เมื่อเข้าไปร้าน ขาย ยางรถยนต์ สิ่งหนึ่งที่เราต้องการก็คือยางที่มีคุณภาพและสมรรถนะที่ดี แต่คำถามก็คือ แล้วเราจะซื้อยางอะไรดี นอกจากคำอธิบายของร้าน ขาย ยาง รถยนต์แล้ว ตัวเราเองก็น่าจะพอมีความรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของยางรถยนต์ที่ดีเอาไว้บ้าง เพื่อจะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจต่อไป สำหรับคุณสมบัติดีๆที่ว่านี้ก็ได้แก่
6 คุณสมบัติของยางรถยนต์ที่ดี
- เรื่องการยึดเกาะถนน คุณสมบัติของยางที่ดีอันดับแรกเลยก็คือ การยึดเกาะถนนนั่นเอง เพราะมันหมายถึงความปลอดภัยในการขับขี่ เพราะยางคือส่วนเดียวที่ต้องสัมผัสกับถนนโดยตรง หากยางไม่สามารถยึดเกาะถนนได้ดีก็อาจทำให้รถลื่นไถลและเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ ดังนั้นจำไว้เลยว่าคุณสมบัติแรกที่เราต้องรู้เกี่ยวกับยางรถที่เราจะซื้อคือ มันยึดเกาะถนนได้ดีแค่ไหน
- ดอกยางรีดน้ำได้ดี ประโยชน์ของดอกยางหลักๆก็คือช่วยในการรีดน้ำในสภาพที่ถนนเปียกจากภาวะฝนตกหรือเหตุสุดวิสัย ซึ่งในสภาวะเช่นนี้น้ำที่อยู่บนพื้นจะเสมือนแผ่นฟิล์มที่เคลือบอยู่บนถนนจึงทำให้หน้ายางมีโอกาสสัมผัสกับพื้นผิวถนนน้อยลง จึงอาจทำให้รถมีโอกาสลื่นไถลและสูญเสียการควบคุมได้ง่ายขึ้น หรือที่เราเรียกว่า เกิดภาวะเหิรน้ำ ดังนั้นดอกยางจึงช่วยในการรีดน้ำที่อยู่ระหว่างพื้นผิวถนนและผิวหน้ายางโดยผ่านไปทางร่องยางเพื่อให้หน้ายางได้สัมผัสกับพื้นผิวถนนมากขึ้นการเหิรน้ำน้อยลง ดังนั้นยางรถที่ดีควรมีดอกยางที่ช่วยให้รีดน้ำได้ดีเพื่อลดการเหิรน้ำน้อยที่สุด
- มีระยะเบรกสั้น หากอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินต้องเบรกรถกะทันหัน ยางรถที่ดีต้องสามารถช่วยห้ามล้อได้ในระยะประชิดคือสามารถหยุดรถได้ในระยะที่สั้นที่สุด
- เนื้อยางควรมีความยืดหยุ่น นอกจากยางควรจะมีความแข็งแรงแล้วก็ควรมีความยืดหยุ่นไม่แข็งกระด้างจนเกินไป เพื่อรองรับน้ำหนักแรงกระแทกและแรงดันลมภายใน หากเนื้อยางมีสภาพแข็งกระด้างจนไม่สามารถเอาเล็บจิกบนหน้ายางได้นั่นคือสัญญาณบ่งบอกของยางเสื่อมสภาพ ซึ่งจะมีผลทำให้แรงเสียดทานในขณะห้ามล้อน้อยลงไปอีก แถมยังมีโอกาสลื่นไถลในขณะเบรกรถได้มากขึ้นกว่าปกติ
- ยางต้องเงียบนิ่มนวลทุกการขับขี่ ในขณะที่ขับรถอยู่ยางที่ดีต้องไม่มีเสียงดังรบกวนเด็ดขาด
- ยางต้องมีความสามารถในการรับน้ำหนัก ยางที่ดีต้องมีความสามารถรับน้ำหนักได้ดีเมื่อเมื่อเทียบกับยางประเภทเดียวกัน
เมื่อรู้แบบนี้แล้วก่อนซื้อยางรถยนต์ก็ควรตรวจเช็คให้ดี เพื่อให้ได้ยางรถยนต์ที่มีคุณภาพและสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
ยางซิลิโคนเป็นยางที่มีแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลต่ำ ส่วนใหญ่จึงไม่อยู่ในรูปของแข็ง แต่จะอยู่ในรูปของเหลวที่มีความหนืดสูงมาก และค่าความหนืดก็ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเพียงเล็กน้อย ยางซิลิโคนจะมีสมบัติความยืดหยุ่นดีจำเป็นต้องทำให้คงรูปโดยกระบวนการวัลคาไนซ์ด้วยเพอร์ออกไซด์เนื่องจากความแข็งแรงของพันธะระหว่างSi-O สูงกว่า C-C และไม่มีพันธะคู่อยู่ในโมเลกุล ยางซิลิโคนจึงทนต่อสภาพอากาศ โอโซน แสงแดด และความร้อนได้ดีกว่ายางที่เป็นพวกไฮโดรคาร์บอนยางชนิดนี้จึงเป็นยางชนิดพิเศษที่สามารถใช้งานได้ในที่อุณหภูมิสูงมากๆ (และต่ำมากๆ) อย่างไรก็ตามยางซิลิโคนมีค่าความทนต่อแรงดึง (tensile strength) ความต้านทานต่อการขัดถู (abrasion resistance) และความทนต่อแรงกระแทก (impact resistance) ต่ำมาก ดังนั้นจึงต้องมีการเติมสารเสริมแรง เช่น ซิลิกาเข้าช่วย ยางซิลิโคนมีความเป็นฉนวนที่ดีมาก มีอัตราการซึมผ่านของก๊าซและของเหลวสูง (ประมาณ 100 เท่าของยางบิวไทล์) แต่ว่ายางชนิดนี้ไม่ทน ต่อกรดและด่าง สารเคมีจำพวกเอสเทอร์ คีโตน และอีเทอร์การใช้งานของยางซิลิโคนจะถูกจำกัดอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถใช้ยางชนิดอื่นๆ ได้ เพราะยางชนิดนี้มีราคาสูงมาก ส่วนใหญ่จะใช้ในการผลิตยางที่เป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินและรถยนต์ ใช้ทำฉนวนหุ้มสายเคเบิล และใช้ในงานทางการแพทย์และเภสัชกรรมรวมถึงผลิตภัณฑ์ยางที่ต้องสัมผัสกับอาหารการนำยางธรรมชาติไปใช้งานมีอยู่ 2 รูปแบบคือ รูปแบบน้ำยาง และรูปแบบยางแห้ง ในรูปแบบน้ำยางนั้นน้ำยางสดจะถูกนำมาแยกน้ำออกเพื่อเพิ่มความเข้มข้นของเนื้อยางขั้นตอนหนึ่งก่อนด้วยวิธีการต่าง ๆ แต่ที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมคือการใช้เครื่องเซนตริฟิวส์ ในขณะที่การเตรียมยางแห้งนั้นมักจะใช้วิธีการใส่กรดอะซิติกลงในน้ำยางสด การใส่กรดอะซิติกเจือจางลงในน้ำยาง ทำให้น้ำยางจับตัวเป็นก้อน เกิดการแยกชั้นระหว่างเนื้อยางและน้ำ ส่วนน้ำที่ปนอยู่ในยางจะถูกกำจัดออกไปโดยการรีดด้วยลูกกลิ้ง 2 ลูกกลิ้ง วิธีการหลัก ๆ ที่จะทำให้ยางแห้งสนิทมี 2 วิธีคือ การรมควันยาง และการทำยางเครพ แต่เนื่องจากยางผลิตได้มาจากเกษตรกรจากแหล่งที่แตกต่างกัน ทำให้ต้องมีการแบ่งชั้นของยางตามความบริสุทธิ์ของยางนั้น ๆ ผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ ได้แก่ ยางรถยนต์, รองเท้า, ท่อยาง, ปูพื้น, ลูกล้อ, ยางแท่นเครื่อง
สรุปคุณสมบัติของยางยางธรรมชาติ NR
-ทนการเสียดสี
- รับแรงกระแทก
- ยืดหยุ่นตัวดี
- ทนความร้อนได้ -20°C ถึง 80°C
2. ยางสังเคราะห์
ยางสังเคราะห์ คือ ยางวิทยาศาสตร์เป็นยางที่มนุษย์ผสมขึ้นมาเองได้แก่ ยาง NBR, SR, EPDM, SILICONE, VITON, HYPALON, CR, NEOPRENE, THERMOPLASTIC POIYURTEHANES และ URETHANE แต่ละชนิดมีคุณสมบัติดังนี้
ยางเทียมสังเคราะห์ (Synthesis Rubber SR) เป็นยางสังเคราะห์ที่ใช้งานกันมากในสหรัฐอเมริกา ยางมีส่วนผสมของบิวทาไดน์ 78% กับสไตรีน 22% มันอาจจะถูกผสมกันที่อุณหภูมิ 40 องศาฟาเรนไฮต์ เมื่อนำมาผสมกันที่ 40 องศาฟาเรนไฮต์ยางจะมีคุณสมบัติพิเศษกว่า ยางธรรมชาติจึงนำไป ใช้ทำยางรถยนต์ ยางสังเคราะห์มีความต้านทานต่อการขูดถลอก สภาวะของลมฟ้าอากาศที่แปรเปลี่ยนไป ต้านทานไฟฟ้าได้ดี เมื่อทิ้งไว้ให้ตากแดด ตากลม โอโซน แก๊สโซลีน และน้ำมัน ยางจะชำรุดเสียหายได้ ยางนี้ยังใช้ทำท่อยาง พื้นฉนวน สายพานลำเลียง วัสดุหีบห่อ พื้นรองเท้า
สรุปคุณสมบัติของยาง
- การใช้งานคล้ายยาง NR
- ทนการเสียดสี
- ต้านทานไฟฟ้าได้ดี
- ทนความร้อนได้ -20°c ถึง 80°c
ยางโพลียูรีเทน (Polyurethane, PU) ผลิตขึ้นครั้งแรกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อใช้ทดแทนยางธรรมชาติ และยังใช้ผลิตผ้าที่มีความทนทาน เคลือบผิวเครื่องบิน โลหะ เพื่อป้องกันการกัดกร่อนและสารเคมี โพลียูรีเทนผลิตจากโพลีออลกับไดไอโซไซยาเนตหรือโพลีเมอริก ไอโซไซยาเนต โพลียูรีเทนส่วนใหญ่เป็นพลาสติกชนิดเทอร์โมเซ็ต คือ ไม่สามารถหลอมเหลวและขึ้นรูปใหม่ได้ ซึ่งผลิตออกมาหลายรูปแบบได้แก่ ท่อลมอัด เป็นโฟมยืดหยุ่น โฟมแข็ง สารเคลือบป้องกันสารเคมี
สรุปคุณสมบัติของยาง POLYURETHANE
- ทนต่อการเสียดสีได้ดีมาก
- ทนต่อแรงลมอัดได้สูง
- ทนน้ำมัน
- ทนความร้อนได้ -40°c ถึง 100°c
ยางเทอร์โมพลาสติก โพลียูรีเทน (Thermoplastic Polyurethanes) TPU มีลักษณะอ่อนเหมือนกัน แต่ไม่อ่อนเท่าเนื้อของ TPU จะลื่นกว่าและมีความแข็งกว่า ส่วนใหญ่จะนำมาใช้เป็นยางกันกระแทกที่จะใช้ TPU เป็นวัสดุ ด้วยเหตุผลที่คงทนกว่า ไม่เกิดอาการย้วย วัสดุประเภทนี้จะไม่เสียทรง หรือ สูญเสียทรงน้อยมาก