มยผ. 1106-52 มาตรฐานงานเสาเข็ม

มาตรฐานกาหนดคณุ ลกั ษณะเฉพาะ
ของวสั ดใุ ชใ้ นงานโครงสรา้ งอาคาร
มยผ. 1101-64 ถึง มยผ. 1106-64

(ปรบั ปรงุ ครง้ั ท่ี 1)

กรมโยธาธิการและผงั เมอื ง
กระทรวงมหาดไทย

พ.ศ. 2564

คานา

กรมโยธาธิการและผังเมืองซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการกาหนดมาตรฐานการก่อสร้างอาคาร
ได้ จั ดท ามาตรฐานกาหนดคุ ณลั กษณะเฉพาะของวั สดุ ใช้ ในงานโครงสร้ างอาคารของกรมโยธาธิ การและผั งเมื อง
หรือ มยผ. 1101 ถึง 1106 เป็นมาตรฐานว่าด้วยการกาหนดคุณลักษณะเฉพาะ (Specifications) ของวัสดุหลักที่ใช้ใน
งานโครงสรา้ งอาคารประเภทต่าง ๆ ทีจ่ ัดทาขึ้นเพ่ือให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องได้ถือปฏิบัติสาหรับการก่อสร้างอาคาร
ใหม้ ีความมัน่ คงแขง็ แรงและเป็นไปตามหลกั วชิ าการซ่ึงมี จานวน 6 มาตรฐาน ประกอบดว้ ย

(1) มยผ. 1101 : มาตรฐานงานคอนกรตี และคอนกรตี เสริมเหลก็
(2) มยผ. 1102 : มาตรฐานงานคอนกรตี อดั แรง
(3) มยผ. 1103 : มาตรฐานงานเหลก็ เสรมิ คอนกรตี
(4) มยผ. 1104 : มาตรฐานงานไม้
(5) มยผ. 1105 : มาตรฐานงานฐานราก
(6) มยผ. 1106 : มาตรฐานงานเสาเขม็

โดยได้ออกเป็น มยผ. 1101 - 52 ถึง มยผ. 1106 - 52 ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ได้นามาตรฐานดังกล่าว
ไปถือปฏิบัติอย่างแพร่หลายเป็นต้นมา โดยช่วงระยะเวลาท่ีผ่านมาหน่วยงานต่า ง ๆ ก็ได้มีข้อคิดเห็น
และข้อเสนอแนะในการแก้ไขมาตรฐานในประเด็นที่พบว่าเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน ประกอบกับ
ได้มีการพัฒนาวัสดุและผลิตภัณฑ์ในงานกอ่ สรา้ งชนิดใหม่ขึน้ มาอยา่ งต่อเนื่อง ซึ่งการนาวสั ดแุ ละผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาใช้
ในงานก่อสร้างอาจไม่สอดคล้องกับข้อกาหนดในมาตรฐาน กรมโยธาธิการและผังเมืองจึงได้จัดตั้งคณะทางานข้ึนเพ่ือ
ดาเนินการรวบรวมประเด็นปัญหาจากการใช้มาตรฐานดังกล่าว วัสดุและผลิตภัณฑ์งานก่อสร้างที่ได้มี
การพัฒนาข้ึนมาใหม่และมีการใช้งานอย่างแพร่หลาย รวมถึงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ท่ีได้มี
การแก้ไขปรับปรุงใหม่ เพ่ือนาข้อมูลดังกล่าวมาปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานให้มีความเหมาะสมกับสภาวการณ์
ในปจั จุบัน เพ่อื ให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถนาไปใชป้ ฏบิ ัตติ ่อไปได้

กรมโยธาธิการและผังเมืองหวังเป็นอย่างย่ิงว่า การปฏิบัติตามมาตรฐานกาหนดคุณลักษณะเฉพาะของ
วัสดุใช้ในงานโครงสร้างอาคาร หรือ มยผ. 1101 - 64 ถึง มยผ. 1106 - 64 นี้ จะทาให้การก่อสร้างอาคารใน
ประเทศไทยมีความมั่นคงแขง็ แรง อันจะนามาซ่งึ ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพยส์ ินของประชาชนมากยิ่งขึ้น

(นายพรพจน์ เพญ็ พาส)
อธบิ ดกี รมโยธาธิการและผังเมอื ง

คณะทางานเพ่ือปรบั ปรงุ แกไ้ ขมาตรฐานกาหนดคณุ ลกั ษณะเฉพาะของวสั ด ุ
ใชใ้ นงานโครงสรา้ งอาคาร มยผ. 1101-52 ถึง มผย. 1106-52

ดร.เสถียร เจริญเหรียญ วิศวกรใหญ่ ประธานคณะทางาน

นายสนิ ทิ ธิ์ บญุ สิทธ์ิ ผอู้ านวยการสานกั ควบคมุ และตรวจสอบอาคาร คณะทางาน

นายสวุ พงษ์ ภนู าคพนั ธ์ุ ผอู้ านวยการสานกั สนบั สนนุ และพฒั นาตามผงั เมือง คณะทางาน

นายชยั ยา เจิมจตุ ธิ รรม ผอู้ านวยการกองควบคมุ การกอ่ สรา้ ง คณะทางาน

นายอทุ ิศ รกั สจั จะ ผอู้ านวยการกองวิเคราะหว์ ิจยั และทดสอบวัสดุ คณะทางาน

นายกนก สจุ ริตสญั ชยั สานกั วิศวกรรมโครงสรา้ งและงานระบบ คณะทางาน

นายสมุ ล เกียงแกว้ สานกั สนบั สนนุ และพฒั นาตามผงั เมือง คณะทางาน

นางพีชยา ทวีเลิศ กองวิเคราะหว์ ิจยั และทดสอบวสั ดุ คณะทางาน

ดร.ธนติ ใจสอาด สานกั ควบคมุ และตรวจสอบอาคาร คณะทางาน
และเลขานกุ าร

นางสาวอตนิ ชุ สินศิลาเกตุ สานกั วิศวกรรมโครงสรา้ งและงานระบบ คณะทางาน

และผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร

ดร.สวุ ฒั น์ รามจนั ทร์ สานกั ควบคมุ และตรวจสอบอาคาร คณะทางาน
และผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร

นายชานนท์ โตเบญจพร สานกั ควบคมุ และตรวจสอบอาคาร คณะทางาน
และผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร

ISBN 974 -
สงวนลขิ สิทธ์ิตามพระราชบญั ญตั ิลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
โดย สานกั ควบคมุ และตรวจสอบอาคาร

กรมโยธาธิการและผงั เมือง
ถ.พระราม 6 แขวงพญาไท
เขตพญาไท กรงุ เทพฯ 10400
โทร 0-2299-4329 โทรสาร 0-2299-4321

สารบญั หนา้ ท่ี
1
มาตรฐานงานคอนกรตี และคอนกรตี เสรมิ เหล็ก (มยผ. 1101-64) 1
1. ขอบเขต 1
2. นยิ าม 2
3. มาตรฐานอา้ งอิง 4
4. ขอ้ กาหนดสาหรบั วัสดกุ อ่ สรา้ ง 9
5. ขอ้ กาหนดในการกอ่ สรา้ ง 31
6. เอกสารอา้ งอิง 32
32
มาตรฐานงานคอนกรตี อดั แรง (มยผ. 1102-64) 32
1. ขอบเขต 33
2. นยิ าม 33
3. มาตรฐานอา้ งถึง 39
4. ขอ้ กาหนดสาหรบั วสั ดกุ อ่ สรา้ ง 40
5. ขอ้ กาหนดสาหรบั อปุ กรณแ์ ละเครื่องมือในการกอ่ สรา้ ง 48
6. ขอ้ กาหนดวา่ ดว้ ยหนว่ ยแรงที่ยอมใหแ้ ละการสญู เสียของการอดั แรง 50
7. ขอ้ กาหนดในการกอ่ สรา้ ง 51
8. เอกสารอา้ งอิง 51
51
มาตรฐานงานเหล็กเสรมิ คอนกรตี (มยผ. 1103-64) 52
1. ขอบเขต 52
2. นยิ าม 60
3. มาตรฐานอา้ งถึง 70
4. ขอ้ กาหนดสาหรบั เหล็กเสริมคอนกรีต
5. ขอ้ กาหนดในการกอ่ สรา้ ง
6. เอกสารอา้ งอิง

สารบญั

หนา้ ท่ี

มาตรฐานงานไม้ (มยผ. 1104-64) 71

1. ขอบเขต 71

2. นยิ าม 71

3. มาตรฐานอา้ งถึง 72

4. ขอ้ กาหนดสาหรบั วัสดกุ อ่ สรา้ ง 72

5. การเก็บและสง่ ตวั อยา่ งไมเ้ พ่ือทดสอบ 79

6. ขอ้ กาหนดในการกอ่ สรา้ ง 79

7. เกณฑค์ วามคลาดเคล่อื น 80

8. เอกสารอา้ งอิง 80

ผนวก ก: บญั ชรี ายชื่อไมเ้ น้อื แขง็ มาตรฐาน 81

ผนวก ข: บญั ชรี ายชอ่ื ไมท้ ่ีเลอื่ นขน้ั เป็ นไมเ้ นอื้ แข็งไดโ้ดยการอาบนา้ ยาป้ องกนั รกั ษาเนอ้ื ไม้ 84

มาตรฐานงานฐานราก (มยผ. 1105-64) 86

1. ขอบเขต 86

2. นยิ าม 86

3. มาตรฐานอา้ งถึง 86

4. ขอ้ กาหนดในการกอ่ สรา้ ง 87

5. เอกสารอา้ งอิง 92

มาตรฐานงานเสาเข็ม (มยผ. 1106-64) 93

1. ขอบเขต 93

2. นยิ าม 93

3. มาตรฐานอา้ งถึง 93

4. ขอ้ กาหนดสาหรบั วัสดกุ อ่ สรา้ ง 94

5. ขอ้ กาหนดในการกอ่ สรา้ ง 100

6. การทดสอบการรบั นา้ หนกั บรรทกุ และความสมบรู ณข์ องเสาเขม็ 107

7. เอกสารอา้ งอิง 107

บฟ. มยผ. 1106-1 รายงานการตอกเสาเข็ม 108

บฟ. มยผ. 1106-1 รายงานการกอ่ สรา้ งเสาเขม็ เจาะ 109

มยผ. 1101-64

มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็

1. ขอบข่าย

1.1 มาตรฐานน้ีครอบคลุมถึงงานโครงสร้างของอาคารหรือสิ่งก่อสร้างทว่ั ไป เช่น บา้ น โรงเรือน คลงั สินคา้
กาแพงกันดิน และอาคารชลประทาน นอกจากแบบหรือรายการประกอบแบบเฉพาะงานจะระบุ
เป็นอยา่ งอ่ืน

1.2 งานคอนกรีตในมาตรฐานน้ีจากดั เฉพาะคอนกรีตมาตรฐานทว่ั ไป ท้งั ประเภทเสริมเหล็กและไม่เสริมเหล็ก
สาหรับคอนกรีตสมบตั ิพิเศษอ่ืนๆ เช่น คอนกรีตมวลเบา คอนกรีตไหลเขา้ แบบง่าย คอนกรีตกาลงั สูง หรือ
คอนกรีตท่ีไม่สามารถใชว้ ิธีการออกแบบส่วนผสมโดยวธิ ีธรรมดา มาตรฐานน้ีอาจไม่ครอบคลุมสมบตั ิของ
คอนกรีตดงั กล่าวไดท้ ้งั หมด

1.3 มาตรฐานน้ีระบุไวเ้ พ่ือใหก้ ารก่อสร้างอาคารและส่วนต่างๆ ของอาคารคอนกรีต อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
เป็นไปตามหลกั วชิ าการ เกิดความประหยดั มีความมน่ั คงแขง็ แรงและความคงทน

1.4 มาตรฐานน้ีใช้หน่วย SI (International System Units) เป็ นหลัก และใช้ค่าการแปลงหน่วยของแรง
1 กิโลกรัมแรงเท่ากบั 10 นิวตนั

2. นิยาม

“การทดลองผสม” หมายถึง การทดสอบเพ่ือใหไ้ ดม้ าซ่ึงปฏิภาคส่วนผสมของคอนกรีตที่มีสมบตั ิตามท่ีตอ้ งการ
“คอนกรีต” หมายถึง วสั ดุท่ีประกอบข้ึนดว้ ยส่วนผสมของวสั ดุประสานเช่นปูนซีเมนตห์ รือปูนซีเมนตผ์ สมวสั ดุ
ปอซโซลาน มวลรวมละเอียดเช่นทราย มวลรวมหยาบเช่นหินหรือกรวด และน้า โดยมีหรือไม่มีสารเคมีหรือแร่
ผสมเพิ่ม
“คอนกรีตเสริมเหลก็ ” หมายถึง คอนกรีตที่มีเหล็กเสริมฝังภายในโดยที่คอนกรีตและเหล็กเสริมทางานร่วมกนั
ในการตา้ นทานแรงตา่ ง ๆ ท่ีเกิดข้ึน
“คอนกรีตอัดแรง” หมายถึง คอนกรีตที่มีการเสริมเหล็กเสริมรับแรงดึงสูงหรือวสั ดุเสริมแรงอ่ืนๆ ที่ทาให้เกิด
หน่วยแรง โดยมีขนาดและการกระจายของหน่วยแรงตามตอ้ งการเพ่ือท่ีจะหกั ลา้ งหรือลดหน่วยแรงดึงในคอนกรีต
อนั เกิดจากน้าหนกั บรรทุก
“มวลรวม” หมายถึง วสั ดุท่ีใชใ้ นส่วนผสมของคอนกรีตที่มีขนาดเมด็ โตต้งั แต่ 0.075 มิลลิเมตร ข้ึนไป
“มวลรวมหยาบ” หมายถึง วสั ดุที่ใชใ้ นส่วนผสมของคอนกรีตที่มีขนาดเมด็ โตกวา่ 4.75 มิลลิเมตร ข้ึนไป
“มวลรวมละเอียด” หมายถึงว่า วสั ดุท่ีใช้ในส่วนผสมของคอนกรีตท่ีมีขนาดเม็ดโตต้งั แต่ 0.075 ถึง 4.75
มิลลิเมตร
“มวลรวมที่นากลบั มาใช้ใหม่” หมายถึง มวลรวมซ่ึงเป็ นผลมาจากการบดคอนกรีตเพ่ือนาเอามวลรวมในคอนกรีตน้นั
กลบั มาใชใ้ หม่

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 1

“วัสดุประสาน (Cementitious Materials)” หมายถึง ผลิตภณั ฑ์ปูนซีเมนต์หรือปูนซีเมนต์ผสมแร่ผสมเพิ่ม
เม่ือนามาผสมกบั น้าจะเกิดปฏิกิริยาเคมีทาใหแ้ ขง็ ตวั เม่ือผสมกบั มวลรวมจะเป็นคอนกรีต
“ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์” หมายถึง ผลิตภณั ฑท์ ี่มีลกั ษณะเป็ นผง ไดจ้ ากการบดปูนเมด็ กบั แคลเซียมซลั เฟตรูปใด
รูปหน่ึงหรือหลายรูป และมีคุณลกั ษณะเป็นไปตาม มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 15 เล่ม 1
“ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ปอซโซลาน” หมายถึง ผลิตภณั ฑท์ ี่ไดจ้ ากการผสมอย่างสม่าเสมอระหว่างปูนซีเมนต์
ปอร์ตแลนด์กบั ปอซโซลานละเอียด โดยการบดปูนเมด็ ของปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนด์กบั ปอซโซลาน หรือการผสม
ปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนดก์ บั ปอซโซลานท่ีบดละเอียด หรือท้งั การบดและการผสม
“ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก” หมายถึง ปูนซีเมนตท์ ่ีก่อตวั และแข็งตวั เน่ืองจากทาปฏิกิริยากบั น้า และมีความสามารถ
ทานองเดียวกนั น้ีเม่ืออยใู่ นน้า และมีคุณลกั ษณะเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 2594
“ระยะหุ้ม” หมายถึง ความหนาท่ีนอ้ ยที่สุดระหวา่ งผวิ เหล็กเสริมหรือเหลก็ โครงสร้างกบั ผวิ ของคอนกรีต
“แร่ผสมเพ่มิ (Mineral Admixtures)” หมายถึง แร่ท่ีมีลกั ษณะเป็ นผงละเอียดที่เติมลงไปในส่วนผสมคอนกรีต
เพ่ือปรับปรุงความสามารถในการใชง้ าน เช่น เพิ่มกาลงั เพ่ิมความทนทาน หรือทดแทนปริมาณปูนซีเมนต์ได้
บางส่วน เป็นตน้
“สารเคมีผสมเพ่ิม (Chemical Admixtures)” หมายถึง สารเคมีท่ีใช้ผสมในคอนกรีต ไม่วา่ จะผสมในน้าผสม
คอนกรีตก่อนการผสมคอนกรีต หรือผสมในขณะที่ผสมคอนกรีต หรือผสมก่อนการเทคอนกรีต เพื่อเพิ่มสมบตั ิ
บางประการของคอนกรีต เช่น เพิม่ ความสามารถในการทางาน เพิ่มกาลงั หน่วงหรือเร่งการแขง็ ตวั เป็นตน้
“สารผสมเพมิ่ (Admixtures)” หมายถึง สารใดๆ นอกเหนือไปจากวสั ดุประสาน น้าและมวลรวม อนั ใชเ้ ติมลง
ไปในส่วนผสมของคอนกรีตไม่วา่ ก่อนหรือกาลงั ผสม เพอื่ ปรับปรุงหรือเพิ่มประสิทธิภาพคอนกรีตใหไ้ ดส้ มบตั ิ
ตามท่ีตอ้ งการ
“กาลังอัดประลัยของคอนกรีต” หมายถึง กาลงั อดั สูงสุดตามแกนยาวท่ีแท่งคอนกรีตทรงกระบอกท่ีมีเส้นผ่าน
ศูนย์กลาง 150 มิลลิเมตร สูง 300 มิลลิเมตร สามารถรับได้ หากไม่ได้ระบุเป็ นอย่างอื่นกาลังอดั ดงั กล่าวใน
มาตรฐานน้ี ใหใ้ ชก้ าลงั อดั ประลยั ที่อายุ 28 วนั เป็นเกณฑ์
“เหลก็ เสริม” หมายความวา่ เหล็กที่ใชฝ้ ังในเน้ือคอนกรีตเพื่อเสริมกาลงั ข้ึน

3. มาตรฐานอ้างถึง

3.1 มาตรฐานที่ใชอ้ า้ งถึงประกอบดว้ ย
3.1.1 กฎกระทรวงฉบบั ท่ี 60 (พ.ศ. 2549) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522

3.1.2 มาตรฐานกรมโยธาธิการและผงั เมือง มยผ.1103: มาตรฐานเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต

3.1.3 มาตรฐานกรมโยธาธิการและผงั เมือง มยผ.1201: มาตรฐานการทดสอบหาขนาดคละของมวลรวม
3.1.4 มาตรฐานกรมโยธาธิการและผงั เมือง มยผ.1202: มาตรฐานการทดสอบหาความตา้ นทานตอ่ การสึก

กร่อนของมวลรวมหยาบโดยใชเ้ คร่ืองทดสอบลอสแองเจลิส

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 2

3.1.5 มาตรฐานกรมโยธาธิการและผงั เมือง มยผ.1203: มาตรฐานการทดสอบหาสารอินทรียเ์ จือปนใน
มวลรวมละเอียด

3.1.6 มาตรฐานกรมโยธาธิการและผงั เมือง มยผ.1204: มาตรฐานการทดสอบหาค่าความหนาแน่น
สัมพทั ธ์ (ความถ่วงจาเพาะ) และค่าการดูดซึมของมวลรวมหยาบ

3.1.7 มาตรฐานกรมโยธาธิการและผงั เมือง มยผ.1205: มาตรฐานการทดสอบหาค่าความหนาแน่น
สัมพทั ธ์ (ความถ่วงจาเพาะ) และค่าการดูดซึมของมวลรวมละเอียด

3.1.8 มาตรฐานกรมโยธาธิการและผงั เมือง มยผ.1206: มาตรฐานการทดสอบหาคา่ ความช้ืนของมวลรวม
3.1.9 มาตรฐานกรมโยธาธิการและผงั เมือง มยผ.1207: มาตรฐานการทดสอบหาดินเหนียวและวสั ดุร่วน

ในมวลรวม
3.1.10 มาตรฐานกรมโยธาธิการและผงั เมือง มยผ.1208: มาตรฐานการเก็บตวั อย่างคอนกรีตในหนา้ งาน

และการเก็บรักษา
3.1.11 มาตรฐานกรมโยธาธิการและผงั เมือง มยผ.1209: มาตรฐานการทดสอบหาค่าการยบุ ตวั ของคอนกรีต
3.1.12 มาตรฐานกรมโยธาธิการและผงั เมือง มยผ.1210: มาตรฐานการทดสอบกาลงั ตา้ นทานแรงอดั ของคอนกรีต
3.1.13 มาตรฐานกรมโยธาธิการและผงั เมือง มยผ. 1212: มาตรฐานการทดสอบน้าที่ใชใ้ นงานคอนกรีต
3.1.14 มาตรฐานผลิตภณั ฑ์อุตสาหกรรม มอก. 15 เล่ม 1: ปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนด์ เล่ม 1 ขอ้ กาหนดเกณฑ์

คุณภาพ (มาตรฐานบงั คบั )
3.1.15 มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 213: คอนกรีตผสมเสร็จ
3.1.16 มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 566: มวลรวมสาหรับผสมคอนกรีต
3.1.17 มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 733: สารเคมีผสมเพ่มิ สาหรับคอนกรีต
3.1.18 มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 849: ปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนดป์ อซโซลาน
3.1.19 มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 850: ปอซโซลาน
3.1.20 มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 2135: เถา้ ลอยจากถ่านหินใชเ้ ป็นวสั ดุผสมคอนกรีต
3.1.21 มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 2919: คอนกรีตผสมเสร็จสาหรับสภาพแวดลอ้ มทางทะเล
3.1.22 มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 2594: ปูนซีเมนตไ์ ฮดรอลิก
3.1.23 ขอ้ กาหนดมาตรฐานวสั ดุและการก่อสร้างสาหรับโครงสร้างคอนกรีตของสมาคมวิศวกรรมสถาน

แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถมั ภ์ (ว.ส.ท. 1014)
3.1.24 มาตรฐานสาหรับอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กโดยวิธีกาลงั ของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศ

ไทย (ว.ส.ท. 1008)
3.1.25 มาตรฐาน American Society of Testing Materials ASTM E 119 : Standard Test Methods for Fire

Tests of Building Construction and Materials

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ท่ี 3

3.1.26 มาตรฐาน American Society of Testing Materials ASTM 1218/C 1218M : Standard Test Method
for Water-Soluble Chloride in Mortar and Concrete

3.2 ยกเวน้ กฎกระทรวงฉบบั ท่ี 60 (พ.ศ. 2549)ฯ ตามขอ้ 3.1.1 และ มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 15
เล่ม 1 ตามขอ้ 3.1.14 หากจะนามาตรฐานอ่ืนมาใชน้ อกเหนือจากท่ีระบุในขอ้ 3.1 มาตรฐานดงั กล่าวตอ้ ง
ไดร้ ับการรับรองจากคณะกรรมการควบคุมอาคารหรือสภาวิศวกร หรือจดั ทาโดยส่วนราชการ หรือจดั ทา
โดยสมาคมวชิ าชีพที่ไดร้ ับการรับรองจากคณะกรรมการควบคุมอาคาร

3.3 หากขอ้ กาหนดในมาตรฐานน้ีขดั แยง้ กบั มาตรฐานท่ีอา้ งถึงในแตล่ ะส่วน ใหถ้ ือขอ้ กาหนดในมาตรฐานน้ีเป็ น
สาคญั แต่อยา่ งไรก็ตามขอ้ กาหนดในมาตรฐานน้ีจะตอ้ งไม่ขดั กบั กฎกระทรวงฉบบั ท่ี 60 (พ.ศ. 2549)ฯ ตาม
ขอ้ 3.1.1 และมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 15 เล่ม 1 ตามขอ้ 3.1.14 ซ่ึงเป็นขอ้ กาหนดหลกั

4. ข้อกาหนดสาหรับวสั ดุก่อสร้าง

4.1 ปนู ซีเมนต์ ปูนซีเมนตท์ ่ีใชใ้ นงานก่อสร้างโครงสร้าง แบง่ เป็นประเภทตา่ งๆ ดงั น้ี
4.1.1 ปูนซีเมนต์ ปอร์ ตแลนด์ คุณลักษณะของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ให้เป็ นไปตามมาตรฐาน
ผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 15 เล่ม 1: ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ เล่ม 1 ขอ้ กาหนดเกณฑ์คุณภาพ ซ่ึง
แบ่งเป็น 5 ประเภท ดงั น้ี
4.1.1.1 ประเภท 1 (Type I) เป็ นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ธรรมดา สาหรับใช้ในการก่อสร้าง
โครงสร้างทวั่ ไป
4.1.1.2 ประเภท 2 (Type II) เป็ นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ที่ให้ความร้อนปานกลางขณะทาปฏิกิริยา
กบั น้าหรือเม่ือตอ้ งการความทนซลั เฟตปานกลาง
4.1.1.3 ประเภท 3 (Type III) เป็ นปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนดท์ ่ีให้คา่ กาลงั อดั สูงไดเ้ ร็ว สาหรับใชใ้ นงาน
คอนกรีตที่ตอ้ งการใหร้ ับน้าหนกั เร็ว หรืองานตอ้ งการถอดแบบเร็วในช่วงแรก
4.1.1.4 ประเภท 4 (Type IV) เป็ นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ท่ีให้ความร้อนต่าขณะทาปฏิกิริยากบั น้า
สาหรับใชใ้ นงานเทคอนกรีตเป็นปริมาณมาก เช่น งานคอนกรีตหลา (Mass Concrete)
4.1.1.5 ประเภท 5 (Type V) เป็ นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ที่ใช้เมื่อตอ้ งการความทนซัลเฟตสูง เช่น
งานคอนกรีตสมั ผสั น้าใตด้ ินหรือน้าเสียท่ีมีปริมาณซลั เฟตสูง
ปูนซีเมนตท์ ี่ใชใ้ นงานก่อสร้างท้งั หมด ถา้ แบบหรือรายการประกอบแบบเฉพาะงานไม่ไดก้ าหนดวา่
เป็นปูนซีเมนตป์ ระเภทใด ใหถ้ ือวา่ เป็นปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนดป์ ระเภท 1
4.1.2 ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ปอซโซลาน ใช้สาหรับการก่อสร้างโครงสร้างท่ีตอ้ งการสมบตั ิพิเศษ เช่น
ต้องการความทนซัลเฟต สมบัติ และปริ มาณของปอซโซลานเป็ นให้ไปตามมาตรฐาน
ผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 849: มาตรฐานปูนซีเมนตป์ อซโซลาน
4.1.3 ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ใช้ในงานก่อสร้างโครงสร้างท่ัวไปเช่นเดียวกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์
โดยคุณลกั ษณะของปูนซีเมนตไ์ ฮดรอลิกใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 2594

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ท่ี 4

4.2 มวลรวมละเอยี ด
4.2.1 มวลรวมละเอียดท่ีใช้ ควรเป็ นทรายน้าจืดหรือทรายบกที่มีเมด็ หยาบ คม แขง็ แกร่ง มีความคงตวั เฉ่ือย
ไม่ทาปฏิกิริยากบั ด่างในส่วนผสมคอนกรีต สะอาด ปราศจากวสั ดุอ่ืนหรือสารอ่ืนเจือปนในปริมาณที่
จะมีผลกระทบต่อกาลงั และความคงทนของคอนกรีตและเหล็กเสริม
4.2.2 ในกรณีท่ีไม่สามารถหาแหล่งทรายน้าจืด หรือทรายบก สามารถใช้ทรายทะเลผสมคอนกรีตได้ แต่
ตอ้ งทดสอบไม่ให้ปริมาณคลอไรด์ไอออนเกินกว่าร้อยละ 0.02 ของน้าหนกั ทรายแห้ง หรือเกินกวา่
ร้อยละ 0.03 ในรูปของโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) แต่อย่างไรก็ตาม ปริมาณคลอไรด์ไอออนรวมใน
คอนกรีตจะตอ้ งไม่เกินค่าท่ีกาหนดในตารางท่ี 8: ชนิดของงานก่อสร้างและปริมาณคลอไรดไ์ อออนท่ี
ยอมให้
4.2.3 ทรายที่ใช้ในการก่อสร้างควรจะมีค่ามอดุลสั ความละเอียด (Fineness Modulus) ต้งั แต่ 2.15 ถึง 3.45
แตห่ ากไม่อยใู่ นช่วงดงั กล่าว จะตอ้ งทาการทดลองผสมเพื่อยนื ยนั ความสามารถในการเทไดแ้ ละกาลงั
ของคอนกรีต
4.2.4 ทรายท่ีใชต้ อ้ งผา่ นการทดสอบสมบตั ิตาม มยผ.1201 ถึง มยผ.1209

4.3 มวลรวมหยาบ
4.3.1 มวลรวมหยาบท่ีใชต้ อ้ งเป็ นหินหรือกรวดท่ีแขง็ แกร่ง ทนทาน ไม่ผุ มีความคงตวั เฉื่อย ไม่ทาปฏิกิริยา
กบั ด่างในคอนกรีต สะอาด ปราศจากวสั ดุอื่นและสารอ่ืนเจือปนในปริมาณที่จะมีผลกระทบต่อกาลงั
และความคงทนของคอนกรีตและเหล็กเสริม
4.3.2 มวลรวมจะตอ้ งมีส่วนคละและรูปร่างท่ีเหมาะสม
4.3.3 ขนาดใหญส่ ุดของมวลรวมหยาบที่ใชต้ อ้ งเป็นไปตามตารางท่ี 1

ตารางท่ี 1 ชนิดของงานก่อสร้างและขนาดใหญ่สุดของมวลรวมหยาบ

(ขอ้ 4.3.3) หน่วยเป็ นมิลลิเมตร

ชนิดของงานก่อสร้าง ขนาดใหญ่สุด

1) ฐานราก เสา และคาน 40

2) ผนงั ที่มีความหนาต้งั แต่ 125 มม. ข้ึนไป 40

3) ผนงั ท่ีมีความหนานอ้ ยกวา่ 125 มม. 25

4) แผน่ พ้นื และครีบ 25

แต่ท้งั น้ีจะตอ้ งไม่ใหญ่เกินกวา่ ร้อยละ 20 ของดา้ นในที่แคบที่สุดของแบบหล่อ และตอ้ งไม่ใหญ่กว่า
ร้อยละ 75 ของระยะช่องวา่ ง (Clear Spacing) ระหวา่ งเหลก็ เสริมแต่ละเส้นหรือแตล่ ะมดั

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 5

4.3.4 มวลรวมหยาบท่ีใชต้ อ้ งผา่ นการทดสอบสมบตั ิตาม มยผ.1201 ถึง มยผ.1209
4.3.5หากตอ้ งการนามวลรวมที่นากลบั มาใชใ้ หมม่ าใชเ้ ป็ นมวลรวมหยาบสาหรับเป็ นส่วนผสมในคอนกรีต

มวลรวมที่นากลบั มาใชใ้ หม่จะตอ้ งเป็ นไปตามมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 566: มวลรวม
ผสมคอนกรีต หรือมาตรฐาน ว.ส.ท. 1014: ข้อกาหนดมาตรฐานวสั ดุและการก่อสร้างสาหรับ
โครงสร้างคอนกรีต วา่ ดว้ ยเรื่องมวลรวมที่นากลบั มาใชใ้ หม่ (Recycled Aggregate)

4.4 นา้

4.4.1 น้าท่ีใชผ้ สมคอนกรีตใหใ้ ชน้ ้าประปา
4.4.2 ในกรณีที่หาน้าประปาไม่ได้ น้าท่ีใชต้ อ้ งเป็นน้าจืดปราศจากสารท่ีเป็ นอนั ตรายต่อคอนกรีตและเหล็ก

เสริม และตอ้ งผ่านการทดสอบสมบตั ิตาม มยผ.1212: มาตรฐานการทดสอบน้าที่ใชใ้ นงานคอนกรีต
โดยน้าที่จะนามาใชใ้ นการผสมคอนกรีตน้นั จะตอ้ งมีปริมาณสารเจือปนไม่เกินกวา่ ที่กาหนดในตารางที่ 2

ตารางท่ี 2 ปริมาณสารทย่ี อมให้ในนา้ สาหรับผสมคอนกรีต

(ขอ้ ท่ี 4.4.2)

หน่วยเป็นส่วนตอ่ ลา้ นส่วน (PPM)

ช่ือสาร ปริมาณทยี่ อมให้

1) คลอไรด์

1.1) สาหรับงานคอนกรีตอดั แรง หรืองานสะพาน 500

1.2) สาหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็กทว่ั ไป 1,000

2) ซลั เฟต (SO4) 3,000
3) ด่าง (Na2O + 0.658K2O) 600
4) สารแขวนลอย 50,000

4.5 สารผสมเพม่ิ
4.5.1 แร่ผสมเพ่ิม (Mineral Admixtures) การใชแ้ ร่ผสมเพิ่มประเภทสารปอซโซลาน เช่น เถา้ ลอย ซิลิกา
ฟูม ก่อนนาไปใชจ้ ะตอ้ งมีการตรวจสอบสมบตั ิท่ีเกี่ยวขอ้ ง เช่น ส่วนประกอบทางเคมี และสมบตั ิทาง
กายภาพ เป็นตน้ ส่วนแร่ผสมเพิม่ อ่ืนๆ ใหม้ ีการตรวจสภาพสมบตั ิจาเป็นท่ีเกี่ยวขอ้ ง
4.5.1.1 เถา้ ลอยจากถ่านหิน (fly-ash) ท่ีนามาใช้ผสมคอนกรีต จะตอ้ งมีสมบตั ิตามมาตรฐาน มอก.
2135 : เถา้ ลอยจากถ่านหินใชเ้ ป็นวสั ดุผสมคอนกรีต

4.5.2 สารเคมีผสมเพม่ิ (Chemical Admixtures)
4.5.2.1 สามารถใชส้ ารเคมีผสมเพิ่มปรับปรุงสมบตั ิบางประการของคอนกรีตได้ เช่น
(1) สารลดน้า (Water Reducers หรือ Plasticizers) หรือสารลดน้าอย่างมาก (High-Range
Water Reducers หรือ Superplasticizers) เพ่ือลดปริมาณน้าต่อหน่วยปริมาตรของคอนกรีต

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 6

โดยท่ีความสามารถในการเทไดข้ องคอนกรีตคงเดิม หรือเพื่อเพิ่มความสามารถในการเท
ไดข้ องคอนกรีตโดยคงปริมาณน้าต่อหน่วยปริมาตรของคอนกรีตไว้
(2) สารเร่งการแขง็ ตวั (Accelerators) เพ่ือลดระยะเวลาการก่อตวั ของคอนกรีตใหส้ ้ันลง
(3) สารหน่วงการแขง็ ตวั (Retarders) เพ่ือยดื ระยะเวลาการก่อตวั ของคอนกรีตใหย้ าวนานข้ึน
4.5.2.2 สารกกั กระจายฟองอากาศ (Air-Entraining Agent) ตอ้ งมีสมบตั ิตามมาตรฐาน มอก. 874 :
สารกกั กระจายฟองอากาศสาหรับคอนกรีต

4.5.2.3 สารเคมีผสมเพม่ิ จะตอ้ งมีสมบตั ิตามมาตรฐาน มอก. 733 : สารเคมีผสมเพิม่ สาหรับคอนกรีต
4.5.2.4 สารเคมีผสมเพม่ิ สาหรับทาคอนกรีตไหล ตอ้ งมีสมบตั ิตามมาตรฐาน มอก. 985
4.5.2.5 การใช้สารเคมีผสมเพ่ิมท่ีมีส่วนประกอบของคลอไรด์อยู่ด้วยน้ัน ปริมาณของคลอไรด์

ไอออนท่ีละลายน้าได้ (Water-Soluble Chloride Ion) ในเน้ือคอนกรีตที่มีอายรุ ะหวา่ ง 28 ถึง
42 วนั จะตอ้ งไม่เกินกวา่ คา่ ในตารางที่ 8: ชนิดของงานก่อสร้างและปริมาณคลอไรดไ์ อออน
ที่ยอมให้
4.5.2.6 การใช้สารเคมีผสมเพ่ิมมากกวา่ 1 ชนิดในส่วนผสมเดียวกนั จะตอ้ งคานึงถึงผลท่ีมีต่อกนั
ของสารเคมีผสมเพิ่มแต่ละชนิดดว้ ย ดงั น้นั จึงควรปรึกษาผผู้ ลิตหรือทาการทดลองผสมก่อน
ตดั สินใจใช้
4.5.2.7 การใช้สารเคมีผสมเพ่ิมผูร้ ับจ้างจะต้องแสดงรายละเอียดส่วนประกอบหลักทางเคมี
ขอ้ แนะนาในการใช้ รวมถึงปริมาณสูงสุดท่ีจะใช้ แต่หากไม่มีรายละเอียดดงั กล่าว ผูร้ ับจา้ ง
จะตอ้ งทดลองผสมและทดสอบสมบตั ิต่างๆ ของคอนกรีต เช่น ความสามารถในการเท
กาลงั ที่ระยะตน้ กาลงั ท่ีระยะยาว และความคงทน เป็ นตน้ และตอ้ งไดร้ ับการอนุมตั ิจากผู้
วา่ จา้ งก่อนนาไปใช้
4.6 คอนกรีต คอนกรีตที่ใชใ้ นงานก่อสร้างโครงสร้าง แบ่งเป็นประเภทตา่ งๆ ไดด้ งั น้ี
4.6.1 คอนกรีตท่ัวไป (Normal Concrete) เป็ นคอนกรี ตท่ีได้จากการผสมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์
ปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนด์ปอซโซลาน หรือปูนซีเมนตไ์ ฮดรอลิกกบั มวลรวมและน้าตามที่ไดอ้ อกแบบ
ไวด้ ว้ ยเคร่ืองผสม โดยแบ่งเป็ นชนิดต่างๆ ดงั แสดงในตารางท่ี 3 และหากไม่มีการกาหนดเป็ นอยา่ ง
อ่ืน คอนกรีตที่ใชใ้ นโครงสร้างทว่ั ไปใหใ้ ชช้ นิด ค1
4.6.2 คอนกรีตผสมเสร็จ (Ready-Mixed Concrete) เป็ นคอนกรีตท่ีได้จากการผสมมาจากโรงงาน หรือ
โดยรถผสมคอนกรีตและส่งจนถึงสถานที่ก่อสร้าง ซ่ึงได้รับการรับรองการผลิตตามมาตรฐาน
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก. 213: มาตรฐานคอนกรีตผสมเสร็จ หรือมีข้ันตอนการผลิตและ
รายละเอียดเป็ นไปตามมาตรฐานผลิตภณั ฑ์อุตสาหกรรม มอก. 213: มาตรฐานคอนกรีตผสมเสร็จ
โดยมีวิศวกรระดบั ไม่นอ้ ยกวา่ สามญั วิศวกร สาขาวิศวกรรมโยธา เป็ นผลู้ งลายมือช่ือรับรองข้นั ตอน
การผลิตน้นั 4.6.3 คอนกรีตผสมเสร็จสาหรับสภาพแวดล้อมทางทะเล เป็ นคอนกรีตท่ีไดจ้ ากการ
ผสมมาจากโรงงาน หรือโดยรถผสมคอนกรีตและส่งจนถึงสถานท่ีก่อสร้างในสภาพเหลวท่ีจา่ ยไปยงั

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 7

ที่หล่อ และพร้อมใชง้ านไดท้ นั ที ใชส้ าหรับโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กที่ตอ้ งสัมผสั กบั คลอไรด์
ในขณะใช้งาน เช่น โครงสร้างที่สัมผสั น้าทะเลหรือน้ากร่อย โครงสร้างที่สัมผสั กับคล่ืนชายฝ่ัง
โครงสร้างท่ีอยูใ่ นบริเวณน้าข้ึนน้าลง โครงสร้างที่สัมผสั ไอทะเล หรือโครงสร้างท่ีสัมผสั กบั ดินเค็ม
โดยมีสมบตั ิเป็ นไปตามมาตรฐานผลิตภณั ฑ์อุตสาหกรรม มอก. 2919: คอนกรีตผสมเสร็จสาหรับ

สภาพแวดลอ้ มทางทะเล

ตารางที่ 3 ชนิดของคอนกรีต และค่าแรงอดั ประลยั ตา่ สุด

(ขอ้ 4.6.1)

หน่วยเป็นเมกาปาสกาล (กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร)

กาลงั อดั ประลยั ตา่ สุดของแท่งคอนกรีตมาตรฐานท่ี

ชนิดของ อายุ 28 วนั

คอนกรีต ลูกบาศก์ ทรงกระบอก

150150150 มม.  150300 มม.

ค1 18.0 (180) 15.0 (150)

ค2 21.0 (210) 18.0 (180)

ค3 24.0 (240) 21.0 (210)

ค4 28.0 (280) 24.0 (240)

ค4-5 30.0 (300) 25.0 (250)

ค5 32.0 (320) 28.0 (280)

ค6 35.0 (350) 30.0 (300)

ค7 38.0 (380) 32.0 (320)

ค8 40.0 (400) 35.0 (350)

ค9 42.0 (420) 38.0 (380)

ค10 45.0 (450) 40.0 (400)

ค11 50.0 (500) 45.0 (450)

ค12 55.0 (550) 50.0 (500)

4.7 เหลก็ เส้นเสริมคอนกรีต คุณลกั ษณะใหเ้ ป็นไปตาม มยผ. 1103 : มาตรฐานเหลก็ เส้นเสริมคอนกรีต

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ท่ี 8

5. ข้อกาหนดในการก่อสร้าง

ในการก่อสร้างจะตอ้ งมีการควบคุณภาพของคอนกรีตทุกข้นั ตอนเป็ นอยา่ งดี ไมว่ า่ จะเป็ นข้นั ตอนการเตรียมวสั ดุ
การกาหนดส่วนผสม การผสม การลาเลียง การเท การทาใหแ้ น่น การบ่ม และอื่นๆ เพอ่ื ใหไ้ ดม้ าซ่ึงคอนกรีตท่ีมี
ความแขง็ แรงและคงทนตามท่ีตอ้ งการ

ในกรณีที่แบบและรายละเอียดการก่อสร้างไม่ไดร้ ะบุลกั ษณะความคงทนไว้ และโครงการก่อสร้างอยูใ่ น
พ้ืนท่ีหรือเง่ือนไขที่จะตอ้ งพิจารณาความคงทนของอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กให้มีอายุการใชง้ านท่ีไม่ตอ้ งการ
ซ่อมแซมไม่นอ้ ยกว่า 25 ปี ให้พิจารณาลกั ษณะของความคงทนตามลกั ษณะงานก่อสร้างและสภาพแวดลอ้ ม
เป็นไปตามตารางท่ี 4

ตารางท่ี 4 สมบตั ิของคอนกรีตทตี่ ้องคานึงถงึ ตามลกั ษณะงานก่อสร้างและสภาพแวดล้อม
ของโครงสร้าง

ลกั ษณะของงานก่อสร้าง ลกั ษณะของความคงทนทต่ี ้องพจิ ารณา
และสภาพแวดล้อม

1. งานก่อสร้างที่สมั ผสั น้าจืด ไมม่ ี
ก) ใตน้ ้า การเป็ นสนิมของเหล็กเสริ ม
ข) เผชิญวฏั จกั ร เปี ยกสลบั แหง้

ค) บรรยากาศบริ เวณท่ีสัมผัส การตา้ นทานคาร์บอเนชน่ั หรือการเป็ นสนิมของ-

ละอองน้าได้ เหล็กเสริม

2. งานก่อสร้างท่ีสัมผสั น้ากร่อย การตา้ นทานซลั เฟตและคลอไรด์
ก) ใตน้ ้า การตา้ นทานคลอไรด์
ข) เผชิญวฏั จกั ร เปี ยกสลบั แหง้

ค) บรรยากาศบริ เวณท่ีสัมผัส การตา้ นทานคาร์บอเนชน่ั หรือการตา้ นทานคลอไรด์

ละอองน้าได้

3. งานก่อสร้างท่ีสัมผสั น้าทะเล การตา้ นทานซลั เฟตและคลอไรด์
ก) ใตน้ ้า การตา้ นทานคลอไรด์
ข) เผชิญวฏั จกั ร เปี ยกสลบั แหง้

ค) บรรยากาศบริ เวณที่สัมผัส การตา้ นทานคลอไรด์ และการตา้ นทานคาร์บอเนชน่ั

ละอองน้าได้

4. งานก่อสร้างท่ีสัมผสั น้าเสีย การตา้ นทานกรดซลั ฟุริก และการตา้ นทานซลั เฟต

5. งานก่อสร้างใตด้ ิน การตา้ นทานซลั เฟต

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 9

ตารางท่ี 4 (ต่อ) สมบตั ิของคอนกรีตทตี่ ้องคานึงถึงตามลกั ษณะงานก่อสร้างและสภาพแวดล้อมของโครงสร้าง

ลกั ษณะของงานก่อสร้าง ลกั ษณะของความคงทนทตี่ ้องพจิ ารณา
และสภาพแวดล้อม

6. โครงสร้างที่ติดผิวดิน (เช่น ตอม่อ

คานคอดิน เป็นตน้ )

ก) เผชิญคลอไรด์ การเป็ นสนิมของเหลก็ เสริม และการตา้ นทานคลอไรด์

ข) ไม่เผชิญคลอไรด์ การเป็ นสนิมของเหล็กเสริ ม

7. โครงสร้างที่สมั ผสั บรรยากาศภายนอก การตา้ นทานคาร์บอเนชน่ั

(เผชิญกบั ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด)์

8. งานก่อสร้างในบรรยากาศท่ีต้อง การแตกร้าวเนื่องจากการหดตวั แบบแหง้

คานึงถึงการหดตัวแบบแห้ง (มี

ความช้ืนสมั พทั ธ์ต่ากวา่ 100%)

9. งานก่อสร้างคอนกรีตหลา เช่น เขื่อน การแตกร้าวเน่ืองจากอุณหภูมิ

ฐานรากขนาดใหญ่ และโครงสร้าง

ท่ีมีความหนามาก

10. ชิ้นส่วนบางต่อเนื่องที่มีการยดึ ร้ัง การแตกร้าวเน่ืองจากการหดตวั

11. ลักษ ณะ ข อง งาน คอ นกรี ตท่ี มี การหดตวั แบบออโตจีเนียส

อัตราส่วนน้าต่อวสั ดุประสานต่า
หรือมีความทึบน้าสูง

12. งานก่อสร้างที่สัมผสั สารเคมีอ่ืน ความสามารถในการตา้ นสารเคมีที่เก่ียวขอ้ ง

หากโครงสร้างคอนกรีตไดร้ ับการเคลือบผวิ ในดา้ นท่ีสัมผสั กบั สภาพแวดลอ้ ม เช่น เคลือบผิวดว้ ยอีพอ็ กซี่ ฉาบ
ปูน ติดกระเบ้ือง หรือทาสี โดยมีการบารุงรักษาวสั ดุเคลือบผวิ เป็ นอยา่ งดีในช่วงการใชง้ านโครงสร้าง จะทาให้
โครงสร้างคอนกรีตที่ไดร้ ับการเคลือบผิวน้นั และอยูใ่ นลกั ษณะงานก่อสร้างและสภาพแวดลอ้ มท่ี 1 ถึงที่ 8 ท่ี 11
และที่ 12 มีอายกุ ารใชง้ านยาวนานข้ึน

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 10

5.1 การเตรียมวสั ดุ

5.1.1 ปนู ซีเมนต์
5.1.1.1 ปูนซีเมนต์ที่ใช้ต้องบรรจุถุงเรียบร้อย หรือเป็ นปูนซีเมนต์ที่เก็บในภาชนะบรรจุของ
บริษทั ผผู้ ลิต
5.1.1.2 ปูนซีเมนตบ์ รรจุถุง ตอ้ งเก็บไวบ้ นพ้ืนท่ียกสูงกวา่ พ้ืนดินอยา่ งนอ้ ย 30 เซนติเมตร ในโรงท่ีมี
หลงั คาคลุม และมีฝาก้นั กนั ฝนไดด้ ี
5.1.1.3 หา้ มใชป้ ูนซีเมนตเ์ สื่อมคุณภาพ เช่น ปูนซีเมนตซ์ ่ึงแขง็ ตวั จบั กนั เป็นกอ้ น เป็นตน้
5.1.1.4 ปูนซีเมนตท์ ่ีถูกเกบ็ ไวน้ านควรจะไดร้ ับการทดสอบคุณภาพก่อนนาไปใช้
5.1.1.5 ในโครงสร้างชิ้นเดียวกนั เช่น เสา คาน พ้ืน เป็ นตน้ ไม่ควรใช้ปูนซีเมนตต์ ่างประเภทผสม
คอนกรีตปนกนั

5.1.2 มวลรวม
5.1.2.1 ทราย หิน หรือกรวด ตอ้ งกองในลกั ษณะที่แยกขนาด และป้องกนั มิใหป้ ะปนกนั
5.1.2.2 ในการเก็บหรือเคล่ือนยา้ ยมวลรวมตอ้ งไม่ก่อใหเ้ กิดการแยกตวั ของขนาด ไม่ให้ส่ิงสกปรก
เขา้ ไปปะปน และไมใ่ หเ้ กิดการแตกเป็นชิ้นของมวลรวม
5.1.2.3 มวลรวมตอ้ งไม่แหง้ และมีอุณหภูมิสูงจนทาให้อุณหภูมิของคอนกรีตท่ีผลิตโดยใชม้ วลรวม
ดงั กล่าวสูงตามไปดว้ ย และควรเก็บมวลรวมโดยป้องกนั ไม่ใหม้ วลรวมเปี ยกเกินไป

5.1.3 นา้
5.1.3.1 ให้ใชน้ ้าประปา แต่ถา้ จาเป็ นตอ้ งใชน้ ้าที่ขุ่นมาผสมคอนกรีตแลว้ ตอ้ งทาน้าให้ใสก่อนจึง
นามาใช้ได้ โดยอาจปฏิบตั ิดงั น้ี ให้ใช้ปูนซีเมนต์ 1 ลิตร ต่อน้าขุ่น 200 ลิตร ผสมทิ้งไว้
ประมาณ 5 นาที หรือจนตกตะกอนนอนกน้ หมดแลว้ จึงตกั เอาน้าใสมาใชไ้ ดแ้ ต่ท้งั น้ี น้า
ตอ้ งผา่ นการทดสอบสมบตั ิตาม มยผ. 1212: มาตรฐานการทดสอบน้าที่ใชใ้ นงานคอนกรีต

5.1.4 สารผสมเพมิ่
5.1.4.1 การเก็บสารผสมเพิ่มตอ้ งระวงั ไม่ใหเ้ กิดการปนเป้ื อน
5.1.4.2 ไม่ใชส้ ารผสมเพิม่ ท่ีมีการเสื่อมสภาพหรือมีสมบตั ิท่ีเปล่ียนแปลงไปแลว้
5.1.4.3 ควรป้องกนั สารผสมเพิ่มที่เป็ นของเหลวจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิท่ีมากเกินไปอนั จะมี
ผลกระทบตอ่ การเปล่ียนแปลงสมบตั ิของสารผสมเพิม่

5.2 ส่วนผสมคอนกรีต
5.2.1 ก่อนการใชง้ านคอนกรีตจริง ควรทดลองหาส่วนผสมล่วงหนา้ โดยส่วนผสมที่เหมาะสมใหพ้ ิจารณา
จากคุณภาพของวสั ดุเป็นคราวๆ ไป
5.2.2 การเลือกส่วนผสมใหถ้ ือหลกั ดงั น้ี

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 11

5.2.2.1 ในกรณีที่ไม่ไดม้ ีการทดลองผสมโดยวิศวกร ปริมาณปูนซีเมนตส์ าหรับคอนกรีตชนิด ค1 ค2
และ ค3 ตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ ที่กาหนดไวใ้ นตารางท่ี 5

.

ตารางท่ี 5 ปริมาณปูนซีเมนต์ทใ่ี ช้ในส่วนผสมคอนกรีต
(ขอ้ 5.2.2.1)
หน่วยเป็ นกิโลกรัม

ชนิดของ ปริมาณปูนซีเมนต์ทใี่ ช้
คอนกรีต ต่อคอนกรีต 1 ลบ.ม.

ค1 290
ค2 300
ค3 320

สาหรับกรณีท่ีมีการทดลองผสมหรือเป็ นคอนกรีตชนิดอื่นนอกเหนือจากตารางท่ี 5 ปริมาณ
ปูนซีเมนต์ท่ีเหมาะสมจะตอ้ งกาหนดโดยวิศวกรผูอ้ อกแบบส่วนผสมซ่ึงจะตอ้ งพิจารณา
สมบตั ิของคอนกรีตและการใชง้ านท่ีเหมาะสมดว้ ย และกาลงั อดั ประลยั ที่ใชใ้ นการออกแบบ
ส่วนผสมคอนกรีตใหเ้ ป็ นไปตามขอ้ ที่ 5.2.3
5.2.2.2 ปริมาณน้าไม่ควรใช้มากเกินไปอนั จะทาให้คอนกรีตมีความแข็งแรงและความคงทนลดลง
หรือเกิดการเยมิ้ หรือการแยกตวั ของส่วนผสมจนเป็ นปัญหาต่อการเท ปริมาณน้าที่เหมาะสม
จะพิจารณาจากค่ายบุ ตวั ของคอนกรีตที่ตอ้ งการตามการใชง้ านและขนาดของมวลรวมหยาบ
ในสภาพอ่ิมตวั ผวิ แหง้ (Saturated Surface Dry) ตามท่ีแสดงในตารางท่ี 6

ตารางท่ี 6 ปริมาณนา้ ทเี่ หมาะสมในส่วนผสมคอนกรีต1)
(ขอ้ 5.2.2.2)
หน่วยเป็ นลิตร

ปริมาณนา้ ต่อคอนกรีตหนึ่งลูกบาศก์เมตร

ค่ายุบตัว (มม.) มวลรวมหยาบขนาด มวลรวมหยาบขนาด

75 ใหญ่สุด 20 มม. ใหญ่สุด 25 มม.
100
125 180 170
150
190 180
200 190

210 200

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ท่ี 12

หมายเหตุ 1) เป็ นปริมาณน้าที่ใชใ้ นส่วนผสมคอนกรีตที่ไม่ไดม้ ีการผสมสารลดน้าหรือสารลด
น้าอยา่ งมาก หรือมีการผสมแร่ผสมเพิ่ม อาจตอ้ งใชป้ ริมาณน้าท่ีแตกต่างกนั เพือ่ ให้
ไดค้ อนกรีตท่ีมีค่ายบุ ตวั ท่ีตอ้ งการ

5.2.2.3 กรณี ท่ีต้องการให้คอนกรี ตมีความคงทน อัตราส่วนน้ าต่อวัสดุประสาน (Water to
Cementitious Material Ratio, W/CM) โดยน้าหนัก เม่ือพิจารณาในสภาวะการใช้งานของ
คอนกรีตควรมีคา่ ไม่เกินท่ีกาหนดไวใ้ นตารางที่ 7

ตารางที่ 7 อตั ราส่วนนา้ ต่อวสั ดุประสานในสภาวะการใช้งานต่าง ๆ กนั
(ขอ้ 5.2.2.3)

ประเภทคอนกรีตทต่ี ้องการ อตั ราส่วนนา้ ต่อวสั ดุประสาน
ทยี่ อมให้

1) คอนกรีตท่ีตอ้ งการความทึบน้า 0.50

2) คอนกรีตที่ตอ้ งการความตา้ นทานซลั เฟต

2.1 โซเดียมซลั เฟต

2.1.1 เส่ียงต่อซัลเฟตปานกลาง (ปริมาณซัลเฟตท่ีละลายน้า 0.50

ไดใ้ นดินต้งั แต่ร้อยละ 0.1ถึง 0.2 หรือปริมาณซัลเฟต

ในน้าต้งั แต่ 150 ถึง 1,500 ppm.)

2.1.2 เสี่ยงต่อซลั เฟตรุนแรง (ปริมาณซลั เฟต ท่ีละลาย 0.45

น้าไดใ้ นดินต้งั แต่ร้อยละ 0.2 ถึง 2.0 หรือ ปริมาณ

ซลั เฟตในน้าต้งั แต่ 1,500 ถึง 10,000 ppm.)

2.1.3 เส่ียงต่อซัลเฟตรุนแรงมาก (ปริมาณซัลเฟต ที่ 0.40

ละลายน้ าได้ในดินมากกว่าร้อยละ 2.0 หรื อ

ปริมาณซลั เฟตในน้ามากกวา่ 10,000 ppm.)

2.2 แมกนีเซี่ยมซลั เฟต

2.2.1 เสี่ยงต่อซัลเฟตปานกลาง (ปริมาณซัลเฟตในน้า 0.50

ต้งั แต่ 300 ถึง 1,000 ppm.)

2.2.2 เส่ียงต่อซลั เฟตรุนแรง (ปริมาณซลั เฟตในน้าต้งั แต่ 0.45

1,000 ถึง 3,000 ppm.)

2.2.3 เสี่ยงต่อซลั เฟตรุนแรงมาก (ปริมาณซลั เฟตในน้าต้งั แต่ 0.40

3,000 ppm. ถึง คา่ อิ่มตวั )

3) คอนกรีตท่ีตอ้ งการความตา้ นทานการซึมผา่ นของ คลอไรด์

3.1 กรณีท่ีระยะหุม้ คอนกรีตไดต้ ามตารางท่ี 13 0.45

3.2 กรณีท่ีไม่สามารถทาตามไดต้ ามขอ้ 3.1 0.40

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ท่ี 13

5.2.2.4 กรณีมีการใชท้ รายทะเลหรือมีการใชส้ ารเคมีผสมเพ่ิมท่ีมีส่วนประกอบของคลอไรด์อยูด่ ว้ ย
ปริมาณคลอไรดร์ วมในคอนกรีตที่เกิดจากส่วนผสมแต่ละชนิดรวมกนั จะตอ้ งมีค่าไม่เกินกวา่
ท่ีกาหนดดงั ตารางท่ี 8 โดยการทดสอบเพื่อหาปริมาณของคลอไรด์ไอออนท่ีละลายน้าไดใ้ ห้
เป็ นไปตามมาตรฐาน ASTM C 1218/C 1218M : Standard Test Method for Water-Soluble
Chloride in Mortar and Concrete

ตารางที่ 8 ชนิดของงานก่อสร้างและปริมาณคลอไรด์ไอออน2) ทย่ี อมให้

(ขอ้ 5.2.2.4)

หน่วยเป็นร้อยละของน้าหนกั วสั ดุประสาน

ชนิดของงานก่อสร้าง ปริมาณคลอไรด์ไอออนทลี่ ะลายนา้ ได้
สูงสุดในคอนกรีต

คอนกรีตอดั แรง 0.06

คอนกรีตเสริมเหล็กท่ีขณะใช้งานมีการสัมผสั กบั คลอ 0.15

ไรด์ เช่น กาแพงกนั คลื่น (Sea-Retaining Walls)

คอนกรีตเสริมเหล็กท่ีมีสภาพแห้งหรือขณะใชง้ านมีการ 1.00

ป้องกนั ความช้ืน

การก่อสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กอ่ืน 0.30

หมายเหตุ 2) เป็นปริมาณคลอไรดท์ ี่มาจากส่วนผสมคอนกรีต ไมใ่ ช่ที่ไดม้ าจากสภาพแวดลอ้ ม

5.2.3 กาลงั อดั ประลยั ท่ีใชอ้ อกแบบส่วนผสมคอนกรีต ในการออกแบบส่วนผสมคอนกรีตกาลงั อดั ท่ีใชใ้ น
การออกแบบส่วนผสม ตอ้ งมีการเผื่อจากค่ากาลงั อดั ประลยั ท่ีกาหนดในแบบก่อสร้างหรือกาลงั อดั
ประลยั ที่ตอ้ งการโดยใหถ้ ือหลกั ดงั น้ี
5.2.3.1 กรณีมีขอ้ มูลคา่ ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน กาลงั อดั ประลยั ท่ีใชอ้ อกแบบส่วนผสมคอนกรีต ตอ้ ง
ไม่นอ้ ยกวา่ ท่ีกาหนดไวใ้ นตารางที่ 9

ตารางท่ี 9 กาลงั อดั ประลยั ทใี่ ช้ออกแบบส่วนผสมคอนกรีต กรณใี ช้ข้อมูลค่าความเบีย่ งเบนมาตรฐาน
(ขอ้ 5.2.3.1)

ชนิดของคอนกรีต กาลงั อดั ประลยั ทใี่ ช้ออกแบบส่วนผสมคอนกรีต
ไม่ต่ากว่า
ค1
ค2 กาลงั อดั ประลยั ท่ีตอ้ งการ + 1.34s เมกาปาสกาล หรือ
ค3 กาลงั อดั ประลยั ที่ตอ้ งการ + 2.33s – 3.45 เมกาปาสกาล โดยใหใ้ ชค้ า่ ท่ีมากกวา่

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 14

ตารางท่ี 9 (ต่อ) กาลงั อดั ประลยั ทใี่ ช้ออกแบบส่วนผสมคอนกรีต กรณใี ช้ข้อมูลค่าความเบย่ี งเบนมาตรฐาน
(ขอ้ 5.2.3.1)

ชนิดของคอนกรีต กาลงั อดั ประลยั ทใ่ี ช้ออกแบบส่วนผสมคอนกรีต
ไม่ต่ากว่า

ค4 กาลงั อดั ประลยั ท่ีตอ้ งการ + 1.34s เมกาปาสกาล หรือ

ค4-5 กาลงั อดั ประลยั ที่ตอ้ งการ + 2.33s – 3.45 เมกาปาสกาล โดยใหใ้ ชค้ ่าที่มากกวา่

ค5

ค6

ค7

ค8

ค9 กาลงั อดั ประลยั ที่ตอ้ งการ + 1.34s เมกาปาสกาล หรือ

ค10 0.90 เท่าของกาลงั อดั ประลยั ท่ีตอ้ งการ + 2.33s เมกาปาสกาล โดยใหใ้ ชค้ า่ ที่มากกวา่

ค11

ค12

เม่ือ s หมายถึง คา่ เบ่ียงเบนมาตรฐานที่ไดจ้ ากการทดสอบกาลงั อดั ประลยั ของแท่งตวั อยา่ งคอนกรีตมาตรฐาน

จานวน 30 ตวั อยา่ งติดต่อกนั โดยใชส้ ่วนผสมคอนกรีตที่ออกแบบไวส้ าหรับกาลงั อดั ประลยั ที่ตอ้ งการ โดยผล

การทดสอบตอ้ งมีอายไุ มเ่ กิน 1 ปี หรือตอ้ งมีการทดสอบเพอื่ หาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานใหม่ทุก ๆ คร้ังท่ีมีการ

เปลี่ยนแหล่งวสั ดุ (เมกาปาสกาล)

5.2.3.2 กรณีไม่มีขอ้ มูลค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน กาลงั อดั ประลยั ท่ีใชอ้ อกแบบส่วนผสมคอนกรีต
ตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ ที่กาหนดไวใ้ นตารางที่ 10

ตารางที่ 10 กาลงั อดั ประลยั ท่ีใช้ออกแบบส่วนผสมคอนกรีต กรณไี ม่มีข้อมูลค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน

(ขอ้ 5.2.3.2)

หน่วยเป็นเมกาปาสกาล (กิโลกรัมแรงตอ่ ตารางเซนติเมตร)

ชนิดของคอนกรีต กาลงั อดั ประลยั ทใี่ ช้ออกแบบส่วนผสมคอนกรีต
ไม่ตา่ กว่า

ค1 กาลงั อดั ประลยั ท่ีตอ้ งการ + 7.0 (70)

ค2

ค3 กาลงั อดั ประลยั ท่ีตอ้ งการ + 8.5 (85)

ค4

ค4-5

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 15

ตารางที่ 10 (ต่อ) กาลงั อดั ประลยั ทใ่ี ช้ออกแบบส่วนผสมคอนกรีต กรณไี ม่มขี ้อมูลค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน

(ขอ้ 5.2.3.2)

หน่วยเป็นเมกาปาสกาล (กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)

ชนิดของคอนกรีต กาลงั อดั ประลยั ทใ่ี ช้ออกแบบส่วนผสมคอนกรีต
ไม่ตา่ กว่า

ค5 กาลงั อดั ประลยั ท่ีตอ้ งการ + 8.5 (85)

ค6

ค7

ค8

ค9 1.1 เท่าของกาลงั อดั ประลยั ท่ีตอ้ งการ + 5.0 (50)

ค10

ค11

ค12

หมายเหตุ กาลงั อดั ประลยั ที่ตอ้ งการ ให้เป็นไปตามตารางท่ี 3 ชนิดของคอนกรีต และค่าแรงอดั ประลยั ต่าสุด

5.3 การผสมคอนกรีต
5.3.1 การผสมคอนกรีตในสถานท่ีก่อสร้าง ให้ผสมด้วยเครื่องผสม และการผสมแต่ละคร้ังให้ผสมต่อ
ปูนซีเมนต์ 1 หรือ 2 ถุง

5.3.2 สาหรับเครื่องผสมที่มีความจุ 1 ลูกบาศกเ์ มตร หรือนอ้ ยกวา่ ตอ้ งใชเ้ วลาผสมนานอยา่ งนอ้ ย 1½ นาที

และใหเ้ พ่มิ ระยะเวลาผสม 15 วนิ าที ทุก ๆ ความจุที่เพิม่ ข้ึน 0.5 ลูกบาศก์เมตร หรือเศษของลูกบาศก์
เมตร
5.3.3 เครื่องผสมต้องหมุนด้วยความเร็วสม่าเสมอตามที่ผูผ้ ลิตกาหนด อตั ราความเร็วท่ีขอบนอกควร
ประมาณ 1 เมตร ตอ่ วนิ าที
5.3.4 การนบั เวลาที่ใชผ้ สมใหเ้ ริ่มนบั เม่ือใส่มวลวสั ดุตา่ ง ๆ ที่ใชผ้ สมท้งั หมดลงในเคร่ืองผสมแลว้
5.3.5 จะตอ้ งผสมเน้ือคอนกรีตให้มีความสม่าเสมอ เป็ นเน้ือเดียวกนั มีความขน้ เหลวพอเหมาะที่สามารถ
เทและทาใหแ้ น่นได้

5.4 การลาเลยี งและการเทคอนกรีต
5.4.1 ตอ้ งตรวจดูแบบหล่อและการวางเหล็กเสริมวา่ มน่ั คง และถูกตอ้ งตามแบบรายละเอียดพร้อมท้งั ทา
ความสะอาดให้ปราศจากเศษวสั ดุที่อยูใ่ นแบบท่ีจะเท และอุดรอยร่ัวต่างๆ เพื่อมิให้น้าปูนหนีออก
เรียบร้อยแลว้ จึงจะทาการเทคอนกรีตได้

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 16

5.4.2 การลาเลียงคอนกรีตตอ้ งทาดว้ ยความระมดั ระวงั โดยใชว้ ิธีการลาเลียงคอนกรีตท่ีเหมาะสม และไม่
ทาใหเ้ กิดการแยกตวั ของคอนกรีต ตามขอ้ พิจารณาดงั ต่อไปน้ี
5.4.2.1 เม่ือท่ีผสมคอนกรีตอยู่ในระดบั เดียวกบั บริเวณท่ีตอ้ งการเทคอนกรีต ควรใชว้ ิธีการลาเลียง
โดยคนงาน รถเขน็ รถผสมคอนกรีต สายพานลาเลียง หรือคอนกรีตปั๊ม เป็นตน้
5.4.2.2 เมื่อท่ีผสมคอนกรีตอยใู่ นระดบั สูงกวา่ บริเวณท่ีตอ้ งการเทคอนกรีต ควรใชว้ ธิ ีการลาเลียงโดย
ราง สายพานลาเลียง หรือคอนกรีตปั๊ม เป็นตน้
5.4.2.3 เม่ือท่ีผสมคอนกรีตอยใู่ นระดบั ต่ากวา่ บริเวณท่ีตอ้ งการเทคอนกรีต ควรใชว้ ิธีการลาเลียงโดย
ใชร้ อก ใชล้ ิฟท์ รถเครน ทาวเวอร์เครน สายพานลาเลียง หรือคอนกรีตปั๊ม เป็นตน้
5.4.2.4 เม่ือท่ีผสมคอนกรีตอยูห่ ่างจากบริเวณที่ตอ้ งการเทคอนกรีต ตอ้ งใชว้ ิธีการลาเลียงโดยรถโม่
ขนคอนกรีตมาส่งท่ีหน่วยงาน และลาเลียงต่อไปสู่บริเวณท่ีตอ้ งการเทคอนกรีตดว้ ยวธิ ีอื่นที่
เหมาะสม

5.4.3 การเทคอนกรีตตอ้ งทาดว้ ยความระมดั ระวงั เพือ่ ไม่ใหเ้ กิดการแยกตวั ของคอนกรีต
5.4.4 คอนกรีตที่ผสมแลว้ ตอ้ งรีบนาไปเทลงในแบบโดยเร็ว ก่อนท่ีคอนกรีตน้นั จะแข็งตวั (โดยทวั่ ไป

ไม่ควรเกิน 30 นาที ยกเวน้ จะมีการใช้สารเคมีผสมเพ่ิมที่สามารถยืดเวลาการก่อตวั ของคอนกรีต
ออกไปได)้ และตอ้ งระมดั ระวงั มิใหเ้ หลก็ เสริมเคล่ือน หรือเปล่ียนไปจากตาแหน่งเดิม
5.4.5 ถา้ หากเทคอนกรีตในโครงสร้าง ส่วนหน่ึงส่วนใดไม่เสร็จในรวดเดียวแล้ว ตอ้ งหยุดเทคอนกรีต
ตามที่ผคู้ วบคุมงานกาหนดหรือตามตาแหน่ง ดงั น้ี
5.4.5.1 สาหรับเสา ท่ีระดบั ไมเ่ กิน 75 มิลลิเมตร ต่าจากทอ้ งคานหวั เสา

5.4.5.2 สาหรับคานและแผ่นพ้ืนที่ช่วงกลางเม่ือแบ่งช่วงคานหรือแผ่นพ้ืนเป็ นสามส่วน (Mid –
Third) โดยใชไ้ มก้ ้นั ต้งั ฉาก

5.4.5.3 ในกรณีที่คานรองตดั กบั คานหลกั ให้กาหนดรอยต่อใหห้ ่างจากคานรองออกไปอีกเป็ นระยะ
2 เทา่ ของความกวา้ งของคานรองตามรูปที่ 1

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 17

2B 2B
B

คานหลกั

ตาแหน่งศูนย์กลางคานรอง
ตาแหน่งรอยต่อ

รูปท่ี 1 การเลื่อนรอยต่อในการหยุดเทคอนกรีตเม่ือรอยต่อเดิมตรงกบั คานรอง

5.4.5.4 ท่ีตาแหน่งรอยต่อ ใหท้ าผวิ คอนกรีตใหห้ ยาบ ตามวธิ ีท่ีไดร้ ับการรับรองแลว้ จนเห็นเมด็ หิน

โผล่โดยตลอด ปราศจากฝ้าน้าปูน หรือเศษหิน ปูนทราย ที่หลุดร่วง ลา้ งผิวที่ทาหยาบน้ัน
ดว้ ยน้าสะอาดทนั ที ก่อนเทคอนกรีตใหมใ่ หพ้ รมน้าท่ีผวิ คอนกรีตใหช้ ้ืนแต่ไม่เปี ยกโชก
5.4.6 หา้ มเทคอนกรีตในขณะท่ีมีฝนตกเวน้ แตจ่ ะมีท่ีป้องกนั ฝน

5.5 การทาให้คอนกรีตแน่นตัว
เมื่อใชเ้ ครื่องส่นั สะเทือนชนิดจุม่ เพอื่ ทาใหค้ อนกรีตแน่นตวั ควรปฏิบตั ิ ดงั น้ี

5.5.1 ให้จุ่มปลายข้ึนลงตรงๆ ช้าๆ การจุ่มตอ้ งจุ่มจนสุดช้นั คอนกรีตท่ีเทใหม่ และเลยเขา้ ไปในช้นั ใต้
เล็กนอ้ ย

5.5.2 ให้จุ่มหวั ส่ันสะเทือนเป็ นจุด ๆ ระยะห่างต้งั แต่ 450 ถึง 750 มิลลิเมตร โดยใช้เวลาจุ่มนาน 5 ถึง 15
วนิ าที

5.5.3 การถอนหวั สัน่ สะเทือนข้ึน ใหถ้ อนชา้ ๆ ประมาณ 75 มิลลิเมตรตอ่ วนิ าที
5.5.4 ในการจุ่ม ตอ้ งระวงั อย่าให้หวั ส่ันสะเทือนถูกแบบหล่อและเหล็กเสริมเพราะจะทาให้แบบหล่อเสีย

รูป หรือเหล็กเสริมเคลื่อนผดิ ตาแหน่งได้
5.5.5 หา้ มจุ่มหวั ส่ันสะเทือนทิง้ ไวน้ านเกินไป หรือจุม่ ซ้าท่ีบริเวณเดียวกนั เพราะจะทาใหค้ อนกรีตแยกตวั

หา้ มลากไปในเน้ือคอนกรีตและหา้ มใชเ้ กลี่ยคอนกรีต

5.6 การบ่มคอนกรีต

เมื่อเทคอนกรีตเสร็จแลว้ ในระหว่างที่คอนกรีตยงั ไม่แข็งตวั ตอ้ งปกคลุมมิให้ถูกแสงแดดและกระแสลมร้อน
และตอ้ งป้องกนั มิให้คอนกรีตไดร้ ับความสะเทือน การกระแทก หรือการรับน้าหนกั มากเกินไป และเม่ือเสร็จ
สิ้นการแต่งผิวหน้าและคอนกรีตเร่ิมแข็งตวั ต้องจดั ให้มีการบ่มคอนกรีตทนั ที และควรบ่มต่อไปจนกระทง่ั
คอนกรีตมีกาลงั ตามตอ้ งการ

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ท่ี 18

5.6.1 สาหรับผิวคอนกรีตท่ีไม่สมั ผสั กบั ไมแ้ บบ หลงั เสร็จสิ้นการแต่งผวิ หนา้ และคอนกรีตเร่ิมแขง็ ตวั ตอ้ ง
จดั ใหม้ ีการบม่ คอนกรีตตามวธิ ีในขอ้ 5.6.3

5.6.2 สาหรับผวิ คอนกรีตท่ีสมั ผสั กบั ไมแ้ บบ ตอ้ งรักษาไมแ้ บบให้มีความช้ืนอยูเ่ สมอ จนกระทงั่ ถึงเวลาที่
ถอดไมแ้ บบ หลงั จากน้นั ตอ้ งจดั ใหม้ ีการบ่มคอนกรีตตามวธิ ีในขอ้ 5.6.3

5.6.3 การบ่มคอนกรีตสามารถกระทาไดโ้ ดยวธิ ีใดวธิ ีหน่ึง หรือหลายวธิ ีรวมกนั ดงั น้ี

5.6.3.1 การบ่มแบบเปี ยก เป็ นการทาให้ผิวหน้าของคอนกรีตท่ีสัมผสั กบั บรรยากาศยงั คงมีความ

เปี ยกช้ืนอยู่ กรณีคอนกรีตที่ใช้ปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 หรือปูนซีเมนตไ์ ฮดรอลิก
ชนิดใช้งานทว่ั ไป ตอ้ งบ่มตลอดเวลาต่อเนื่องกนั ไม่นอ้ ยกวา่ 7 วนั หลงั จากการเทเสร็จสิ้น
และไม่นอ้ ยกวา่ 3 วนั สาหรับกรณีใชป้ ูนซีเมนตป์ อร์ตแลนด์ประเภทที่ 3 ส่วนคอนกรีตที่มี
วสั ดุปอซโซลานผสมจะตอ้ งบ่มเกินกวา่ 7 วนั ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั ชนิดและปริมาณของวสั ดุปอซ
โซลานท่ีใชว้ ธิ ีการบม่ แบบเปี ยก ไดแ้ ก่

(1) การขงั น้า การบ่มโดยวิธีน้ีเหมาะสาหรับงานคอนกรีตที่อยูใ่ นแนวราบ เช่น แผ่นพ้ืน
ดาดฟ้า พ้นื สะพาน ถนนทางเทา้ เป็นตน้

(2) การใชว้ สั ดุเปี ยกช้ืนคลุม เป็นการนาผา้ ใบ ผา้ กระสอบ ฟาง หรือข้ีเล่ือย คลุมให้ทวั่ และ
ฉีดน้าให้ชุ่มอยู่เสมอ กรณีท่ีใช้ผา้ ใบ สีของผา้ ใบควรเป็ นสีขาวหรือสีอ่อน เพราะ
สามารถสะทอ้ นความร้อนไดด้ ี หรือกรณีใช้ฟางหรือข้ีเล่ือย ความหนาของฟางหรือ
ข้ีเลื่อยไม่น้อยกว่า 150 มิลลิเมตร การบ่มโดยวิธีน้ีใช้ได้ท้งั กับโครงสร้างท่ีอยู่ใน
แนวราบและแนวดิ่ง

(3) การฉีดหรือพรมน้า การบ่มโดยวิธีน้ีใชไ้ ดท้ ้งั สาหรับโครงสร้างท่ีอยู่ในแนวราบและ
แนวดิ่ง เช่น ผนงั กาแพง พ้ืน เป็นตน้

5.6.3.2 การบม่ โดยการป้องกนั การเสียน้าจากเน้ือคอนกรีต
(1) การใช้กระดาษกนั น้าซึมไดค้ ลุม กระดาษที่ใช้ควรเป็ นกระดาษเหนียวเป็ นช้ัน ยึด
ติดกนั ดว้ ยกาวประเภทยางมะตอยและเสริมความเหนียวดว้ ยใยแกว้ การบ่มโดยวิธีน้ี
เหมาะสาหรับงานคอนกรีตที่อยใู่ นแนวราบ

(2) การใชแ้ ผน่ พลาสติกคลุม แผน่ พลาสติกท่ีใชเ้ ป็ นแผน่ โพลีเอธีลิน หนาไม่นอ้ ยกวา่ 0.1

มิลลิเมตร เหมาะสาหรับงานโครงสร้างท่ีไม่เนน้ ความสวยงามของผวิ เช่น รางน้า ถนน
เป็ นตน้

(3) การใชส้ ารเคมี ทาไดโ้ ดยฉีดพ่นสารเคมีสาหรับการบ่มลงบนผิวหนา้ ของคอนกรีตท่ี

ตอ้ งการบ่มและควรฉีดพน่ ซ้ามากกวา่ 1 เที่ยว เพือ่ ใหแ้ ผน่ ฟิ ล์มเคลือบผวิ หนา้ คอนกรีต
มีความหนาเพียงพอ และควรฉีดพน่ ทนั ทีที่ผวิ หนา้ คอนกรีตเร่ิมแหง้ เพ่อื ไมใ่ หน้ ้าท่ีคา้ ง
บนผิวหนา้ ระเหยจนแห้ง การบม่ โดยวิธีน้ีจะใชไ้ ดต้ ่อเม่ือไม่สามารถบ่มคอนกรีตแบบ
อ่ืนได้

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ท่ี 19

5.6.3.3 การบ่มแบบเร่งกาลงั

(1) การบ่มดว้ ยไอน้าที่ความดนั ต่า (Low Pressure Steam Curing) อุณหภูมิท่ีใชอ้ ยูร่ ะหวา่ ง
40 ถึง 100 องศาเซลเซียส การบ่มโดยวิธีน้ีเหมาะสาหรับงานก่อสร้างที่ตอ้ งการถอด
แบบเร็ว หลงั จากถอดแบบแลว้ ใหบ้ ่มคอนกรีตดว้ ยความช้ืนตามปกติ

(2) การบ่มดว้ ยไอน้าที่ความดนั สูง (High Pressure Steam Curing) การบ่มดว้ ยวธิ ีน้ีตอ้ งให้
ความกดดนั สูง และตอ้ งบ่มคอนกรีตในภาชนะที่ปิ ดสนิท อุณหภูมิที่ใชจ้ ะอยู่ในช่วง
160 ถึง 210 องศาเซลเซียส การบ่มโดยวิธีน้ีเหมาะสาหรับงานก่อสร้างคอนกรีต
สาเร็จรูปที่ตอ้ งการกาลงั ของคอนกรีตท่ีเวลา 24 ชว่ั โมง ใหม้ ีกาลงั เท่ากบั การบ่มปกติท่ี
อายุ 28 วนั

5.7 การแต่งผวิ คอนกรีต

5.7.1 เม่ือถอดแบบออกแลว้ ถา้ เน้ือคอนกรีตมีลกั ษณะเป็นรูพรุน หรือขรุขระก่อนที่จะดาเนินการตอ่ ไปให้
แจง้ ผคู้ วบคุมงานตรวจสอบพิจารณาเสียก่อน

5.7.2 เม่ือตอ้ งการจะฉาบปูนทบั ผิวหน้าคอนกรีต ทาให้ผิวหน้าคอนกรีตให้ขรุขระ ราดน้าให้ช้ืนแลว้ จึง
ฉาบปูน เม่ือฉาบปูนเสร็จแลว้ ใหม้ ีการป้องกนั ผวิ หนา้ แหง้ เป็นเวลาตอ่ เน่ืองไม่นอ้ ยกวา่ 3 วนั

5.7.3 การฉาบปูนภายในของผวิ คอนกรีตท่ีจะใชข้ งั น้า ใหฉ้ าบปูนขดั มนั ส่วนผิวคอนกรีตภายนอกใหฉ้ าบ
ปูนตกแตง่ ใหเ้ รียบร้อยหรือตามท่ีไดร้ ะบุไวใ้ นแบบรายละเอียด

5.8 การหล่อตวั อย่างคอนกรีตและการทดสอบ

5.8.1 ในการเทคอนกรีตตอ้ งทดสอบการยบุ ตวั ของคอนกรีต (Slump Test) ทุกคร้ังที่เปล่ียนอตั ราส่วนผสม
ของน้ากบั ปูนซีเมนต์หรือผูค้ วบคุมงานเห็นว่า คอนกรีตขน้ หรือเหลวเกินไป วิธีการทดสอบการ
ยบุ ตวั ของคอนกรีตใหเ้ ป็ นไปตาม มยผ.1209: มาตรฐานการทดสอบหาค่าการยบุ ตวั ของคอนกรีต ค่า
การยบุ ตวั ของคอนกรีตควรเป็ นไปตามค่าที่กาหนดไวใ้ นตารางท่ี 11 ขอ้ แนะนาสาหรับค่าการยบุ ตวั
สาหรับงานก่อสร้างชนิดต่าง ๆ เมื่อใชเ้ คร่ืองส่นั สะเทือน

ตารางที่ 11 ข้อแนะนาสาหรับค่าการยุบตวั สาหรับงานก่อสร้างชนิดต่าง ๆ เมื่อใช้เคร่ืองสั่นสะเทือน

(ขอ้ 5.8.1)

หน่วยเป็ นมิลลิเมตร

ชนิดของงานก่อสร้าง ค่าการยบุ ตวั

1) ฐานราก สูงสุด ต่าสุด
2) แผน่ พ้นื , คาน, ผนงั ค.ส.ล. 75 50
100 50

3) เสา 125 50
4) ครีบ ค.ส.ล. และผนงั บาง ๆ 150 50

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ท่ี 20

5.8.2 การเก็บตวั อยา่ งคอนกรีตเพื่อนาไปตรวจสอบคุณภาพให้ดาเนินการต่อหนา้ ผูค้ วบคุมงานและปฏิบตั ิ

ตาม มยผ.1208: มาตรฐานการเก็บตวั อยา่ งคอนกรีตในหนา้ งานและการเก็บรักษา

5.8.3 การเก็บตวั อย่างคอนกรีตท่ีจะทดสอบ ให้เก็บทุกวนั เม่ือมีการเทคอนกรีต และอย่างนอ้ ยตอ้ งเก็บ

3 กอ้ น เพอ่ื ทดสอบกาลงั คอนกรีตเมื่ออายุ 28 วนั หรือตามที่ผอู้ อกแบบกาหนด โดยใชว้ ธิ ีการเกบ็ ดงั น้ี

5.8.3.1 เก็บตวั อยา่ งคอนกรีตไม่นอ้ ยกวา่ 1 คร้ัง ในแต่ละวนั ที่มีการเทคอนกรีต แต่ถา้ คอนกรีตท่ีเท

ในวนั น้นั มีปริมาณนอ้ ยกวา่ 5 ลูกบาศกเ์ มตร และไมเ่ ป็ นไปตามขอ้ 5.8.3.2 ขอ้ 5.8.3.3 หรือ

ขอ้ 5.8.3.4 จะไม่เก็บตวั อยา่ งคอนกรีตก็ได้ แต่ท้งั น้ีจานวนตวั อยา่ งคอนกรีตท้งั หมดจะตอ้ ง

ไมน่ อ้ ยกวา่ จานวนที่เก็บตามขอ้ 5.8.3.5

5.8.3.2 เกบ็ ตวั อยา่ งคอนกรีตเม่ือมีการเทคอนกรีตในแต่ละส่วนของโครงสร้าง

5.8.3.3 เก็บตวั อยา่ งคอนกรีตเมื่อมีการเทคอนกรีตที่มีกาลงั อดั ประลยั ตา่ งกนั

5.8.3.4 เกบ็ ตวั อยา่ งคอนกรีตทุกคร้ังเมื่อมีการเปลี่ยนแหล่งทราย หรือหิน-กรวด

5.8.3.5 ถา้ ไม่ไดม้ ีการกาหนดเป็ นอยา่ งอื่น ให้เก็บทุกคร้ังที่มีการเทคอนกรีตทุกๆ 50 ลูกบาศกเ์ มตร

และเศษของ 50 ลูกบาศกเ์ มตร กรณีเทพ้ืนและผนงั ใหเ้ กบ็ ทุก ๆ 250 ตารางเมตร

5.8.4 การเกบ็ ตวั อยา่ งคอนกรีตจากลกั ษณะการผสมต่างๆ ใหก้ ระทา ดงั น้ี

5.8.4.1 การเก็บจากเครื่องผสม (โม่) ท่ีประจาอยู่ในที่ก่อสร้างให้เก็บตวั อย่างจากช่วงกลางๆ ของ

ปริมาณคอนกรีตท่ีเทลงในภาชนะรองรับ (กระบะหรือรถเขน็ ปูน)

5.8.4.2 การเก็บจากเคร่ืองผสมสาหรับเทพ้ืนถนน ให้เก็บหลงั จากเทคอนกรีตจากเครื่องผสมลงบน

พ้ืนที่เตรียมไว้ โดยเกบ็ ตวั อยา่ งคอนกรีตจากหลายๆ บริเวณ โดยใหม้ ีปริมาณมากพอท่ีจะใช้

เป็นตวั แทนเพ่ือทดสอบได้ ท้งั น้ีตอ้ งระวงั ไม่ใหม้ ีการปนเป้ื อนของวสั ดุอยา่ งอื่นดว้ ย

5.8.4.3 การเก็บจากเคร่ืองผสมแบบถังหมุนต้งั บนรถบรรทุก (Ready Mixed Concrete) ให้เก็บ

ตวั อย่างคอนกรีตอยา่ งนอ้ ย 3 ช่วง เป็ นระยะๆ อยา่ งสม่าเสมอตลอดเวลาท่ีปล่อยคอนกรีต

จากรถผสมลงสู่ภาชนะที่รองรับ โดยมีเวลาห่างกนั ระหวา่ งคร้ังแรกและคร้ังสุดทา้ ยไม่เกิน

15 นาที

5.9 การพจิ ารณาผลการทดสอบ

5.9.1 คอนกรีตท่ีหล่อแลว้ จะยอมรับไดต้ ่อเมื่อผลการทดสอบแทง่ ตวั อยา่ งคอนกรีตทดลองมาตรฐาน ที่เก็บ

มาเมื่ออายคุ รบ 28 วนั หรือตามท่ีผอู้ อกแบบกาหนด น้นั เป็นไปตามขอ้ กาหนดดงั ต่อไปน้ี

5.9.1.1 กาลงั อดั ประลยั เฉล่ียของแท่งคอนกรีตท้งั สามกอ้ นต่อเน่ืองกนั ใหค้ า่ เทา่ กบั หรือสูงกวา่ กาลงั

อดั ประลยั ตามชนิดของคอนกรีตที่ตอ้ งการดงั ท่ีกาหนดไวใ้ นขอ้ 4.6.1 หรือกาลงั อดั ประลยั

ที่กาหนดโดยผอู้ อกแบบ

5.9.1.2 กาลังอัดประลัยของแท่งคอนกรีตแต่ละก้อน จะต่ากว่ากาลังอัดประลัยตามชนิดของ

คอนกรีตที่ตอ้ งการ ได้ไม่เกิน 3.5 เมกาปาสกาล (35 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)

สาหรับคอนกรีตชนิดท่ีมีค่ากาลงั อดั ประลยั ไม่เกิน 35 เมกาปาสกาล (350 กิโลกรัมแรงต่อ

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 21

ตารางเซนติเมตร) หรือต่ากวา่ ไดไ้ ม่เกินร้อยละ 10 ของค่ากาลงั อดั ประลยั ที่ตอ้ งการ สาหรับ
คอนกรีตชนิดท่ีมีค่ากาลงั อดั ประลยั มากกวา่ 35 เมกาปาสกาล (350 กิโลกรัมแรงต่อตาราง
เซนติเมตร)
สาหรับคอนกรีตท่ีผู้ออกแบบกาหนดค่ากาลังอดั ประลยั ที่ 28 วนั หากมีการทดสอบกาลงั ของ
คอนกรีตเมื่ออายุ 7 วนั ค่ากาลงั อดั ประลยั ของแตล่ ะกอ้ นตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 70 ของค่าที่กาหนด
เม่ืออายุครบ 28 วนั อยา่ งไรก็ตามการพิจารณาตดั สินกาลงั คอนกรีตข้นั สุดทา้ ย ถือเม่ือกอ้ นคอนกรีต
อายคุ รบ 28 วนั เป็นเกณฑ์

5.9.2 หากปรากฏวา่ ค่ากาลงั อดั ประลยั ของผลการทดสอบดงั ท่ีไดก้ ล่าวมาแลว้ ไม่เป็ นไปตามท่ีไดก้ าหนด
ไวใ้ นขอ้ 5.9.1 จะตอ้ งทาการสกดั หรือร้ือส่วนท่ีเทคอนกรีตไปแลว้ น้นั ออกเสียแลว้ จดั การหล่อใหม่
โดยใชค้ อนกรีตซ่ึงมีกาลงั อดั ประลยั ไม่ต่ากว่าที่ตอ้ งการดงั ที่กาหนดไวใ้ นขอ้ 4.6.1 หรือกาลงั อดั
ประลัยท่ีกาหนดโดยผูอ้ อกแบบ หรือดาเนินการตรวจสอบความมนั่ คงแข็งแรงขององค์อาคาร
ดงั ต่อไปน้ี
5.9.2.1 ดาเนินการวิเคราะห์ทางวิศวกรรมโครงสร้างหรือการทดสอบเพิ่มเติม หรือใชท้ ้งั สองส่วน
ควบคูก่ นั ไป แลว้ แต่กรณี
5.9.2.2 การทดสอบตวั อย่างที่ได้จากการเจาะโครงสร้างที่ตอ้ งการตรวจสอบ (Core Test) โดยให้
ดาเนินการตาม มยผ. 1210 : มาตรฐานการทดสอบกาลงั ตา้ นทานแรงอดั ของคอนกรีต ว่า
ดว้ ยเรื่องการทดสอบตวั อยา่ งท่ีไดจ้ ากการเจาะ โดยกาลงั อดั ประลยั ของตวั อยา่ งที่ไดจ้ ากการ
เจาะโครงสร้าง เฉลี่ยแลว้ ตอ้ งไม่ต่ากวา่ ร้อยละ 85 ของกาลงั อดั ประลยั ท่ีกาหนดไวแ้ ละกาลงั
อดั ประลยั ของตวั อยา่ งแตล่ ะกอ้ นตอ้ งไม่ต่ากวา่ ร้อยละ 75 ของกาลงั อดั ประลยั ที่กาหนดไว้

5.9.2.3 หากผลการทดสอบต่างๆ ในขอ้ 5.9.2.1 หรือ 5.9.2.2 ไม่สามารถเป็ นท่ียุติ หรือไม่สามารถ
ปฏิบตั ิได้ หรือการวิเคราะห์ทางวิศวกรรมโครงสร้างไม่สามารถยืนยนั ความปลอดภยั ได้
จะตอ้ งดาเนินการทดสอบการรับน้าหนกั บรรทุก (Load Test) ขององคอ์ าคาร โดยข้นั ตอน
และเกณฑ์การทดสอบให้เป็ นไปตามมาตรฐานสาหรับอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กโดยวิธี
กาลงั ของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (ว.ส.ท. 1008) วา่ ดว้ ยการทดสอบการรับ
น้าหนกั บรรทุกขององค์อาคาร ท้งั น้ีการทดสอบการรับน้าหนกั บรรทุกให้ใชไ้ ดเ้ ฉพาะกบั
องคอ์ าคารที่รับแรงดดั ส่วนการตรวจสอบองคอ์ าคารที่รับแรงประเภทอ่ืน เช่น แรงอดั ควร
เลือกวธิ ีการตรวจสอบโดยใชก้ ารวเิ คราะห์ทางวศิ วกรรมโครงสร้างท่ีเหมาะสม

5.9.2.4 ในกรณีที่ผลการตรวจสอบความมนั่ คงแข็งแรงขององคอ์ าคาร ตามขอ้ 5.9.2.1 ถึง 5.9.2.3
แสดงวา่ อาคารและส่วนต่าง ๆ ของอาคารมีเสถียรภาพหรือความสามารถในการรับน้าหนกั
บรรทุกไม่เพียงพอ จะตอ้ งดาเนินการแกไ้ ขหรือเสริมกาลงั เพ่อื ใหอ้ าคารและส่วนต่างๆ ของ
อาคารดงั กล่าวมีเสถียรภาพและสามารถรับน้าหนกั บรรทุกได้

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ท่ี 22

5.9.3 กรณีที่ตอ้ งการประเมินกาลงั อดั ของคอนกรีตที่เท โดยการทดสอบแบบไม่ทาลายสามารถอา้ งอิง

วิธีการทดสอบตาม มยผ.1502-51 ถึง มยผ.1504-51 แต่ท้งั น้ีหากตอ้ งการทราบค่ากาลงั อดั ที่แทจ้ ริง

สามารถดาเนินการทดสอบตามขอ้ 5.9.2.2 ได้

5.9.4 การทดสอบหาค่ากาลงั อดั ประลยั ของตวั อย่างคอนกรีตมาตรฐานน้ัน จะตอ้ งดาเนินการโดยกรม

โยธาธิการและผงั เมือง หรือส่วนราชการอ่ืนใด หรือนิติบุคคลซ่ึงมีวิศวกรระดบั สามญั วิศวกร สาขา

วศิ วกรรมโยธา ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวศิ วกร รับรองผลการทดสอบ

5.10 ระยะหุ้ม

การกาหนดระยะหุม้ เหลก็ เสริมจะตอ้ งกาหนดให้คอนกรีตสามารถป้องกนั การเกิดสนิมของเหลก็ เสริมไดต้ ลอด

อายกุ ารใชง้ านของโครงสร้างคอนกรีต ซ่ึงจะตอ้ งพิจารณาจากความคงทนของคอนกรีตและสภาพแวดลอ้ มท่ี

เผชิญ โดยระยะหุม้ เหลก็ เสริมนอ้ ยท่ีสุดสามารถคานวณไดจ้ ากสมการต่อไปน้ี

Cmin =  C0 (1)

โดยท่ี Cmin คือ ระยะหุม้ นอ้ ยท่ีสุด
 คือ คา่ สัมประสิทธ์ิระยะหุม้ เหล็กเสริม ตามตารางท่ี 12

C0 คือ ระยะหุม้ เหลก็ เสริมทวั่ ไป ตามตารางท่ี 13 และตารางท่ี 14

ตารางที่ 12 ค่าสัมประสิทธ์ิระยะหุ้มเหลก็ เสริม
(ขอ้ 5.10)

ค่าอตั ราส่วนนา้ ต่อวสั ดุประสาน ค่าสัมประสิทธ์ิระยะหุ้มเหลก็ เสริม

มากกวา่ 0.65 หรือคอนกรีตที่ไม่มีการ 1.2
ควบคุมคุณภาพท่ีดี
0.45 – 0.65 1.0
ต่ากวา่ 0.45 0.83)

หมายเหตุ 3) ยกเวน้ กรณีท่ีระยะหุม้ เหลก็ เสริมทวั่ ไปต่ากวา่ 20 มม. และกรณีที่ตอ้ งเผชิญกบั สภาวะซลั เฟตต้งั แต่
ระดบั ปานกลางข้ึนไปใหใ้ ชค้ ่าสัมประสิทธ์ิระยะหุม้ เหล็กเสริมเท่ากบั 1.0

โดยระยะหุม้ เหลก็ เสริมทว่ั ไปตามงานก่อสร้างประเภทต่างๆ ในกรณีท่ีไม่ไดม้ ีการกาหนดรายละเอียดไว้ ใหใ้ ช้
ตามตารางที่ 13 และ 14

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 23

ตารางที่ 13 ระยะหุ้มเหลก็ เสริมสาหรับการก่อสร้างคอนกรีตหล่อในที่

(ขอ้ 5.10)

หน่วยเป็ นมิลลิเมตร

ประเภทของงานก่อสร้าง ระยะหุ้มตา่ สุด
75
1) คอนกรีตที่หล่อติดกบั ดินโดยใชด้ ินเป็นแบบและผวิ คอนกรีตสมั ผสั
กบั ดินตลอดเวลาที่ใชง้ าน 50
40
2) คอนกรีตที่สมั ผสั ดิน หรือถูกแดดฝน
- สาหรับเหลก็ เสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลางใหญก่ วา่ 16 มม. 40
- สาหรับเหลก็ เสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 16 มม. และเลก็ กวา่ 20

3) คอนกรีตท่ีไม่สัมผสั ดินหรือไมถ่ ูกแดดฝน 30
ในแผน่ พ้นื ผนงั และตง
- สาหรับเหลก็ เสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลางต้งั แต่ 40 มม. ข้ึนไป 35
- สาหรับเหล็กเสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 36 มม. และเล็กกวา่
ในคาน 20
- เหล็กเสริมหลกั เหลก็ ลูกต้งั 15
ในเสา 100
- เหล็กปลอกเด่ียวหรือปลอกเกลียว
คอนกรีตเปลือกบางและพ้ืนแผน่ พบั
-สาหรับเหล็กเสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลางใหญ่กวา่ 16 มม. ข้ึนไป
-สาหรับเหล็กเสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 16 มม. และเลก็ กวา่

4) คอนกรีตที่หล่อในน้า

ตารางท่ี 14 ระยะหุ้มเหลก็ เสริมสาหรับการก่อสร้างคอนกรีตหล่อสาเร็จ
(ขอ้ 5.10)
หน่วยเป็ นมิลลิเมตร

ประเภทของงานก่อสร้าง ระยะหุ้มตา่ สุด

1) คอนกรีตท่ีสัมผสั ดิน หรือถูกแดดฝน 40
ในแผน่ ผนงั 20
- สาหรับเหลก็ เสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลางต้งั แต่ 40 มม. ข้ึนไป.
- สาหรับเหลก็ เสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 36 มม. และเล็กกวา่ 50
ในองคอ์ าคารชนิดอื่น 40
- สาหรับเหลก็ เสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลางต้งั แต่ 40 มม. ข้ึนไป 30
- สาหรับเหล็กเสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 19 มม. ถึง 36 มม.
- สาหรับเหล็กเสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 16 มม. และเล็กกวา่

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ท่ี 24

ตารางที่ 14 (ต่อ) ระยะหุ้มเหลก็ เสริมสาหรับการก่อสร้างคอนกรีตหล่อสาเร็จ
(ขอ้ 5.10)
หน่วยเป็ นมิลลิเมตร

ประเภทของงานก่อสร้าง ระยะหุ้มตา่ สุด

2) คอนกรีตท่ีไม่สัมผสั ดินหรือไมถ่ ูกแดดฝน 35
ในแผน่ พ้นื ผนงั และตง 15
- สาหรับเหล็กเสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลางต้งั แต่ 40 มม. ข้ึนไป
- สาหรับเหลก็ เสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 36 มม. และเลก็ กวา่ 25
ในคานและเสา 30
- เหล็กเสริมหลกั เหลก็ ลูกต้งั ในเสา
- เหล็กลูกต้งั เหล็กปลอกเดี่ยวหรือปลอกเกลียว 15
คอนกรีตเปลือกบางและพ้ืนแผน่ พบั 10
-สาหรับเหล็กเสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 16 มม. ข้ึนไป
-สาหรับเหล็กเสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 16 มม. และเลก็ กวา่

ตารางท่ี 15 ระยะหุ้มเหลก็ เสริมธรรมดา เหลก็ เสริมอดั แรง ท่อร้อยเหลก็ เสริมอดั แรง

และอปุ กรณ์ยดึ เหลก็ เสริมในงานคอนกรีตอดั แรง

(ขอ้ 5.10)

หน่วยเป็ นมิลลิเมตร

ประเภทของงานก่อสร้าง ระยะหุ้มต่าสุด

1) คอนกรีตท่ีหล่อติดกบั ดินโดยใชด้ ินเป็นแบบและผวิ 75
คอนกรีตสัมผสั กบั ดินตลอดเวลาท่ีใชง้ าน
2) คอนกรีตที่สมั ผสั ดิน หรือถูกแดดฝน 25
38
ในแผน่ พ้นื ผนงั และตง 20
ในองคอ์ าคารชนิดอ่ืน
3) คอนกรีตที่ไมส่ มั ผสั ดินหรือไมถ่ ูกแดดฝน

ในแผน่ พ้นื ผนงั และตง

ในคานและเสา 38
- เหล็กเสริมหลกั เหลก็ ลูกต้งั ในเสา 25
-เหล็กปลอกเด่ียวหรือปลอกเกลียว

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ท่ี 25

ตารางท่ี 15 (ต่อ) ระยะหุ้มเหลก็ เสริมธรรมดา เหลก็ เสริมอดั แรง ท่อร้อยเหลก็ เสริมอดั แรง

และอปุ กรณ์ยดึ เหลก็ เสริมในงานคอนกรีตอดั แรง

(ขอ้ 5.10)

หน่วยเป็ นมิลลิเมตร

ประเภทของงานก่อสร้าง ระยะหุ้มต่าสุด

คอนกรีตเปลือกบางและพ้ืนแผน่ พบั

-สาหรับเหล็กเสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 16 มม. ข้ึนไป เท่ากบั เส้นผา่ นศูนยก์ ลาง

ระบุ แตไ่ มน่ อ้ ยกวา่ 20 มม.

-สาหรับเหล็กเสริมขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 16 มม. และ 10

เล็กกวา่

สาหรับชิ้นส่วนคอนกรีตอดั แรงซ่ึงสมั ผสั กบั ดิน บรรยากาศภายนอก หรือสภาพแวดลอ้ มที่รุนแรง
และใชห้ น่วยแรงดึงท่ียอมใหม้ ากเกินกวา่ 1.59√  แลว้ ระยะคอนกรีตหุม้ ที่นอ้ ยท่ีสุดจะตอ้ งเพิม่ ข้ึน
จากขอ้ กาหนดอีกร้อยละ 50

ในกรณีท่ีเป็ นโครงสร้างหลักของอาคารตามกฎกระทรวงฉบับที่ 60 (พ.ศ.2549) ออกตามความใน
พระราชบญั ญตั ิควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ระยะหุม้ เหล็กเสริมของโครงสร้างหลกั ของอาคารดงั กล่าวเมื่อพิจารณา
ตามสมการที่ 1 ตารางที่ 13 ตารางท่ี 14 และตารางที่ 15 แลว้ จะตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ ท่ีกาหนดไวใ้ นตารางที่ 15 และใน
กรณีโครงสร้างหลกั มีขนาดระหว่างขนาดท่ีกาหนดในตารางที่ 15 ให้คานวณหาความหนาน้อยท่ีสุดของ
คอนกรีตท่ีหุม้ เหล็กเสริมโดยวธิ ีเทียบอตั ราส่วน และหากตอ้ งการให้โครงสร้างหลกั มีความหนาของคอนกรีตที่
หุม้ เหล็กเสริมนอ้ ยกว่าท่ีกาหนดไวใ้ นตารางท่ี 16 จะตอ้ งใชว้ สั ดุอ่ืนหุม้ เพิ่มเติมหรือตอ้ งป้องกนั โดยวิธีอ่ืนเพื่อ
ช่วยทาให้เสาหรือคานมีอตั ราการทนไฟไดไ้ ม่นอ้ ยกว่าสามชว่ั โมง และตงหรือพ้ืนตอ้ งมีอตั ราการทนไฟไดไ้ ม่
นอ้ ยกวา่ สองชว่ั โมง โดยจะตอ้ งมีเอกสารรับรองอตั ราการทนไฟจากสถาบนั ท่ีเชื่อถือไดป้ ระกอบการขออนุญาต
โดยวธิ ีการทดสอบใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน ASTM E 119 หรือ ISO 834

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 26

ตารางที่ 16 ระยะหุ้มเหลก็ เสริมสาหรับโครงสร้างหลกั ให้สามารถทนไฟได้ตามกฎหมาย

ว่าด้วยการควบคุมอาคาร
(ขอ้ 5.10)

หน่วยเป็ นมิลลิเมตร

ชนิดของโครงสร้างหลกั ระยะหุ้มตา่ สุด

1) คอนกรีตเสริมเหล็ก 40
40
1.1) เสาส่ีเหล่ียมท่ีมีดา้ นแคบขนาด 300 มิลลิเมตรข้ึนไป
1.2) เสากลมหรือเสาต้งั แตห่ า้ เหลี่ยมข้ึนไปท่ีมีรูปทรงใกลเ้ คียงเสา 40

กลม ซ่ึงมีเส้นผา่ นศูนยก์ ลางต้งั แต่ 300 มิลลิเมตรข้ึนไป 20
1.3) คานหรือโครงขอ้ หมุนคอนกรีตขนาดกวา้ งต้งั แต่ 300 มิลลิเมตร
75
ข้ึนไป
1.4) พ้ืนหนาไมน่ อ้ ยกวา่ 115 มิลลิเมตร 115
65
2) คอนกรีตอดั แรง
2.1) คานชนิดดึงลวดก่อน 50
45
2.2) คานชนิดดึงลวดภายหลงั
40
ก) กวา้ ง 200 มิลลิเมตร โดยปลายไมเ่ หน่ียวร้ัง(Unrestrained)
ข) กวา้ งต้งั แต่ 300 มิลลิเมตรข้ึนไป โดยปลายไม่เหน่ียวร้ัง 40
20
(Unrestrained)

ค) กวา้ ง 200 มิลลิเมตร โดยปลายเหนี่ยวร้ัง(Restrained)
ง) กวา้ งต้งั แต่ 300 มิลลิเมตรข้ึนไป โดยปลายเหนี่ยวร้ัง

(Restrained)
2.3) พ้ืนชนิดดึงลวดก่อนท่ีมีความหนาต้งั แต่ 115 มิลลิเมตรข้ึนไป
2.4) พ้ืนชนิดดึงลวดภายหลงั ที่มีความหนาต้งั แต่ 115 มิลลิเมตรข้ึนไป

จ) ขอบไม่เหน่ียวร้ัง (Unrestrained)
ฉ) ขอบเหนี่ยวร้ัง (Restrained)

5.11 แบบหล่อ

5.11.1 แบบหล่อตอ้ งทาจากวสั ดุที่แขง็ แรง ไม่ผุ ไมค่ ดงอ เช่น เหลก็ ไม้ เป็นตน้

5.11.2 ห้ามใชด้ ินขุดแทนแบบหล่อในแนวต้งั เวน้ แต่เป็ นงานก่อสร้างเสาเข็มเจาะ ไดอะเฟรมวอล์ หรือ
ไดร้ ับการอนุมตั ิจากผวู้ า่ จา้ ง

5.11.3 แบบหล่อตอ้ งเขา้ แบบให้สนิทเพ่ือกนั น้าปูนร่ัว ผวิ ดา้ นในของแบบท่ีถูกกบั คอนกรีตตอ้ งเรียบ ตอ้ ง
ลา้ งให้สะอาดก่อนลงมือเทคอนกรีตเสมอ และลบมุมชิ้นส่วนคอนกรีตชิ้นส่วนคอนกรีตที่เป็ นมุม
แหลม นอกจากจะมีขอ้ กาหนดหา้ มไว้

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 27

5.11.4 จดั ให้มีช่องวา่ งเปิ ดชวั่ คราวที่ดา้ นล่างของแบบหล่อคอนกรีตเสาหรือผนงั เพ่ือให้สามารถทาความ
สะอาด หรือตรวจสอบก่อนการเทคอนกรีต

5.11.5 ตอ้ งยึดลิ่มสาหรับปรับแต่งระดบั หรือระยะของแบบหล่อให้แน่นอยู่กับท่ีได้ ภายหลงั จากการ
ตรวจสอบข้นั สุดทา้ ยก่อนการเทคอนกรีต

5.11.6 แบบหล่อและน่ังร้านรองรับคอนกรี ตเหลวต้องมั่นคงแข็งแรงพอรับน้ าหนัก และทน
แรงส่ันสะเทือนเม่ือใชเ้ ครื่องส่นั สะเทือนคอนกรีตได้ โดยไม่ทรุดตวั หรือแอ่นตวั จนเสียระดบั หรือ
แนว สาหรับการคานวณความมน่ั คงของแบบหล่อและค้ายนั ให้เป็ นไปตามขอ้ กาหนดมาตรฐาน
วสั ดุและการก่อสร้างสาหรับโครงสร้างคอนกรีต ว.ส.ท. 1014 วา่ ดว้ ยแบบหล่อคอนกรีตและค้ายนั

5.11.7 หากคอนกรีตท่ีหล่อเสร็จแลว้ เกิดการเสียระดบั หรือแนวหรือผดิ ขนาดจนเห็นวา่ จะเกิดผลเสียหาย

อาจตอ้ งทุบทาลายชิ้นส่วนน้นั ท้งั ชิ้นแลว้ หล่อใหมใ่ หถ้ ูกตอ้ ง แต่ท้งั น้ีใหอ้ ยใู่ นดุลพินิจของวศิ วกรผู้
ควบคุมงาน

5.11.8 แบบหล่อจะถอดออกไม่ไดจ้ นกวา่ จะไดก้ าหนดเวลา การถอดแบบตอ้ งไม่ให้คอนกรีตไดร้ ับความ

กระเทือนและใหถ้ ือกาหนดเวลาการถอดแบบตามตารางที่ 17

ตารางที่ 17 ประเภทอาคารและระยะเวลาในการถอดแบบหล่อ

(ขอ้ 5.11.8)

หน่วยเป็ นวนั

ประเภทองค์อาคาร ระยะเวลา4)

1) แบบขา้ งคาน กาแพง ฐานราก 2

2) แบบขา้ งเสา 2

3) แบบล่างรองรับพ้นื -คาน 14

หมายเหตุ 4) เม่ือถอดแลว้ ใหค้ ้าตามจุดต่างๆ ที่เหมาะสมไวอ้ ีก 14 วนั

ท้งั น้ีให้ยกเวน้ ในกรณีท่ีใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดแข็งตวั เร็ว ซ่ึงให้ถือกาหนดถอดแบบได้
ท้งั หมดเมื่อคอนกรีตมีอายคุ รบ 7 วนั
5.11.9 กรณีไม่ถอดแบบหล่อตามกาหนดเวลาในขอ้ 5.11.8 สามารถถอดแบบหล่อตามค่ากาลงั อดั ประลยั
ข้นั ต่าของคอนกรีตตามตารางท่ี 18

ตารางท่ี 18 ประเภทอาคารและกาลงั อดั ประลยั ข้นั ตา่ ในการถอดแบบหล่อ

(ขอ้ 5.11.9)

หน่วยเป็นเมกาปาสกาล (กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร)

ประเภทองค์อาคาร กาลงั อดั ประลยั ข้ันต่าของคอนกรีต

1) แบบขา้ งเสา คาน กาแพง ฐานราก 5.0 (50)
2) แบบล่างรองรับพ้นื -คาน 14.0 (140)

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 28

5.11.10 การค้ายนั กลบั จะตอ้ งดาเนินการให้เร็วที่สุดภายหลงั จากถอดแบบหล่อและค้ายนั แลว้ ค้ายนั ที่ใช้
ตอ้ งขนั ใหแ้ น่นเพ่ือรับน้าหนกั โครงสร้างตามที่กาหนดไว้ ค้ายนั น้ีตอ้ งคงคา้ งไวจ้ นกระทงั่ ผลการ
ทดสอบคอนกรีตถึงเกณฑท์ ่ีกาหนดไว้

5.11.11 แบบหล่อจะต้องมีขนาดท่ีแน่นอนและมีพ้ืนผิวที่เรียบพอสมควร ซ่ึงเมื่อนามาหล่อชิ้นส่วน
โครงสร้างใดๆ แล้ว ชิ้นส่วนโครงสร้างดงั กล่าวตอ้ งมีขนาดคลาดเคลื่อนจากท่ีกาหนดในแบบ
ก่อสร้างไมเ่ กินกวา่ ท่ีกาหนดไวใ้ นตารางท่ี 19

ตารางที่ 19 ประเภทของการก่อสร้างและความคลาดเคล่ือนสูงสุดทยี่ อมให้
(ขอ้ 5.11.11)

หน่วยเป็ นมิลลิเมตร

ประเภทของการก่อสร้าง ความคลาดเคลื่อนสูงสุด

1) ความคลาดเคล่ือนจากแนวดิ่ง
1.1) แนวหรือผิวของเสา ตอม่อ กาแพง

ทุกๆ ระยะ 3.0 เมตร 6

ค่าสูงสุดตลอดความสูง 25

1.2) มุมของเสาท่ีมองเห็นได้ ร่อง รอยต่อ และเส้นที่มองเห็นชดั

ทุกๆ ระยะ 3 เมตร 6

คา่ สูงสุดตลอดความสูง 12

2) ความคลาดเคลื่อนจากคา่ ระดบั หรือจากคา่ ความลาดเอียงที่ระบุในแบบ

2.1) ทอ้ งพ้ืน ฝ้าเพดาน ทอ้ งคาน (วดั ก่อนถอดค้ายนั ) 6
ทุกๆ ระยะ 3.0 เมตร

ทุกๆ ระยะช่วงคานหรือระยะ6.0 เมตร 10

ค่าสูงสุดตลอดความยาว 20

2.2) ขอบบนของประตูหนา้ ตา่ ง ธรณีประตู แผงคอนกรีต ร่องในแนวราบ

และเส้นท่ีมองเห็นไดช้ ดั เจน

ทุกๆระยะช่วงคานหรือระยะ 6.0 เมตร 6

คา่ สูงสุดตลอดความสูง 12

3) ความคลาดเคล่ือนของแนวอาคาร และตาแหน่งของเสา กาแพงและแผงก้นั ต่างๆ 12
ทุกๆระยะช่วงคานหรือระยะ 6.0 เมตร

คา่ สูงสุดตลอดความยาว 25

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ที่ 29

ตารางที่ 19 (ต่อ) ประเภทของการก่อสร้างและความคลาดเคล่ือนสูงสุดทย่ี อมให้
(ขอ้ 5.11.11)
หน่วยเป็ นมิลลิเมตร

ประเภทของการก่อสร้าง ความคลาดเคล่ือนสูงสุด

4) ความคลาดเคล่ือนของขนาดและตาแหน่งช่องเปิ ดท้งั ในพ้ืนและผนงั 6

5) ความคลาดเคลื่อนของขนาดหนา้ ตดั เสา คาน และความหนาของพ้นื กาแพง 5
ค่าลบ 10
คา่ บวก

6) ฐานราก 12
6.1) ความคลาดเคลื่อนของขนาดความกวา้ ง ความยาว 50
ค่าลบ ไม่เกินร้อยละ 2 ของ
คา่ บวก ขนาดฐานรากวดั ใน
6.2) ความคลาดเคล่ือนของตาแหน่งฐานราก ทิศทางที่คลาดเคล่ือน แต่
ไม่เกิน 50มม.
6.3) ความคลาดเคล่ือนของขนาดความหนาฐานราก
ค่าลบ ร้อยละ 5
คา่ บวก 100

7) บนั ได

7.1) ความคลาดเคล่ือนเม่ือเทียบกบั ข้นั บนั ไดในบนั ไดตวั เดียวกนั 4
ลูกต้งั 6
ลูกนอน

7.2) ความคลาดเคล่ือนเม่ือเทียบกบั ข้นั บนั ไดท่ีอยตู่ ิดกนั

ลูกต้งั 2
ลูกนอน 4

5.11.12 ห้ามมิให้ข้ึนไปทาการก่อสร้างบนองค์อาคารท่ีเทคอนกรีตเสร็จแล้วจนกว่าจะพ้น 24 ช่ัวโมง
หลงั จากเทคอนกรีตคร้ังสุดทา้ ยในแบบหล่อส่วนน้นั

5.11.13 แบบหล่อท่ีร้ือออกแลว้ ก่อนท่ีจะนามาใช้ใหม่จะต้องทาความสะอาดและตกแต่งให้เรียบร้อย
เสียก่อนจึงจะนาไปใชอ้ ีกได้

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ท่ี 30

6. เอกสารอ้างองิ

(1) มาตรฐาน มยธ. 101-2533 มาตรฐานงานคอนกรี ตและคอนกรี ตเสริ มเหล็ก กรมโยธาธิ การ
กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2533

(2) ขอ้ กาหนดมาตรฐานวสั ดุและการก่อสร้างสาหรับโครงสร้างคอนกรีต ว.ส.ท. 1014 สมาคมวศิ วกรรมสถาน
แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถมั ภ์

(3) มาตรฐานสาหรับอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กโดยวธิ ีกาลงั ว.ส.ท. 1008 สมาคมวศิ วกรรมสถานแห่งประเทศ
ไทย

มยผ. 1101-64 มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา้ ท่ี 31

มยผ. 1102-64

มาตรฐานงานคอนกรีตอดั แรง

1. ขอบข่าย

1.1 มาตรฐานน้ีครอบคลุมงานคอนกรีตอดั แรงสาหรับโครงสร้างของอาคารหรือสิ่งก่อสร้างทวั่ ไป เช่น อาคาร
สูง ไซโล คลงั สินคา้ กาแพงกนั ดิน และสะพาน เป็ นตน้ ท้งั ประเภทคอนกรีตอดั แรงชนิดดึงลวดก่อน (Pre-
Tensioning) และคอนกรีตอดั แรงชนิดดึงลวดภายหลงั (Post-Tensioning)

1.2 มาตรฐานน้ีระบุไวเ้ พื่อให้การก่อสร้างอาคารและส่วนต่างๆ ของอาคารคอนกรีตอดั แรงเป็ นไปตามหลกั
วชิ าการ ประหยดั ปลอดภยั มีความมน่ั คงแขง็ แรงและคงทน

1.3 มาตรฐานน้ีใช้หน่วยสากล SI (International System Units) เป็ นหลัก และใช้ค่าการแปลงหน่วยของแรง
1 กิโลกรัมแรงเท่ากบั 10 นิวตนั

2. นิยาม

“คอนกรีต” หมายถึง วสั ดุที่ประกอบข้ึนดว้ ยส่วนผสมของวสั ดุประสานเช่นปูนซีเมนต์ หรือปูนซีเมนตผ์ สมวสั ดุ
ปอซโซลาน มวลรวมละเอียดเช่นทราย มวลรวมหยาบเช่นหินหรือกรวด และน้า โดยมีหรือไมม่ ีสารเคมีหรือแร่
ผสมเพิม่
“คอนกรีตอัดแรง” หมายถึง คอนกรีตที่มีการเสริมเหล็กเสริมรับแรงดึงสูงหรือวสั ดุเสริมแรงอ่ืนๆ ท่ีทาให้เกิด
หน่วยแรง โดยมีขนาดและการกระจายของหน่วยแรงตามต้องการเพื่อที่จะหักลา้ งหรือลด หน่วยแรงดึงใน
คอนกรีตอนั เกิดจากน้าหนกั บรรทุก
“กาลงั อดั ประลัยของคอนกรีต” หมายถึง กาลงั อดั สูงสุดตามแกนยาวที่แท่งคอนกรีตทรงกระบอกที่มีเส้นผา่ น
ศูนย์กลาง 150 มิลลิเมตร สูง 300 มิลลิเมตร สามารถรับได้ หากไม่ได้ระบุเป็ นอย่างอื่นกาลงั อดั ดงั กล่าวใน
มาตรฐานน้ี ใหใ้ ชก้ าลงั อดั ประลยั ที่อายุ 28 วนั เป็นเกณฑ์
“เหลก็ เสริม” หมายถึง เหลก็ ที่ใชฝ้ ังในเน้ือคอนกรีตเพ่ือเสริมกาลงั ข้ึน
“เหล็กเสริมอัดแรง (Prestressing Steel)” หมายถึง เหล็กเสริมกาลงั สูงที่ใช้ฝังในเน้ือคอนกรีตเพ่ือการอดั แรง
อาจเป็นลวดเหล็กกลา้ (Wire) ลวดเหล็กกลา้ ตีเกลียว (Strand) เหลก็ เส้นอดั แรง (Bar) กไ็ ด้
“การสูญเสียของการอัดแรง (Prestressing Losses)” หมายถึง การท่ีลวดเหล็กหรือเหล็กเสริมท่ีใชอ้ ดั แรงชนิด
อ่ืน ๆ สูญเสียหน่วยแรงดึงตามข้นั ตอนต่าง ๆ เนื่องจากความโคง้ ของเหล็กเสริมอดั แรง การเขา้ ท่ีของลิ่มสมอยดึ
การหดตวั อีลาสติก การคืบและหดตวั ของคอนกรีต และการคลายแรงดึงของเหลก็ เสริมอดั แรง
“การคลายแรงดึง (Relaxation)” หมายความวา่ การสูญเสียแรงดึงตามระยะเวลาของเหล็กเสริมอดั แรงที่ถูกดึง
ใหม้ ีระยะยดื คงที่ โดยคิดเป็นร้อยละของแรงดึงเริ่มแรกที่ใหก้ บั เหล็กเสริมอดั แรง
“ลวดเหลก็ กล้า (Wire)” หมายความวา่ ลวดเหล็กคาร์บอนสูงที่ทาข้ึนโดยวธิ ีดึงเยน็

มยผ. 1102-64 มาตรฐานงานคอนกรีตอดั แรง หนา้ ท่ี 32

“ลวดเหลก็ กล้าตีเกลยี ว (Strand)” หมายความวา่ ผลิตภณั ฑท์ ่ีไดจ้ ากการนาลวดเหล็กกลา้ ต้งั แต่ 2 เส้นข้ึนไป ตี
เกลียวเขา้ ดว้ ยกนั ให้มีระยะช่วงเกลียวสม่าเสมอและผา่ นกระบวนการคลายหน่วยแรง (Stress-Relieved) ก่อน
มว้ นเป็นขด
“การคลายหน่วยแรง (Stress-Relieved)” หมายความวา่ กระบวนการปรับปรุงคุณภาพของลวดเหล็กกลา้ เพื่อ
สาหรับใชใ้ นงานคอนกรีตอดั แรง
“ระยะส่งถ่ายแรง (Transmission Length)” หมายความว่า ความยาวของชิ้นส่วนที่ตอ้ งใช้ในการถ่ายแรงดึง
เริ่มแรกจากเหลก็ เสริมอดั แรงไปสู่คอนกรีต

3. มาตรฐานอ้างถงึ

3.1 มาตรฐานท่ีใชอ้ า้ งถึงประกอบดว้ ย
3.1.1 มาตรฐานกรมโยธาธิการและผงั เมือง มยผ.1101: มาตรฐานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหล็ก
3.1.2 มาตรฐานกรมโยธาธิการและผงั เมือง มยผ.1106: มาตรฐานงานเสาเขม็
3.1.3 มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 15: ปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนด์ เล่ม 1 ขอ้ กาหนดเกณฑ์คุณภาพ
(มาตรฐานบงั คบั )
3.1.4 มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 95: ลวดเหล็กกลา้ สาหรับคอนกรีตอดั แรง
3.1.5 มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 420: ลวดเหลก็ กลา้ ตีเกลียวสาหรับคอนกรีตอดั แรง
3.1.6 มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 1179: ขอ้ กาหนดในการทาคอนกรีตอดั แรง
3.1.7 มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก. 2135: เถา้ ลอยจากถ่านหินใชเ้ ป็นวสั ดุผสมคอนกรีต

3.2 ยกเวน้ มาตรฐานผลิตภณั ฑ์อุตสาหกรรม มอก. 15 เล่ม 1 ตามข้อ 3.1.3 หากจะนามาตรฐานอ่ืนมาใช้
นอกเหนือจากท่ีระบุในขอ้ 3.1 มาตรฐานดงั กล่าวตอ้ งไดร้ ับการรับรองจากคณะกรรมการควบคุมอาคารหรือ
สภาวศิ วกร

3.3 หากขอ้ กาหนดในมาตรฐานน้ีขดั แยง้ กบั มาตรฐานที่อา้ งถึงในแตล่ ะส่วน ใหถ้ ือขอ้ กาหนดในมาตรฐานน้ีเป็ น
สาคญั แต่อยา่ งไรก็ตามขอ้ กาหนดน้ีจะตอ้ งไม่ขดั กบั มาตรฐานผลิตภณั ฑ์อุตสาหกรรม มอก. 15 เล่ม 1 ตาม
ขอ้ 3.1.2 ซ่ึงเป็นขอ้ กาหนดหลกั

4. ข้อกาหนดสาหรับวสั ดุก่อสร้าง

4.1 คอนกรีต
คอนกรีตท่ีใช้ตอ้ งมีกาลงั อดั ประลยั ไม่ต่ากวา่ ท่ีระบุไวใ้ นแบบก่อสร้าง หากไม่ไดร้ ะบุไวใ้ นแบบก่อสร้างใหใ้ ช้
ไม่ต่ากวา่ 40 เมกาปาสกาล (400 กิโลกรัมแรงตอ่ ตารางเซนติเมตร) สาหรับงานคอนกรีตอดั แรงชนิดดึงลวดก่อน
และ 32 เมกาปาสกาล (320 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร) สาหรับงานคอนกรีตอดั แรงชนิดดึงลวดภายหลงั
ท้งั น้ีเม่ือทาการอดั แรง คอนกรีตตอ้ งมีกาลงั อดั ไม่ต่ากวา่ ร้อยละ 75 ของกาลงั อดั ประลยั ของคอนกรีตท่ีใชใ้ นการ
ออกแบบ แต่ไม่นอ้ ยกวา่ 24 เมกาปาสกาล (240 กิโลกรัมแรงตอ่ ตารางเซนติเมตร) วสั ดุที่ใชใ้ นการผสมคอนกรีต
ตอ้ งเป็นไปตามขอ้ กาหนด ดงั น้ี

มยผ. 1102-64 มาตรฐานงานคอนกรีตอดั แรง หนา้ ท่ี 33

4.1.1 ปูนซีเมนต์ ให้ใช้ปูนซีเมนต์ที่มีคุณลักษณะเป็ นไปตามมยผ.1101: มาตรฐานงานคอนกรีตและ
คอนกรีตเสริมเหลก็

4.1.2 มวลรวมละเอยี ด ให้ใชม้ วลรวมละเอียดที่มีคุณลกั ษณะเป็นไปตามมยผ.1101: มาตรฐานงานคอนกรีต
และคอนกรีตเสริมเหลก็

4.1.3 มวลรวมหยาบ ใหใ้ ชม้ วลรวมหยาบที่มีคุณลกั ษณะเป็นไปตามมยผ.1101: มาตรฐานงานคอนกรีตและ
คอนกรีตเสริมเหล็ก

4.1.4 น้า ให้ใชน้ ้าสาหรับผสมคอนกรีตท่ีมีคุณลกั ษณะเป็ นไปตามมยผ.1101: มาตรฐานงานคอนกรีตและ
คอนกรีตเสริมเหลก็

4.1.5 สารผสมเพิ่ม ใหใ้ ชส้ ารผสมเพม่ิ สาหรับคอนกรีตที่มีคุณลกั ษณะเป็นไปตามมยผ.1101: มาตรฐานงาน
คอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหลก็

4.2 ลวดเหลก็ กล้า
ลวดเหล็กกลา้ ที่ใช้ในงานคอนกรีตอดั แรงจะตอ้ งมีความสะอาด ไม่เป็ นสนิมขุม และมีสมบตั ิเป็ นไปตามมาตรฐาน
ผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม มอก.95: ลวดเหลก็ กลา้ สาหรับคอนกรีตอดั แรง ซ่ึงมีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี

4.2.1 ลวดเหล็กกลา้ ชนิดไม่คลายหน่วยแรง ตอ้ งมีเส้นผา่ นศูนยก์ ลางระบุ พ้ืนที่หน้าตดั ระบุ มวลต่อเมตร
และเกณฑค์ วามคลาดเคล่ือนมวลตอ่ เมตรเป็นไปตามตารางที่ 1

ตารางที่ 1 เส้นผ่านศูนย์กลางระบุ พืน้ ทห่ี น้าตัดระบุ มวลต่อเมตรและค่าลกั ษณะเฉพาะ

ของลวดเหลก็ กล้าชนิดไม่คลายหน่วยแรง
(ขอ้ 4.2.1)

เส้ นผ่าน กาลงั ดึง พืน้ ทห่ี น้า มวลต่อเมตร ค่าลกั ษณะเฉพาะ2)ต่าสุด
ศูนย์กลาง ประลยั ระบุ1) ตดั ระบุ
(นิวตนั ต่อ (ตาราง เกณฑ์ แรงดึง แรงดงึ พสิ ูจน์ รัศมกี ารดัด
ระบุ มลิ ลเิ มตร) ค่าระบุ3) ความคลาด สูงสุด4) ร้อยละ 0.1 โค้ง
(มิลลเิ มตร) ตาราง (กรัม) เคล่ือน (กโิ ลนิวตนั ) (กโิ ลนิวตนั ) (มิลลเิ มตร)
มลิ ลเิ มตร) 4.91
2.5 4.91 (กรัม) 9.62 7.7 7.5
2.5 1,960 7.07
3 1,860 7.07 38.5  1.25 9.13 7.3 7.5
3 1,860 12.6 38.5  1.25
4 1,770 12.6 55.5  1.5 13.1 10.5 7.5
4 1,770 19.6 55.5  1.5
5 1,670 98.9  2.0 12.5 10.0 7.5
1,770 98.9  2.0
154  3.1 22.3 17.8 10

21.0 16.8 10

34.7 27.8 15

มยผ. 1102-64 มาตรฐานงานคอนกรีตอดั แรง หนา้ ที่ 34

ตารางท่ี 1 (ต่อ) เส้นผ่านศูนย์กลางระบุ พืน้ ทหี่ น้าตดั ระบุ มวลต่อเมตรและค่าลกั ษณะเฉพาะ

ของลวดเหลก็ กล้าชนิดไม่คลายหน่วยแรง

(ขอ้ 4.2.1)

เส้ นผ่าน กาลงั ดงึ พืน้ ทห่ี น้า มวลต่อเมตร ค่าลกั ษณะเฉพาะ2)ต่าสุด
ศูนย์กลาง ประลยั ระบุ1) ตดั ระบุ เกณฑ์
(นิวตันต่อ (ตาราง แรงดงึ แรงดงึ พสิ ูจน์ รัศมีการดดั
ระบุ มิลลเิ มตร) ค่าระบุ3) ความคลาด สูงสุด4) ร้อยละ 0.1 โค้ง
(มิลลเิ มตร) ตาราง (กรัม) เคลื่อน (กโิ ลนิวตนั ) (กโิ ลนิวตนั ) (มิลลเิ มตร)
มลิ ลเิ มตร)
(กรัม)

5 1,670 19.6 154  3.1 32.7 26.2 15
6 1,770 28.3 222  3.7 50.1 40.1 15
6 1,670 28.3 222  3.7 47.3 37.8 15
7 1,670 38.5 302  4.3 64.3 51.4 20
7 1,570 38.5 302  4.3 60.4 48.3 20
8 1,570 50.3 395  5.9 79.0 63.2 20
8 1,470 50.3 395  5.9 73.9 59.1 20

ท่ีมา : มอก. 95: ลวดเหลก็ กลา้ สาหรับคอนกรีตอดั แรง

หมายเหตุ 1) กำลงั ดึงประลัยระบุใช้ประโยชน์เพื่อกำรเรียกเท่ำนั้น และคำนวณจำกพืน้ ท่ีหน้ำตดั ระบกุ ับค่ำ

ลักษณะเฉพำะแรงดึงสูงสุด โดยปัดเศษถึง 10 นิวตนั ต่อตำรำงมิลลิเมตรที่ใกล้เคียงที่สุด

2) กำหนดให้ ใช้ ค่ำลักษณะเฉพำะแรงดึงแทนกำลังดึงประลัยระบุ เน่ืองจำกเกณฑ์ควำม

คลำดเคล่ือนของมวลต่อควำมยำวมคี ่ำน้อย

3) ค่ำมวลต่อควำมยำวคำนวณจำกควำมหนำแน่นของเหล็กซ่ึงยอมรับกันเท่ำกับ 7.85 กรัมต่อ

ลกู บำศก์เซนติเมตร

4) เพื่อกำรพิสูจน์ควำมเหมำะสมของวัสดุ ซึ่งมกี ำรนำไปใช้เฉพำะงำน (ตัวอย่ำงเช่น ไม้หมอน

รถไฟ เสำเขม็ หรือถงั นำ้ ) กำหนดให้แรงที่ร้อยละ 1 ของควำมยืดรวมต้องไม่น้อยกว่ำร้ อยละ

80 ของค่ำลกั ษณะเฉพำะแรงดึงสูงสุด

4.2.2 ลวดเหล็กกลา้ ชนิดคลายหน่วยแรง ตอ้ งมีเส้นผา่ นศูนยก์ ลางระบุ พ้ืนท่ีหนา้ ตดั ระบุ มวลต่อเมตรและ

เกณฑค์ วามคลาดเคล่ือนมวลตอ่ เมตรเป็นไปตามตารางท่ี 2

มยผ. 1102-64 มาตรฐานงานคอนกรีตอดั แรง หนา้ ที่ 35

ตารางที่ 2 เส้นผ่านศูนย์กลางระบุ พืน้ ทหี่ น้าตดั ระบุ มวลต่อเมตรและค่าลกั ษณะเฉพาะ

ของลวดเหลก็ กล้าชนิดคลายหน่วยแรง

(ขอ้ 4.2.2)

กาลงั ดงึ มวลต่อเมตร ค่าลกั ษณะเฉพาะ2)ตา่ สุด
ประลยั ระบุ1)
เส้ นผ่าน (นิวตนั ต่อ พืน้ ทหี่ น้า ค่าระบุ3) เกณฑ์ แรงดึง แรงดึงพสิ ูจน์ รัศมกี ารดัด
ศูนย์กลาง ตดั ระบุ (กรัม) ความคลาด สูงสุด4) โค้ง
ตาราง (ตาราง (กโิ ลนิว ร้อยละ4) 5) ร้อยละ4) 5)
ระบุ มิลลเิ มตร) มลิ ลเิ มตร) เคลื่อน ตัน) 6) 0.1 6) 0.2 (มลิ ลเิ มตร)
(มลิ ลเิ มตร) (กรัม) (กโิ ลนวิ (กโิ ลนิว

ตนั ) ตนั )

4 1,770 12.6 98.9  2.0 22.3 18.5 19.0 10

4 1,670 12.6 98.9  2.0 21.0 17.5 17.9 10

5 1,770 19.6 154  3.1 34.7 28.8 29.5 15

5 1,670 19.6 154  3.1 32.7 27.2 27.8 15

6 1,770 28.3 222  3.7 50.1 41.6 42.6 15

6 1,670 28.3 222  3.7 47.3 39.3 40.2 15

7 1,670 38.5 302  4.3 64.3 53.4 54.7 20

7 1,570 38.5 302  4.3 60.4 50.1 51.3 20

8 1,670 50.3 395  5.9 84.0 69.7 71.4 20

8 1,570 50.3 395  5.9 79.0 65.6 67.1 20

9 1,470 63.6 499  7.2 93.5 74.8 76.7 25

10 1,570 78.5 617  8.6 123 98.6 101 25

10 1,470 78.5 617  8.6 115 92.3 94.3 25

12.2 1,570 117 918  10.5 184 147 151 30

12.2 1,470 117 918  10.5 172 138 141 30

ที่มำ มอก. 95: ลวดเหล็กกลา้ สาหรับคอนกรีตอดั แรง

หมายเหตุ 1) กำลังดึงประลัยระบุใช้ประโยชน์เพ่ือกำรเรียกเท่ำน้ัน และคำนวณจำกพืน้ ที่หน้ำตดั ระบกุ ับค่ำ

ลกั ษณะเฉพำะแรงดึงสูงสุด โดยปัดเศษถึง 10 นิวตันต่อตำรำงมิลลิเมตรที่ใกล้เคียงท่ีสุด

2) กำหนดให้ ใช้ ค่ำลักษณะเฉพำะแรงดึงแทนกำลังดึงประลัยระบุ เนื่องจำกเกณฑ์ควำม

คลำดเคล่ือนของมวลต่อควำมยำวมคี ่ำน้อย

3) ค่ำมวลต่อควำมยำวคำนวณจำกควำมหนำแน่นของเหลก็ ซ่ึงยอมรับกันเท่ำกับ 7.85 กรัมต่อ

ลกู บำศก์เซนติเมตร

มยผ. 1102-64 มาตรฐานงานคอนกรีตอดั แรง หนา้ ที่ 36

4) สำหรับลวดเส้นผ่ำนศูนย์กลำงใหญ่กว่ำ 8 มิลลิเมตร ค่ำลักษณะเฉพำะแรงดึงท่ีร้ อยละ 0.1
และร้ อยละ 0.2 จะมคี ่ำโดยประมำณเท่ำกับร้ อยละ 80 และร้ อยละ 82 ของค่ำลักษณะเฉพำะ
แรงดึงสูงสุดตำมลำดับ

5) มอดลุ สั ยืดหย่นุ (Modulus of Elasticity) อำจใช้ค่ำ 205  10 กิโลนิวตนั ต่อตำรำงมิลลิเมตร
6) แรงดึงพิสูจน์ร้ อยละ 0.1 เป็ นค่ำที่ใช้ ทดสอบ ส่ วนแรงดึงพิสูจน์ร้ อยละ 0.2 เป็ นเพียง

ข้อแนะนำ (ตำม ISO 6934-1) เว้นแต่แบบหรือรำยกำรประกอบแบบจะระบเุ ป็นอย่ำงอ่ืน

4.3 ลวดเหลก็ กล้าตเี กลยี ว
ลวดเหล็กกลา้ ตีเกลียวที่ใช้ในงานคอนกรีตอดั แรงจะตอ้ งมีความสะอาด ไม่เป็ นสนิมขุม และมีสมบตั ิเป็ นไป
ตามมาตฐานผลิตภณั ฑ์อุตสาหกรรม มอก.420: ลวดเหล็กกลา้ ตีเกลียวสาหรับคอนกรีตอดั แรงโดยมีเส้นผ่าน
ศูนยก์ ลางระบุ พ้นื ท่ีหนา้ ตดั ระบุ มวลต่อเมตรและเกณฑค์ วามคลาดเคลื่อนมวลตอ่ เมตรเป็นไปตามตารางที่ 3

ตารางที่ 3 เส้นผ่านศูนย์กลางระบุ พืน้ ทห่ี น้าตัดระบุ มวลต่อเมตรและค่าลกั ษณะเฉพาะ

ของลวดเหลก็ กล้าตีเกลยี ว

(ขอ้ 4.3)

กาลงั ดึง มวลต่อเมตร ค่าลกั ษณะเฉพาะ2)ตา่ สุด

ชนิด 1) เส้ นผ่าน ประลยั พืน้ ทห่ี น้า ค่าระบุ เกณฑ์ แรงดึง แรงดึงพสิ ูจน์
ศูนย์กลาง ระบุ1) ตัดระบุ2) (กรัม) ความคลาด สูงสุด2) 3)4)
(นิวตนั ต่อ (ตาราง (กโิ ลนิว ร้อยละ3) 4) ร้อยละ4) 5)
ระบุ1) ตาราง มลิ ลเิ มตร) เคล่ือน 5) 0.1 0.2
(มิลลเิ มตร) มิลลเิ มตร) (ร้อยละ) ตนั ) (กโิ ลนวิ (กโิ ลนวิ
ตนั ) ตนั )

2 เส้น 5.8 1,910 13.2 104 25.2 21.4 22.3

2x2.90

3 เส้น 5.2 1,770 13.2 107 24.0 20.4 21.1

3x2.40 1,960 26.7 22.7 23.5

3x2.90 6.2 1,910 19.8 155 +4 37.8 32.1 33.2

3x3.50 7.5 1,770 29.0 228 -2 51.2 43.5 45.0

1,860 54.0 45.9 47.0

7 เส้น 9.3 1,720 51.6 405 88.8 72.8 75.4

9.5 1,860 54.8 432 102 83.6 86.6

10.8 1,720 69.7 546 120 98.4 102

มยผ. 1102-64 มาตรฐานงานคอนกรีตอดั แรง หนา้ ท่ี 37

ตารางท่ี 3 (ต่อ) เส้นผ่านศูนย์กลางระบุ พืน้ ท่หี น้าตดั ระบุ มวลต่อเมตรและค่าลกั ษณะเฉพาะ

ของลวดเหลก็ กล้าตเี กลยี ว

(ขอ้ 4.3)

กาลงั ดงึ มวลต่อเมตร ค่าลกั ษณะเฉพาะ2)ตา่ สุด

ชนิด 1) เส้ นผ่าน ประลยั พืน้ ทห่ี น้า ค่าระบุ เกณฑ์ แรงดึง แรงดึงพสิ ูจน์
ศูนย์กลาง ระบุ1) ตดั ระบุ2) (กรัม) ความคลาด สูงสุด2) 3)4)
(นิวตนั ต่อ (ตาราง (กโิ ลนิว ร้อยละ3) 4) ร้อยละ4) 5)
ระบุ1) ตาราง มลิ ลเิ มตร) เคลื่อน 5) 0.1 0.2
(มลิ ลเิ มตร) มลิ ลเิ มตร) (ร้อยละ) ตนั ) (กโิ ลนวิ (กโิ ลนิว
ตนั ) ตนั )

11.1 1,860 74.2 580 138 113 117

12.4 1,720 92.9 729 160 131 136

12.7 1,860 98.7 774 184 151 156

15.2 1,720 139 1,101 239 196 203

15.2 1,860 139 1,101 259 212 220

7 เส้น 12.7 1,860 112 890 +4 209 178 184
อดั 15.2 1,820 165 1,295 -2 300 255 264
แน่น 18.0 1,700 223 1,750 380 323 334

19 เส้น 17.8 1,860 208 1,652 387 317 329
หมายเหตุ
19.3 1,860 244 1,931 454 372 386

20.3 1,810 271 2,149 491 403 417

21.8 1,810 313 2,482 567 465 482

ท่ีมำ มอก. 420: ลวดเหลก็ กลา้ ตีเกลียวสาหรับคอนกรีตอดั แรง

1) ชนิด เส้นผ่ำนศูนย์กลำงระบุ และกำลังดึงประลัยระบใุ ช้สำหรับเรียกช่ือเท่ำนัน้

2) กำลงั ดึงประลัยระบุได้จำกกำรคำนวณค่ำพืน้ ท่ีหน้ำตดั ระบุกับค่ำลักษณะเฉพำะแรงดึงสูงสุด

(ดหู มำยเหตุ 5)

3) ผลทดสอบแต่ละค่ำต้องไม่น้อยกว่ำร้อยละ 95 ของค่ำลกั ษณะเฉพำะ

4) กำหนดให้ ใช้ ค่ำลักษณะเฉพำะแรงดึงแทนกำลังดึงประลัยระบุ เนื่องจำกเกณฑ์ควำม

คลำดเคล่ือนของมวลต่อควำมยำวมคี ่ำน้อย

5) แรงดึงพิสูจน์ร้ อยละ 0.1 เป็ นค่ำท่ีกำหนดให้ใช้ทดสอบ ส่วนแรงดึงพิสูจน์ร้ อยละ 0.2 เป็ น

เพยี งข้อแนะนำ (ตำม ISO 6934-1) เว้นแต่แบบหรือรำยกำรประกอบแบบจะระบเุ ป็นอย่ำงอ่ืน

มยผ. 1102-64 มาตรฐานงานคอนกรีตอดั แรง หนา้ ที่ 38

4.4 เหลก็ เส้นเสริมคอนกรีต (Reinforcing Steel)

คุณลกั ษณะของเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตที่ใช้ในงานคอนกรีตอดั แรงนอกเหนือจากเหล็กเสริมอดั แรงให้

เป็นไปตาม มยผ. 1103: มาตรฐานเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต

4.5 ท่อร้อยลวด (Sheathing)

ท่อร้อยลวดตอ้ งมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะคงรูป ไม่เสียหายขณะเทคอนกรีต สามารถกนั น้าจากภายนอกท่อ
ร้อยลวดไม่ให้เขา้ มาทาปฏิกิริยากบั เหล็กเสริมอดั แรงได้ วสั ดุที่ใชท้ าท่อร้อยลวดตอ้ งไม่ทาปฏิกิริยากบั ซีเมนต์

เพสต์ ซ่ึงอาจส่งผลใหเ้ กิดการเส่ือมสภาพของคอนกรีตโดยรอบท่อร้อยลวดหรือน้าปูนภายในท่อร้อยลวดได้ ใน
กรณีสาหรับงานคอนกรีตอดั แรงชนิดดึงลวดภายหลงั ที่ผูอ้ อกแบบระบุให้มีการอดั น้าปูนภายในท่อร้อยลวด
(Bonded) เส้นผา่ นศูนยก์ ลางของท่อร้อยลวดตอ้ งใหญ่กวา่ ขนาดเหล็กเสริมอดั แรงไม่นอ้ ยกวา่ 6 มิลลิเมตรและ

พ้ืนที่หนา้ ตดั ภายในทอ่ ร้อยลวดจะตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ 2 เท่าของพ้ืนท่ีหนา้ ตดั สุทธิของเหลก็ เสริมอดั แรง

4.6 นา้ ปูน (Grouting)

น้าปูนท่ีใชอ้ ดั ในท่อร้อยลวดจะตอ้ งมีกาลงั อดั เพียงพอ เพ่ือประโยชน์ในการถ่ายแรงยดึ เหน่ียวกบั เหล็กเสริมอดั
แรง ตอ้ งมีสมบตั ิไม่หดตวั ไม่ทาให้ความคงทนของชิ้นส่วนคอนกรีตอดั แรงต่าลง และมีความสามารถในการ
ไหลไดเ้ พยี งพอที่จะอดั น้าปูนเขา้ ในท่อร้อยลวดจนเตม็ ได้ ในกรณีท่ีทอ่ ร้อยลวดมีพ้ืนท่ีหนา้ ตดั เกินกวา่ 4 เท่าของ
เหล็กเสริมอดั แรง สามารถใช้มวลรวมละเอียดมาเป็ นส่วนผสมได้แต่ตอ้ งไม่มีสมบตั ิด้อยลงกว่าเดิม โดย

ส่วนผสมที่ใชจ้ ะตอ้ งมีสมบตั ิเป็นไปตาม มยผ. 1101: มาตรฐานงานคอนกรีตและคอนกรีตเสริมเหล็ก และน้าปูน
ที่แขง็ ตวั แลว้ ตอ้ งมีกาลงั อดั ไม่นอ้ ยกวา่ 17 เมกาปาสกาล (170 กิโลกรัมแรงตอ่ ตารางเซนติเมตร) ที่อายุ 7 วนั และ

28 เมกาปาสกาล (280 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร) ท่ีอายุ 28 วนั เมื่อทดสอบโดยใชต้ วั อยา่ งทรงลูกบาศก์

ขนาด 50 มิลลิเมตร

5. ข้อกาหนดสาหรับอุปกรณ์และเคร่ืองมือในการก่อสร้าง

5.1 สมอยดึ (Anchorage)

สมอยึดและอุปกรณ์ประกอบตอ้ งสามารถถ่ายแรงได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของแรงดึงประลยั ระบุของเหล็ก
เสริมอดั แรง และตอ้ งสามารถยดึ เหล็กเสริมอดั แรงไวไ้ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพตลอดอายกุ ารใชง้ าน

5.2 หัวต่อ (Couple)

หัวต่อต้องสามารถถ่ายแรงไดไ้ ม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของแรงดึงประลยั ระบุของเหล็กเสริมอดั แรง และตอ้ ง

สามารถยดึ เหลก็ เสริมอดั แรงไวไ้ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพตลอดอายกุ ารใชง้ าน

5.3 อุปกรณ์ดงึ เหลก็ เสริมอดั แรง
อุปกรณ์ดึงเหล็กเสริมอัดแรงประกอบด้วย เคร่ืองป๊ัมไฮดรอลิก (Hydraulic Pump) และแม่แรงไฮดรอลิก
(Hydraulic Jack) ซ่ึงตอ้ งมีคุณลกั ษณะดงั ต่อไปน้ี

5.3.1 ตอ้ งจบั ยดึ เหลก็ เสริมอดั แรงไดอ้ ยา่ งปลอดภยั และมนั่ คง

5.3.2 ในกรณีที่มีการดึงเหล็กเสริมอดั แรงพร้อมกนั ต้งั แต่ 2 เส้นข้ึนไป ตอ้ งสามารถทาใหเ้ กิดหน่วยแรงดึง
ในลวดเหลก็ แตล่ ะเส้นเทา่ กนั

มยผ. 1102-64 มาตรฐานงานคอนกรีตอดั แรง หนา้ ที่ 39

5.3.3 ตอ้ งสามารถใหแ้ รงดึงตามที่ออกแบบไวไ้ ดแ้ ละคงแรงดึงน้นั ไดต้ ลอดระยะเวลาที่ตอ้ งการ
5.3.4 ตอ้ งสามารถควบคุมการเพิ่มแรงดึงอยา่ งชา้ ๆ โดยไม่ทาใหเ้ กิดหน่วยแรงทุติยภูมิ (Secondary Stresses)

ซ่ึงจะเป็นอนั ตรายต่อเหล็กเสริมอดั แรง สมอยดึ หรือคอนกรีต

5.4 เคร่ืองป๊ัมนา้ ปนู
เคร่ืองปั๊มน้าปูนจะตอ้ งสามารถอดั น้าปูนเขา้ สู่ท่อร้อยลวดไดอ้ ยา่ งสม่าเสมอและสามารถคงแรงดนั ของเคร่ืองปั๊ม
น้าปูนไวไ้ ดต้ ลอดระยะเวลาท่ีตอ้ งการ

6. ข้อกาหนดว่าด้วยหน่วยแรงทย่ี อมให้และการสูญเสียของการอดั แรง

6.1 หน่วยแรงอดั ทยี่ อมให้ของคอนกรีต
ในการออกแบบโครงสร้างคอนกรีตอดั แรง ใหใ้ ชค้ ่าหน่วยแรงอดั ที่ยอมใหข้ องคอนกรีตดงั ต่อไปน้ี

6.1.1 หน่วยแรงอดั ในคอนกรีตชวั่ คราวทนั ทีที่ถ่ายแรงมาจากเหล็กเสริมอดั แรงก่อนการสูญเสียของการอดั
แรง ตอ้ งไม่เกินร้อยละ 60 ของกาลงั อดั ประลยั ของคอนกรีต

6.1.2 หน่วยแรงอดั ในคอนกรีตหลงั การสูญเสียของการอดั แรง ตอ้ งไม่เกินร้อยละ 40 ของกาลงั อดั ประลยั
ของคอนกรีต

6.2 หน่วยแรงดึงทยี่ อมให้ของคอนกรีต
ในการออกแบบโครงสร้างคอนกรีตอดั แรง ใหใ้ ชค้ า่ หน่วยแรงดึงท่ียอมใหข้ องคอนกรีตดงั ตอ่ ไปน้ี

6.2.1 หน่วยแรงดึงที่ยอมให้ของคอนกรีตในขณะท่ีมีการถ่ายแรงตอ้ งไม่เกินค่าท่ีกาหนดในตารางท่ี 4 แต่
ยอมให้เกินกวา่ ที่กาหนดในตารางที่ 4 ไดใ้ นระยะเวลาส้ันซ่ึงไม่เกิน 48 ชว่ั โมง และค่าดงั กล่าวตอ้ งไม่
เกิน 2 เทา่ ของคา่ ที่กาหนดในตารางที่ 4 ท้งั น้ีใหอ้ ยใู่ นดุลพินิจของวศิ วกรผอู้ อกแบบ

ตารางท่ี 4 ค่าหน่วยแรงดึงที่ยอมให้ของคอนกรีตขณะทมี่ ีการถ่ายแรง
(ขอ้ 6.2.1)
หน่วยเป็นเมกาปาสกาล (กก./ตร.ซม.)

Ut หน่วยแรงดึงทยี่ อมให้ของคอนกรีตขณะทมี่ ีการถ่ายแรง
20 1.0 (10)
30 1.2 (12)
40 1.4 (14)
50 1.5 (15)

โดย Ut คือ ค่ากาลงั อดั ประลยั ระบุของคอนกรีตเมื่อเร่ิมถ่ายแรง
6.2.2 หน่วยแรงดึงที่ยอมให้ของคอนกรีตเน่ืองจากการดดั ภายใตน้ ้าหนกั บรรทุกสูงสุดจะตอ้ งไม่เกินค่าท่ี

กาหนดไวใ้ นตารางท่ี 5 ค่าหน่วยแรงดึงเหล่าน้ีใช้ไดส้ าหรับชิ้นส่วนหรือโครงสร้างท่ีหล่อเป็ นเน้ือ
เดียวกนั (Monolithic) แตต่ อ้ งไม่เกิดหน่วยแรงดึงที่รอยตอ่ ของชิ้นส่วนสาเร็จรูป

มยผ. 1102-64 มาตรฐานงานคอนกรีตอดั แรง หนา้ ท่ี 40

หน่วยแรงดึงท่ีกาหนดในตารางที่ 5 อาจยอมให้มีค่าเพิ่มข้ึนอีกไม่เกิน 1.75 เมกาปาสกาล (17.5
กิโลกรัมแรงตอ่ ตารางเซนติเมตร) โดยตอ้ งมีผลการทดสอบท่ีแสดงวา่ หน่วยแรงดึงที่ใชต้ อ้ งไมเ่ กิน 3
ใน 4 ของหน่วยแรงดึงที่ไดจ้ ากการทดสอบการรับน้าหนกั จนปรากฏรอยร้าวแรก และใช้ในกรณี
ดงั ต่อไปน้ี
6.2.2.1 สาหรับงานคอนกรีตอดั แรงชนิดดึงลวดก่อน ตอ้ งมีค่าหน่วยแรงอดั ของคอนกรีตท่ีเกิดจาก

การดึงเหล็กเสริมอดั แรงไม่นอ้ ยกวา่ 10 เมกาปาสกาล (100 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
6.2.2.2 เหล็กเสริมอดั แรงจะตอ้ งกระจายแรงเป็นอยา่ งดี ตลอดภาคตดั บริเวณที่รับแรงดึง

6.2.2.3 สาหรับงานคอนกรีตอดั แรงชนิดดึงลวดภายหลงั ในกรณีที่มีความจาเป็ นส่วนคอนกรีตที่รับ
แรงดึงจะตอ้ งเสริมเหล็กเพิ่มเติม

ตารางที่ 5 ค่าหน่วยแรงดงึ ที่ยอมให้ในคอนกรีตเนื่องมาจากแรงดดั

(ขอ้ 6.2.2)

หน่วยเป็นเมกาปาสกาล (กก./ตร.ซม.)

ค่าสูงสุดของหน่วยแรงดึงทยี่ อมให้เน่ืองจากแรงดดั

ลกั ษณะของแรงกระทา ชนิดดงึ ลวดก่อน Uw ชนิดดึงลวดภายหลงั Uw
40 50 60 40 50 60

สาหรับการใชง้ านปกติ 2.2 (22) 2.5 (25) 2.8 (28) 1.4 (14) 1.5 (15) 1.6 (16)

สาหรับการขนส่งหรือการ 3.0 (30) 3.4 (34) 3.7 (37) 2.0 (20) 2.2 (22) 2.4 (24)

ยกข้ึนหรือการใชง้ านช่วงส้นั ๆ

โดยท่ี Uw คือ คา่ กาลงั อดั ประลยั ระบุของคอนกรีต
6.2.3 หน่วยแรงดึงที่ยอมให้ของเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอดั แรงหล่อสาเร็จใหเ้ ป็ นไปตาม มยผ.1106:

มาตรฐานงานเสาเขม็

6.3 หน่วยแรงดงึ ทย่ี อมให้ของเหลก็ เสริมอดั แรง
ในการออกแบบโครงสร้างคอนกรีตอดั แรง ใหใ้ ชค้ า่ หน่วยแรงดึงท่ียอมใหข้ องเหล็กเสริมอดั แรงดงั ต่อไปน้ี

6.3.1 หน่วยแรงดึงในเหล็กเสริมอดั แรงขณะดึงตอ้ งไม่เกินร้อยละ 80 ของกาลงั ดึงประลยั ของเหล็กเสริมอดั
แรง หรือร้อยละ 90 ของกาลงั คราก แลว้ แต่ค่าใดจะนอ้ ยกวา่

6.3.2 หน่วยแรงดึงในเหล็กเสริมอดั แรงทนั ทีที่ถ่ายแรงไปให้คอนกรีตตอ้ งไม่เกินร้อยละ 70 ของกาลงั ดึง
ประลยั ของเหลก็ เสริมอดั แรง หรือร้อยละ 80 ของกาลงั คราก แลว้ แต่ค่าใดจะนอ้ ยกวา่

6.3.3 หน่วยแรงดึงในเหล็กเสริมอดั แรงชนิดดึงทีหลงั ที่สมอยดึ และหวั ต่อทนั ทีที่ถ่ายแรงจะตอ้ งไม่เกินร้อย
ละ 70 ของกาลงั ดึงประลยั ของเหลก็ เสริมอดั แรง

มยผ. 1102-64 มาตรฐานงานคอนกรีตอดั แรง หนา้ ท่ี 41

6.4 การสูญเสียของการอดั แรง (Prestressing Losses)

6.4.1 การเส่ือมแรงดึงในลวดเหล็กเน่ืองจากการคลายแรงดึง (Relaxation) ในการออกแบบชิ้นส่วน
คอนกรีตอดั แรง ให้ใชค้ ่าการเสื่อมแรงระยะยาวในการดึงเหล็กเสริมอดั แรง โดยคานวณจากผลคูณ
ของค่าการคลายแรงดึงที่ไดจ้ ากการทดสอบของลวดเหล็กที่ 1,000 ชว่ั โมงกบั ตวั ประกอบคงที่ของ
การคลายแรงที่กาหนดในตารางที่ 6 วิธีทดสอบหาค่าการคลายแรงใหเ้ ป็ นไปตามภาคผนวก ก. ของ
มอก. 1179 เล่ม 3 โดยตวั ประกอบค่าคงที่ของการคลายแรงน้ีไดพ้ ิจารณาตวั แปรต่างๆ ท่ีมีผลต่อการ
คลายแรงดึงของลวดเหล็กตามกาลเวลาที่เพ่ิมข้ึน ได้แก่ ผลจากการหดตัวแบบแห้ง (Drying
Shrinkage) และการคืบ (Creep) ของคอนกรีต ในกรณีท่ีเป็ นงานคอนกรีตอดั แรงชนิดดึงลวดก่อนจะ
รวมถึงผลของการผดิ รูปแบบยดื หยุน่ (Elastic Deformation) ของคอนกรีตเม่ือเริ่มถ่ายแรง สาหรับการ
เส่ือมแรงดึงในเหล็กเสริมอดั แรงท่ีผิดปกติ (Abnormal Relaxation) ซ่ึงอาจเกิดข้ึนในกรณี เช่น เม่ือ
เหล็กเสริมอดั แรงมีอุณหภูมิสูงหรือรับแรงในแนวขวางสูง ในกรณีน้ีให้ยึดถือขอ้ มูลจากเอกสารซ่ึง
เป็นท่ียอมรับหรือขอคาแนะนาจากผเู้ ชี่ยวชาญเฉพาะดา้ นเป็นพเิ ศษ

ตารางท่ี 6 ตัวประกอบค่าคงทขี่ องการคลายแรง
(ขอ้ 6.4.1)

ชนิดของานคอนกรีตอดั แรง ตัวประกอบค่าคงทขี่ องการคลายแรง
ชนิดดึงลวดก่อน
ชนิดดึงลวดภายหลงั 1.5
2.0

6.4.2 การเสื่อมแรงดึงในลวดเหล็กเน่ืองจากการหดตัวของคอนกรีต ให้คานวณค่าดงั กล่าวจากค่ามอดุลสั
ยดื หยุน่ (Modulus of Elasticity) ของเหล็ก ในกรณีท่ีผูผ้ ลิตลวดเหล็กไม่ไดก้ าหนดค่ามอดุลสั ยืดหยุน่ ให้
ใช้ค่าน้ีเท่ากบั 205 10 จิกะปาสกาล โดยใชค้ ่าการหดตวั ของคอนกรีตตามรูปท่ี 1 ค่าการหดตวั ของ
คอนกรีตข้ึนอยูก่ บั ความช้ืนสัมพทั ธ์ของอากาศและระยะเวลาการหดตวั โดยสดมภข์ วามือเป็ นคา่ การ
หดตวั ของคอนกรีตท่ีระยะเวลาการหดตวั 6 เดือน ส่วนสดมภซ์ า้ ยมือเป็นค่าการหดตวั ของคอนกรีตท่ี
ระยะเวลาการหดตวั 30 ปี รูปน้ีสามารถใชก้ บั ความหนาของหนา้ ตดั ประสิทธิผลต้งั แต่ 150 ถึง 600
มิลลิเมตร

มยผ. 1102-64 มาตรฐานงานคอนกรีตอดั แรง หนา้ ท่ี 42

ค่าการหดตวั ของคอนกรีต ค่าการหดตัวของคอนกรีต
อายุ 30 ปี  106 อายุ 6 เดือน  106

ค่าความหนาของหน้าตดั ค่าความหนาของหน้าตดั
ประสิทธิผล มลิ ลิเมตร ประสิทธิผล มิลลเิ มตร
150 300 600
150 300 600
300
400 350 200 45
100
350 300 250
175 87.5 40
300 250 200
250 150 35
75.0 30
200 25
200 150 125 20
62.5 15
150
150 100 100
100 100 50.0

50 50 50 75 37.5

0 00 50 25.0 10

25 12.5 5

หดตวั 000
ยืดตัว

200 200 200 100 100 100

20 30 40 50 60 70 80 90 100

ความช้ืนสมั พทั ธ์ของอากาศโดยรอบ เป็นร้อยละ

รูปท่ี 1 ค่าการหดตัวของคอนกรีต
(ขอ้ 6.4.2)

6.4.3 การเส่ือมแรงดึงเน่ืองจากการคืบ (Creep) ของคอนกรีต ความเครียดของคอนกรีตที่อายุ 30 ปี (CC)
หาไดจ้ ากสมการดงั น้ี

CC = หน่วยแรงอดั ของคอนกรีต   (1)

Et
เม่ือ Et คือ ค่ามอดุลสั ยดื หยนุ่ ของคอนกรีตเม่ือเร่ิมถ่ายแรง โดยนบั อายเุ ป็นวนั

 คือ ค่าสัมประสิทธ์ิการคืบของคอนกรีตที่อายุ 30 ปี หาไดจ้ ากรูปท่ี 2

ในรูปที่ 2 ได้ระบุค่าความหนาของหน้าตัดประสิทธิผล ในกรณีท่ีเป็ นหน้าตัดสม่าเสมอ ค่าน้ี

ใหค้ านวณจาก 2 เท่าของพ้ืนที่หนา้ ตดั ขวางหารดว้ ยเส้นรอบรูป ถา้ มีความจาเป็นตอ้ งการหาค่าการคืบ

ของคอนกรีตที่อายุน้อยกว่า ให้ใชส้ มมุติฐานวา่ คอนกรีตมีค่าการคืบคิดเป็ นร้อยละ 40 60 และ 80

มยผ. 1102-64 มาตรฐานงานคอนกรีตอดั แรง หนา้ ท่ี 43

ของค่าการคืบของคอนกรีตอายุ 30 ปี ที่ช่วงเวลา 1 เดือน 6 เดือน และ 30 เดือนหลงั จากเร่ิมถ่ายแรง
ตามลาดบั ท้งั น้ีคอนกรีตตอ้ งอยภู่ ายใตค้ วามช้ืนสมั พทั ธ์ท่ีคงที่

ค่าสัมประสิทธ์ิการคืบ
ของคอนกรีต 30 ปี
ค่าความหนาของหน้าตดั
ประสิทธิผล มลิ ลเิ มตร

150 300 600

4.0 3.0 อายขุ องคอนกรีต
เมื่อเร่ิมถ่ายแรง (วนั )
3.5 2.5
2.5 1
3
3.0 2.0 7
2.5 2.0 28

2.0 1.5 1.5 90

1.5 1.0 365
1.0 0.5

1.0

0.5
0.5

20 30 40 50 60 70 80 90 100

ความช้ืนสมั พทั ธ์ของอากาศโดยรอบ เป็นร้อยละ

รูปท่ี 2 ค่าสัมประสิทธ์ิการคืบของคอนกรีต
(ขอ้ 6.4.3)

6.4.4 การสูญเสียแรงดึงในเหลก็ เสริมอดั แรงเน่ืองจากแรงเสียดทาน
สาหรับงานคอนกรีตอดั แรงชนิดดึงลวดภายหลงั การเคล่ือนตวั ของเหล็กเสริมอดั แรงทาใหเ้ กิดความ
เสียดทานระหวา่ งเหล็กเสริมอดั แรงและท่อร้อย หรือตวั คนั่ ต่างๆ ในขณะดึงเหล็กเสริมอดั แรง ความ
เสียดทานน้ีทาใหเ้ กิดการสูญเสียแรงดึงซ่ึงจะมีค่าเพ่ิมข้ึนตามระยะของตาแหน่งลวดเหล็กท่ีห่างจาก
เครื่องดึง
นอกจากน้ีการสูญเสียแรงดึงเนื่องจากแรงเสียดทานในท่อร้อย อาจเกิดจากแนวการวางตวั ของท่อร้อย
คลาดเคลื่อนไปจากที่กาหนดไวโ้ ดยไม่ไดต้ ้งั ใจ ในทางปฏิบตั ิมีโอกาสท่ีจะเกิดความคลาดเคลื่อนไป
จากแนวระดบั ที่กาหนดไม่วา่ แนวของเหล็กเสริมอดั แรงในท่อร้อยจะเป็ นเส้นตรงหรือเส้นโคง้ หรือ
ท้งั เส้นตรงและเส้นโคง้ ซ่ึงทาให้เกิดจุดสัมผสั เพ่ิมข้ึนระหว่างเหล็กเสริมอดั แรงกบั ผนงั ของท่อร้อย

มยผ. 1102-64 มาตรฐานงานคอนกรีตอดั แรง หนา้ ท่ี 44

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง