ETDA ชวนคนไทยร่วมทำแบบสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยปี 2565 หรือ Internet User Behavior (IUB) ที่ได้มีการสำรวจมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรวบรวมพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของกลุ่มคนไทยที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์ และกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ที่จะช่วยสะท้อนให้เห็นไลฟ์สไตล์ของคนไทยในยุคที่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคน ซึ่งที่ผ่านมาผลการสำรวจ IUB ทำให้เห็นว่าจำนวนชั่วโมงการใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทั้งที่เกิดจากวิกฤติการณ์ การพัฒนาของเทคโนโลยี ตลอดจนความนิยมของคนไทยในแต่จะช่วง โดยกระบวนการดำเนินงานเป็นการสำรวจผ่านเว็บไซต์ ผ่าน Social Media ของ ETDA และหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ โดยปีนี้ได้มีการดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรที่สำคัญ เพื่อให้เกิดการกระจายตัวในภูมิภาคต่างๆ ของไทยได้มากขึ้น รวมถึงการผนวกประเด็นคำถามที่จะนำไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับนำไปสู่ข้อเสนอแนะในมุมของการส่งเสริมและสนับสนุนการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ
ปีนี้ ETDA จึงขอเชิญชวนท่านเข้าร่วมตอบแบบสำรวจฯ เป็นให้ข้อมูลของท่านเป็นหนึ่งในข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้ ETDA ได้ใช้ในการวิเคราะห์ผลที่จะช่วยสะท้อนภาพรวมพฤติกรรมของคนไทยในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน และจะเป็นประโยชน์ทั้งในภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงนักศึกษา และผู้ที่สนใจโดยทั่วไป ซึ่งจะมีช่วงเวลาของการจัดเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 12 เมษายน ถึง 10 มิถุนายน 2565 นี้
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เผยผลการสำรวจการใช้ ICT ของประชาชนในประเทศไทยปี 2565 (ไตรมาส 1) พบว่า คนไทยมีแนวโน้มการใช้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือประจำครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และประชาชนส่วนใหญ่มีโทรศัพท์สมาร์ตโฟนใช้กันเกือบหมด
ในการสำรวจการใช้ ICT ของประชาชนในประเทศไทยปี 2565 (ไตรมาส 1) นี้ ได้แบ่งการสำรวจออกเป็น 2 ระดับ คือระดับครัวเรือน และรายบุคคล
ระดับครัวเรือน
จากการสำรวจครัวเรือนประมาณ 24.7 ล้านครัวเรือน พบว่า
มีครัวเรือนที่มีคอมพิวเตอร์ 6.3 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 25.5%
มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 22.0 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 89.1%
และมีโทรศัพท์มือถือ 23.9 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 96.6%
ประชาชน (รายบุคคล)
ผลการสำรวจประชาชนอายุ 6 ปีขึ้นไป ประมาณ 65.4 ล้านคน พบว่า
มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 56.7 ล้านคน คิดเป็น 86.6%
ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ 62.3 ล้านคน คิดเป็น 95.2%
และผู้มีโทรศัพท์มือถือ 57.5 ล้านคน คิดเป็น 87.9% แบ่งเป็นโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน 94.1% และโทรศัพท์มือถือระดับกลาง (Feature phone) 6%
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้หลายคนต้อง Work frome Home ส่วนนักเรียนนักศึกษาก็ต้องปรับการเรียนการสอนเข้าสู่การเรียนในโลกออนไลน์มากขึ้น จึงทำให้ปริมาณคอมพิวเตอร์ประจำครัวเรือนเพิ่มขึ้น อีกทั้งจำนวนสมาร์ตโฟนก็มากตามไปด้วย คอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟนจึงกลายมาเป็นเครื่องมือสื่อสารจำเป็น ที่ในยุคนี้ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้แล้ว ทุกคนจำเป็นต้องมีเครื่องมือเหล่านี้ในการเรียนรวมถึงทำงาน เป็นภาคบังคับแบบที่ไม่มีไม่ได้
เข้าสู่กลางปี 2565 แล้ว ครึ่งปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะลักษณะการดำเนินงานในสถานประกอบการต่าง ๆ บางแห่งกลับมาทำงาน Onsite ตามปกติ บางแห่ง Work From Anywhere 100% หรือบางแห่งยังสลับกันไปมา ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำงานแบบออนไลน์ของสถานประกอบการย่อมหนีไม่พ้นเรื่องของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
บทความนี้จึงจะพาทุกคนย้อนกลับไปดูสถิติ 5 ปี ของการมี / การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสถานประกอบการว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด ซึ่งข้อมูลตัวเลขในบทความนี้สืบค้นจากรายงานการสำรวจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2560-2564
9 แสนแห่งมีการใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน
จากการสำรวจในปี 2564 ประเทศไทยมีสถานประกอบการที่มีพนักงานมากกว่า 1 คนขึ้นไปเป็นจำนวนประมาณ 2.5 ล้านแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจทางการค้าและทางการบริการ โดยขนาดของสถานประกอบการส่วนใหญ่เป็นขนาดเล็ก จึงทำให้ภาพรวมของการมีการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตมีค่าไม่สูงมากนัก แต่จะเห็นได้ว่าแนวโน้มนั้นขยับเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งนี้ก็มาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่สถานประกอบการสามารถเข้าถึง และนำไปใช้งานได้มากขึ้น รวมถึงตัวพนักงานเองสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้มากขึ้น
1.15 ล้านแห่งมีการใช้อินเทอร์เน็ตในการทำงาน
แม้ว่าผลการมีการใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานจะมีตัวเลขไม่สูงมากนัก แต่การมีการใช้อินเทอร์เน็ตนั้นมีมากขึ้นกว่า 2 แสนแห่ง ซึ่งตัวเลขนี้วิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นเพราะมีสถานประกอบการขนาดเล็กหลายแห่งที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์การใช้งานอื่นอย่าง โทรศัพท์สมาร์ตโฟน โดยเฉพาะสถานประกอบการด้านการขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งจากผลการสำรวจจะเห็นได้ชัดว่า ตัวเลขในปี 2564 นั้นก้าวกระโดดจาก 4 ปีก่อนหน้าเกือบเท่าตัว
ทั้งนี้ก็มาจากสถานการณ์โรคระบาดที่ส่งผลให้การพบปะ นำเสนอสินค้า หรือประสานงานการค้าติดขัด พนักงานในสถานประกอบการจึงจำเป็นต้องผลักดันตัวเองเข้าสู่การใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับ-ส่งอีเมล การประชุมออนไลน์ การเรียนรู้ออนไลน์
สถานประกอบการใช้อินเทอร์เน็ตด้านใดบ้าง
ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติบอกเราว่า ปี 2564 นั้น ในการใช้งานอินเทอร์เน็ตด้านต่าง ๆ สูงขึ้นมาก ซึ่งสามารถจัดลำดับวัตถุประสงค์การใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ ดังนี้
- ใช้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ
- ใช้รับส่ง e-mail (บทความแนะนำ : 7 คอร์สแนะนำที่ให้คุณทำได้มากกว่าแค่รับ-ส่งอีเมล)
- ใช้สนทนาสื่อสารทาง Instant Massage เช่น Line WeChat
- ใช้ซื้อ/ขายสินค้าและบริการ หรือดำเนินธุรกิจกับคู่ค้า
- ใช้ค้นหาข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐ
- ใช้บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต (Internet Banking)
- ใช้ติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น ยื่นภาษีออนไลน์ Download แบบฟอร์มต่าง ๆ
- ใช้โทรศัพท์ ประชุมออนไลน์
- ใช้เพื่อประกาศรับสมัครบุคลากรภายในหรือภายนอกสถานประกอบการ
- ใช้เพื่ออบรมความรู้ให้กับบุคลากรผ่านระบบ e-learning
- ใช้เพื่อจัดส่งสินค้าออนไลน์ในรูปแบบ Digital เช่น E-Coupon ซอฟต์แวร์ ใบจองการเดินทาง
จากข้อมูลที่มีการใช้ ICT (Information and Communication Technology) มากขึ้นเรื่อย ๆ ในสถานประกอบการ ทำให้หลาย ๆ องค์กรจำเป็นที่จะต้องพัฒนาบุคลากรซึ่งคือทรัพยากรสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กร บุคลากรทุกคนควรมีความรู้ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต อย่างเป็นมาตรฐานเพื่อให้สอดรับวิถีชีวิตยุคใหม่ที่ต้องก้าวทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างก้าวกระโดด
องค์ความรู้ที่จำเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนากำลังคน เพื่อยกระดับองค์กรจึงหนีไม่พ้นความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเริ่มจากการใช้งานพื้นฐานดิจิทัลอย่าง IC3 Digital Literacy ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความรู้จากหน่วยงานระดับประเทศและระดับนานาชาติ ครอบคลุม 7 ทักษะจำเป็นของการเป็นพลเมืองดิจิทัล ได้แก่
- ทักษะพื้นฐานด้านเทคโนโลยี
- ทักษะการเป็นพลเมืองดิจิทัล
- ทักษะการจัดการสารสนเทศ
- ทักษะการสร้างสรรค์เนื้อหา
- ทักษะด้านการสื่อสาร
- ทักษะด้านการทำงานร่วมกัน
- ความมั่นคงและการรักษาความปลอดภัย
ประโยชน์ของการรู้ดิจิทัล คือ ช่วยพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ และทักษะทางด้านคอมพิวเตอร์มากขึ้น ช่วยลดเวลาในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตผลงานให้ดียิ่งขึ้น
หากหน่วยงานของท่านสนใจพัฒนาความรู้สามารถเลือกให้ ARIT ช่วยออกแบบการอบรมพร้อมสอบในรูปแบบองค์กรจำนวนเยอะ ๆ ได้ทั้งแบบเรียน Onsite และ แบบเรียน Online สามารถติดต่อฝ่ายฝึกอบรมได้ที่ 02-610-3095