ขึ้นชื่อว่า “ข้าราชการ” ย่อมเป็นสายงานที่มีความมั่นคงสูง เพราะตำแหน่งงานถูกพ่วงมาด้วยสวัสดิการเอื้อประโยชน์ทั้งบุคลากรข้าราชการและครอบครัว ทั้งนี้รวมไปถึงสินเชื่อในการกู้บ้าน ที่มักได้ภาษีดีกว่าบุคคลทั่วไป แต่ก็ยังมีกลุ่มข้าราชการบรรจุใหม่ ยังคงวิตกกังวลและตั้งคำถามเกี่ยวกับการกู้เงินซื้อบ้านมากมาย รวมทั้งวงเงินกู้ที่จะได้ หรือแม้แต่การอนุมัติสินเชื่อด้วย ต่อไปนี้ความสงสัยเหล่านี้จะหมดไป เมื่อรู้รายละเอียดของการปล่อยสินเชื่อสวัสดิการข้าราชการดังต่อไปนี้
คุณสมบัติของข้าราชการ
- เป็นข้าราชการบรรจุแล้ว หรือพนักงานข้าราชการที่ยังไม่บรรจุ (ลูกจ้างชั่วคราว) และพนักงานรัฐวิสาหกิจ
- มีอายุการทำงานครบ 3 ปี กรณีเป็นข้าราชการบรรจุใหม่ หากทำงานไม่ครบ 3 ปี ต้องหาคนที่ทำงานมาครบ 1 ปี 2 คนมาเป็นผู้ค้ำ*
- ผู้กู้ต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป หรือถ้ารวมอายุผู้กู้กับระยะเวลากู้ ต้องไม่เกิน 65 ปี*
วงเงินให้ข้าราชการกู้เงินซื้อบ้าน
สำหรับวงเงินสินเชื่อสวัสดิการข้าราชการนั้น จะขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงินกำหนด รวมถึงมาตราการ LTV ที่ให้สิทธิในการกู้บ้านหลังที่ 2 และ 3 ได้ในวงเงิน 70-90% ของมูลค่าบ้านที่ต้องการกู้ โดยจะขึ้นอยู่กับแต่ละวัตถุประสงค์ในการกู้ และหากใช้หลักฐานค้ำประกัน ส่วนใหญ่จะมีเงื่อนไขในการให้วงเงินกู้* ดังนี้
ระยะเวลาให้ข้าราชการกู้เงินซื้อบ้าน
โดยปกติสถาบันการเงินจะกำหนดให้มีระยะเวลาให้กู้สูงสุดไม่เกิน 30 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญา และเมื่อรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปี หรือจนเกษียนอายุข้าราชการ
รวมสวัสดิการกู้ซื้อบ้าน สำหรับกลุ่มข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และพนักงานภาครัฐ
การประมาณวงเงินกู้ซื้อบ้านสำหรับข้าราชการบรรจุใหม่
ตัวอย่าง: ข้าราชการบรรจุใหม่ นาย A มีรายได้ประจำจากเงินเดือน 20,000 บาท รายได้พิเศษจากการทำอาชีพเสริมต่อเดือน 8,000 บาท มีภาระหนี้บัตรเครดิตต้องจ่ายเดือนละ 5,000 บาท ค่าผ่อนรถยนต์ 7,500 บาท ทั้งนี้ข้าราชการ A ต้องมียอดรวมผ่อนต่อเดือนไม่เกิน 70% ตามที่สถาบันการเงินกำหนด ถึงจะสามารถขออนุมัติการกู้สินเชื่อบ้านสวัสดิการข้าราชการผ่าน ซึ่งมีหลักการคำนวณดังต่อไปนี้
บุคคลค้ำประกันหลักทรัพย์ค้ำประกันหน่วยงานราชการทั่วไป
กู้ได้ไม่เกิน 30 เท่าของเงินเดือนสูงสุดไม่เกินรายละ 5,000,000 บาทหน่วยงานราชการที่ร่วมกับธนาคาร
กู้ได้ไม่เกิน 40 เท่าของเงินเดือน
หรือสูงสุดไม่เกิน 3,000,000 บาท
อยากรู้ว่ารายได้เท่านี้กู้เงินซื้อบ้านได้เท่าไหร่ สามารถเข้าไปดูได้ที่เครื่องคำนวณเงินกู้
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่าข้าราชการที่มีความประสงค์ต้องการกู้เงินซื้อบ้าน แม้ว่าจะเป็นข้าราชการบรรจุใหม่หรือได้รับการบรรจุเรียบร้อยแล้ว จะถูกวัดผลวงเงินกู้สินเชื่อบ้านจากความสามารถในการชำระหนี้เป็นสำคัญ รวมถึงผู้ค้ำประกันและสินทรัพย์ในการค้ำประกัน เพื่อคัดกรองการอนุมัติกู้เงินซื้อบ้านสำหรับข้าราชการเป็นอันดับแรก
ผู้ซึ่งรับบำนาญแสดงเจตนา หรือทายาทตามกฎหมาย (คู่สมรส บุตร บิดามารดา ตามลำดับ) ได้รับเงินบำนาญ รวมกับ เงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ(ถ้ามี)
ค่าเล่าเรียนบุตร
ไม่มีสิทธิ
เบิกค่าเล่าเรียนบุตรได้ถึงอายุ 25 ปี บริบูรณ์ ศึกษาไม่ต่ำกว่าอนุปริญญา
บำเหน็จตกทอด
ไม่มีสิทธิ
ทายาทตามกฎหมายหรือบุคคลซึ่ง
ผู้รับบำนาญแสดงเจตนาได้รับเงิน 30 เท่า ของบำนาญเมื่อผู้รับบำนาญถึงแก่กรรม
การได้รับพระราชทานเพลิงศพ
มีสิทธิ
มีสิทธ ิ(เจ้าภาพหรือทายาทยื่นเรื่องขอพระราชทานเพลิงศพมายังกรม)
ำคุกการคืนบำเหน็จบำนาญเมื่อกลับเข้ารับราชการใหม่
ฃบำนาญข้าราชการผู้ใดได้รับบำเหน็จหรือบำนาญไปแล้วต่อมากลับเข้ารับราชการใหม่ประสงค์จะขอนับเวลาราชการต่อเนื่องจะต้องคืนบำเน็จบำนาญ ดังนี้
1. กรณีรับบำเหน็จ ต้องคืนเงินบำเหน็จที่ได้รับพร้อมดอกเบี้ยตามอัตราเงินฝากประจำของธนาคารออมสิน ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่กลับเข้ารับราชการ (หลักเกณฑ์และวิธีการนับระยะเวลาการคืนบำเหน็จ / หลักเกณฑ์และวิธีการนับระยะเวลาการคืนบำเหน็จ กรณีเกิน 90 วัน)
2. กรณีรับบำนาญปกติ ต้องงดรับบำนาญ และกรณีเป็นสมาชิก กบข.ต้องคืนเงินประเดิม เงินชดเชยและผลประโยชน์ตอบแทนของเงินดังกล่าวภายใน 180 วัน นับแต่วันที่กลับเข้ารับราชการใหม่ ()
ฃบำนาญ- ถ้าประสงค์จะรับบำนาญต่อ ให้มีหนังสือแจ้งความประสงค์ต่อส่วนราชการ ภายใน 30 วัน และจะไม่นับเวลาต่อเนื่อง
บำน า ญ- หากไม่คืนเงินประเดิม เงินชดเชยและผลประโยชน์ ให้ถือว่าประสงค์จะรับบำนาญต่อ
3. กลับเข้ารับราชการใหม่้ต้่้องยื่นแบบแจ้งข้อมูลการกลับเข้ารับราชการใหม่ (กบข. จก 001/2551) ภายใน 30 วันนับแต่วันที่กลับเข้ารับราชการใหม่ (หลักเกณฑ์และวิธีการคืนเงินเข้ากองทุน กบข.ของข้าราชการที่กลับเข้ารับราชการใหม่ พ.ศ. 2551) ง
ฃบำนาญป- บำเหน็จบำนาญพิเศษ ข้าราชการผู้ใดประสพเหตุ ม. 37 -38 ให้จ่ายบำเหน็จบำนาญพิเศษให้ (สิทธิเฉพาะตัวโอนไม่ได้)
บำนาญพิเศษ หมายถึง เงินที่จ่ายให้แก่ข้าราชการ พลทหารกองประจำการ หรือ บุคคลที่ทำหน้าที่ทหารตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ซึ่งได้รับอันตรายจนพิการหรือป่วยเจ็บถึงทุพพลภาพจนไม่สามารถรับราชการต่อไปได้ หรือจ่ายให้แก่ทายาทของบุคคลดังกล่าวกรณีถึงแก่ความตายเพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่ จ่ายให้เป็นรายเดือน
ฃบำนาญปฃบำนาญปมาตรา 37 ข้าราชการ พลทหารกองประจำการ หรือบุคคลที่ทำหน้าที่ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ผู้ใดได้รับอันตรายจนพิการ เสียแขนหรือขา หูหนวกทั้ง 2 ข้าง ตาบอด หรือได้รับการป่วยเจ็บซึ่งแพทย์ที่ทางราชการรับรองได้ตรวจแล้ว และแสดงว่าถึงทุพพลภาพไม่สามารถจะรับราชการต่อไปได้อีกเลย ทั้งนี้ เพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่ ให้ผู้นั้นได้รับบำนาญปกติกับทั้งได้รับบำนาญพิเศษด้วย เว้นแต่การได้รับอันตราย ได้รับการป่วยเจ็บ หรือการถูกประทุษร้ายนั้นเกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือจากความผิดของตนเอง
ฃบำนาญปฃบำนาญปมาตรา 38 ข้าราชการผู้ใดได้รับบำเหน็จหรือบำนาญไปแล้วตามพระราชบัญญัตินี้ พลทหารกองประจำการ หรือบุคคลที่ทำหน้าที่ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ผู้ใดซึ่งออกจากราชการหรือหรือพ้นจากหน้าที่ทหารไปแล้ว ถ้าภายในกำหนดเวลา 3 ปี นับแต่วันออกจากราชการ หรือพ้นจากหน้าที่ทหารปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า ผู้นั้นเกิดป่วยเจ็บทุพพลภาพอันเป็นผลมาจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการระหว่างที่ผู้นั้นรับราชการหรือทำหน้าที่ทหารอยู่ ก็ให้จ่ายบำนาญตามมาตรา 37 ถ้าถึงตายก็ให้จ่ายบำนาญตามมาตรา 41 ทั้งนี้ ให้จ่ายนับแต่วันขอและในกรณีที่ได้รับบำเหน็จไปแล้ว ก็ให้จ่ายแต่เฉพาะบำนาญพิเศษอย่างเดียว
ฃบำนาญบำนาญพิเศษแบ่งเป็น ๒ กรณี
- กรณีทุพพลภาพเพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่ ( ผู้ทุพพลภาพเป็นผู้ได้รับบำนาญพิเศษ)
- กรณีถึงแก่ความตาย เพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าท ี่(ทายาทได้รับบำนาญพิเศษ)
ฃบำนาญการคำนวณบำนาญพิเศษ
กรณีทุพพลภาพ (ได้รับทั้งบำนาญปกติและบำนาญพิเศษ)
- ยามปกติ ได้รับบำนาญพิเศษอัตราตั้งแต่ห้าจนถึงยี่สิบในห้าสิบส่วนของเงินเดือนเดือนสุดท้าย
- ผู้มีี่ทำหน้าที่ต้องไปราชการหรือปฏิบัติราชการโดยอากาศยานในอากาศ หรือต้องไปราชการหรือปฏิบัติราชการโดยเรือดำน้ำ หรือมีหน้าที่ต้องทำการดำน้ำ หรือมีหน้าที่กวาดทุ่นระเบิด หรือมีหน้าที่ขุด ทำลาย ทำ ประกอบวัตถุระเบิด หรือมีหน้าที่เกี่ยวกับไอพิษ ถ้า ได้รับบำนาญพิเศษเป็นจำนวนกึ่งเงินเดือนเดือนสุดท้าย
ิ - เวลาทำหน้าที่ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนดในระหว่างเวลาที่มีการรบ การสงคราม หรือการปราบปรามการจลาจล หรือในระหว่างเวลาที่มีพระบรมราชโองการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ถ้าได้รับอันตรายด้วยหน้าที่ที่กระทำนั้น ได้รับบำนาญพิเศษอัตราตั้งแต่สามสิบจนถึงสามสิบห้าในห้าสิบส่วนของเงินเดือนเดือนสุดท้าย
**** ผู้ได้รับอันตรายถึงทุพพลภาพดังกล่าว แม้จะยังไมมีสิทธิได้รับบำนาญปกติก็ให้ได้รับบำนาญปกติ บวกกับบำนาญพิเศษด้วย
กรณีถึงแก่ความตาย
- ยามปกติ ทายาทได้รับบำนาญพิเศษเป็นจำนวนกึ่งเงินเดือนเดือนสุดท้ายของผู้ตาย
- ผู้มีหน้าที่ต้องไปราชการหรือปฏิบัติราชการโดยอากาศยานในอากาศ หรือมีหน้าที่ต้องทำการโดดร่ม หรือต้องไปราชการหรือปฏิบัติราชการโดยเรือดำน้ำ หรือมีหน้าที่ต้องทำการดำน้ำ หรือมีหน้าที่กวาดทุ่นระเบิด หรือมีหน้าที่ขุด ทำลาย ทำ ประกอบวัตถุระเบิด หรือมีหน้าที่เกี่ยวกับไอพิษ หรือเวลาทำหน้าที่ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ในระหว่างเวลาที่มีการรบ การสงคราม หรือการปราบปรามการจลาจล หรือในระหว่างเวลาที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ถ้าได้รับอันตรายด้วยหน้าที่ที่กระทำนั้น ได้รับบำนาญพิเศษอัตราตั้งแต่สี่สิบในห้าสิบส่วนของเงินเดือนเดือนสุดท้าย
ฃบำนาญทายาทผู้มีสิทธิได้รับบำนาญพิเศษ
- บุตร ได้รับ 2 ส่วน ถ้ามีบุตรตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปให้ได้รับ 3 ส่วน (ได้รับจนอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ยกเว้นกำลังศึกษาฯ แต่ไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์)
- สามีหรือภรรยา ได้รับ 1 ส่วน (รับได้ตลอดชีวิต เว้นแต่ทำการสมรสใหม่)
- บิดามารดา หรือบิดา หรือมารดา ที่มีชีวิตอยู่ ได้รับ 1 ส่วน (รับได้ตลอดชีวิต)
**** ผู้ได้รับบำนาญพิเศษรายใด มียอดรวมไม่ถึงเดือนละ 300 บาท ผู้มีสิทธฺจะได้รับจะยื่นคำขอเปลี่ยนเป็นบำเหน็จพิเศษแทนได้เป็นจำนวนเท่ากับ บำนาญพิเศษ 60 เดือนแต่ต้องไม่น้อยกว่า 3,000 บาท
บำนาญป- บำเหน็จดำรงชีพ
- เงินที่จ่ายให้แก่ผู้ั้รับบำนาญเพื่อช่วยเหลือการดำรงชีพโดยจ่ายครั้งเดียว โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้
- กรณีเป็นผู้ได้รับบำนาญปกติหรือรับบำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพ มีสิทธิได้รับบำำเหน็จดำรงชีพ ไม่เกิน 15 เท่าของเงินบำนาญรายเดือน (แต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาท)
ฃบำนาญฃบำนาญบำนาญปกติ X 15 (ไม่เกิน 200,000 บาท)
- กรณีเป็นผู้ได้รับบำนาญปกติและรับบำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพ มีสิทธิได้รับบำเหน็จดำรงชีพ ไม่เกิน 15 เท่าของเงินบำนาญรายเดือน (บำนาญ ปกติรวมกัับบำนาญพิเศษ) (แต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาท)
ฃบำนาญฃบำนาญบำนาญปกติ + บำนาญพิเศษเหตุทุพพลภาพ X 15 (ไม่เกิน 200,000 บาท)
- เมื่อรับบำเหน็จดำรงชีพไปแล้ว ไม่มีสิทธิบำเหน็จดำรงชีพอีก หากภายหลังกลับเข้ารับราชการใหม่และออกจากราชการครั้งหลังโดยเลือกรับบำนาญ แต่หากเลือกรับบำเหน็จ (มีสิทธินับระยะเวลาตอนก่อนออกจากราชการต่อเนื่องกับการรับราชการตอนหลัง)ให้หักเงินบำเหน็จดำรงชีพออกจากเงินบำเหน็จเสียก่อน
- เมื่อได้แสดงเจตนาขอรับบำเหน็จดำรงชีพไว้แล้ว แต่ได้ตายก่อนรับเงินให้การจ่ายเงินบำเหน็จดำรงชีพเป็นอันระงับ
- กรณีได้มีการรับบำเหน็จดำรงชีพไปแล้ว ผู้รับถึงแก่ความตาย การจ่ายบำเหน็จตกทอด ให้หักเงินบำเหน็จดำรงชีพออกจากบำเหน็จตดทอดเสียก่อน
ฃบำนาญฃบำนาญ- (บำนาญปกติ X 30) - บำเหน็จดำรงชีพ
หรืือ --------------- (บำนาญปกติ + บำนาญพิเศษเหตุทุพพลภาพ X 30) - บำเหน็จดำรงชีพ
*** สามารถขอรับบำเหน็จดำรงชีพพร้อมกับขอรับบำนาญปกติ หรือ จะขอรับภายหลังก็ได้ (ช่วง 1 ต.ค. - 31 ธ.ค.)
*** กรณีไม่ได้ขอรับครั้งแรก จะขอรับรวมกับครั้งที่ 2 ได้ในอัตรา 15 เท่า แต่ไม่เกิน 400,000 บาท โดยไม่ต้องรอช่วง 1 ต.ค. - 31 ธ.ค.
*** กรณีอยู่ระหว่างถูกกล่่าวหาว่ากระทำผิดวินัยหรือคดีอาญาตอนก่อนออกจากราชการ (แม้จะทำสัญญาค้ำประกันแล้วก็ตาม) ไม่สามารถขอรับบำเหน็จดำรงชีพได้
กรณีเป็นสมาชิก กบข. : พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539 (
ความหมาย
- บำเหน็จ หมายความว่า เงินที่จ่ายให้แก่สมาชิกโดยจ่ายให้ครั้งเดียวเมื่อสมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง (ออกจากราชการ เว้นแต่การสั่งให้ออกไว้ก่อน หรือออกไปทำงานซึ่งให้นับเวลาระหว่างลาออกเหมือนเต็มเวลาราชการ)
- บำนาญ หมายความว่า เงินที่จ่ายให้แก่สมาชิกเป็็นรายเดือนเมื่อสมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง
สิทธิการรับบำเหน็จบำนาญและเงิน กบข.
อรับเงินบำเเหน็จบำนาญ
บำนาญป- - ข้าราชการที่เป็นสมาชิกซึ่งถูกไล่ออกจากราชการ หรือถึงแก่ความตาย เนื่องจากประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงของตนเอง ไม่มีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญ เงินประเดิิม เงินชดเชย และผลประโยชน์ตอบแทนเงินดังกล่าว