หลายคนอาจคุ้นชินกับการรีไฟแนนซ์บ้านและรถยนต์ แต่อีกหนึ่งการรีไฟแนนซ์ที่น่าสนใจ คือการรีไฟแนนซ์รถมอเตอร์ไซค์ เพราะเราไม่จำเป็นต้องลำบากขายมอเตอร์ไซค์เพื่อหาเงินก้อนมาแก้ปัญหาด้านการเงิน อีกทั้งยังได้ผ่อนชำระค่ารถมอเตอร์ไซค์ทุกเดือนในราคาเบา ๆ และยังมีรถมอเตอร์ไซค์ไว้ใช้งาน หรือใช้ประกอบอาชีพได้อีกด้วย มาทำความรู้จักการรีไฟแนนซ์แบบไม่โอนเล่มทะเบียน ว่าคืออะไร และมีจุดเด่นอย่างไร ตามมาดูกันได้ที่นี่
รู้จักบริการรีไฟแนนซ์ คืออะไร?
ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน นอกจากต้องมีเงินก้อนไว้สำรองแล้ว การเคลียร์ปัญหาหนี้สินให้น้อยลง ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ผ่านวิกฤตทางการเงินไปได้ง่ายขึ้น สำหรับคนที่อยู่ในช่วงผ่อนมอเตอร์ไซค์ การเลือกใช้บริการรีไฟแนนซ์รถมอเตอร์ไซค์ เป็นอีกหนึ่งบริการขอสินเชื่อเงิน
ก้อนใหม่ เพื่อนำมาใช้สำหรับชำระหนี้สินเก่าที่ยังคงค้างอยู่ และได้รับจำนวนอัตราดอกเบี้ยที่น้อยลงจากการขอสินเชื่อใหม่ รวมถึงมีเงินก้อนที่จะเหลือจากส่วนต่าง นำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
รีไฟแนนซ์รถมอเตอร์ไซค์แบบไม่โอนเล่มทะเบียน
สำหรับคนที่สนใจบริการรีไฟแนนซ์รถมอเตอร์ไซค์ คงจะเห็นถึงจุดเด่นของบริการที่สามารถได้เงินก้อนที่มาจากส่วนต่างแล้ว โดยสามารถทำการผ่อนชำระในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงได้ ที่สำคัญยังมีรถมอเตอร์ไซค์ไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งบริการรีไฟแนนซ์มอเตอร์ไซค์แบบไม่โอนเล่มทะเบียนคืออะไร มีข้อดีอย่างไร ตามมาอ่านต่อที่ด้านล่างนี้เลย
การรีไฟแนนซ์แบบไม่โอนเล่มทะเบียน
เป็นรูปแบบบริการที่ผู้ขอสินเชื่อไม่ต้องดำเนินการโอนเล่มทะเบียนให้แก่บริษัทไฟแนนซ์ที่ขอสินเชื่อ เพียงแค่เตรียมเอกสารเล่มคู่มือจดทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์สำหรับเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อเท่านั้น โดยจะได้รับอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ซึ่งมีข้อดีคือยิ่งจ่ายมาก ดอกเบี้ยก็จะถูกลง ส่งผลให้ระยะเวลาผ่อนชำระก็จะสั้นลงตามไปด้วย
ตรวจสอบเงื่อนไข เอกสารที่ต้องยื่น และอัตราดอกเบี้ยก่อนขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์
ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนรีไฟแนนซ์รถที่ยังผ่อนไม่หมด ผู้ขอสินเชื่อควรตรวจสอบสัญญาฉบับใหม่ว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพราะการรีไฟแนนซ์คือการย้ายหนี้ก้อนเดิมไปอยู่ที่ใหม่ ดังนั้นก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์รถกับสถาบันการเงินเดิมหรือแห่งใหม่ ควรพิจารณา 4 เรื่องนี้อย่างละเอียด ได้แก่
(1) ตรวจสอบราคากลางรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์
(2) อัตราดอกเบี้ยรวมที่จะต้องจ่ายตลอดอายุสัญญา
(3) เงื่อนไขเฉพาะที่สถาบันการเงินที่กำหนดไว้
(4) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติมจากการ รีไฟแนนซ์รถยนต์กับสถาบันการเงินแห่งใหม่ เช่น ค่าตรวจสภาพรถยนต์ ค่าโอนเล่มทะเบียนรถยนต์ หรือค่าอากรแสตมป์ เป็นต้น
ข้อดีหลัก ๆ ของการรีไฟแนนซ์รถผ่อนอยู่ คือการปิดหนี้ก้อนเดิมที่มีดอกเบี้ยสูงให้เร็วขึ้น และเพิ่มสภาพคล่องในแต่ละเดือน ที่สำคัญสามารถนำเงินส่วนต่างที่เหลือจากการปิดหนี้ก้อนเดิมไปใช้จ่ายในเรื่องอื่น ๆ ได้ และเพื่อให้มียอดเงินเหลือไปทำอย่างอื่นได้ ตามมาดูวิธีรีไฟแนนซ์รถให้มีเงินเหลือไว้ใช้จ่ายกันครับ
(1) ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ทั้งเงื่อนไขการรีไฟแนนซ์และปัจจัยของรถที่มีผลต่อการประเมินราคาทั้งของสถาบันการเงินเดิมและแห่งใหม่ เพื่อประเมินคร่าว ๆ ว่า หากยื่นรีไฟแนนซ์รถจะได้จัดยอดเท่าไหร่ และมีเงินส่วนต่างเหลือแค่ไหน
(2) ขอคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่สินเชื่อเรื่องการขอส่วนต่างเพิ่มโดยตรง เพื่อให้มีเงินเหลือพอสำหรับไปใช้จ่ายในเรื่องอื่น ๆ หรือเงินสำรองไว้ยามฉุกเฉิน
(3) ประเมินความสามารถในการผ่อนชำระและภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่มีในแต่ละเดือน เพื่อดูว่าคุณสามารถจ่ายค่างวดได้มากแค่ไหน เพราะถ้าปิดยอดได้เร็ว ช่วยให้มีเงินไปทำอย่างอื่นมากขึ้น
(4) สุดท้ายหลังรีไฟแนนซ์รถไม่ว่าจะมีเงินส่วนต่างเหลือมากน้อยเพียงใด อย่าลืมวางแผนผ่อนชำระให้ดี เพื่อให้การสร้างหนี้ก้อนใหม่เกิดประโยชน์ต่อตัวคุณเองจริง ๆ
รีไฟแนนซ์รถยนต์ ที่ยังผ่อนไม่หมด มีขั้นตอนอะไรบ้างรู้ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์ ช่วยให้การยื่นขอสินเชื่อใหม่ราบรื่น
(1) ติดต่อไปถามเจ้าหน้าสินเชื่อที่จัดไฟแนนซ์อยู่ในปัจจุบันว่า ถ้าคุณอยากปิดยอดรถทั้งหมด ต้องจ่ายเงินทั้งหมดเท่าไหร่
(2) เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับรถของตนเองโดยละเอียด เช่น ยี่ห้อ รุ่นรถ รุ่นย่อย ปีรถ ระบบเกียร์ เพื่อนำไปสอบถามยอดจัดกับไฟแนนซ์กับทางสถาบันการเงินเดิมและแห่งใหม่
(3) สอบถามเรื่องเงื่อนไข เอกสารที่ต้องใช้ ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับราคาประเมินรถเบื้องต้นกับทางเจ้าหน้าที่สินเชื่อโดยตรง
(4) นำรถเข้ารับการตรวจสภาพ เมื่อเรียบร้อยให้นำเอกสารส่วนตัว เอกสารเกี่ยวกับรถ และเอกสารทางการเงินที่เตรียมไว้ ไปยื่นที่สถาบันการเงินที่ต้องการขอรีไฟแนนซ์ จากนั้นก็รออนุมัติและทำสัญญาต่อไป
(5) หลังได้รับอนุมัติสินเชื่อ ผู้ให้บริการสินเชื่อรีไฟแนนซ์รถจะดำเนินการปิดบัญชีเดิมให้คุณ เพื่อทำเรื่องจัดไฟแนนซ์ใหม่