ผู้ชายออกกําลังกาย

สำหรับผู้ชายแล้ว การมีหุ่นที่ฟิตแอนด์เฟิร์ม มีกล้ามเนื้อที่ดูสวยและแข็งแรง คงช่วยเพิ่มเสน่ห์และความดูดีมากขึ้นไม่น้อย ทำให้ไม่ว่าจะทำอะไรก็มั่นใจยิ่งขึ้น ทั้งการแต่งตัว การเคลื่อนไหว การติดต่อเจรจากับคนใหม่ๆ รวมทั้งการพรีเซนท์งาน การพูดปราศรัยต่อหน้าคนเยอะๆ ถ้าเราดูดี เราก็มั่นใจและมีชัยไปกว่าคน  แต่หลายคนอาจเจอปัญหาไม่มีเวลา หรือไม่สะดวกเดินทางไปฟิตเนส การออกกำลังกายที่บ้านจึงเป็นทางเลือกที่ดี และมีวิธีการออกกำลังกายหลายอย่างเลยทีเดียวที่ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องออกกำลังกายแบบในฟิตเนส

วิธีการออกกำลังกายที่บ้านสำหรับผู้ชาย

1. ซิทอัพ (Sit Up)

ซิทอัพเป็นการออกกำลังกายสุดเบสิค ช่วยบริหารกล้ามเนื้อช่วงท้อง วิธีการทำคือนอนหงาย งอเข่าขึ้นมา มือประสานกันหลังศีรษะ จากนั้นเกร็งหน้าท้อง หายใจออก ยกศีรษะและช่วงไหล่ขึ้นมา จังหวะที่วางศีรษะลงที่พื้นให้หายใจเข้า ส่วนขาให้อยู่นิ่งกับที่

2. วิดพื้น (Push Up)

ท่าวิดพื้นช่วยส่งเสริมกล้ามเนื้ออก ไหล่ และช่วงแขน วิธีการคือคว่ำหน้า เหยียดตัวให้ตรง ฝ่าเท้าตั้งฉากกับพื้น แขนเหยียดตรงโดยให้แขนและมืออยู่ในแนวเดียวกัน ลดลำตัวลงโดยการกางแขนออกไปทางด้านข้าง ทำอย่างช้าๆ รักษาลำคอและลำตัวให้ยังเหยียดตรง โดยอย่าให้หน้าอกลงต่ำจนติดพื้น ระหว่างหย่อนตัวลงให้หายใจเข้า เมื่อยกตัวขึ้นให้หายใจออก

3. โหนบาร์ (Pull Up)

การโหนบาร์เป็นการใช้กล้ามเนื้อช่วงบนเป็นหลัก โดยมีน้ำหนักตัวเป็นแรงต้าน จึงส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนบนอย่างมาก ท่าพื้นฐานของการโหนบาร์มีวิธีทำคือ ใช้มือทั้งสองข้างจับบาร์โหนโดยให้มีระยะกว้างกว่าช่วงไหล่ของตนเอง คว่ำมือ แล้วใช้แรงช่วงแขนดึงตัวเองขึ้นลงอย่างช้าๆ

4. ฮิพทรัสต์ (Hip Trust)

หนุ่มคนไหนอยากกระชับสะโพก ต้นขา และหน้าท้อง ให้ออกกำลังกายด้วยท่าฮิพทรัสต์ เริ่มด้วยการนอนราบ ยกขาเหยียดตรงตั้งฉาก มือคว่ำขนานกับลำตัว สูดลมหายใจเข้าจนสุด จากนั้นยกบริเวณสะโพกขึ้นจนสุด ปล่อยลมหายใจออกจนสุด กลับสู่ท่าเตรียมคือขาตั้งฉากกับพื้น ทำ 3 เซ็ต เซ็ตละ 15 ครั้ง

5. ไซด์แพลงก์ (Side Plank)

การทำแพลงกิ้งช่วยในเรื่องกล้ามเนื้อหน้าท้องและลำตัว แต่ถ้าทำไซด์แพลงก์จะช่วยในเรื่องการทรงตัว และเสริมความแข็งแรงของแขนและหัวไหล่ รวมถึงท้องด้านข้างและด้านหน้าด้วย วิธีการทำคือตะแคงข้าง ใช้ศอกข้างหนึ่งยันลำตัวเอาไว้โดยทรงตัวให้ตรง สะโพกไม่ติดพื้น ค้างไว้ประมาณ 20-30 วินาที แล้วเปลี่ยนข้าง

นอกจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีแล้ว คุณผู้ชายที่อยากมีกล้ามเนื้อที่สวยงามต้องดูแลเรื่องอาหารการกินด้วย อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายจะเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพที่ดี ทำกิจกรรมต่างๆ ได้คล่องตัว ไม่เหนื่อยง่าย แถมยังทำให้หน้าตาของคุณดูสดใสเปล่งปลั่งขึ้นอีกด้วย

บทความที่น่าสนใจ

  • วิธีการออกกำลังกายที่บ้านสำหรับผู้หญิง เพื่อหุ่นสวย สุขภาพดี
  • วิธีการออกกำลังกายที่บ้านสำหรับผู้ชาย เพื่อหุ่นฟิตแอนด์เฟิร์ม

ครบเครื่องเรื่องอสังหาริมทรัพย์ อัปเดตโดย Real-Estate-Mark.com

สำหรับคุณผู้ชาย หลาย ๆ คนแล้ว การมีพุงอาจไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร อีกทั้งยังคิดว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่ออายุมากขึ้น ก็ต้องมีพุงเกิดขึ้นด้วย ทั้งที่จริง ๆ แล้วการมีพุงนั้นไม่ใช่เรื่องปกติที่หนุ่ม ๆ ควรละเลย เพราะนอกจากจะทำให้ดูบุคลิกภาพไม่ดีแล้ว ก็ยังทำให้ใส่เสื้อผ้าแล้วดูไม่สง่างามเหมือนเก่าค่ะ วันนี้เราเลยจะพาคุณหนุ่ม ๆ ไปทำความรู้จักกับ วิธีลดพุงผู้ชาย ง่าย ๆ ที่ทำตามได้ อีกทั้งยังมาบอกคุณหนุ่ม ๆ ถึงความอันตรายของพุงที่ยื่นอยู่ตรงหน้าท้องของคุณค่ะ !

ทั้งนี้พุงของคุณผู้ชายมักเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ความเครียด หรือแม้แต่ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงจนส่งผลต่อการสะสมของไขมันในร่างกาย โดยไขมันที่อยู่บริเวณพุงนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังเท่านั้น แต่ยังมีไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) ซึ่งเป็นไขมันที่อันตรายต่อสุขภาพของคุณผู้ชายในทุก ๆ ด้าน เพราะไขมันชนิดนี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงโรคร้ายแรง อาทิ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน มะเร็งลำไส้ หรือแม้แต่ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อีกด้วย ซึ่งโรคเหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ หากไม่ดูแลให้ดีมากพอ ด้วยเหตุนี้คุณผู้ชายจึงไม่ควรละเลยเรื่องพุงของตัวเองเป็นอันขาด ควรหันกลับมาใส่ใจในเรื่องการลดไขมัน และลดรอบเอว เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวค่ะ ซึ่งเราก็มีวิธีการลดพุงผู้ชายด้วย 3 ท่าออกกำลังกายง่าย ๆ ที่ทำได้ที่บ้านมาฝากกันค่ะ

ท่าแพลงค์ (Plank)

เริ่มต้นกันที่ท่าออกกำลังกายแบบง่าย ๆ แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก ๆ อย่างท่าแพลงค์ ซึ่งเป็นท่าออกกำลังกายที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ๆ ของร่างกาย รวมทั้งบริเวณหน้าท้อง ซึ่งการมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงนั้นสามารถช่วยเพิ่มการเผาผลาญของร่างกายได้ และทำให้ไขมันส่วนเกินค่อย ๆ ถูกดึงมาใช้มากขึ้น พุงจึงจะค่อย ๆ ลดลงค่ะ

วิธีฝึก

  1. นอนคว่ำลงบนเสื่อออกกำลังกาย หรือเบาะรอง
  2. ค่อย ๆ ยันตัวขึ้นมาจากพื้นด้วยปลายเท้า และข้อศอกทั้งสองข้าง
  3. ค้างอยู่ในท่านี้ประมาณ 2 นาที โดยที่หัวไหล่ สะโพก และหัวเข่าจะต้องอยู่ในระดับเดียวกัน เป็นเส้นตรง และต้องเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องด้วย
  4. ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง

ท่าวิดพื้น (Push-up)

ท่านี้ถือเป็นท่าออกกำลังกายพื้นฐานที่ช่วยบริหารกล้ามเนื้อส่วนบนของร่างกาย อีกทั้งยังเป็นท่าออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญพลังงานค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่ต้องการลดพุงเป็นอย่างยิ่งเลยล่ะค่ะ

วิธีฝึก

  1. ชันเข่าบนพื้นเรียบ วางเท้าให้ชิดติดกัน จากนั้นโน้มตัวไปด้านหน้าพร้อมใช้ฝ่ามือวางบนพื้น โดยความกว้างจะเท่าหัวไหล่และตรงกับฝ่ามือ นิ้วมือชี้ไปด้านหน้า หลังตรงขนานกับพื้น แล้วเกร็งหน้าท้อง
  2. ลดตัวลงจนหน้าอกและคางติดหรือห่างจากพื้นเล็กน้อย เกร็งกล้ามเนื้อท้องไม่ให้หย่อนลงไป ให้ร่างกายขนานกับพื้น
  3. ดันตัวขึ้นสุดแขน โดยหลังส่วนบน ส่วนล่าง ก้น และขาจะต้องเป็นแนวเดียวกัน
  4. ลดระดับตัวลง กลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 10 – 15 ครั้ง ทั้งหมด 3 เซต

ท่าปั่นจักรยานอากาศ (Bicycle crunches)

และท่าสุดท้ายที่เราหยิบมาแนะนำกันก็คือท่าปั่นจักรยานอากาศ ซึ่งท่านี้เป็นท่าที่สามารถทำได้ง่าย และส่งผลโดยตรงต่อกล้ามเนื้อหน้าท้อง ทั้งด้านหน้า และด้านข้างเลยล่ะค่ะ เหมาะกับคนที่อยากลดพุง และเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ๆ บริเวณท้องไปในตัว 

วิธีฝึก

  1. นอนหงาย ขาสองข้างเหยียดตรง และใช้มือทั้งสองยกศีรษะเหนือจากพื้น และเกร็งค้างไว้
  2. ยกขางอเข่าขึ้นมาทีละข้าง และเหยียดกลับไป เหมือนกำลังปั่นจักรยานในอากาศ โดยขณะที่งอเข่าเข้าหาลำตัว ควรบิดตัวเล็กน้อยให้ข้อศอกกับหัวเข่าด้านตรงข้ามชนกัน 
  3. ทำสลับไปมาซ้าย – ขวา 10 – 15 ครั้ง ติดต่อกัน 3 เซต

วิธีลดพุงผู้ชาย นอกจากออกกำลังกายแล้ว ทำอย่างไรให้ได้ผล ?

นอกเหนือจากการออกกำลังกายด้วยท่าลดพุงข้างต้นแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยให้คุณหนุ่ม ๆ ลดพุงได้ โดยเฉพาะคุณหนุ่ม ๆ ที่มีพุงใหญ่ ๆ หรืออ้วนมาก ๆ การเริ่มต้นออกกำลังกายลดพุงแบบหักโหมจะส่งผลเสียกับสุขภาพมากกว่าการทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากคนที่อ้วนมาก ๆ มักไม่เหมาะกับการออกกำลังกายที่ต้องกระทบกระเทือนกับข้อต่อต่าง ๆ ของร่างกาย จึงต้องค่อย ๆ เริ่มจากการเปลี่ยนนิสัยบางอย่าง ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเบา ๆ ก่อน จนกว่ากล้ามเนื้อจะเริ่มแข็งแรง จึงจะสามารถออกกำลังกายได้มากขึ้นค่ะ ดังนั้นเราจึงขอหยิบเอาอีกวิธีลดพุงผู้ชายมาฝากเพื่อให้คุณหนุ่ม ๆ ทำควบคู่ไป จะได้พุงยุบเร็วขึ้น มาฝากค่ะ

1. เคลื่อนไหวร่างกายให้บ่อยขึ้น

สำหรับคนที่เพิ่งจะเริ่มออกกำลังกาย การเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น เช่น การลุกเดินระหว่างวัน ไม่นั่งแช่อยู่กับเก้าอี้ทำงานเป็นเวลานาน ๆ หรือการเปลี่ยนจากการขึ้นลิฟต์เป็นการขึ้นบันได รวมไปถึงการทำงานบ้าน ก็สามารถช่วยให้ร่างกายได้ขยับเขยื้อน และเพิ่มการเผาผลาญให้ร่างกายได้ด้วยเช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้น การเคลื่อนไหวร่างกายมาก ๆ ยังช่วยลดปัญหาเรื่องอาการจากออฟฟิศซินโดรมได้อีกด้วยล่ะ เห็นไหมคะว่าผอมแล้วยังได้สุขภาพดีอีกด้วยนะคะ

2. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ถือเป็นส่วนหนึ่งของการสังสรรค์ของหนุ่ม ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเครื่องดื่มชนิดนี้เป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มาก และมีส่วนทำให้คุณผู้ชายลงพุงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นถ้าคุณคิดอยากจะลดพุงให้ได้ผล ก็ควรลด หรือเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ หรือถ้าเลิกไปได้เลยจะดีที่สุด เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์นั้นนอกจากจะมีแคลอรีสูง ยังไปทำให้ระบบย่อยอาหารลดลง และร่างกายไม่สามารถดูดซึมอาหารที่มีประโยชน์ไปใช้ได้ อีกทั้งยังส่งผลให้ฮอร์โมนเพศชายลดลง และในไปสู่ภาวะลงพุงในที่สุด ถ้าอยากลดพุง และเปลี่ยนสุขภาพให้ดีขึ้น ข้อนี้ห้ามมองข้ามเลยล่ะจะบอกให้ !

แม้ว่าน้ำหวานจะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นระหว่างวันได้ แต่การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลก็เป็นสาเหตุทำให้การลดพุงของคุณไม่สัมฤทธิ์ผลค่ะ ดังนั้นถ้าคุณผู้ชายอยากลดพุงจริง ๆ แล้วล่ะก็ ทางที่ดีควรหันมาดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น แล้วลดน้ำหวานจะดีกว่า เพราะน้ำเปล่านั้นสามารถช่วยให้รู้สึกสดชื่นได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญ และช่วยให้หนักท้อง รับประทานอาหารได้น้อยลงอีกด้วย เรียกได้ว่ามีประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน โดยไม่ต้องพึ่งน้ำตาลให้อ้วนกันอีกต่อไปเลยล่ะคะ่

และนี้คืออีกเคล็ดลับดี ๆ ที่หยิบมาสำหรับหนุ่ม ๆ ที่ต้องการหาวิธีลดพุงผู้ชาย ขอบอกเลยว่าการที่คุณจะลดรอบเอวนั้นสิ่งที่คุณต้องเอาชนะให้ได้อย่างแรกคือ การเอาชนะใจตัวเอง ถ้าคุณหนุ่ม ๆ ทำได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนคุณหนุ่ม ๆ จะสามารถมีพุงที่ยุบลงได้อย่างแน่นอนเลยล่ะค่ะ

แต่ถ้าคุณหนุ่ม ๆ ยังเอาชนะใจตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากให้พุงใหญ่ ๆ ทำคุณเสี่ยงกับปัญหาสุขภาพร้ายแรงในระยะยาว คุณก็อาจต้องใช้ตัวช่วยดี ๆ ในการลดไขมันส่วนเกินที่รอบเอว ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลากหลายวิธีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการฉีดสารเพื่อสลายไขมันส่วนเกิน หรือจะเป็นการผ่าตัดดูดไขมัน ซึ่งถือเป็นวิธีดั้งเดิมที่คนส่วนใหญ่รู้จัก รวมไปถึงการใช้พลังงานความร้อนในการสลายไขมัน หรือจะเป็นการสลายไขมันด้วยความเย็นอย่าง CoolSculpting ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในระดับโลกค่ะ

CoolSculpting คืออะไร ?

CoolSculpting คือเทคโนโลยีสลายไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายด้วยความเย็น ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีที่คิดค้นและพัฒนาโดยทีมแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มาใช้เพื่อลดสัดส่วน ซึ่งในการสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting จะมีการส่งความเย็นในระดับจุดเยือกแข็ง -11 ถึง -13 °C ลงไปใต้ชั้นผิวหนังเข้าสู่ชั้นไขมันโดยใช้ Applicator ที่ออกมาให้เหมาะกับบริเวณที่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้ โดยการได้รับความเย็นในระดับนี้ติดต่อกัน 35 -75 นาที ความเย็นที่ถูกส่งลงไปจะไปทำให้เซลล์ไขมันซึ่งเป็นเซลล์ที่ไวต่อความเย็นตายลง และทำให้ร่างกายเห็นซากของเซลล์ไขมันเหล่านี้เป็นของเสีย จากนั้นร่างกายจะค่อย ๆ ขับซากของเซลล์ไขมันออกจากร่างกาย ผ่านกลไกตามธรรมชาติ โดยที่คุณไม่ต้องดูดออก หรือไปทำอะไรกับมัน ดังนั้นไม่ว่าจะในระหว่างการทำ หรือหลังจากทำแล้ว ผู้เข้ารับบริการจะไม่มีอาการเจ็บปวด หรือบาดแผลให้กังวลใจ ไม่เพียงเท่านั้น เพราะในการสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting แล้ว คุณยังสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น หรือใส่ยกกระชับให้รู้สึกอึดอัดอีกด้วยล่ะค่ะ คุณจึงสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ รับประทานอาหารได้ตามปกติ หรือออกกำลังกายตามที่คุณต้องการได้เลย

ส่วนในเรื่องของความปลอดภัย CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันเพียงเทคโนโลยีเดียวที่ได้รับการรับรองจาก US FDA (Food and Drug Administration) ซึ่งเป็นสถาบันระดับโลก อีกทั้ง ยังมีผลงานวิจัยที่พิสูจน์แล้วว่า CoolSculpting สามารถสลายไขมันในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลดีที่สุด เมื่อเทียบกับการกำจัดไขมันวิธีอื่น ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

CoolSculpting เห็นผลแค่ไหน ?

CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันที่ให้ผลความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่การทำครั้งแรก โดยในการกระบวนการทำ CoolSculpting จะใช้เวลาในการทำประมาณ 35 – 75 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ และ Applicator ที่ใช้ ซึ่งผลลัพธ์จากการทำในแต่ละครั้งจะสามารถทำให้เซลล์ไขมันบริเวณที่ทำนั้นตายลงได้ 20 – 30% ของไขมันส่วนเกินทั้งหมดในบริเวณนั้น ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล จากนั้นร่างกายจะค่อย ๆ ขับซากของเซลล์ไขมันออกมาจากร่างกาย ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 – 3 เดือน จึงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนที่สุดค่ะ 

CoolSculpting อ้วนมาก ๆ ทำได้ไหม ?

สำหรับคนผู้ชายที่อ้วนมาก ๆ มีพุงใหญ่ และต้องการใช้ CoolSculpting เพื่อลดไขมันรอบเอวนั้น ต้องขอบอกเลยว่า CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีที่สามารถสลายไขมันได้เพียงเพียงไขมันที่อยู่ชั้นนอก หรือไขมันใต้ชั้นผิวหนังเท่านั้น เนื่องจากความเย็นจะส่งเข้าไปได้เพียงบริเวณไขมันในชั้นดังกล่าว แต่คนที่อ้วน ๆ มาก และมีลักษณะพุงที่ค่อนข้างแข็ง อาจเกิดจากการที่มีไขมันสะสมภายในช่องท้อง หรือมีไขมันแทรกอยู่ตามอวัยวะ ซึ่งการทำ CoolSculpting อาจไม่ครอบคลุมนัก และอาจต้องใช้การออกกำลังกาย หรือเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในการลดไขมัน อย่างไรก็ตาม หากคุณหนุ่ม ๆ ไม่แน่ใจว่าพุงของหนุ่ม ๆ นั้นมีเกิดจากไขมันแบบใด ก็สามารถเข้ารับคำปรึกษา และคำแนะนำได้จากผู้เชี่ยวชาญได้ เพื่อที่คุณหนุ่ม ๆ จะได้ไม่เสียเวลา หรือเสียเงินไปโดยไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการค่ะ

ในการทำ CoolSculpting แม้ว่าเทคโนโลยีสลายไขมันชนิดนี้ให้ประสิทธิภาพดีที่สุดในบรรดาวิธีการลดสัดส่วนทุกวิธีที่เคยผ่านมา แต่ก็ต้องขอบอกเลยว่า ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะในการทำ CoolSculpting จะต้องทำกับผู้เชี่ยวชาญ ที่ผ่านการอบรมเรื่องการทำ CoolSculpting หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ CoolSculpting Speicalist มาเป็นอย่างดีก่อน เนื่องจากผู้ที่ผ่านการอบรมมาแล้ว จะรู้วิธีการประเมินรูปร่าง และออกแบบรูปร่างได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณสามารถมีส่วนโค้งเว้า และรูปร่างที่ดูดีได้ แต่ถ้าหากทำกับผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญ หรือเจอเทคโนโลยีที่เลียนแบบแล้วล่ะก็ สิ่งที่ตามมาก็คือ รูปร่างอาจเกิดการแหว่ง หรือไม่สวยงามตามสรีระของร่างกาย ร้ายไปกว่านั้นคือผลลัพธ์ที่ออกมาอาจไม่ได้ผล หรือเกิดอาการเบิร์นเย็นที่เป็นอันตรายได้ค่ะ

และถ้าหากวันนี้คุณกำลังมองหาสถาบันความงามที่ให้บริการ CoolSculpting ซึ่งสามารถช่วยสลายไขมันด้วยความเย็นให้คุณได้อย่างเป็นมืออาชีพ ก็ต้องที่ APEX เพราะเรามีเป็นตัวจริงที่หนึ่งในเอเชีย ในเรื่องของการทำ CoolSculpting ด้วยการเคสการทำที่ประสบความสำเร็จ และได้รับความพึงพอใจมากที่สุด อีกทั้งยังมีการส่งทีม CoolSculpting Specialist ที่ผ่านการอบรมมาแล้ว กลับไปทบทวนความรู้ และฝึกฝนเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้ดีได้ที่สุด ตรงตามความพึงพอใจ และความคาดหวังของลูกค้าทุกท่านค่ะ

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click //m.me/apexprofoundbeauty
Line : //line.me/ti/p/@apexcallcenter

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Apex Profound Beauty

  • Bangkok : 066-3310-8000
  • Korat : 0888-7000-43
  • Phuket : 088-000-2100
  • Pattaya: 087-096-1234

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง