โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน (benign paroxysmal positional vertigo: BPPV) หรืออาจเรียกว่าโรคเวียนศีรษะขณะเปลี่ยนท่า หรือโรคนิ่วในหูชั้นใน มีสาเหตุมาจากการเสื่อมของอวัยวะในหูชั้นใน จึงมักพบในผู้สูงอายุ โรคนี้เป็นโรคที่ก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนที่พบได้บ่อยที่สุด
การเกิดโรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน
โรคนี้จะพบตะกอนแคลเซียมสะสมอยู่ในบริเวณอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นใน เมื่อมีการเคลื่อนไหวศีรษะจะเกิดการกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนที่ของตะกอนแคลเซียมนี้ ซึ่งจะเคลื่อนที่ได้เมื่อน้ำในหูชั้นในเคลื่อนไหว จึงมีผลไปกระตุ้นอวัยวะการทรงตัว ทำให้เกิดการเวียนศีรษะบ้านหมุนขึ้น
อาการของโรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน
โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อนจะมีอาการเฉพาะ คือ อาการเวียนศีรษะบ้านหมุนในขณะเปลี่ยนท่าทางของศีรษะ โดยมีอาการเกิดขึ้นทันทีทันใด เช่น ขณะล้มตัวลงนอนหรือลุกจากที่นอน ขณะพลิกตัวในที่นอน ก้มดูของหรือเงยหน้าขึ้นข้างบน แต่อาการเวียนศีรษะบ้านหมุนมักเป็นอยู่ในช่วงสั้นๆ มักเป็นแค่ช่วงวินาทีที่ขยับศีรษะ แล้วอาการจะค่อยๆ หายไป เมื่อขยับศีรษะในท่าเดิมอาการก็อาจกลับมาใหม่ได้ แต่จะไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก ทั้งนี้อาการเวียนศีรษะที่เกิดจากโรคนี้อาจเป็นได้หลายๆ ครั้งต่อวัน มักเป็นอยู่หลายวันแล้วจะค่อยๆ ดีขึ้นในเวลาเป็นสัปดาห์หรือเดือน และอาจกลับเป็นซ้ำได้อีกในเวลาอีกหลายเดือนหรือเป็นปี
หากผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะรุนแรง อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย แต่โรคนี้จะไม่พบอาการหูอื้อ การสูญเสียการได้ยินหรือมีเสียงผิดปกติในหู (ยกเว้นในผู้ป่วยที่มีโรคหูเดิมอยู่ก่อนแล้ว) อาการทางระบบประสาท หรืออาการแขนขาชาหรืออ่อนแรงร่วมด้วย
การตรวจวินิจฉัยโรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน
- การซักประวัติอาการ เช่น ลักษณะของอาการเวียนศีรษะ ปัจจัยหรือท่าทางที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ
- การตรวจร่างกาย เช่น การตรวจหู คอ จมูก และระบบประสาท
- การตรวจจำเพาะ ได้แก่ การทดสอบ Dix-Hallpike maneuver ซึ่งเป็นการทดสอบที่จำเพาะกับโรคนี้ โดยจะให้ผู้ป่วยล้มตัวลงนอนหงายอย่างรวดเร็ว ในท่าศีรษะตะแคงและห้อยศีรษะเล็กน้อย หากพบการกระตุกของลูกตาร่วมกับอาการเวียนศีรษะ จะเป็นลักษณะที่บ่งชี้ของโรคนี้
- การตรวจการได้ยิน
แนวทางการรักษาโรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน
- การรักษาตามอาการและให้คำแนะนำ เช่น หลีกเลี่ยงท่าทางและกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดอาการ รับประทานยาบรรเทาอาการเวียนศีรษะ โดยมากอาการจะค่อยๆ ทุเลาลงโดยเฉพาะหลัง 1 เดือนขึ้นไป อย่างไรก็ดี โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อนยังไม่มียาจำเพาะสำหรับการรักษา
- การทำกายภาพบำบัด ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมในปัจจุบันและได้ผลในการรักษา
- การทำกายภาพบำบัดเพื่อเคลื่อนตะกอนหินปูน ได้แก่ วิธีของ Semont และ Epley (canalith repositioning therapy)
- การทำกายภาพบำบัดเพื่อให้เกิดการปรับสภาพของสมองได้เร็วขึ้น ได้แก่ Brandt และ Daroff หรือวิธี Cawthorne vestibular exercise
- การผ่าตัด หากการรักษาตามอาการและการทำกายภาพบำบัดไม่ได้ผล แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง
คะแนนโหวต 8.57 of 10, จากจำนวนคนโหวต 98 คน
Related Health Blogs
โรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน (Benign Paroxysmal Positional Vertigo : BPPV) เป็นสาเหตุของอาการเวียนศีรษะที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ป่วยที่มีอาการเวียนศีรษะจากโรคหู พบได้ประมาณร้อยละ 20-30 ของผู้ป่วยที่มาด้วยความผิดปกติของการเวียนศีรษะ โดยผู้ป่วยจะมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนมักเป็นแบบเฉียบพลัน สัมพันธ์กับท่าทางหรือการขยับศีรษะ
ตะกอนหินปูนหูชั้นใน (otoconia) คืออะไร
ตะกอนหินปูนหูชั้นในเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการทรงตัวของร่างกาย ประกอบด้วยผลึกแคลเซียมคาร์บอเนต และเนื้อโปรตีน (Protein Matrix) เมื่ออายุมากขึ้นผลึกแคลเซียมหรือตะกอนหินปูนหูชั้นในจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่น แข็งขึ้น เปราะง่ายขึ้น การเกิดโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อนนั้นเป็นผลมาจากเปลี่ยนตำแหน่งของตะกอนหินปูนหูชั้นในที่ผิดไปจากตำแหน่งปกติ
ภาพแสดงตัวอย่างตำแหน่งของตะกอนหินปูนหูชั้นในและตำแหน่งผิดปกติ
สาเหตุของโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน
ส่วนใหญ่เกิดขึ้นแบบไม่มีสาเหตุ มีบางปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน ได้แก่ อุบัติเหตุศีรษะกระแทก โรคทางหูชั้นในบางอย่างที่พบร่วมกับโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน การผ่าตัดหูบางชนิด อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาวิจัยพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อการเกิดโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน เช่น อายุมาก เพศหญิง โรคความดันโลหิตสูง ไขมันโลหิตสูง ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรคเบาหวาน กระดูกพรุน ภาวะขาดวิตามินดี เป็นต้น
อาการของโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน
ผู้ป่วยจะมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนมักเป็นแบบเฉียบพลัน โดยอาการบ้านหมุนมักเป็นไม่นาน ประมาณไม่กี่นาที แต่อาจมีอาการมึนศีรษะตามมาได้ อาการบ้านหมุนสัมพันธ์กับท่าทางหรือการขยับศีรษะ เช่น ลุกจากที่นอน พลิกตะแคงตัว ก้มเงย หรือ นอนสระผม เป็นต้น ในบางครั้งผู้ป่วยจะสามารถระบุข้างที่มีอาการได้ เช่น นอนตะแคงข้างขวาและมีบ้านหมุนซ้ำ ๆ เป็นไม่นาน เมื่อเปลี่ยนข้างอาการดีขึ้นหรือหายไป ทั้งนี้อาการเวียนศีรษะต้องไม่มีความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางอื่น เช่น อ่อนแรง ภาพซ้อน หรือการได้ยินผิดปกติร่วมด้วย
การวินิจฉัยโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน
โรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อนนั้นสามารถวินิจฉัยได้จากประวัติและการตรวจร่างกายที่จำเพาะ การตรวจร่างกายสำหรับการวินิจฉัยโรคอาจกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีอาการบ้านหมุนในขณะตรวจร่างกายได้
การรักษาโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน
แม้ว่าโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในจะหายเองได้ในผู้ป่วยบางราย แต่บางครั้งอาการอาจจะคงอยู่นานทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการดำเนินชีวิตประจำวัน หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน การรักษาหลักคือการทำกายภาพบำบัด ทั้งนี้อาจเป็นการทำกายภาพบำบัดโดยแพทย์หากตรวจพบตากระตุกในขณะตรวจร่างกายที่จำเพาะ ซึ่งการรักษาชนิดนี้ได้ผลดี สามารถทำให้อาการดีขึ้นได้ถึง 80% ในการรักษาครั้งแรก และหากต้องทำซ้ำ โอกาสหายเพิ่มขึ้นถึง 92% ในการรักษาซ้ำ หรือ อาจจะเป็นการให้คำแนะนำเป็นท่าบริหารที่บ้านเพื่อปรับสภาพสมองให้อาการเวียนศีรษะดีขึ้น ปัจจุบันยังไม่มียาที่จำเพาะต่อโรค โดยทั่วไป ยาที่ผู้ป่วยได้รับนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดอาการเวียนศีรษะชั่วคราว สำหรับการผ่าตัดมีข้อบ่งชี้ในผู้ป่วยบางรายเท่านั้น
ข้อควรรู้เกี่ยวกับโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน
โรคนี้เป็นได้กับทุกเพศ ทุกวัย เกิดได้เอง หายได้เองในบางราย เป็นโรคที่รักษาหายขาด เพียงแต่มีโอกาสเกิดซ้ำได้ โดยโอกาสเกิดซ้ำประมาณ 15-20% ต่อปี
ผู้ป่วยมักมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนชั่วคราวและสัมพันธ์กับท่าทาง หากอาการเวียนศีรษะเกิดขึ้นตลอดเวลา หรือ ความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางอื่น เช่น อ่อนแรง ภาพซ้อน หรือการได้ยินผิดปกติร่วมด้วย ควรรีบมาพบแพทย์เนื่องจากลักษณะดังกล่าวไม่ใช่อาการปกติของผู้ป่วยโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน เนื่องจากผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบอาจมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนร่วมกับมีความผิดปกติของระบบประสาทร่วมด้วยได้
เนื่องจากโรคดังกล่าวไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด จึงยังไม่มีการป้องกันที่สาเหตุ นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายเมื่อหายจากโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน อาจมีอาการโคลง เวียนศีรษะสัมพันธ์กับการขยับศีรษะเร็วๆ อาการดังกล่าวจะค่อยๆ ดีขึ้น แนะนำหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่างที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หรือ พลัดตกหกล้มหากมีอาการดังกล่าว
ข้อมูลจาก : พญ. กนกรัตน์ สุวรรณสิทธิ์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์หู คอ จมูก ชั้น 3 โซน D
โรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน (Benign Paroxysmal Positional Vertigo : BPPV) เป็นสาเหตุของอาการเวียนศีรษะที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ป่วยที่มีอาการเวียนศีรษะจากโรคหู พบได้ประมาณร้อยละ 20-30 ของผู้ป่วยที่มาด้วยความผิดปกติของการเวียนศีรษะ โดยผู้ป่วยจะมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนมักเป็นแบบเฉียบพลัน สัมพันธ์กับท่าทางหรือการขยับศีรษะ
ตะกอนหินปูนหูชั้นใน (otoconia) คืออะไร
ตะกอนหินปูนหูชั้นในเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการทรงตัวของร่างกาย ประกอบด้วยผลึกแคลเซียมคาร์บอเนต และเนื้อโปรตีน (Protein Matrix) เมื่ออายุมากขึ้นผลึกแคลเซียมหรือตะกอนหินปูนหูชั้นในจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่น แข็งขึ้น เปราะง่ายขึ้น การเกิดโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อนนั้นเป็นผลมาจากเปลี่ยนตำแหน่งของตะกอนหินปูนหูชั้นในที่ผิดไปจากตำแหน่งปกติ
ภาพแสดงตัวอย่างตำแหน่งของตะกอนหินปูนหูชั้นในและตำแหน่งผิดปกติ
สาเหตุของโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน
ส่วนใหญ่เกิดขึ้นแบบไม่มีสาเหตุ มีบางปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน ได้แก่ อุบัติเหตุศีรษะกระแทก โรคทางหูชั้นในบางอย่างที่พบร่วมกับโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน การผ่าตัดหูบางชนิด อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาวิจัยพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อการเกิดโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน เช่น อายุมาก เพศหญิง โรคความดันโลหิตสูง ไขมันโลหิตสูง ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรคเบาหวาน กระดูกพรุน ภาวะขาดวิตามินดี เป็นต้น
อาการของโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน
ผู้ป่วยจะมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนมักเป็นแบบเฉียบพลัน โดยอาการบ้านหมุนมักเป็นไม่นาน ประมาณไม่กี่นาที แต่อาจมีอาการมึนศีรษะตามมาได้ อาการบ้านหมุนสัมพันธ์กับท่าทางหรือการขยับศีรษะ เช่น ลุกจากที่นอน พลิกตะแคงตัว ก้มเงย หรือ นอนสระผม เป็นต้น ในบางครั้งผู้ป่วยจะสามารถระบุข้างที่มีอาการได้ เช่น นอนตะแคงข้างขวาและมีบ้านหมุนซ้ำ ๆ เป็นไม่นาน เมื่อเปลี่ยนข้างอาการดีขึ้นหรือหายไป ทั้งนี้อาการเวียนศีรษะต้องไม่มีความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางอื่น เช่น อ่อนแรง ภาพซ้อน หรือการได้ยินผิดปกติร่วมด้วย
การวินิจฉัยโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน
โรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อนนั้นสามารถวินิจฉัยได้จากประวัติและการตรวจร่างกายที่จำเพาะ การตรวจร่างกายสำหรับการวินิจฉัยโรคอาจกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีอาการบ้านหมุนในขณะตรวจร่างกายได้
การรักษาโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน
แม้ว่าโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในจะหายเองได้ในผู้ป่วยบางราย แต่บางครั้งอาการอาจจะคงอยู่นานทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการดำเนินชีวิตประจำวัน หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน การรักษาหลักคือการทำกายภาพบำบัด ทั้งนี้อาจเป็นการทำกายภาพบำบัดโดยแพทย์หากตรวจพบตากระตุกในขณะตรวจร่างกายที่จำเพาะ ซึ่งการรักษาชนิดนี้ได้ผลดี สามารถทำให้อาการดีขึ้นได้ถึง 80% ในการรักษาครั้งแรก และหากต้องทำซ้ำ โอกาสหายเพิ่มขึ้นถึง 92% ในการรักษาซ้ำ หรือ อาจจะเป็นการให้คำแนะนำเป็นท่าบริหารที่บ้านเพื่อปรับสภาพสมองให้อาการเวียนศีรษะดีขึ้น ปัจจุบันยังไม่มียาที่จำเพาะต่อโรค โดยทั่วไป ยาที่ผู้ป่วยได้รับนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดอาการเวียนศีรษะชั่วคราว สำหรับการผ่าตัดมีข้อบ่งชี้ในผู้ป่วยบางรายเท่านั้น
ข้อควรรู้เกี่ยวกับโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน
โรคนี้เป็นได้กับทุกเพศ ทุกวัย เกิดได้เอง หายได้เองในบางราย เป็นโรคที่รักษาหายขาด เพียงแต่มีโอกาสเกิดซ้ำได้ โดยโอกาสเกิดซ้ำประมาณ 15-20% ต่อปี
ผู้ป่วยมักมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนชั่วคราวและสัมพันธ์กับท่าทาง หากอาการเวียนศีรษะเกิดขึ้นตลอดเวลา หรือ ความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางอื่น เช่น อ่อนแรง ภาพซ้อน หรือการได้ยินผิดปกติร่วมด้วย ควรรีบมาพบแพทย์เนื่องจากลักษณะดังกล่าวไม่ใช่อาการปกติของผู้ป่วยโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน เนื่องจากผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบอาจมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนร่วมกับมีความผิดปกติของระบบประสาทร่วมด้วยได้
เนื่องจากโรคดังกล่าวไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด จึงยังไม่มีการป้องกันที่สาเหตุ นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายเมื่อหายจากโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน อาจมีอาการโคลง เวียนศีรษะสัมพันธ์กับการขยับศีรษะเร็วๆ อาการดังกล่าวจะค่อยๆ ดีขึ้น แนะนำหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่างที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หรือ พลัดตกหกล้มหากมีอาการดังกล่าว
ข้อมูลจาก : พญ. กนกรัตน์ สุวรรณสิทธิ์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์หู คอ จมูก ชั้น 3 โซน D