เลือกอะไรดี? iPhone XR กับ iPhone XS สองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Apple
เปิดราคาวางจำหน่ายในไทยเรียบร้อยแล้ว สำหรับ iPhone XR, iPhone XS และ iPhone XS MAX ซึ่งเป็น iDevice รุ่นใหม่ทั้ง 3 รุ่นของ Apple ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนก่อน ครั้งนี้เรียกได้ว่าทำสถิติราคาแตะครึ่งแสนกันไปเลยทีเดียว เมื่อเทียบดูจากราคาแล้วเชื่อว่าอาจทำให้หลายคนเกิดความลังเลใจขึ้นมาทันทีว่า ครั้งนี้จะเลือกซื้อรุ่นอะไรดี? ระหว่างกัดฟันไปเล่น iPhone XS ให้สุดไปเลย หรือแค่ iPhone XR ก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นเพื่อไขคำตอบของคำถามนี้ เราขอหยิบ 6 จุดแตกต่างสำคัญของสองรุ่นนี้มาแนะนำผ่านบทความนี้กัน เพื่อช่วยให้ทุกคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
หน้าจอแสดงผล (Panel Display)
เริ่มกันที่จุดแตกต่างสำคัญของ iPhone XS และ iPhone XR เลยก็ว่าได้กับชนิดพาแนลหน้าจอแสดงผล ที่ครั้งนี้ทาง Apple เลือกใช้หน้าจอแตกต่างกันทั้งสองรุ่น โดยเลือกใช้หน้าจอ LCD ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 1792 x 828 ใส่ไว้บน iPhone XR พร้อมตั้งชื่อหน้าจอนี้ว่า 'Liquid Retina Display' ซึ่งจริงๆ แล้วจอพาแนลนี้ก็คือ หน้าจอ IPS บน iPhone เกือบทุกรุ่นก่อนที่จะมาเป็น iPhone X นั้นเอง และถึงแม้ว่าจอแสดงผลจะยังไม่เป็น HDR Display เหมือนรุ่น iPhone XS แต่ก็สามารถรองรับการแสดงผลของคอนเทนท์ HDR10 และ Dolby Vision ได้ด้วย
ในขณะที่ iPhone XS จะใช้หน้าจอแสดงผลเป็นพาแนล OLED ที่ให้สีสันที่สด สว่างและจัดจ้านมากกว่า ซึ่งมีขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436 x 1125 พิกเซล รองรับ 3D Touch (XR ไม่รองรับ) และเป็นหน้าจอที่ให้สีสันเฉดสี, การแสดงผลต่างๆ ตามมาตรฐาน HDR Display รวมไปถึงรองรับการแสดงผลของคอนเทนท์ HDR10 และ Dolby Vision ได้ในตัว
กล้องคู่กับเดี่ยว (Dual vs Single Cam)
จุดแตกต่างสำคัญอีกอย่างคือ เรื่องของกล้องถ่ายรูป ซึ่งครั้งนี้ Apple แยกไลน์กล้องอย่างชัดเจน โดยใส่กล้องเดี่ยวที่เป็นกล้องตัวเดียวกับ iPhone 8 มาไว้บน iPhone XR และเลือกใส่กล้องคู่พร้อมเซ็นเซอร์ตัวใหม่มาไว้บน iPhone XS แต่ทั้งสองโมดูลให้ความละเอียดมาเหมือนกันที่ 12 ล้านพิกเซล และมีความสามารถที่เหมือนกันทั้งหมด ยกเว้นเรื่องของคุณภาพการถ่ายภาพเชิงลึกหรือภาพ Bokeh อาจมีจุดแตกต่างกันบ้าง และเรื่องของการซูมแบบออปติคอล 2x ที่ฝั่ง iPhone XR ทำไม่ได้
คุณสมบัติกันน้ำและฝุ่น (IP)
ถึงแม้ทั้งสองรุ่นจากมาพร้อมคุณสมบัติในการกันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP ด้วยกันทั้งคู่ แต่กลับมีจุดเล็กๆ ที่ต่างกันอยู่คือ iPhone XR จะมาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 หรือกันน้ำได้ลึก 1 เมตร นาน 30 นาที ส่วน iPhone XS จะมาพร้อมคุณสมบัติ IP68 ที่สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 2 เมตร นาน 30 นาที
หน่วยความจำ (ROM)
เรื่องของหน่วยความจำเป็นอีกสิ่งเล็กๆ ที่ทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างกัน โดยที่ฝั่ง iPhone XR จะมีรุ่นหน่วยความจำให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น คือ ROM 64GB, 128GB และ 256GB ในขณะที่ฝั่งของ iPhone XS จะมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นด้วยเช่นกัน แต่ต่างกันตรงที่จะไม่มีรุ่น ROM 128GB ให้เลือกเหมือน XR และจะมีรุ่น ROM 512GB เป็นตัวท็อปสุดแทน
วัสดุตัวเครื่อง
สำหรับข้อแตกต่างสุดท้ายคือ เรื่องของวัสดุตัวเครื่องที่ทาง iPhone XS จะเลือกใช้วัสดุเป็นสแตนเลสสตีลเกรดเดียวกับเครื่องมือศัลยกรรมเลยทีเดียว ส่วนทางฝั่ง iPhone XR จะใช้วัสดุบอดี้เป็นอลูมิเนียมซีรีย์ 6000 เป็นวัสดุตัวเครื่อง
บทสรุป
สำหรับ iPhone ทั้งสองรุ่นนั้น มีจุดต่างกันหลักจริงๆ แล้วน่าจะมีอยู่แค่สองอย่างคือ เรื่องของหน้าจอแสดงผลกับกล้องถ่ายรูปเท่านั้น ที่เป็นจุดที่หลายคนน่าจะนำมาใช้ตัดสินใจว่า เราควรเลือกรุ่นไหนดี และรุ่นไหนจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้งานในแต่ละวันของแต่ละคนมากกว่ากันคงจะไม่มีใครตอบแทนได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็อยากแนะนำว่า เราเลือกซื้อมือถือมาเพื่อใช้งานไม่ได้ไว้ใช้โชว์ ดังนั้นก็ไม่ควรเลือกซื้อให้เกินกำลัง (ทรัพย์) ของตนเอง เพราะสุดท้ายอาจเดือดร้อนได้ในอนาคต หรือถ้าใครไม่ติดปัญหาเรื่องงบ ก็แนะนำว่าไปให้สุดแล้วหยุดที่รุ่นท็อปได้เลยครับ อยู่ตัวคุณแล้ว!
ในที่สุดก็เปิดตัวกันไปเรียบร้อยแล้วกับ iPhone 12 รุ่นใหม่ทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ iPhone 12 mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max แต่หลายคนคงจะสงสัยกันว่า ถ้าหากเราเทียบรุ่นเก่ากับใหม่ย้อนไปตั้งแต่ iPhone Xr/Xs สเปคและฟีเจอร์มันจะต่างกันแค่ไหน คุ้มไหมที่จะขยับซื้อเปลี่ยนใหม่ บทความนี้เราจะมาหาคำตอบกันครับ
เบื้องต้นสำหรับสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนๆ ในการเปิดตัว iPhone ของ Apple ครั้งนี้ คือเปิดตัวออกมาถึง 4 รุ่นมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา พร้อมการอัปเดตดีไซน์ใหม่กลับมาเป็นรูปทรงเหลี่ยมคม วัสดุพัฒนาดีขึ้น ให้ความรู้สึกหรูหรามีสไตล์ พ่วงมาด้วยชิปเซ็ต A14 Bionic สถาปัตยกรรม 5nm ที่ประสิทธิภาพสูงกว่ามือถือทุกรุ่นในตลาด และการรองรับเครือข่าย 5G ทุกรุ่นตั้งแต่ตัว mini
เทียบสเปค iPhone XR, iPhone 11 และ iPhone 12
สเปค / รุ่น | iPhone XR | iPhone 11 | iPhone 12 |
หน้าจอ | LCD 6.1 นิ้ว (1792 x 828) | Liquid Retina (LCD) 6.1″ (1792 x 828) | Super Retina XDR OLED 6.1 นิ้ว (2532 x 1170) |
CPU | A12 Bionic | A13 Bionic | A14 Bionic |
ความจุ | 64/128/256GB | 64/128/256GB | 64/128/256GB |
กล้องหลัง |
|
|
|
กล้องหน้า |
|
|
|
แบตเตอรี่ | 2942 mAh | 3110 mAh | 2775 mAh |
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น | IP67 (ลึก 1 เมตร นาน 30 นาที) | IP68 (ลึก 2 เมตร นาน 30 นาที) | IP68 (ลึก 6 เมตร นาน 30 นาที) |
เชื่อมต่อไร้สาย | Wi‑Fi 5 | Wi‑Fi 6 | Wi‑Fi 6 |
ลำโพง | สเตอริโอ (Dolby Atmos) | สเตอริโอ (Dolby Atmos) | สเตอริโอ (Dolby Atmos) |
ระบบปฏิบัติการ | iOS 12 | iOS 13 | iOS 14 |
5G | ไม่รองรับ | ไม่รองรับ | รองรับ |
ราคาเริ่มต้น | 29,900 บาท | 24,900 บาท | ราว 28,900 บาท |
จากตารางข้างต้นจะเห็นได้ว่าถ้าเพื่อนๆ คนไหนที่ใช้ iPhone XR อยู่แล้วกำลังคิดอยากจะขยับรุ่นไป iPhone 12 ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะสเปคต่างๆ ถูกอัปเกรดขึ้นมาค่อนข้างมาก หรือจะไปเล่นตัว iPhone 12 mini ที่สเปคเหมือน iPhone 12 แต่หน้าจอเล็กกว่าก็ดูเป็นตัวเลือกที่เข้าท่าเหมือนกัน
เทียบสเปค iPhone XS, iPhone 11 Pro และ iPhone 12 Pro
สเปค / รุ่น | iPhone XS | iPhone 11 Pro | iPhone 12 Pro |
หน้าจอ | OLED 5.8 นิ้ว (2436 x 1125) | Super Retina XDR (AMOLED) 5.8″ (2436 x 1125) | Super Retina XDR OLED 6.1″ (2532 x 1170) |
CPU | A12 Bionic | A13 Bionic | A14 Bionic |
ความจุ | 64/256/512GB | 64/256/512GB | 128/256/512GB |
กล้องหลัง |
|
|
|
กล้องหน้า |
|
|
|
แบตเตอรี่ | 2658 mAh | 3046 mAh | 2775 mAh |
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น | IP68 (ลึก 2 เมตร นาน 30 นาที) | IP68 (ลึก 4 เมตร นาน 30 นาที) | IP68 (ลึก 6 เมตร นาน 30 นาที) |
เชื่อมต่อไร้สาย | Wi‑Fi 5 | Wi‑Fi 6 | Wi‑Fi 6 |
ลำโพง | สเตอริโอ (Dolby Atmos) | สเตอริโอ (Dolby Atmos) | สเตอริโอ (Dolby Atmos) |
ระบบปฏิบัติการ | iOS 12 | iOS 13 | iOS 14 |
5G | ไม่รองรับ | ไม่รองรับ | รองรับ |
ราคาเริ่มต้น | 39,900 บาท | 35,900 บาท | ราว 34,900 บาท |
ถัดมาดูทางด้าน iPhone XS เมื่อเทียบกับ iPhone 12 Pro แล้ว สเปคแตกต่างกันค่อนข้างมาก จะขยับไปใช้ก็ถือว่าโอเคดูเหมาะสมแล้ว หรือจะไป iPhone 11 Pro ลดราคาก็ได้เช่นกันครับ แต่แนะนำว่าถ้าเปลี่ยนต้องรีบปล่อยเครื่องเก่าออกไวๆ หน่อยนะ เพราะเดียวราคาคงจะดิ่งลงได้อีกนะ
เทียบสเปค iPhone XS Max, iPhone 11 Pro Max, iPhone 12 Pro Max
สเปค / รุ่น | iPhone XS Max | iPhone 11 Pro Max | iPhone 12 Pro Max |
หน้าจอ | OLED 6.5 นิ้ว (2688 x 1242) | Super Retina XDR (AMOLED) 6.5″ (2688 x 1242) | Super Retina XDR OLED 6.7 (2778 x 1284) |
CPU | A12 Bionic | A13 Bionic | A14 Bionic |
ความจุ | 64/256/512GB | 64/256/512GB | 128/256/512GB |
กล้องหลัง |
|
|
|
กล้องหน้า |
|
|
|
แบตเตอรี่ | 3174 mAh | 3969 mAh | 3687 mAh |
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น | IP68 (ลึก 2 เมตร นาน 30 นาที) | IP68 (ลึก 4 เมตร นาน 30 นาที) | IP68 (ลึก 6 เมตร นาน 30 นาที) |
เชื่อมต่อไร้สาย | Wi‑Fi 5 | Wi‑Fi 6 | Wi‑Fi 6 |
ลำโพง | สเตอริโอ (Dolby Atmos) | สเตอริโอ (Dolby Atmos) | สเตอริโอ (Dolby Atmos) |
ระบบปฏิบัติการ | iOS 12 | iOS 13 | iOS 14 |
5G | ไม่รองรับ | ไม่รองรับ | รองรับ |
ราคาเริ่มต้น | 43,900 บาท | 39,900 บาท | ราว 39,900 บาท |
กรณีเดียวกันเลยตารางข้างต้นคือ iPone XS Max เทียบกับ iPhone 12 Pro Max แล้ว สเปคต่างๆ ถือว่าคุ้มที่จะเปลี่ยน หรือรอไปดู iPhone 11 Pro Max ลดราคาก็ได้เช่นกันครับ
สรุปซื้อ iPhone 12 ไปเลย หรือว่า iPhone 11 และ iPhone Xs ยังไหวอยู่?
จากที่ได้เห็นสเปคโดยรวมก็ต้องบอกเลยว่า iPhone 12 Series ถือว่าทางด้านสเปคนี่จัดมาเต็มที่ อัปเกรดในทุก ๆ อย่างตั้งแต่ตัวกล้อง ชิปเซ็ต A14 Bionic ที่ประสิทธิภาพสูงขึ้น ประหยัดแบตมากขึ้น แถมยังรองรับ 5G ทุกรุ่นอีก บอกได้เป็นเสียงเดียวเลยว่าถ้าใครที่กำลังจะซื้อมือถือใหม่หรือใช้ iPhone XR, XS และ XS Max อยู่แล้วไม่มีปัญหาเรื่องเงินละก็ ถึงเวลาเปลี่ยนไปใช้ iPhone 12 Series กันได้แล้ว
ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่คนใช้ iPhone ส่วนใหญ่มาตรฐานที่จะเปลี่ยนเครื่องกันทุกๆ สองเจน แต่หลายคนจะแอบเสียดายตอนขายต่อนี่แหละ ที่ต้องบอกว่าราคารุ่นเก่านี่ตกลงไปเยอะพอสมควรเหมือนกันครับ ถ้าจะขายก็ต้องรีบขายตั้งแต่เนิ่นๆ กันหน่อยแล้ว
ส่วนจะซื้อรุ่นไหนดีสามารถดูข้อมูลได้ในบล็อคเปรียบเทียบ iPhone 12 ทุกรุ่นด้านล่างได้เลยครับ 😆