อัญชลี ธรรมะวิธีกุล
การจัดการศึกษาอาชีพ
การจัดการศึกษาอาชีพ คือกระบวนการในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความเข้าใจและมีทักษะด้านอาชีพ เพื่อนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ มีรายได้ โดยการจัดการเรียนรู้ ที่จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัด และความต้องการของผู้เรียนแต่ละบุคคล การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้เรียนทั้งภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติและฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจากสถานการณ์จริง สามารถนำความรู้และทักษะไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพได้
ดังนั้นการวัดผลประเมินผลจึงเป็นกิจกรรมที่สำคัญ ที่จะบอกให้รู้ว่า เมื่อจัดการเรียนรู้เสร็จสิ้นลงแล้ว ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะและมีคุณลักษณะตามจุดมุ่งหมายที่หลักสูตรกำหนดหรือไม่เพียงใด ซึ่งความเป็นจริงแล้วการวัดผลและประเมินผลมิได้ทำเฉพาะเมื่อกระบวนการเรียนรู้จบลงแล้วเท่านั้น แต่เกิดขึ้นตลอดเวลาของการดำเนินจัดการเรียนรู้ เนื่องจากการวัดผลและประเมินผลเป็นกิจกรรมที่สอดแทรกอยู่ทุกขั้นตอนของกระบวนการเรียนรู้ ดังนั้นการประเมินจึงเริ่มตั้งแต่ประเมินก่อนเรียน ประเมินขณะเรียน และประเมินหลังเรียน
การวัดและประเมินผล
- การวัดผล เป็นการสอบวัดว่าเมื่อกระบวนการเรียนการรู้ดำเนินไป ผู้เรียนมีพฤติกรรมด้านความรู้ ทักษะ เจตคติ เปลี่ยนไปตามจุดประสงค์การเรียนรู้หรือไม่ โดยใช้เครื่องมือวัดผลต่าง ๆ เป็นเครื่องวัด การใช้เครื่องมือสอบวัดแต่ละชนิดจะต้องสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กำหนดไว้ในแผนจัดการเรียนรู้ ผลจากการสอบวัดอาจจะเป็นเชิงปริมาณ หรือเชิงคุณภาพ เช่นเป็นคะแนน เป็นค่าร้อยละ หรือระดับคุณภาพ ซึ่งยังไม่สามารถตัดสินได้ว่า ผู้เรียนมีคุณภาพเป็นอย่างไรจนกว่าจะมีการประเมินผล
- การประเมินผล เป็นกระบวนการที่จะตัดสินว่าผู้เรียนมีคุณภาพหรือไม่ มีในระดับใด โดยนำคะแนนที่ได้จากการสอบวัดมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้
ประเภทการประเมิน 4 ประเภท
- การประเมินก่อนเรียน เป็นการประเมินเพื่อตรวจสอบความรู้พื้นฐานของผู้เรียนรายบุคคลว่า ผู้เรียนมีพื้นความรู้ในเรื่องที่จะเรียนมากน้อย เพียงใด เพื่อที่ครูจะได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม
- การประเมินผลระหว่างเรียน เป็นการประเมินระหว่างดำเนินการจัดการเรียนรู้ เพื่อดูความก้าวหน้าในการเรียนของผู้เรียนเป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่มเรียน และ เพื่อนำผลที่ได้มาใช้ประโยชน์ในปรับปรุงการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- การประเมินผู้เรียนเฉพาะราย เป็นการประเมินเพื่อหาข้อบกพร่องของผู้เรียนเฉพาะราย เพื่อครูจะได้หาแนวทางในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาผู้เรียนได้ถูกต้อง
- การประเมินเมื่อสิ้นสุดกระบวนการเรียนรู้ เป็นการประเมินเพื่อตัดสินผลการเรียน ว่าผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์การเรียนหรือไม่ หรือมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในระดับใด
การกำหนดเครื่องมือวัดผลและประเมินผล
ในการวัดผลและประเมินผลครูจะต้องวัดและประเมินผลให้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กำหนดไว้ ดังนั้นก่อนสร้างเครื่องมือวัดครูจะต้องวิเคราะห์จุดประสงค์การเรียนรู้ว่าเป็นจุดประสงค์ที่ต้องการให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมในด้านใด ระดับใด แล้วจึงกำหนดเครื่องมือวัดผล
ตัวอย่าง การวิเคราะห์เครื่องมือที่ใช้ในการวัดผลตามประเภทของจุดประสงค์การเรียนรู้
วิธีวัด/ประเภทของเครื่องมือวัด | ประเภทของจุดประสงค์การเรียนรู้ | ||
พุทธิพิสัย | ทักษะพิสัย | จิตพิสัย | |
1.การสังเกต/แบบสังเกตพฤติกรรม | / | / | |
2.สอบถาม/ประเด็นคำถาม | / | / | |
3.สอบถาม/แบบสอบถาม | / | ||
4.ตรวจผลงาน/แบบตรวจผลงาน | / | ||
5.ตรวจแบบฝึกหัด/แบบฝึกหัด,ใบงาน | / | / | |
6.ทดสอบ/แบบทดสอบ | / | ||
ดังนั้นนั้นเมื่อมีการวิเคราะห์เครื่องมือที่ใช้ในการวัดผล ตามประเภทของจุดประสงค์การเรียนรู้ จะทำให้ครูสามารถใช้วิธีการวัดผลและเครื่องมือวัดผลได้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ และสามารถดำเนินการวัดและประเมินผลได้ตามเป้าหมาย และถือว่าเป็นการวัดที่มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กำหนดไว้
ประโยชน์ของการวัดและประเมินผล
- ผู้เรียนสามารถรู้ผลการเรียนของตนเองว่าเป็นอย่างไร เพื่อจะได้แก้ไขปรับปรุงการเรียนรู้ของตนเอง และเป็นแนวทางในการวางแผนศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพได้
- ครูผู้สอนได้ทราบว่า ผู้เรียนแต่ละคนมีพัฒนาการในการเรียนรู้หรือไม่ มีในระดับใด เพื่อที่ครูจะได้ปรับปรุงการจัดกระบวนการเรียนรู้ พัฒนาผู้เรียนให้บรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้
- ผู้บริหารสถานศึกษาได้ทราบผลการเรียนของผู้เรียนเป็นรายบุคคลและโดยรวม เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการวางแผนการจัดการศึกษาอาชีพให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- เป็นข้อมูลสำคัญต่อระบบประกันคุณภาพการศึกษา ทั้งประกันคุณภาพภายในและประกันคุณภาพภายนอก
แนวคิดในการวัดผลและประเมินผลการจัดการศึกษาอาชีพ
สถานศึกษาควรจัดทำระเบียบการวัดผลประเมินผลหลักสูตรการศึกษาอาชีพ โดยคณะกรรมการสถานศึกษาเห็นชอบ ซึ่งมีแนวทางดำเนินการดังนี้
1.หลักการในการวัดผลและประเมินผลการจัดการศึกษาอาชีพ
1.1 สถานศึกษาเป็นผู้รับผิดชอบการวัดและประเมินผลการเรียนของผู้เรียน โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนและผู้ที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วม
1.2
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาผู้เรียนและตัดสินผลการเรียน
1.3 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต้องสอดคล้องและครอบคลุมจุดมุ่งหมายและจุดประสงค์ ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรการศึกษาอาชีพของสถานศึกษา และจัดให้มีการประเมินความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การมีส่วนร่วม คุณธรรมจริยธรรม ความรู้และทักษะ
1.4 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนรู้ ต้องดำเนินการด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย
เพื่อให้สามารถวัดและประเมินผลผู้เรียนได้อย่างรอบด้านทั้งด้านพุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการวัด สอดคล้องกับวิชา และระดับของผู้เรียน โดยอยู่บนพื้นฐานของความเที่ยงตรง ยุติธรรม และเชื่อถือได้
1.5 การประเมินผู้เรียน พิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน จากพฤติกรรมการเรียนรู้ การปฏิบัติกิจกรรม ผลงานของผู้เรียน การทดสอบ ควบคู่ไปกับกระบวนการเรียนรู้ ตามความเหมาะสมของแต่ละหลักสูตรวิชา และรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1.6 เปิดโอกาสให้ผู้เรียนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ตรวจสอบผลการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
2. การดำเนินการวัดและประเมินผลให้ครบองค์ประกอบทั้ง 5 ด้าน คือ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การมีส่วนร่วม คุณธรรมจริยธรรม ความรู้และทักษะ
2.1 ประเมินความรู้ความสามารถ ทักษะ ด้วยการสอบถาม ทดสอบ และปฏิบัติจริง
2.2 ประเมินด้านคุณธรรม ด้วยการสังเกต สอบถาม
2.3 ประเมินผลงานตามสภาพจริง
2.3 ประเมินความพึงพอใจของผู้เรียน ด้วยการสังเกต สอบถาม
3. การประเมินผลการเรียนรู้ตามจุดประสงค์การเรียนในแต่ละหลักสูตรวิชา เป็นการประเมินความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การมีส่วนร่วม คุณธรรมจริยธรรม ความรู้และทักษะ
ซึ่งจะนำไปสู่การสรุปผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ดังนี้
3.1 ผู้สอนแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้และ วิธีการประเมินผลการเรียน เกณฑ์การผ่าน ก่อนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนแต่ละหลักสูตรวิชา
3.2 จัดให้มีการประเมินผลก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความรู้พื้นฐาน
และความรอบรู้ในเรื่องที่จะเรียน ด้วยวิธีการที่เหมาะสม
3.3 จัดให้มีการประเมินผลระหว่างเรียน เพื่อศึกษาผลการเรียนและนำไปใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงการเรียนการสอนให้ดียิ่งขึ้น
3.4 การตัดสินผลการเรียนให้นำผลการประเมินที่ประเมิน ระหว่างเรียนและหลังเรียน ไปรวมกัน ตามสัดส่วนที่สถานศึกษากำหนด แล้วให้ระดับผลการเรียน
4.เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
4.1 การตัดสินผลการเรียน
4.1.1 ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ
๘๐ ของเวลาเรียนตลอดหลักสูตรวิชา
4.1.2ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินระหว่างเรียนและหลังเรียนที่กำหนดไว้ในแต่ละหลักสูตรวิชา ในระดับดีขึ้นไป
4.2 การให้ระดับผลการเรียน
การตัดสินผลการเรียนแต่ละหลักสูตรวิชา ให้ใช้ระบบตัวเลขแสดงระดับผลการเรียน เป็น 5 ระดับ ดังนี้
ระดับผลการเรียน | ความหมาย | ช่วงคะแนนเป็นร้อยละ | ||
5 | ดีเยี่ยม | 90-100 | ||
4 | ดี | 70-89 | ||
3 | พอใช้ | 50-69 | ||
2 | น้อย | 30-49 | ||
1 | น้อยที่สุด | 10-29 |
4.3 เกณฑ์การจบหลักสูตรวิชา
4.3.1 ผู้เรียนเรียนตามโครงสร้างหลักสูตรวิชาและเวลาเรียนที่กำหนด
4.3.2 ผู้เรียนต้องมีผลการประเมิน วิชาที่เรียน ผ่านตั้งแต่ระดับ ๔ ขึ้นไป
5. เอกสารหลักฐานการศึกษา
การจัดหาและจัดทำเอกสารหลักฐานการศึกษา เอกสารหลักฐานการศึกษา ที่สถานศึกษากำหนด เพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผู้เรียน ดังนี้
5.1
แบบบันทึกผลการเรียนรู้ระหว่างเรียน
5.2 แบบประเมินและรายงานผลการจบหลักสูตรการศึกษาอาชีพ
ตัวอย่าง
1. ระเบียบการวัดและประเมินผลหลักสูตรการศึกษาอาชีพ
2. แบบประเมินทักษะ
3. แบบประเมินผลการศึกษาอาชีพ :ประเมินผู้เรียนเป็นรายบุคคล
4.
แบบประเมินและรายงานผลการจบหลักสูตรการศึกษาอาชีพ
เอกสารอ้างอิง
สำลี รักสุทธี และคณะม,มปป.วิธีการจัดการเรียนการสอน การเขียนแผนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ.กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์พัฒนาศึกษา
***************************