เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่า เพราะเหตุใด สมาร์ทโฟนที่ชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มแล้ว แต่กลับใช้งานได้ไม่เต็มวันทั้ง ๆ ที่แทบไม่ได้ใช้งานอะไร ซึ่งสาเหตุนั้น ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นการชาร์จแบตเตอรี่ที่ผิดวิธี
โดยที่ผ่านมา คงจะมีผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนหลายต่อหลายท่าน ชาร์จแบตเตอรี่ไม่ถูกวิธีมาตลอด กับหลาย ๆ ความเชื่อที่ว่า ควรชาร์จให้เต็ม หรือไม่ก็รอให้แบตหมดก่อนแล้วค่อยชาร์จทีเดียว ซึ่งวิธีการเหล่านี้ คือการชาร์จแบตเตอรี่ที่ไม่ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้ ทำให้ทางเว็บไซต์ Battery University ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ Cadex ได้ออกมาแนะวิธีการชาร์จแบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟนอย่างถูกต้อง เพื่อให้แบตคงทน และใช้งานได้อย่างยาวนาน
ปัจจุบัน แบตเตอรี่ที่ใช้บน สมาร์ทโฟน นั้น เป็นแบบ Lithium-Ion ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่มีความอ่อนไหว เช่นเดียวกับมนุษย์ ถ้าหากมนุษย์เราอยู่ในสภาวะเครียดมาก ๆ แน่นอนว่า จะส่งผลที่ไม่ดีต่อสุขภาพร่างกาย แบตเตอรี่เองก็เช่นกัน ถ้าหากชาร์จแบตเตอรี่ไม่ถูกวิธี ก็จะทำให้แบตเสื่อมเร็วขึ้น และเพื่อทำให้แบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟนอยู่ได้อย่างยาวนานขึ้น ผู้ใช้จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการชาร์จเสียใหม่ จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยดีกว่า
อย่าชาร์จแบตทิ้งไว้ข้ามคืน
มีหลาย ๆ ท่านที่ชอบชาร์จสมาร์ทโฟนตอนนอน ด้วยการเสียบสายชาร์จทิ้งไว้ตลอดคืน แล้วค่อยมาถอดออกในตอนเช้า ทราบกันหรือไม่ว่า พฤติกรรมแบบนี้ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร ซึ่งทาง Battery University เผยว่า เมื่อใดที่แบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟนแตะ 100% แล้ว ตัวแบตจะมีพฤติกรรมที่เรียกว่า Trickle Charges หรือการยอมให้กระแสไฟเข้ามาเรื่อย ๆ ทีละนิด เพื่อให้แบตเตอรี่ยังคงสถานะที่ 100% ตลอด ซึ่งการทำแบบนี้ จะทำให้แบตเตอรี่อยู่ในสภาวะที่มีความเครียดสูง (High-Stress) สารเคมีที่อยู่ภายในก็จะค่อย ๆ เสื่อมสภาพลง จึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมชาร์จแบตจนเต็มแล้วถึงใช้งานไม่ได้นาน
โดยทาง Battery University เผยว่า เมื่อชาร์จจนเต็มแล้ว ให้ถอดสายชาร์จทันที คล้าย ๆ กับมนุษย์เราที่มีการออกกำลังกายอย่างหนัก ก็ควรมีการผ่อนคลายกล้ามเนื้อบ้างนั่นเอง
ไม่ควรชาร์จแบตจนเต็ม 100%
ทาง Battery University เผยว่า แบตเตอรี่แบบ Lithium-Ion นั้น ไม่จำเป็นต้องชาร์จให้เต็มร้อย เพราะยิ่งอัดกระแสไฟเข้าไปจนเต็ม จะยิ่งทำให้แบตเตอรี่เกิดความเครียด วิธีที่ดีที่สุดก็คือ จะชาร์จกี่รอบก็ได้ แต่ไม่ต้องชาร์จให้เต็ม 100% หลาย ๆ ท่านที่ชอบเกิดความวิตกว่า ถ้าแบตมือถือไม่เต็ม 100% จะใช้งานได้ไม่เต็มวัน ข้อนี้น่าจะเป็นบทพิสูจน์ได้ดีแล้วว่า การชาร์จแบตเต็ม 100 ใช่ว่าจะดีเสมอไป ฉะนั้น ควรจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ ชาร์จบ่อย ๆ ได้แต่ไม่ต้องชาร์จเต็ม จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ดีกว่า
ไม่ควรปล่อยให้แบตหมดก่อนแล้วค่อยชาร์จ
หลาย ๆ ท่านเข้าใจผิดว่า การที่ปล่อยให้แบตเตอรี่หมดแล้วค่อยชาร์จ จะเป็นการยืดอายุแบตเตอรี่ให้ใช้ได้นานขึ้น ความเชื่อนี้ถือว่า เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะยิ่งแบตเตอรี่ถูกใช้งานจนหมดมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีการคายประจุมากเท่านั้น จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไม ชาร์จแบตจนเต็มแล้วใช้ได้ไม่นาน ฉะนั้น ถ้าหากแบตเตอรี่ลดลงเหลือ 40% - 50% ก็ควรเริ่มทำการชาร์จได้แล้ว แต่จำไว้ว่า ไม่ควรชาร์จแบตจนเต็ม
ควรชาร์จแบตเตอรี่ที่อุณหภูมิปกติ
เคยสังเกตกันบ้างหรือไม่ว่า ทุก ๆ ครั้งที่ทำการชาร์จแบต สมาร์ทโฟนจะเกิดความร้อนขึ้นมากกว่าปกติ มีหลาย ๆ ท่านที่กลัวเครื่องจะร้อนเกินไป ก็รีบนำเอาสมาร์ทโฟนไปไว้ในที่เย็นเพื่อชาร์จ วิธีการแบบนี้คือการชาร์จแบตเตอรี่ที่ไม่ถูกต้อง ควรชาร์จแบตเตอรี่ที่อุณหภูมิปกติจะดีกว่า เนื่องจากความร้อนขณะทำการชาร์จนั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติ หรือถ้าหากใครกลัวเครื่องจะร้อนมากเกินไป ควรถอดเคสก่อนทำการชาร์จทุกครั้ง แต่ถ้าหากชาร์จแล้วตัวเครื่องเกิดความร้อนสูงเกินปกติที่ควรจะเป็น ให้ถอดสายชาร์จออกเพื่อความปลอดภัย และไม่ควรชาร์จในที่ที่มีแสงแดดจัด แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ควรหาอะไรมาบังสมาร์ทโฟนเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเสื่อมเร็วนั่นเอง
สำหรับท่านที่มีพฤติกรรมในการชาร์จสมาร์ทโฟนตามหัวข้อข้างต้น ควรจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการชาร์จเสียใหม่ เพื่อให้แบตเตอรี่อยู่ได้ยาวนานขึ้น และช่วยทำให้สมาร์ทโฟนใช้งานได้นานตลอดวันอีกด้วย
บางครั้งเราอาจไม่ทราบว่าพฤติกรรมการใช้งานของเราอาจทำให้แบต iPhone เสื่อมได้ มาชมคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการป้องกันไม่ให้ iPhone แบตเสื่อมไว เพื่อให้แบตใช้งานได้อีกยาว ๆ
6 คำแนะนำ ป้องกันไม่ให้ iPhone แบตเสื่อมไว
1. หลีกเลี่ยงการใช้งานอะแดปเตอร์ชาร์จ / สายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน
เนื่องจากอะแดปเตอร์ชาร์จหรือสายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นอาจจ่ายไฟเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ iPhone ไม่สม่ำเสมอ และบางตัวอาจไม่มีระบบตัดไฟ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่ออุปกรณ์ หรือผู้ใช้งานด้วย
ดังนั้นผู้ใช้ควรเลือกใช้งานอะแดปเตอร์ชาร์จหรือสายชาร์จจาก Apple จะดีที่สุด หรือถ้าหากต้องการใช้งานอะแดปเตอร์ชาร์จหรือสายชาร์จของแบรนด์อื่นให้เลือกอุปกรณ์ที่มีสัญลักษณ์ MFi (Made For iPhone) จะดีที่สุด
2. ไม่ควรเล่นไป ชาร์จไป
การเล่นไปชาร์จไปส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่โดยตรง เนื่องจากตัวเครื่องจะมีความร้อนทั้งการประมวลผลแอปที่เราใช้งานอยู่รวมไปถึงการชาร์จไฟเข้า iPhone ด้วย
เมื่อแบตเตอรี่เกิดความร้อนสูงมาก ๆ แน่นอนว่าจะส่งผลให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ลดลง
3. ไม่ควรปล่อยให้ iPhone แบตหมด
หากเราใช้ iPhone หรือปล่อยให้ iPhone แบตหมดแล้วเสียบชาร์จบ่อย ๆ ก็อาจส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่ได้ เนื่องจากการชาร์จแบตจาก 0% หรือต่ำกว่า 30% ตัวเครื่องจะเร่งการชาร์จทำให้ตัวเครื่องร้อนได้ ซึ่งความร้อนก็ส่งผลต่ออายุการใช้งานแบต
4. ไม่วาง iPhone ไว้ในสถานที่ที่มีความร้อนสูง
หลีกเลี่ยงการทำให้ iPhone เครื่องร้อน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการไม่วาง iPhone ไว้ในสถานที่ที่มีความร้อนสูง เช่น กลางแดดหรือในรถยนต์ นอกจากตัวเครื่องจะร้อนส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตแล้ว หากร้อนมาก ๆ ตัวเครื่องอาจเสียหายจากความร้อน อาจร้ายแรงถึงตัวเครื่องลุกไหม้เลยก็ได้
5. เปิดฟีเจอร์ การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่ (iOS 13 ขึ้นไป)
ใน iOS 13 หรือใหม่กว่า Apple ได้ใส่ฟีเจอร์ “การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่” มาด้วย โดยเปิดใช้งานที่ การตั้งค่า > แบตเตอรี่ > สุขภาพแบตเตอรี่ > เลื่อนเปิด การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่
ประโยชน์ของฟีเจอร์การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่ คือ iPhone จะเรียนรู้จากพฤติกรรมการชาร์จรายวันของเราเพื่อปรับปรุงอายุการใช้งานแบตเตอรี่
เช่น ก่อนนอน iPhone ของเราแบตเหลือ 70% แล้วเราก็เสียบสายชาร์จ iPhone เพื่อชาร์จจากนั้น iPhone ก็จะชาร์จไปจนถึง 80% แล้วหยุดการชาร์จไว้
ระบบจะเรียนรู้พฤติกรรมการชาร์จของเรา เช่น หากเราชอบหยิบ iPhone ขึ้นมาตอน 7 โมงเช้า, iPhone ก็จะเร่งการชาร์จจาก 80% มาเป็น 100% ก่อนเราจะหยิบ iPhone ขึ้นมา ซึ่งเป็นการรักษารอบการชาร์จแบตเตอรี่ เพื่อถนอมแบตเตอรี่ นั่นเอง
6. อัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
Apple มักปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์ให้ผู้ใช้ได้อัปเดตเสมอ นอกจากฟีเจอร์ใหม่แล้วก็มักมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานต่าง ๆ ด้วย ซึ่งรวมถึงการจัดการพลังงานด้วย เพื่อให้ iPhone ใช้งานพลังงานจากแบตเตอรี่ได้มีประสิทธิภาพ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงคำแนะนำบางส่วนเท่านั้น, ผู้ใช้อย่างเราควรตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่สม่ำเสมอ หากรู้สึกว่าแบตเริ่มเสื่อม เครื่องร้อนไว แนะนำให้ติดต่อศูนย์บริการ Apple แล้วนำเครื่องไปเปลี่ยนแบต เพื่อการใช้งานที่ปลอดภัยที่สุด