ราคา ซิงค์ ล้างจาน 2 หลุม ไท วัสดุ

OfficeMate Online เว็บไซต์ขายอุปกรณ์สำนักงาน และสินค้าเพื่อธุรกิจ ให้คุณช้อปง่ายๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมตอบทุกโจทย์ธุรกิจและการจัดซื้อ มีสินค้าให้เลือกช้อปมากกว่า 100,000 รายการ อาทิ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และไอที เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์สำนักงาน อุปกรณ์โรงงานและคลังสินค้า อุปกรณ์ทำความสะอาดและสุขอนามัย งานปริ้น สินค้าพรีเมียม บริการเพื่อธุรกิจ และอื่นๆ อีกมากมาย ช้อปออนไลน์ที่ออฟฟิศเมท คุ้มทุกวัน มีส่วนลดและโปรโมชั่นพิเศษมากมาย พร้อมบริการจัดส่งฟรีในวันทำการถัดไป* เมื่อช้อปครบ 499.-* และรับคะแนน The1 ทุกการช้อป

มั่นใจ! สินค้าคุณภาพจากแบรนด์ชั้นนำมาตรฐานสากล รับประกันความพึงพอใจ ยินดีรับเปลี่ยน/คืนสินค้าใน 30 วัน* ออฟฟิศเมทพร้อมเคียงข้างทุกธุรกิจ มีครบ จบไว สั่งง่าย ได้เร็ว!

หมวดหมู่และแบรนด์ชั้นนำ

ตอบโจทย์การใช้งานทั้งที่บ้านและสำนักงาน ครอบคลุมครบทุกงานพิมพ์

HP Epson Brother Canon Fuji Xerox

จัดสรรพื้นที่ในฝันให้เข้ากับทุกสไตล์ด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์สวย คุณภาพดี

Furradec MODENA Serta Mono Ergotrend

อุปกรณ์ ไอที & อิเล็กทรอนิกส์

เพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ ด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ตอบโจทย์เทคโนโลยีใหม่ๆ

Neocal Casio Panasonic OLYMPIA อุปกรณ์สำนักงาน

เดินหน้าธุรกิจแบบไม่สะดุด ด้วยอุปกรณ์สำนักงานครบวงจร

3M Quantum ONE STAEDTLER STABILO

เพิ่มความมั่นใจให้ธุรกิจทุกย่างก้าวด้วยอุปกรณ์โรงงานและซ่อมบำรุง

Tajima Pumpkin 3M Hachi Matsumoto

- กรณีสินค้าชิ้นใหญ่ เจ้าหน้าที่จะโทรติดต่อเพื่อนัดวันจัดส่งกับลูกค้าภายในวันที่ทำการสั่งซื้อ (หากสั่งซื้อหลัง 17.00 น. จะโทรนัดวันจัดส่งภายในวันถัดไป)

กรณีชำระเงินก่อน 14.00 น. สินค้าจะถูกแพคจัดส่งออกจากสาขา/คลังภายในวันที่สั่งซื้อ

กรณีชำระเงินหลัง 14.00 น. สินค้าจะถูกแพคจัดส่งออกจากสาขา/คลังภายในวันถัดไป

เขตกรุงเทพฯสินค้าจะถึงลูกค้าภายใน 1-2 วันทำการ นับจากวันส่งออก

ต่างจังหวัดสินค้าจะถึงลูกค้าภายใน 3-5 วันทำการ นับจากวันส่งออก

*สำหรับพื้นที่ห่างไกล พื้นที่เกาะและจังหวัดพื้นที่เสี่ยงภัยอาจใช้เวลาจัดส่งมากกว่าปกติ

**สินค้าชิ้นใหญ่เป็นไปตามวันที่เจ้าหน้าที่โทรนัดหมาย

1. อัตราค่าขนส่งคิดตามระยะทางโดยเริ่มต้นจากสาขาที่ซื้อสินค้าถึงที่อยู่จัดส่ง 1 สถานที่จัดส่งเท่านั้น

 1.1. สินค้าชิ้นเล็ก (น้ำหนักไม่เกิน 20 กก.) ค่าขนส่งประเมินตามน้ำหนักและขนาดของสินค้า

 1.2. สินค้าชิ้นใหญ่ (น้ำหนักเกิน 20 กก.) ค่าขนส่งประเมินตามระยะทางจัดส่ง

2. การคิดค่าบริการจัดส่งคิดตามประเภทสินค้าและระยะทางดังนี้

 2.1. สินค้ากลุ่มโครงสร้างและกระเบื้อง 15 กม. 200 บาท ตั้งแต่ กม.ที่ 16 เป็นต้นไป กม.ละ 20 บาท

 2.2. สินค้านอกเหนือจากข้อ 2.1 15 กม. 100 บาท ตั้งแต่ กม.ที่ 16 เป็นต้นไป กม.ละ 10 บาท

ถ้าไม่มีสาขาไทวัสดุอยู่ในจังหวัดคิดค่าบริการแบบเหมา รถ 4 ล้อ 2,000 บาท/เที่ยว, รถ 6 ล้อ 5,500 บาท/เที่ยว โดยระยะทางไม่เกิน 50 กม.จากสาขา/คลัง หากเกินจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มคิดตามระยะทาง

*สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัยมีค่าเสี่ยงภัย 1,000 บาทคิดเพิ่มจากค่าจัดส่ง

**สำหรับค่าใช้จ่ายของท่าเรือและค่าเรือในกรณีข้ามเกาะ ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายดังกล่าว

***สำหรับจังหวัดพื้นที่ราบสูงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามระยะทาง

3. สินค้าจะจัดส่งไปยังที่อยู่ที่ระบุไว้ในส่วนของที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้าเท่านั้น หากที่อยู่จัดส่งไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ ทางบริษัทฯขอเรียกเก็บค่าขนส่งตามที่อยู่จัดส่งใหม่โดยคิดจากระยะทางจริงตามข้อที่ 2

4. หากไม่มีผู้รับสินค้าในที่จัดส่งสินค้า ทางบริษัทฯจำเป็นต้องขนสินค้ากลับซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งขากลับและนำกลับมาส่งใหม่อีกครั้ง บริษัทฯจะคิดค่าบริการขนส่ง (รอบสอง) ตามกลุ่มสินค้าและระยะทางตามข้อ 2

5. พนักงานขนส่งไม่มีบริการประกอบสินค้าหน้างาน หากต้องการประกอบสินค้ากรุณาติดต่อพนักงานขายหลังจากที่ลูกค้าทำการสั่งซื้อ

6. กรุณาตรวจสอบสินค้าเมื่อลูกค้าได้รับสินค้าทันที บริษัทฯจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับสินค้าหลังจากลูกค้าลงชื่อตรวจรับสินค้าร่วมกับพนักงานจัดส่งเรียบร้อยแล้ว

7. บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการจัดส่งโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

1. สินค้ากลุ่มโครงการและกระเบื้อง

 กรณีส่งสินค้าด้วยรถ 6 ล้อเครน ยกสินค้าลงด้วยเครนระยะเหวี่ยงเครนไม่เกิน 5 เมตร

 กรณีจัดส่งสินค้าด้วยรถ 4 ล้อ ยกสินค้าเฉพาะพื้นราบ ระยะทางจากท้ายรถไม่เกิน 10 เมตร

2. สินค้านอกเหนือจาก ข้อ 1 บริการยกสินค้าได้ไม่เกินชั้น 2 กรณีมีลิฟท์ขนของสามารถยกได้ไม่จำกัดจำนวนชั้น



กูรูมองราคาทองคำพุ่งอีกรอบ เพราะแรงซื้อจากจีนฟื้นตัวรับการเปิดประเทศ หนุนเงินหยวนที่แข็งค่ากดดันดอลลาร์ บวกกับการคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะชะลอขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มชะลอตัวเป็นแรงหนุนต่อทองคำในสินทรัพย์ปลอดภัย และธนาคารกลางทั่วโลกซื้อสะสม ทำให้ทิศทางการเคลื่อนไหวของทองคำช่วงต้นปีจะยังคงเป็นขาขึ้นเกือบตลอดทั้งไตรมาสแรก แนะนำให้ทยอยเข้าซื้อสะสม

ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นประมาณ 15% ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนปี 65 ล่าสุดเมื่อ 24 ม.ค.2566 ขึ้่นไปแตะ 1,924 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เนื่องจากการซื้อจำนวนมากโดยธนาคารกลางทั่วโลก การเฉลิมฉลองวันตรุษจีนในเดือนมกราคม และการอ่อนค่าลงเล็กน้อยของดอลลาร์สหรัฐ นักวิเคราะห์กล่าวกันว่าราคาทองคำจะขึ้นอยู่กับว่าค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นในปีต่อๆ ไปอย่างไร เช่นเดียวกับวิธีการสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่และความขัดแย้งมากมายในตะวันออกกลางที่แผ่ขยายออกไป อีกทั้งกับปัจจัยอื่นๆ รอบด้าน ทำให้นักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ไม่คาดว่าราคาจะลดลงครั้งใหญ่ในปี 2566 ขณะคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและการลดลงของอัตราดอกเบี้ยในช่วงเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกอาจทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงและเพิ่มราคาทองคำ ซึ่งปลายปี 2565 ที่ผ่านมา นักลงทุนในกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำ (ETFs) ถือครองโลหะมีค่ามากถึง 3,462 ตัน และมักจะวิตกเมื่อราคาแสดงสัญญาณแนวโน้มขาลง เมื่อราคาทองคำค่อนข้างตกต่ำต่างทิ้งทองคำออกถึง 227 ตัน

เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มชะลอ แรงหนุนทองพุ่ง 

บริษัท เอ็มทีเอส แคปปิตอล จำกัด ประเมินราคาทองคําปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 6 เหรียญ ท่ามกลางความผันผวนเล็กน้อย โดยในบางช่วงราคาทองคําปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 1,917 เหรียญ ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาปิดที่ 1,937 เหรียญ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงทําภาคการส่งออกอ่อนแอและติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 19 เดือน ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าอย่างมาก

ขณะที่ปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวรวมถึงการส่งออกประเมินว่าจะขยายตัวในกรอบ 1.0% ถึง 2.0% และคาดว่า GDP ปีนี้ของไทยจะเติบโตที่ 3-3.5% และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้แก่ Flash Services PMI และ Flash Manufacturing PMI ออกมาดีขึ้นกว่าที่คาด ซึ่งบ่งบอกว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจเป็นลักษณะภาวะถดถอยอย่างช้าๆ ไม่รุนแรง และอาจจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี เนื่องจากการจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง และคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทในทิศทางที่มีความผันผวน ดังนั้นจึงต้องระมัดระวัง โดยจะเห็นค่าเงินบาทเริ่มกลับมาทรงตัว 32.80 บาทต่อดอลลาร์ แม้ว่าภาพรวมปีนี้ค่าเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ทําให้แบงก์ชาติเริ่มเข้ามาดูแลและควบคุมภาคเอกชนมากขี้น สําหรับกองทุนทองคํา SPDR เมื่อ 24 มกราคมนี้ซื้อเข้า 0.29 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 917.34 ตัน ด้านดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าหลุดระดับ 102 จุด ลงมา โดยเมื่อวานนี้ดัชนีดอลลาร์เปิดที่ 101.98 จุด และปิดที่ระดับ 101.92 จุด ดังนั้น จึงคงแนะนําให้ลงทุนในทิศทางขาขึ้น ขณะที่ทองคําไทยคาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ช้ากว่าทองคําตลาดโลก เนื่องจากค่าเงินบาทยังคงแข็งค่า แต่คาดว่าจะเห็นราคาทองคําไทยทะลุ 30,000 บาทต่อบาททองคําได้

อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงรอความชัดเจนของทิศทางการเงินจากการประชุมกําหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 31 ม.ค.- 1 ก.พ. โดยตลาดส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% สําหรับระยะนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สําคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Flash Services PMI คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย ซึ่ง บจ.เอ็มทีเอส แคปปิตอล วิเคราะห์ราคาทองคําทางเทคนิค เห็นว่าราคาทองคําพยายามทรงตัวอยู่เหนือระดับ 1,920 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นจุดสําคัญในการเคลื่อนตัวของราคาทองคําต่อไป โดยคาดว่าราคาทองคํายังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย  มองว่าตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นกลับสู่ระดับ 102 จุด อีกครั้ง หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อ่อนค่าลงสู่ระดับ 130 เยนต่อดอลลาร์ ส่วนค่าเงินยูโร (EUR) แม้ว่าจะปรับตัวแข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนที่ 1.091 ดอลลาร์ต่อยูโร ตามแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ ECB แต่ทว่าผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็เริ่มทยอยขายทำกำไรสถานะ Long EUR ทำให้เงินยูโรย่อตัวลงมาสู่ระดับ 1.087 ดอลลาร์ต่อยูโร

อย่างไรก็ดี แม้ว่า เงินดอลลาร์ รวมถึงบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะปรับตัวสูงขึ้น ทว่า ความเชื่อมั่นของผู้เล่นในตลาดที่คาดว่าเฟดจะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) รีบาวด์ขึ้นจากโซนแนวรับ สู่ระดับ 1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง ซึ่งมองว่าการปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้านดังกล่าวของราคาทองคำ อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยให้เงินบาทไม่ได้อ่อนค่าไปมากตามการรีบาวด์ของเงินดอลลาร์ ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาท มองว่าการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำช่วยลดแรงกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ทำให้เงินบาทไม่ได้อ่อนค่าไปมากนัก

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เผยว่าทาง GBS ประเมินทิศทางราคาทองคำสัปดาห์นี้ จับตาการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ อาทิ ตัวเลขดัชนีภาคบริการและภาคการผลิตสหรัฐ GDP ไตรมาส 4 ปี 2565 และดัชนีเงินเฟ้อส่วนบุคคล Core PCE ของสหรัฐ ซึ่งผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มชะลอตัวเป็นแรงหนุนต่อราคาทองคำ

"ฝ่ายวิจัยคาดทองคำยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มชะลอตัวเป็นแรงหนุนต่อทองคำในสินทรัพย์ปลอดภัย โดยระหว่างสัปดาห์หากราคาทองคำไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,875 ดอลลาร์ต่อต่อทรอยออนซ์ ให้ทยอยเข้าซื้อสะสม" นายณัฐวุฒิกล่าว


YLG ชี้จีนเปิดประเทศหนุนดีมานด์ทองกายภาพ

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า ตั้งต้นปีราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 6% จากที่เปิดตลาด 1,823 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากแรงซื้อจากจีนที่ฟื้นตัวรับการเปิดประเทศหนุนเงินหยวนที่แข็งค่ากดดันดอลลาร์ บวกกับการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะชะลอขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ จึงมองว่าทิศทางการเคลื่อนไหวของทองคำในช่วงต้นปีจะยังคงเป็นขาขึ้นเกือบตลอดทั้งไตรมาสแรก นอกจากนี้เทศกาลตรุษจีนในช่วงที่ผ่านก็ส่งผลให้ตลาดทองคำคึกคักเช่นกัน ดังนั้นในระยะสั้นวายแอลจีจึงมองเป้าหมายราคาทองคำมีโอกาสขึ้นไปที่ 1,960 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือ ประมาณ 30,500 บาทต่อบาททองคำ

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนทองคำในช่วงนี้หากต้องการเข้าซื้อสามารถทำได้แบบเก็งกำไรระยะสั้น แถวๆ1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เพราะมีโอกาสที่ราคาจะขยับขึ้นได้ตามเป้าที่มองไว้ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แต่ถ้าต้องการซื้อสะสม แนะนำให้รอราคาปรับตัวลง แถวๆ 1,650 - 1,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ คิดเป็นเงินไทยกรอบแนวรับ 25,500-26,400 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งแนวรับนี้เป็นกรอบของทั้งปี เพราะมองว่าไตรมาสแรกทองคำจะทะยานขึ้นไป แต่หลังจากนั้นก็มีโอกาสเกิดแรงขายทำกำไร รวมถึงครึ่งปีแรกแม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายน้อยลง แต่ก็อาจจะสร้างแรงกดดันเป็นระยะๆ ราคาทองคำจึงมีโอกาสปรับฐานได้ ดังนั้นมองว่าราคาทองคำจะเป็นขาขึ้นในไตรมาสแรกและจะเป็นขาขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายปี ที่อัตราดอกเบี้ยไม่ใช่ขาขึ้นอีกต่อไปเพราะเริ่มได้รับแรงกดดันจากข่าวภาวะเศรษฐกิจถดถอย หากเป็นเช่นนั้นก็จะส่งผลบวกต่อทองคำ

ส่วนราคาทองคำในประเทศนั้นมองว่าปีนี้จะไม่ปรับขึ้นอย่างหวือหวาเพราะค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดีนักลงทุนสามารถปิดความเสี่ยงเรื่องค่าเงินได้ด้วยการลงทุนทองคำผ่าน ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ทั้งการลงทุนโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส (Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องมีความกังวลด้านความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงินบาท


ธนาคารกลางซื้อสำรองทองคำ

ตัวเลขจากสภาทองคำโลกช่วงครึ่งแรกของปี 65 ตลาดทองคำทั่วโลกได้รับแรงหนุนจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งนี้ ยังต้องปะทะกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า และแม้ว่าจะเห็นราคาลดลงจากระดับที่สูงแล้วก็ตาม แต่ทองคำก็ยังนับเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดของปีที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารกลางต่าง ๆ นับเป็นผู้ซื้อสุทธิในไตรมาส 2 ปี 65 โดยเพิ่มทุนสำรองทางการทั่วโลกที่ 180 ตัน การซื้อสุทธิสูงถึง 270 ตันในครึ่งปีแรก ซึ่งสอดคล้องกับผลการสำรวจของธนาคารกลางเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ 25% ของผู้ทำแบบสอบถามชี้ถึงแผนที่จะเพิ่มการสำรองทองคำในอีก 12 เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ ตัวเลขจาก “สภาทองคำโลก (World Gold Council)” เมื่อปลายปี 65 เผยผู้บริโภคชาวไทยมีความเข้าใจในการลงทุน โดยมีการนำรายได้ 35 % มาลงทุุนในทอง และผู้ลงทุนมีผลิตภัณฑ์การลงทุุนเฉลี่่ย 3.5 รายการ ทั้งนี้ นักลงทุนมองว่าตนเองเป็นนักลงทุนที่มีความมั่นใจ และเต็มใจที่จะลองลงทุนในหลายรูปแบบเพื่อแลกกับการเติบโตทางการเงินแบบทวีคูณ ซึ่งพบว่า 87% ของนักลงทุนไทยเห็นด้วยว่า การมีพอร์ตลงทุนที่หลากหลายเพื่อช่วยปกป้องความมั่งคั่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนชาวไทยมีความกังวลถึงภาวะตลาดการเงินล่ม พวกเขาจึงต้องการทำความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ที่เลือกลงทุนและมีมุมมองในการลงทุนระยะยาว

จากผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่าทองคำเป็นการลงทุนที่นิยมมากที่สุดเป็นอันดับสองในพอร์ตการลงทุนของประเทศไทย และกว่าครึ่งหนึ่งของนักลงทุนรายย่อยในประเทศได้ถือครองทองคำในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง โดยการลดความเสี่ยงเป็นปัจจัยหลัก หรือ 57% ที่กระตุ้นให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนในทองคำ แนวโน้มเช่นนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า นักลงทุนรายย่อยตระหนักถึงบทบาทของทองคำในฐานะผลิตภัณฑ์ลงทุนที่มีความปลอดภัย ซึ่งนับว่าสอดคล้องกับบทบาทของทองคำในพอร์ตการลงทุน ที่ถือเป็นเครื่องมือช่วยปกป้องความมั่งคั่ง

ขณะที่นักลงทุนกว่า 40% ได้ซื้อทองคำเพื่อการลงทุน ซึ่งทองคำแท่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของนักลงทุน ตามด้วยเหรียญทองคำที่ 12% กองทุนทอง (ETF) ที่ 10% ทองคำเก็บในคลังนิรภัยที่ 9% และเครื่องประดับทองคำที่ 9%


  • บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด
  • ราคาทองคำ
  • สินทรัพย์ปลอดภัย
  • ทองคำแท่ง
  • Gold Online Futures
  • ราคาทองคำในประเทศ
  • สภาทองคำโลก
  • แนวโน้มค่าเงินบาท
  • สัญญาซื้อขายล่วงหน้า
  • บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง