ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม คือ

ศูนย์ประเมินและรับรองความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม (ศ.ร.ว.)

พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. ๒๕๒๕ กำหนดให้แพทยสภามีวัตถุประสงค์ในการ ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการประกอบวิชาชีพในทางการแพทย์ และมีอำนาจหน้าที่ในการรับรองปริญญา ประกาศนียบัตรในวิชาแพทยศาสตร์หรือวุฒิบัตรในวิชาชีพเวชกรรมของสถาบันต่างๆ ดังนั้นจึงเห็นสมควรจัดตั้งศูนย์ประเมินและรับรองความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม เพื่อให้ทำหน้าที่ดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๑ (๓) (ฎ) ประกอบกับมติของคณะกรรมการแพทยสภาในการประชุมครั้งที่ ๑๒ / ๒๕๔๖ เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ และด้วยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษ ตามมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. ๒๕๒๕ แพทยสภาประกาศจัดตั้งศ.ร.ว.ขึ้นตามข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประเมินและรับรองความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. ๒๕๔๗

แพทยสภายังได้ประกาศกำหนดให้นิสิต/นักศึกษาแพทย์ที่เข้าศึกษาในสถาบันผลิตแพทย์ในประเทศไทยทุกคน นับตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๖ เป็นต้นไปต้องผ่านการสอบเพื่อรับการประเมินและรับรองความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามเกณฑ์ที่ศ.ร.ว.กำหนดไว้

ศ.ร.ว. ได้เริ่มจัดสอบขั้นตอนที่ ๑, ๒, และ ๓ ให้กับนิสิต/นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ ๓, ๕, และ ๖ เป็นครั้งแรกในปีพ.ศ. ๒๕๔๙, ๒๕๕๑ และ ๒๕๕๒ ตามลำดับ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ และได้ดำเนินการสอบทั้ง ๓ ขั้นตอนอย่างต่อเนื่องให้แก่นิสิต/นักศึกษาแพทย์ในประเทศ และแพทย์ผู้จบจากต่างประเทศ เพื่อเป็นการประกันคุณภาพแพทย์ที่จบใหม่ทุกคนและมาตรฐานของโรงเรียนแพทย์ในประเทศไทยให้ทัดเทียมกัน ตลอดจนผู้ที่จบหลักสูตรแพทย์ในต่างประเทศให้เป็นมาตรฐานเดียวกับบัณฑิตไทย ในการขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทยสภา

ขั้นตอนและจุดประสงค์ของการสอบ

การประเมินและรับรองความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมประกอบด้วยการสอบสามขั้นตอน ในแต่ละขั้นตอนมีจุดประสงค์ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 : เป็นการสอบเพื่อประเมินความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐาน (Basic Medical Sciences)

ขั้นตอนที่ 2 : เป็นการสอบเพื่อประเมินความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก (Clinical Sciences)

ขั้นตอนที่ 3 : เป็นการสอบเพื่อประเมินทักษะและหัตถการทางคลินิก ประกอบด้วย Objective Structured Clinical Examination : OSCE) ซึ่ง ศ.ร.ว. เป็นผู้ดำเนินการจัดสอบ และการสอบ Modified Essay Question และ Long Case ซึ่งสถาบันการศึกษาเป็นผู้จัดการสอบ

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สมัคร

ผู้มีสิทธิ์สมัครสอบจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

ประเภทที่หนึ่ง เป็นผู้ที่กำลังศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตในสถาบันการศึกษาในประเทศไทย หรือต่างประเทศที่แพทยสภารับรอง

ประเภทที่สอง เป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตและได้รับปริญญาบัตรจาก สถาบันการศึกษาในประเทศไทยที่แพทยสภารับรอง

ประเภทที่สาม เป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตและได้รับปริญญาบัตรจากสถาบันการศึกษาในต่างประเทศที่แพทยสภารับรอง

คุณสมบัติเฉพาะสำหรับการสอบแต่ละขั้นตอน

ขั้นตอนที่ 1 เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติประเภทที่หนึ่งหรือสองหรือสาม สำหรับผู้มีคุณสมบัติประเภทที่หนึ่งต้องมีใบรับรองจากสถาบันการศึกษาว่า ได้ศึกษาวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐาน (ระดับปรีคลินิก) หรือเทียบเท่ามาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีการศึกษา นับถึงวันกำหนดสอบฯ โดยได้ศึกษาครบทุกรายวิชาตามหลักสูตรระดับปรีคลินิกของสถาบันการศึกษาที่แพทยสภารับรอง

ขั้นตอนที่ 2 เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติประเภทที่หนึ่งหรือสองหรือสาม สำหรับผู้มีคุณสมบัติประเภทที่หนึ่งต้องมีใบรับรองจากสถาบันการศึกษาว่า ได้ศึกษาวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก (ระดับคลินิก) มาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีการศึกษานับถึงวันกำหนดสอบฯ โดยได้ศึกษาครบทุกรายวิชาของ 2 ชั้นปีนั้นตามหลักสูตรระดับคลินิกของสถาบันการศึกษาที่แพทยสภารับรอง

ขั้นตอนที่ 3 (1) เป็นผู้ที่สอบผ่านขั้นตอนที่หนึ่งและขั้นตอนที่สองแล้ว โดยแต่ละขั้นตอนสอบผ่านมาแล้วเป็นเวลาไม่เกินเจ็ดปีนับจากวันที่แพทยสภาอนุมัติผลการสอบจนถึงวันยื่นใบสมัครสอบ ถ้าขั้นตอนใดสอบผ่าน เกินเจ็ดปี จะต้องสอบขั้นตอนนั้นใหม่ให้ผ่านก่อน

(2) สำหรับผู้มีคุณสมบัติประเภทที่หนึ่งที่กำลังศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาในประเทศไทย ต้องมีหนังสือรับรองจากสถาบันการศึกษาว่าได้ศึกษาวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก (ระดับคลินิก) มาแล้วไม่น้อยกว่า ห้าภาคการศึกษาในระบบทวิภาคหรือเทียบเท่า นับถึงวันกำหนดสอบฯ โดยได้ศึกษารายวิชาในระดับหลักสูตรคลินิกในชั้นปีที่ 6 ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหน่วยกิตในชั้นปีที่ 6 ของสถาบันการศึกษาที่แพทยสภารับรอง

(3) สำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติประเภทที่สามจะต้องได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในต่างประเทศ ซึ่งแพทยสภารับรองใบอนุญาตนั้น หากเป็นผู้มีสัญชาติไทยไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตดังกล่าว แต่ต้องมีเอกสารรับรองการปฏิบัติงานหลังปริญญาในฐานะแพทย์ฝึกหัด หรือเทียบเท่าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปีในสถาบันการแพทย์ต่างประเทศหรือในประเทศไทยที่แพทยสภารับรองโดยการปฏิบัติงานจะต้องเสร็จสิ้นก่อนการสมัครสอบ

บทความนำเสนอรายละเอียดเชิงลึกในการดูข้อมูลใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ที่ออกให้โดยแพทยสภา เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและสามารถตรวจสอบได้  โดย พล.อ.ต. นพ. อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา  จากเพจบล็อกหมอหมู   (รวมภาพประกอบ)

แขวนป้าย แขวน ใบ ว. ... ถ้ารู้แล้วยืนยันจะเสี่ยงก็ไม่ว่ากัน

นำมาฝากเป็นข้อมูล สำหรับแพทย์ท่านใดที่สนใจ อยากจะไป แขวนป้าย แขวนใบ ว. 

ถ้ารู้ข้อมูลแล้ว จะตัดสินใจอย่างไร ก็ไม่ว่ากัน

แพทยสภา ขอเตือนน้องๆ (ผู้เขียนหมายถึงผู้ที่มีอาชีพแพทย์) อย่าหลงเชื่อ... ผู้ประกาศให้ไปแขวนใบ ว. ทั้งที่ไม่ได้อยู่คลินิก

น้องต้องรับผิดทั้ง คดีแพ่ง และ คดีอาญา ตลอดเวลาที่คลินิกนั้นดำเนินการ แม้ว่าจะเป็น จนท.ในคลินิก หรือ พยาบาลเป็นผู้ทำ ซึ่งน่าสงสารน้องๆหลายคน ถูกลงโทษในปีที่ผ่านมา จำนวนมาก คราวเคราะห์ ถึงติดคุกได้ ..ถูกพักใบประกอบวิชาชีพ หรือเพิกถอนได้ อาจมีผลถึงการเรียนต่อ และกิจกรรมต่างๆในอนาคต 

ใครแขวนไว้ ..ได้เงิน... อาจเสียอนาคตครับ..

เตือนแล้วนะครับ

พลเมืองดีผู้ใด พบมี แพทย์ผู้ประมาท แขวนใบว.โดยไม่ได้ตรวจจริง แจ้งได้ที่ email -   

จนท.จาก สำนักสถานพยาบาล และการประกอบโรคศิลป์ ร่วมกับแพทยสภาจะไปจับดำเนินคดีให้ ขอบคุณครับ 

  • อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ .. แขวนป้าย แขวน ใบ ว. ถ้ารู้แล้วยืนยันจะเสี่ยงก็ไม่ว่ากัน [ วิชาการ ]

ข้อกฎหมาย ความรับผิดชอบ

ข้อกฎหมาย ความรับผิดชอบ สำหรับแพทย์ กรณี ถ้าจะ แขวนใน ว.  อ่านแล้ว รู้แล้ว จะตัดสินใจอย่างไร ก็แล้วแต่พิจารณา

ก่อนอื่น ทำความเข้าใจหลักเกณท์เบื้องต้นเกี่ยวกับการขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล ว่าเป็นดังนี้

เป็นหลักฐานแสดงตนในการทำงานในฐานะแพทย์ครับ (กำลังจะเปลี่ยนเป็น smart card ในเดือน 2 เดือนนี้ครับ) ออกโดยแพทยสภา และตาม พรบ.วิชาชีพเวชกรรม มีสิทธิ ถูกพักใช้ และเพิกถอนได้โดยแพทยสภา

2.การเปิดคลินิก

 ใช้ พรบ.สถานพยาบาล โดย กองโรคศิลป์ เป็นผู้อนุญาต บังคับให้ต้องมีการจดทะเบียน 2 ส่วนคือ

2.1 ขออนุญาตตั้ง สถานพยาบาล อันนี้ เป็นบุคคลทั่วไป บริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือ หมอก็ได้

2.2 ขออนุญาตดำเนินการ สถานพยาบาล ต้องเป็นตามขนาดสถานพยาบาล ว่า มีกี่เตียง หรือ ไม่มีเตียง ต้องมีผู้ดำเนินการกี่คน เป็นหมอกี่คน พยาบาล กี่คน เภสัช ทันตแพทย์ กี่คน ตามการขออนุญาตครับ

     

กรณีคลินิก ทั่วไปของแพทย์ ประเภทเวชกรรม จะใช้ หมอ 1 ท่าน จดทะเบียน ตามที่บางคนเรียกว่าแขวนป้ายนะครับ ทีนี้มาดูปัญหากันเนื่องจากแต่ละกรณีใช้กฎหมายต่างฉบับดูแล

3.ผลกระทบ

กรณีมีป้ายเป็นผู้ดำเนินการ นั้นตามกฎหมายเป็นดังนี้

3.1 กฎหมาย พรบ.สถานพยาบาล - เป็นผู้รับผิดชอบสถานพยาบาล ในการประพฤติผิดทั้งหมด ปกติ ถ้าสถานพยาบาลดีๆ ไม่เป็นไร ไม่ค่อยมีปัญหาโดยเฉพาะหากแพทย์ที่มีคุณธรรมเป็นเจ้าของ แต่ ในกรณีเจ้าของที่ไม่มีคุณธรรม โดยเฉพาะที่ไม่ใช่แพทย์ ไม่เข้าใจระบบการรักษาพยาบาล เปิดมา ค้าขาย เอากำไร และเอาน้องๆ มาล่อเป้า เช่น

3.1.1.คดีโฆษณาเกินจริงที่หลายแห่งจ้างหมอไปแขวนและถูกลงโทษทีละเป็น หลายสาขา พร้อมๆกันจาก พรบ.นี้ ซ้ำร้าย เมื่อผิดอันนี้จะส่งเรื่องไปที่แพทยสภา ลงโทษแพทย์อีกต่างหาก เพราะผิดข้อบังคับจริยธรรม

3.1.2 เอายาเวชภัณฑ์ คุณภาพต่ำ มาใช้ จำกัดการรักษา จนเกิดปัญหากับผู้ป่วย

3.1.3 เอาบุคคลากรที่ไม่ใช่วิชาชีพจริง ไม่มี skill มารักษา ผ่าตัด เย็บแผล จ่ายยา ผู้ดำเนินการต้องรับผิดชอบไปด้วย ทั้งคดี แพ่ง และอาญา โดยมักอยู่ในกลุ่มที่เหมาจ่ายราคาต่ำมา เช่น กลุ่มประกันสังคมบางเครือข่าย ที่เหมาจ่ายไม่เกิน 170 150 130 บาทต่อหัว พบมากที่สุด และกลุ่ม 30 บาททุกโรค ที่เหมาจ่ายมาแล้ว ไม่อยากจ่ายจ้างวิชาชีพ กลัวกำไรน้อย บางทีเอาคนในครอบครัวมาช่วย จัดยา จ่ายยาเอง (พบที่ไหนแจ้งผมด้วยนะครับ จะไปจัดการ เพื่อคุ้มครองประชาชน และคุ้มครองแพทย์ดีๆด้วยครับ) โดยเฉพาะย่านโรงงานชุกชุม
 

     

ทั้งหมดนี้ “สำนักสถานพยาบาล และการประกอบโรคศิลปะ" (สพรศ.) จะร่วมกับทาง แพทยสภา อย. และ ตำรวจ จับอยู่แล้วครับ จับไป หมอเก่าโดนลงโทษ พวกนี้ก็มาหลอกหมอใหม่ๆ สมัครอีก ให้เงินเดือนสูงๆ พวกเห็นเงินแล้วตาโต เสร็จเขาตามระเบียบครับ ข้อคิดคือ กลุ่มนี้ แพทย์ลาออกบ่อย

3.2 พรบ.วิชาชีพเวชกรรม - ผู้ดูแล เป็นแพทยสภา อันนี้ ฟ้องร้องตัวหมอ เท่านั้นครับ หากหมอไปแขวน แล้วเกิดเรื่อง จะถูกฟ้องมาที่เรา พบบ่อยที่สุด ก็คือ โฆษณาเกินจริง  รองลงมาเป็นเรื่อง มาตรฐานวิชาชีพ ส่วนใหญ่คลินิก จะโดนไม่มาก ยกเว้นมีการตายในร้าน เช่นกรณี เด็กโฟร์โมส ที่แถว ดอนเมือง กรณี ขริบจู๋ กรณี ผ่าไฝใต้ตาแล้วตาย ในปีที่ผ่านมา ผู้ดำเนินการมีส่วนรับผิดชอบครับ
 

กรณี วันเสาร์อาทิตย์ หรือนอกเวลาไม่อยู่นั้น กฎหมายแพ่ง และ อาญา อาจต้องรับผิดชอบอยู่ แต่ทางแพทย์ หากแพทย์ที่มาอยู่เวรเป็นผู้มี ใบว.นั้น ผู้นั้นรับผิดชอบครับ ปัญหาที่ผ่านมาได้แก่

3.2.1 คลินิกบางแห่ง (น้อยมาก) ไม่ซื่อ ไม่ยอมจ้างแพทย์ในวันหยุด หรือมีๆ ขาดๆ แล้วให้พนักงานจ่ายยาเอง เป็นคดี แพทย์อาจต้องรับผิดชอบด้วย

3.2.2 แพทย์เถื่อน กรณีคลินิกลงรับแพทย์ เช่นใน เวบไซด์ เจอขาประจำที่ปลอมเป็นแพทย์ไปอยู่ ไม่ตรวจบัตรให้ดี ออกใบรับรองแพทย์เท็จ รักษาผิดๆ ถูกๆ มา follow up ท่านวันที่ท่านมาทำงาน ก็เป็นเรื่องไปแล้ว อันนี้เราไล่จับหมอเถื่อนกลุ่มนี้อยู่ครับ บางคนเป็น เด็ก วุฒิม.6 ผู้ช่วยแพทย์ และแอบ copy ใบ ว. ไป เช่น อดีต พนักงานเซเว่น (เจ้าที่ลงหนังสือพิมพ์) ก็มี บุรุษพยาบาล เสนารักษ์ ก็เคยมีที่ปลอมตัวมาครับ ขึ้นกับความสามารถของผู้บริหารคลินิกในการจัดหาแพทย์ อันนี้แจ้งผมได้ครับ จะดำเนินการให้

      3.3 พรบ.อื่นๆ เช่น พรบ.วิธิพิจารณาคดีผู้บริโภค พรบ. สินค้าไม่ปลอดภัย กม.แพ่ง กม.อาญา ที่น้องต้องศึกษารายละเอียดด้วย เพราะจะเป็นจำเลยกรณีมีความเสียหายได้โดยง่ายครับ โดยมีปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือ เงื่อนของเวลา

ขณะนี้มีน้องๆที่รักษาไป 1-2 ปีก่อน ตอนใช้ทุน แล้วตอนนี้ เรียน resident อยู่ต้องวิ่งกลับไปขึ้นศาล ที่ต่างจังหวัดหลายท่านครับ เพราะอายุความ ตั้งแต่ 3-10 ปี บางทีคลินิกปิดไปแล้ว หาหลักฐานก็ไม่ได้ น้องก็มีโอกาสแพ้คดีใหม่ๆ เช่น ผู้บริโภค ที่กำหนดให้แพทย์ต้องเป็นคนพิสูจน์ว่าตนเองไม่ผิด เจ้าของปิดคลินิกไปแล้ว น้องจะแทบไม่มีหลักฐานไปพิสูจน์ ได้ ดังนั้นหากคลินิกไม่มั่นคง อย่านำอนาคตไปแขวนไว้ครับ

การตรวจรักษาที่เหมามาราคาถูกคุณภาพต่ำ เสี่ยงต่อการรักษาพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน ยิ่งตรวจจำนวนมาก ไม่มีแพทย์ audit ให้ พยาบาล คุณภาพน้อย ท่านต้องรับความเสี่ยงนั้นครับ

คำแนะนำคือ

1. การทำงาน แขวน ใบ ว. (เดี๋ยวนี้ไม่เรียกใบ ว.แล้วนะครับ เรียกใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม) เป็นเรื่องปกติ เพื่อยืนยันตัวตน

2. สถานพยาบาลที่จะไปแขวนใบนี้ ต้องมาตรฐานพอคุ้มครองน้องได้และมั่นคงพอ (10ปี) น้องต้องถาม policy ดู วิธีการ วิธีคิดระบบต่างๆ ก่อน เพราะเหมือนลงทุนร่วมกัน และดูชื่อเสียงในอดีต ความยั่งยืน และหมอที่อยู่มาก่อน รวมถึงตรวจสอบ สถานะภาพ เสาร์อาทิตย์ด้วยว่าหมอเป็นใคร.. เราไม่ใช่ลูกจ้างนะครับ ถ้าแขวน เท่ากับเจ้าของคนหนึ่งทีเดียว

3. อย่ามองเรื่องรายได้อย่างเดียว ยิ่งสูงมาก มักยิ่งมีความเสี่ยงมากครับ

4. อ่านกฎหมายด้วยนะครับ อย่าให้เป็นภาระตอนไปเรียนต้องกลับมาขึ้นศาล

---

อุทธาหรณ์ เล็กๆ

คดีหนึ่ง คลินิกจ่ายยาหยอดตา เก็บคนไข้ 150 บาท หมอได้ 100 บาทค่าตรวจ เกิด steven ขณะนี้ฟ้องหมอ 10 ล้าน แม้รู้ว่า จะป้องกันไม่ได้ สุดวิสัย หมอจ้างทนาย ไปว่าความสู้ เห็นว่า เป็นแสนแล้วครับ แม้ชนะ ก็เสียเงิน เสียเวลา ทั้งทำงานถูกต้อง ตามมาตรฐาน โอกาสน้อย แต่เกิดได้

อีกคดี คนไข้แพ้ penicillin ให้ chloram แพ้ ..anaphylactic death ไม่มีใครทราบก่อนแน่ สุดวิสัย ถูกตามมาตรฐานราชวิทยาลัย รายนี้ ขึ้นศาลอุตลุด ไม่ว่าผลจบอย่างไร หมอก็เสียชื่อ เสียเวลา เสียกำลังใจ ..โอกาสเสี่ยงต้องอย่ามองข้ามครับ

อย่าทำคลินิกเพราะรายได้

ทำด้วยใจอยากช่วยผู้ป่วยจะดีกว่าครับ

ถ้าไม่มาตรฐานอย่าไปร่วมงานด้วยเสี่ยงเปล่าๆ

หากสงสัยถามมาได้อีกครับขอให้โชคดีครับ

...........

สำหรับ เจ้าของคลินิก หรือ โรงพยาบาล (ผู้รับใบอนุญาต ให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล)

การรับแพทย์ปลอมเข้าปฏิบัติงานในสถานพยาบาล “ เจ้าของและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล” จะต้องร่วมรับผิดด้วย เช่น

  1. ฐานให้บุคคลผู้มิใช่แพทย์ทำงานเป็นแพทย์ ตามมาตรา 27-28 ของ พรบ. ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พศ.2525 ซึ่งเจ้าของคลินิกสถานพยาบาลจะต้องรับผิดชอบ
  2. ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะต้องถูกดำเนินคดีทางจริยธรรม ตามมาตรา 43-44 มีโทษ จำคุกไม่เกิน3ปี ปรับไม่เกิน3หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  3. ผิด พรบ. สถานพยาบาล ซึ่งต้องถูกดำเนินการโดยกองประกอบโรคศิลปะ อาจถูกปิดสถานพยาบาล ได้
  4. ถูกดำเนินคดีจากผู้ป่วย ในคดีที่ได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาลโดยหมอปลอมทั้งคดีแพ่งและอาญา
  5. หากผู้นั้นใช้ชื่อและนามสกุลพร้อม เลข ว. ของแพทย์ ที่มีอยู่จริง จะต้องโดนคดีอาญา ฐานปลอมแปลงชื่อผู้อื่นจากแพทย์ผู้เสียหายอีกด้วย

คำแนะนำการตรวจสอบแพทย์ที่จ้างอยู่เวรพิเศษ

เนื่องจากในปัจจุบันมีสถานพยาบาลหลายแห่งที่มีความจำเป็นต้องรับแพทย์เวรนอก เหนือจากแพทย์ประจำที่ทำงานตามปกติ โดยการลงรับสมัครงานในที่ต่างๆ ซึ่งในขบวนการดังกล่าวนั้นอาจเป็นเหตุให้มีการตรวจสอบว่าเป็นแพทย์จริงหรือไม่นั้น ไม่สะดวก   เป็นเหตุให้เกิดช่องว่างให้ผู้ซึ่งมิใช่แพทย์แฝงตัวเข้ามารับงานเป็นแพทย์ได้อยู่เป็นระยะๆ ทั้งนี้จึงใคร่ขอให้คำแนะนำดังต่อไปนี้

  1. กรณีรับสมัครแพทย์ ขอให้ตรวจสอบชื่อ นามสกุล และเลขใบประกอบโรคศิลป์ จากเว็บไซต์ของแพทยสภา //tmc.or.th/check_md/  ว่าถูกต้องและมีชื่อตรงหรือไม่
  2. ให้ขอเอกสารแสดงตนทุกรายที่มาสมัคร ได้แก่ บัตรประชาชน และ ใบประกอบวิชาชีพศิลปะ (ถ้ามี) ซึ่งในอนาคตจะใช้บัตร MD CARD แทนได้
  3. การชำระเงินให้กับแพทย์นั้น ในกรณีที่เป็นแพทย์ปลอมจะต้องการให้ชำระเป็นเงินสด ถ้าเป็นไปได้ ควรให้จ่ายเป็นเช็คระบุชื่อและนามสกุลของแพทย์ (จ่ายเช็คขีดคร่อม Ac Payee Only) แพทย์ปลอมใช้ชื่อคนอื่น เบิกเงินไม่ได้ คลินิกก็ไม่ต้องเสียเงิน ในกรณีที่มีปัญหาทางกฎหมายจะช่วยยืนยันให้กับสถานพยาบาลได้มากกว่า
  4. กรณีพบแพทย์ที่สงสัย แจ้งได้ที่ 

ข้อพึงสังเกต พฤติกรรมแพทย์ปลอม

  1. ไม่ให้เอกสารใดๆ ที่แสดงตน บ่ายเบี่ยง ลืมเอามา
  2. อยู่เวรจำนวนน้อย มาลงขอเวรบ่อยๆ
  3. ไม่อยู่เวรประจำ เปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ
  4. ขอเป็นเงินสดมากกว่าที่จะรับเงินแบบออกหลักฐาน เนื่องจากไม่สามารถเข้าบัญชีเบิกเงินได้

ทั้งนี้แพทยสภา กวดขันขึ้น เพื่อคุ้มครองประชาชน และปกป้องแพทย์จริง ที่มักเสียชื่อจากแพทย์ปลอมที่ไปรักษาไม่ถูกต้อง ทำให้ประชาชนผู้เคราะห์ร้ายต้องรับกรรม ..

พล.อ.ต. นพ. อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา

ข้อสังเกตคลินิก ที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข

  1. มีป้ายชื่อสถานพยาบาลและเลขที่ใบอนุญาต ๑๑ หลัก ติดไว้หน้าคลินิก
  2. แสดงใบอนุญาต ให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล
  3. แสดงใบอนุญาต ให้ดำเนินการสถานพยาบาล
  4. แสดงหลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมประจำปี ของปีปัจจุบัน
  5. แสดงรูปถ่ายของผู้ประกอบวิชาชีพ พร้อม ชื่อและเลขที่ใบประกอบวิชาชีพ
  6. แสดงอัตราค่ารักษาพยาบาล และ สามารถสอบถามอัตราค่ารักษาได้
  7. แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับ สิทธิผู้ป่วย ในที่เปิดเผยและเห็นง่าย

อ้างอิง:

คู่มือประชาชนในการเลือก คลินิก ที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข

สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข

โทร 02-1937000 ต่อ 18416 - 7

 

ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม คืออะไร

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ เป็นใบอนุญาตในการประกอบวิชาชีพที่กระทำหรือมุ่งหมายจะกระทำต่อมนุษย์เกี่ยวกับการตรวจโรค การวินิจฉัยโรค การบำบัดโรค การป้องกันโรค การส่งเสริมและการฟื้นฟูสุขภาพ และการผดุงครรภ์ แต่ไม่รวมถึงการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่น ที่มีการตั้งสภาวิชาชีพเพื่อควบคุมดูแลในแต่ละวิชาชีพแล้ว ซึ่งใบอนุญาต ...

วิชาชีพ เวชกรรม คืออะไร

วิชาชีพเวชกรรม” หมายความว่า วิชาชีพที่กระทำต่อมนุษย์เกี่ยวกับการตรวจโรคการวินิจฉัยโรค การบำบัดโรค การป้องกันโรค การผดุงครรภ์ การปรับสายตาด้วยเลนส์สัมผัสการแทงเข็มหรือการฝังเข็มเพื่อบำบัดโรคหรือเพื่อระงับความรู้สึกและหมายความรวมถึงการกระทำทางศัลยกรรม การใช้รังสี การฉีดยา หรือสสาร การสอดใส่วัตถุใดๆ เข้าไปในร่างกาย ...

ประกอบโรคศิลปะ มีอะไรบ้าง

การประกอบโรคศิลปะ หมายความว่าการประกอบวิชาชีพที่กระทำหรือมุ่งหมายจะกระทำต่อมนุษย์เกี่ยวกับการตรวจโรค การวินิจฉัยโรค การบำบัดโรค การป้องกันโรค การส่งเสริมและการฟื้นฟูสุขภาพ การผดุงครรภ์ แต่ไม่รวมถึงการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ๆ

ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ มีอะไรบ้าง

ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพในประเทศไทย.
ใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ ออกโดย กองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ.
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา.
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา.
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา.
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม.

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง