใครที่เป็นกังวลว่าการบีบอัดไฟล์วิดีโอ หรือลดขนาดไฟล์ ผ่านช่องทางออนไลน์แล้วจะไม่ปลอดภัย ถ้าหากใช้งาน Windows อย่าง Windows 10 หรือ Windows 11 อยู่ ก็มีโปรแกรมที่มาพร้อมวินโดวส์อยู่แล้วให้เราได้เลือกใช้งานกัน นั่นก็คือ “Video Editor” นั่นเอง

• เราสามารถเรียกใช้งาน ‘Video Editor’ ได้จากการพิมพ์ในช่อง Search ของ Windows ได้เลย (กดปุ่ม Windows + Q หรือ Windows แล้วพิมพ์ ‘Video Editor’)
• จากนั้นให้เราเลือกที่ New Video Project >> ทำการตั้งชื่อ Project ให้เรียบร้อยแล้วกด OK
• เราจะเจอเข้ากับหน้าเครื่องมือจัดการวิดีโอ ให้เลือกที่ Add >> เลือกไฟล์วิดีโอที่เราต้องการบีบอัด จากนั้นกด Open

• ทำการลากวิดีโอที่เราเลือกเมื่อสักครู่ มาวางไว้ตรงเครื่องมือ Storyboard
• จากนั้นให้เรากดเลือกที่ ‘Finish video’ ซึ่งจะอยู่บริเวณมุมบนด้านขวา >> จากนั้นให้เราเลือก Video quality เป็น ‘Low …p (smallest file size)’ >> จากนั้นกด Export แล้วเลือกพื้นที่ที่เราต้องการจัดเก็บ
• รอโปรแกรม Export Video สักครู่ เพียงเท่านี้เราก็จะได้วิดีโอที่มีขนาดลดลงมาเรียบร้อยแล้ว

และทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการดีๆ ในการลดขนาดไฟล์วิดีโอ ทั้งแบบออนไลน์ หรือการใช้งานด้วยโปรแกรมที่มีอยู่ติดเครื่อง สามารถทำได้ฟรี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ใครที่กำลังมองหาวิธีการที่จะลดขนาดไฟล์ของวิดีโอ หรือ MP4 อยู่ ก็สามารถนำวิธีการที่ทีมงานมาฝากกันไปใช้กันได้เลย ยิ่งถ้าใครที่กลัวเสี่ยง อัปโหลดคลิปไปแล้วจะไม่ปลอดภัย ก็ใช้งานโปรแกรมที่ Windows มีมาให้ก็ได้นะ เพราะจากที่ทีมงานได้ลองใช้ ถือว่าใช้งานได้ดีเลยทีเดียว ไฟล์เล็ก แถมภาพยังชัดอยู่ด้วย

อ่านบทความเพิ่มเติม / เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

• โน้ตบุ๊คพกพา จอแจ่ม แบตอึด ในราคา 31,990 บาท ASUS Vivobook S 14X OLED

• เปรียบเทียบ iPhone 14 vs iPhone 13 รุ่นไหนดี อัปเดต 2022

• สรุปรวม iPhone 14 เปิดตัว สเปค ราคา และวันวางขาย อัปเดต 2022

• วิธีเพิ่มความเร็วมือถือ iOS ใน iPhone รุ่นเก่า อัปเดต 2022

• วิธีเพิ่มความเร็วมือถือ Android ให้เร็ว แรง ลื่น อัปเดต 2022

• แนะนำอะแดปเตอร์ iPhone ราคาไม่แรง หาซื้อได้ง่าย อัปเดต 2022

• รวมศูนย์ iPhone ทั้งซ่อม, เปลี่ยนแบต, เปลี่ยนจอ อัพเดท 2022

In this article:mp4, video, website

Click to comment

Advertisement

Trending Post

บทความน่าสนใจ

Tips & Tricks

รวบเว็บอ่านการ์ตูนออนไลน์ฟรี อ่านเพลินๆ ได้ทั้งวัน อัปเดต 2022

รวมเว็บอ่านการ์ตูนออนไลน์ฟรี มีหลายแนว อ่านเพลินๆ ได้ทั้งวัน อัปเดต 2022 ในปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่เปิดให้เราได้เข้าไปอ่านการ์ตูนออนไลน์ฟรีอยู่มากมาย เพราะทุกวันนี้หลายๆ คนก็หันไปสนใจหนังสืออิเล็กทรอนิกส์อย่าง E-Book หรือการอ่านผ่านช่องทางออนไลน์ หรือแอพพลิเคชันกันค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะทางฝั่งของการ์ตูน เนื่องจากมีการอัปเดตที่ค่อนข้างไวกว่ารูปเล่ม รวมไปถึงมีการแปลที่รวดเร็วกว่าอยู่พอสมควร อีกทั้งยังมีความสะดวกสบาย อยู่ที่ไหนก็สามารถอ่านได้ ทีมงาน Notebookspec จึงอยากแนะนำเว็บไซต์อ่านการ์ตูนออนไลน์ฟรี ที่ทั้งดีและได้รับความนิยม สามารถเข้าไปอ่านได้จากหลายช่องทาง ทั้งเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน รวมเว็บอ่านการ์ตูนออนไลน์ฟรี...

morphDecember 1, 2022

Tips & Tricks

แนะนำเว็บไซต์บีบไฟล์วิดีโอ ใช้งานง่าย รวดเร็ว สะดวกสุดๆ อัปเดต 2022

แนะนำเว็บไซต์บีบไฟล์วิดีโอ ออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว ทำได้ฟรีๆ อัปเดต 2022 ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้วิดิโอนั้นถือเป็นสื่อที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย และกว้างขวางไม่แพ้ข้อความหรือรูปภาพเลย ยิ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นก็ยิ่งทำให้วิดีโอมีความละเอียดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว แต่การจะส่งไฟล์วิดีโอหรือแชร์นั้น จะสามารถทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้นถ้าเราสามารถลดขนาดของไฟล์ลงได้ ทีมงาน NotebookSPEC จึงอยากจะมาแนะนำวิธีการบีบไฟล์วิดีโอ ออนไลน์ ที่สามารถทำได้ง่ายๆ บนเว็บไซต์ ที่สำคัญเลยก็คือ ฟรีด้วย บีบอัดไฟล์วิดีโอ ด้วยเครื่องมือบน Windows 11...

morphNovember 25, 2022

Tips & Tricks

แนะนำเว็บออกแบบโปสเตอร์ ฟรี ใช้งานง่าย แบบสวยๆ เพียบ อัปเดต 2022

แนะนำเว็บออกแบบโปสเตอร์ ฟรี สำหรับออกแบบโปสเตอร์ไปใช้งานได้เลยทันที อัปเดต 2022 ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนองาน หรือการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ต่างก็ใช้รูปภาพเป็นสื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปสเตอร์ต่างๆ ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนั้น การออกแบบงานกราฟฟิกต่างๆ สามารถทำได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เพราะมีเครื่องมือที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทีมงาน NotebookSPEC ก็อยากจะมาแนะนำเว็บออกแบบโปสเตอร์ ฟรี ที่น่าใช้งาน เหมาะกับการออกแบบอย่างง่าย โดยไม่ต้องลงโปรแกรม แถมยังมีแบบสวยๆ ให้เลือกเพียบ แนะนำเว็บออกแบบโปสเตอร์...

morphNovember 18, 2022

Tips & Tricks

แนะนำวีธีสร้าง Scan WiFi QR Code ทำได้ง่ายๆ สะดวกสุดๆ อัปเดต 2022

วิธีสร้าง Scan WiFi QR Code สแกนรหัสผ่านไวไฟง่ายๆ ได้ในพริบตา สะดวกสุดๆ อัปเดต 2022 จะวุ่นวายแค่ไหน ถ้าต้องคอยแจกรหัส Wi-Fi อยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่ทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร, คาเฟ่, โรงแรม ฯลฯ คงจะดีกว่าถ้าเรามีตัวช่วยอย่าง การ Scan WiFi...