คุณแม่ตั้งครรภ์คนไหนที่เลี้ยงแมวอยู่ ขอให้งดการเก็บมูลแมวไปก่อนนะคะ ทั้งนี้เพราะในมูลแมว มีส่วนประกอบของท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) เชื้อปรสิตที่มีแมวเป็นพาหะนำโรค ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดการติดเชื้อและอาจส่งผลให้ทารกในครรภ์เกิดความผิดปกติ โดยอาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งหากที่บ้านของคุณแม่เลี้ยงแมวอยู่ละก็ ควรอยู่ให้ห่างจากมูลแมวไว้ และมอบหน้าที่การทำความสะอาดมูลแมวให้คนอื่นแทนไปก่อนค่ะ
เมื่อคุณแม่ได้ทราบถึงข้อห้ามต่าง ๆ ที่ไม่ควรทำขณะตั้งครรภ์แล้ว ยังไงก็อย่าลืมนำไปปฏิบัติใช้ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณแม่เองและเพื่อให้ลูกน้อยในครรภ์มีพัฒนาการที่ดี และมีการเจริญเติบโตที่แข็งแรงสมบูรณ์
คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องดื่มน้ำให้มาก ๆ เพราะในช่วงตั้งครรภ์นั้น ร่างกายของคุณแม่จะมีความต้องการน้ำมากเป็นพิเศษ น้ำจะช่วยให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ระบบการไหลเวียนของสารอาหารจากแม่ไปสู่ลูกน้อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยแก้ปัญหาอาการท้องผูก ช่วยระบบการย่อยอาหาร ขับสารพิษได้อีกด้วยค่ะนอกจากนี้ การดื่มน้ำในปริมาณที่มากเพียงพอ ยังช่วยให้ผิวพรรณของคุณแม่ดูสดใส มีความยืดหยุ่น ลดปัญหาการแตกลายของหน้าท้อง ได้อีกด้วยนะคะ เพราะคุณสมบัติของน้ำที่ช่วยทำให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ มีความอ่อนนุ่ม ผิวจึงแลดูชุ่มชื้น มีสุขภาพดีค่ะ
ในช่วงแรก ๆ ของการตั้งครรภ์ คุณแม่หลายท่านที่มีอาการแพ้ท้อง การดื่มน้ำจะช่วยให้อาการแพ้ท้องนั้นดีขึ้นได้นะคะ
อาการโดยทั่วไปของคุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มักจะปวดปัสสาวะบ่อย การที่คุณแม่ตั้งครรภ์มักมีอาการปวดปัสสาวะบ่อย ๆ นั้น เป็นเพราะมดลูกจะมีขนาดใหญ่ขึ้น จึงเกิดการกดทับกระเพาะปัสสาวะค่ะ หากคุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มน้ำไม่เพียงพอ แล้วปัสสาวะบ่อย อาจทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์เกิดภาวะขาดน้ำได้นะคะ ซึ่งส่งผลให้มีอาการปวดศีรษะบ่อย และหากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ คุณแม่มีอาการขาดน้ำ อาจทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนดได้ค่ะ
น้ำปริมาณเท่าไหร่ จึงจะเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในช่วงตั้งครรภ์?
ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะมีความต้องการน้ำมากกว่าปกติค่ะ โดยคุณแม่ตั้งครรภ์ควรดื่มน้ำให้มากวันละ 1.5-2 ลิตรค่ะ จึงจะเพียงพอ
เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์เข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 3 มักมีการบริโภคอาหารเพิ่มขึ้น 450 กิโลแคลอรี่ ดังนั้น ควรดื่มน้ำตามเข้าไปให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
สัญญาณของ อาการขาดน้ำ
ภาวะขาดน้ำ (Dehydration) เป็นภาวะที่ร่างกายสูญเสียของเหลวมากกว่าที่ร่างกายได้รับเข้าไป คนท้องควรดื่มน้ำให้เพียงพอป้องกันภาวะขาดน้ำ โดยสัญญาณที่บ่งบอกว่าเกิดอาการขาดน้ำ มีดังนี้
กระหายน้ำ อาการกระหายน้ำ เป็นอาการพื้นฐานที่ร่างกายบ่งบอกกำลังต้องการน้ำ
ปัสสาวะเปลี่ยนแปลง เมื่อร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอสีของปัสสาวะจะเปลี่ยนไป โดยปัสสาวะจะมีสีเหลืองเข้มซึ่งเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่าร่างกายขาดน้ำ
อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ ในช่วงตั้งครรภ์เป็นช่วงที่ร่างกายทำงานหนัก อาจทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลียได้ง่ายในช่วงแรก ๆ การขาดน้ำอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายเกิดความอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ คนท้องจึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอ
ภาวะสมองล้า เป็นภาวะที่เกิดจากความเครียดโดยไม่รู้ตัว หรือสมองถูกใช้งานอย่างหนักเป็นเวลานาน ซึ่งภาวะนี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อตั้งครรภ์ เรียกว่า Momnesia เป็นภาวะที่คนท้องอาจหลง ๆ ลืม ๆ เพราะกังวลเรื่องลูกมากเกินไป แต่การดื่มน้ำให้เพียงพอก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งช่วยให้อาการดังกล่าวไม่แย่ลง หากร่างกายมีน้ำไม่เพียงพอ ก็อาจส่งผลต่อการทำงานของสมองได้
ผิวแห้ง อาการคันในช่วงตั้งท้องนั้นส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาที่ร่างกายขาดความชุ่มชื่น ดังนั้น ผิวจึงแห้งกร้าน และรู้สึกไม่สบายตามผิวหนัง
คุณแม่หลายๆคน คงมีคำถามในใจว่า คนท้อง ควรดื่มน้ําวันละกี่ลิตร กินน้ําวันละกี่ลิตร ต้องดื่มน้ําวันละกี่ลิตร ดื่มน้ำมากไปมีผลต่อร่างกายไหม
คนท้อง ควรดื่มน้ําวันละกี่ลิตร ถึงจะพอดี แม่ท้องต้องกินน้ำกี่แก้วต่อวัน ดื่มน้ำมากเป็นไรไหม กินน้ําเย็นดีไหมหรือกินได้แค่น้ำอุ่น
ความสำคัญของน้ำต่อร่างกาย ต้องดื่มน้ําวันละกี่ลิตร
ร่างกายของคนเราประกอบด้วยน้ำมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ หรือ 2 ใน 3 ส่วนของร่างกาย ประโยชน์ของน้ำต่อร่างกาย เช่น บรรเทาอาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ลดอาการอ่อนเพลีย ช่วยย่อยอาหาร ลดปัญหาท้องผูกดีต่อระบบขับถ่าย ทั้งยังช่วยล้างสารพิษ ทำให้ผิวพรรณสุขภาพดี ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายไม่ให้ร้อนเกินไป ป้องกันการเป็นตะคริว รักษาอาการปวดหัว และทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น
แม่ท้อง กินน้ําวันละกี่ลิตร ถึงจะดีต่อร่างกาย
คนท้องหลายคน ไม่มั่นใจว่า คนท้องต้องดื่มน้ำเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน เพราะคนทั่วไปหรือผู้ใหญ่ มักจะดื่มน้ำราว ๆ 1.5 ลิตร หรือ 6-8 แก้วต่อวัน แต่คนท้องซึ่งมีทารกในครรภ์กำลังเจริญเติบโตอยู่นั้น ต้องเพิ่มการดื่มน้ำหรือไม่ แล้วคนท้องต้องดื่มน้ําวันละกี่ลิตร
น้ำนั้นอยู่ในอาหาร ผักและผลไม้ ที่รับประทานเข้าไปด้วย การดื่มน้ำจึงต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เช่นกัน ทั้งยังมีเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่แม่ท้องดื่มระหว่างวัน ทำให้การดื่มน้ำในแต่ละวัน สามารถลดสัดส่วนตามความเหมาะสม นอกจากนี้ คนที่ตั้งครรภ์ มักจะหิวน้ำบ่อย ๆ เพราะร่างกายรู้สึกร้อนได้ง่าย มีการสูบฉีดเลือดในร่างกายมากขึ้น จึงจำเป็นต้องดื่มน้ำเรื่อย ๆ ตลอดทั้งวัน เพื่อให้อุณหภูมิในร่างกายไม่ร้อนเกินไป
คนท้อง กินน้ําวันละกี่ลิตร
- ในวันที่ไม่ได้ดื่มน้ำชนิดอื่น คนท้องควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน และในวันที่อากาศร้อน ก็ดื่มน้ำมากขึ้นได้ แต่ไม่จำเป็นต้องดื่มที่เดียวเยอะ ๆ ควรค่อย ๆ จิบทีละนิด เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ
- ในวันที่ดื่มน้ำชนิดอื่น ๆ เช่น น้ำเต้าหู้ น้ำมะพร้าว น้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะนาว น้ำใบเตย น้ำตะไคร้ และน้ำขิง ก็ลดปริมาณน้ำเปล่าได้ แต่เมื่อรวม ๆ แล้ว ควรดื่มน้ำอยู่ที่ 1.5 ลิตร แต่ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำมากเกิน 2 ลิตรต่อวัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : บริษัทน้ำดื่มเจ๋ง! ช่วยประกาศหาเด็กหายบนขวดน้ำ
คนท้องกินน้ําเย็นดีไหม หรือคนท้องกินได้แค่น้ำอุ่น
การกินน้ำเย็น หรือของเย็นตอนท้องนั้น ไม่ได้เป็นข้อห้ามทางการแพทย์ คนท้องสามารถดื่มน้ำเย็น กินของเย็นได้ แม้แต่น้ำอัดลมเย็น ๆ ที่อยากดื่มดับกระหายก็ดื่มได้ แต่ก็ไม่ควรบ่อย เพราะในน้ำอัดลมมีทั้งแก๊สและคาเฟอีน ไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพของแม่ท้อง
หากแม่ท้องอยากดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ คนท้องสามารถกินน้ำแข็งได้ หรือคุณแม่ท้องอยากเติมความสดชื่นให้ร่างกาย ก็กินน้ำผลไม้ หรือผลไม้ที่ปั่น หรือคั้นจากผลไม้สด ๆ กินให้เย็นชื่นใจ แถมได้วิตามิน และแร่ธาตุ จากผลไม้อีกด้วย หรือถ้าให้ดีที่สุด ก็คือ การดื่มน้ำเปล่า
ส่วนการดื่มน้ำอุ่นนั้น จะช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลดีสำหรับการเตรียมพร้อมที่ให้นมแม่หลังคลอด การได้ดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ ในตอนก่อนเข้านอนหรือตอนเช้า เช่น นมอุ่น ๆ น้ำอุ่น ๆ จะช่วยให้สบายท้องและเลือดไหวเวียนได้ดี
ประโยชน์ของน้ำเปล่ากับคนท้อง
- การดื่มน้ำเปล่าอย่างเพียงพอในแต่ละวัน จะดีต่อการลำเลียงสารอาหาร ส่งตรงถึงทารกในครรภ์ การดื่มน้ำช่วยให้สารอาหาร แร่ธาตุ รวมไปถึงออกซิเจน ส่งถึงลูก
- ช่วยลดความร้อนในร่างกายของคนท้อง ทำให้ผิวพรรณแม่ท้องสุขภาพดี ไม่แห้งแตก
- ป้องกันอาการที่เกิดขึ้นได้ระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ป้องกันอาการปวดหัว ป้องกันการเกิดตะคริว และป้องกันอาการท้องผูก
บทความที่เกี่ยวข้อง : น้ำอัดลม เหมาะกับเด็กจริงหรือไม่? ควรให้หรือไม่ให้ลูกกิน?
วิธีสังเกตว่าร่างกายคนท้องขาดน้ำ
- ริมฝีปากแห้ง คอแห้ง รู้สึกกระหายน้ำ
- ปัสสาวะสีเข้มกว่าปกติ ไม่ค่อยปวดปัสสาวะ หรือฉี่น้อยลง บางคนเหงื่อน้อยลงด้วย
- ผิวแห้งไม่ชุ่มชื่น
- คลื่นไส้อาเจียน รู้สึกวิงวียนคล้ายจะเป็นลม
- อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น รู้สึกร้อน
รู้กันไปแล้วว่าคนท้องดื่มน้ํากี่ลิตรถึงจะพอดี อย่างน้อย ๆ แม่ท้องควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 1.5 ลิตร หรือดื่มน้ำวันละ 8 แก้วเป็นอย่างต่ำ มากน้อยขึ้นอยู่กับอากาศ แต่ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำปริมาณมาก ๆ ทยอยจิบน้ำตลอดทั้งวันจะดีกว่า และการดื่มน้ำมากเกินไป แทนที่จะเป็นประโยชน์ กลับเป็นโทษต่อร่างกาย ทำให้อวัยวะภายในร่างกายทำงานหนักขึ้นได้นะคะ
บทความจากพันธมิตร
สุขภาพ
ป้องกัน ลูกแพ้น้ำยาซักผ้า ฉบับคุณแม่มือโปร ด้วย Breeze Baby
สุขภาพและโภชนาการ
อยากให้ลูกสมองไว ทำไมต้องรอให้ถึงอนุบาล
สุขภาพ
วิธีดูแลผิวลูกหน้าร้อน ดูแลอย่างไรให้ห่างไกลปัญหาผดผื่น
พัฒนาการลูก
LPR โพรไบโอติก เกรด A กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ลูกรักแข็งแรงพร้อมเรียนรู้
The Asianparent Thailand เพื่อลงทะเบียนรับการดูแลตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ช่วงไตรมาสแรกมาติดตามพัฒนาการของลูกอย่างใกล้ชิด ลูกโตขึ้นแค่ไหนกันนะ ไตรมาสที่ 2 มาฟังเสียงลูกน้อย นับว่าหนึ่งวันลูกดิ้นไหมนะ และลูกดิ้นวันละกี่ครั้งด้วยแอพพลิเคชั่น The Asianparent นี่เป็นแค่ตัวอย่างกิจกรรมบนแอพพลิเคชั่นในส่วนแรก เพราะคุณแม่จะได้รับการดูแลทั้งอาหารการกินโดยการออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญว่าควรทานอะไรบ้างในแต่ช่วงอายุครรภ์ ยาที่เป็นอันตรายชนิดไหนบ้างที่ไม่ควรทาน กิจกรรมใดบ้างที่ทำได้หรือทำไม่ได้ เคล็ดลับการตั้งชื่อลูกอย่างไรให้เป็นมงคลทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย รวมถึงเตรียมแผนการล่วงหน้าถึงอนาคต การเตรียมคลอด การดูแลตนเองหลังคลอด ที่ครอบคลุมทุกช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องการ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
คนท้องลื่นล้ม ล้มในห้องน้ำ ตกบันได หกล้ม ลูกในท้องจะเป็นอันตรายไหม?
ท้องแล้วไม่อยากกินข้าว เบื่ออาหาร มีวิธีแก้ไหม คนท้องควรทำอย่างไร
ปวดท้องด้านซ้ายระหว่างตั้งครรภ์ เกิดจากสาเหตุ อันตรายไหม?
แม่ท้องอายุน้อย อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เสี่ยงภาวะซีดในหญิงตั้งครรภ์ อันตรายไหม
ที่มา : 1
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!