ปัญหาที่ทำให้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ไม่สามารถเริ่มต้นระบบ (Startup) เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่การเจอ BSOD ไปจนถึงข้อผิดพลาดในการปิดเครื่อง (Shutdown) แบบไม่ผิดปกติ เช่น ไฟตก, แมวแอบดึงปลั๊ก ฯลฯ ถ้าเกิดเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้า ก็ไม่ต้องตกใจไปนะครับ มันมีวิธีที่พอจะช่วยคุณแก้ปัญหาได้อยู่ จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง มาลองอ่านกัน
บทความเกี่ยวกับ Microsoft อื่นๆ
ขั้นตอนแก้ไขปัญหาที่แนะนำในบทความนี้ สามารถใช้ได้ทั้งบนระบบปฏิบัติการ Windows 10, Windows 8 และ Windows 8.1
ภาพจาก : //www.drivereasy.com/knowledge/fix-windows-10-restart-loop-reboot-loop/
1. วิธีเข้า Advanced Options ของ Windows
ในการที่เราจะเข้าไปยังหน้าจอ Advanced Options ของ Windows ได้นั้น เราจำเป็นต้องมี Windows installation media เสียก่อน ซึ่งสามารถสร้างได้ง่ายๆ โดยไปที่เว็บไซต์ //www.microsoft.com/en-in/software-download/windows10 แล้วคลิก "ปุ่ม Download Tool Now" เราจะได้ไฟล์ MediaCreationTool20H2.exe มา ให้ดับเบิลคลิกเปิดมันขึ้นมา เลือก "Create Installation Media" เสียบแฟลชไดร์ฟเข้ากับคอมพิวเตอร์ แล้วทำตามขั้นตอนที่ปรากฏบนหน้าจอได้เลย เนื่องจากมันง่ายมาก ขออนุญาตไม่อธิบายวิธีทำตรงส่วนนี้แล้วกัน
หลังจากได้แฟลชไดร์ฟที่เราทำเป็นมีเดียที่ใช้ในการติดตั้ง (Installation Media) มาแล้ว ให้เราเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟเข้ากับคอมพิวเตอร์ จากนั้นให้เข้าไปยังหน้า BIOS (ใครเข้า BIOS ไม่เป็น คลิกอ่านวิธีที่นี่) จากนั้นไปที่เมนู Boot ตั้งค่าให้คอมพิวเตอร์บูทระบบโดยเริ่มจากแฟลชไดร์ฟก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นก็บันทึกการตั้งค่า แล้วออกมาจากหน้า BIOS ได้เลย
หน้าตาของ BIOS จะมีความแตกต่าง ตามแต่ยี่ห้อที่เราใช้งาน
ภาพจาก //rog.asus.com/forum/showthread.php?101693-My-hard-disk-drives-not-showing-up-in-boot-priority
เมื่อระบบเริ่มต้นอีกครั้ง หากทำตามขั้นตอนถูกต้อง เราจะเข้าสู่หน้าติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 โดยหลังจากเลือกภาษาที่ต้องการใช้งานเสร็จ ก็คลิกที่ "ปุ่ม Next" แล้วเลือกคลิกเลือกคำสั่ง Repair Computer
ภาพจาก //th.phhsnews.com/articles/howto/how-to-fix-startup-problems-with-the-windows-startup-repair-tool.html
จากนั้นคลิก Troubleshoot → Advanced Options เท่านี้ เราก็จะเข้าสู่หน้า Advanced Options แล้ว
ภาพจาก //www.laptopmag.com/articles/windows-10-advanced-startup-Options-menu
วิธีแก้ปัญหาแรกที่ควรลองทำ คือ การใช้เครื่องมือซ่อมแซม Startup Repair ซึ่งตัว Windows จะตรวจสอบ และพยายามแก้ไขปัญหาให้เราแบบอัตโนมัติ
สามารถเรียกใช้งานได้ โดยไปที่หน้า Advanced Options แล้วคลิกเลือกเมนู Startup Repair แล้วคอมพิวเตอร์ของเราจะทำการรีสตาร์ท และเริ่มกระบวนการวินิจฉัยสาเหตุ โดยสิ่งที่มันจะตรวจสอบ และหาทางแก้ไขให้เราจะเป็นดังรายการด้านล่างนี้
- ไดร์เวอร์ที่เสียหาย, หายไป และไม่รองรับ
- ไฟล์ระบบที่เสียหาย และหายไป
- การตั้งค่าบูทที่เสียหาย และหายไป
- ความเสียหายที่เกิดขึ้นในค่ารีจิสทรี
- ความเสียหายที่เกิดขึ้นในค่า Disk Metadata อย่าง
- Master Boot Record (MBA)
- Partition Table
- Boot Sector
- ปัญหาที่เกิดจากการติดตั้ง Windows Update
ภาพจาก //youtu.be/z-HKlr_3o0Q
หลังจากที่กระบวนการตรวจสอบ และแก้ไขเสร็จสิ้นคอมพิวเตอร์จะทำการรีสตาร์ท และเริ่มระบบให้อัตโนมัติ แต่ถ้ามันแก้ไขปัญหาให้เราไม่ได้ มันจะแจ้งเตือนข้อความว่า "Startup repair couldn’t repair your PC" ก็ให้เราดำเนินการแก้ไขด้วยวิธีการอื่นแทน
ภาพจาก //answers.microsoft.com/en-us/windows/forum/windows_10-other_settings/startup-repair-windows-10/7caf953e-d25a-4814-973c-3029d661d11e
3. บูทเข้า Safe Mode
หากเครื่องมือ Startup repair ไม่ได้ผล ให้เราลองเข้า Windows แบบ Safe Mode ดู มันเป็นโหมดการทำงานที่ Windows จะเริ่มระบบด้วยการเรียกใช้ไฟล์ระบบ, ไดร์เวอร์ (Driver) ฯลฯ เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งเราจะเข้ามาทำการแก้ไขปัญหาในโหมดนี้แทน
วิธีเข้า Safe Mode
ให้เราคลิก Advanced Options → Troubleshoot → Advanced Options → Startup Settings → คลิก Restart
ภาพจาก //support.microsoft.com/en-us/windows/start-your-pc-in-safe-Mode-in-windows-10-92c27cff-db89-8644-1ce4-b3e5e56fe234
แล้วกด "ปุ่ม F4" เพื่อเข้า Safe Mode หรือกด "ปุ่ม F5" ถ้าต้องการเข้า Safe Mode แบบเชื่อมต่อกับเครือข่ายด้วย ลองดูภาพด้านล่างประกอบได้ครับ
ภาพจาก //youtu.be/TwIOazT1BxU
หากเข้า Safe Mode ไม่ได้ จะทำอย่างไร ?
หากไม่สามารถเข้า Safe Mode ได้ เราจะต้องทำการซ่อมแซม Boot Record Error เสียก่อน ด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้
ใน Advanced Options เลือกเมนู Command Prompt แล้วพิมพ์คำสั่งด้านล่างลงไปตามลำดับ
Bootrec.exe \fixmbr
Bootrec.exe \fixboot
Bootrec \rebuildBcd
Bootrec /ScanOs
ภาพจาก //howtofixwindows.com/fix-windows-10-startup-problems/
หลังทำตามขั้นตอนนี้เสร็จสิ้น ให้ลองเข้า Safe Mode ดูอีกครั้ง น่าจะเข้าได้แล้ว
แก้ปัญหาด้วย CHKDSK, SFC และ DISM
เมื่อเราเข้า Windows แบบ Safe Mode ได้แล้ว ก็จะสามารถใช้เครื่องมือตรวจสอบไฟล์อย่าง CHKDSK, SFC และ DISM ในการแก้ไขปัญหาได้ครับ
วิธีใช้คำสั่ง CHKDSK, SFC และ DISM ใน Windows 10 แบบละเอียด
ปิดคุณสมบัติ Fast Startup
ในระบบปฏิบัติการ Windows 10 ทาง Microsoft ได้เพิ่มคุณสมบัติ Fast Startup (Hybrid Shutdown) เข้ามา เพื่อลดระยะเวลาที่ต้องใช้ในการเริ่มต้นระบบ ช่วยให้เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ Windows จะพร้อมใช้งานได้รวดเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากผู้ใช้พบว่าคุณสมบัติ Fast Startup ทำให้มีปัญหาต่อการเริ่มระบบ Windows ซึ่งการปิดคุณสมบัติดังกล่าวก็ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ รวมไปถึงปัญหา จอฟ้าแห่งความตาย BSOD และจอดำไม่ปรากฏภาพตอนเริ่มระบบได้ด้วย
วิธีการปิดคุณสมบัติ Fast Startup
- หลังจากเข้า Windows ใน Safe Mode ได้แล้ว ให้เราเข้าไปที่ Power Options ด้วยการเข้าไปที่ Control Panel เปลี่ยนมุมมอง (View by) จาก Catelogy เป็น Large icons หรือ Small icons ก็ได้ แล้วคลิกเข้าไปที่เมนู Power Options
- คลิกที่เมนูฝั่งซ้ายมือ Choose What the power buttons do
- ตรงใต้รายการ Shutdown settings ติ๊กเครื่องหมายถูกตรง Turn on Fast Startup (recommended ) แล้วคลิก Save changes
ในหน้า Advanced Options ให้เราคลิกเลือกเมนู Command prompt ครับ เพื่อเปิดตัวซอฟต์แวร์ Command prompt ขึ้นมา
ภาพจาก //thegeekpage.com/fix-startup-problems/
เข้าไปในไดร์ฟที่ติดตั้ง Windows ส่วนใหญ่ก็จะติดตั้งกันไว้ที่ไดร์ฟ C ก็ใช้คำสั่ง C: แล้ว Enter
จากนั้นให้พิมพ์คำสั่งไปตามลำดับดังนี้ครับ
- cd \windows\system32\config แล้วเคาะ Enter
- md backup แล้วเคาะ Enter
- copy *.* backup แล้วเคาะ Enter
- cd regback แล้วเคาะ Enter
- copy *.*.. แล้วเคาะ Enter
หากมันเด้งข้อความ "Overwrite..\DEFAULT? (Yes/No/All):" ขึ้นมา ให้เรากด "ปุ่ม A" บนแป้นคีย์บอร์ด หลังมันทำงานเสร็จสิ้นแล้ว ก็คลิกปิดหน้าต่าง Command Prompt ได้เลยครับ จากนั้นก็คลิกเมนู Continue เพื่อเข้าใช้งาน Windows ตามปกติได้เลย
ภาพจาก //www.nextofwindows.com/windows-10-tip-how-to-get-access-to-the-advanced-boot-Options-menu
5. ล้างการตั้งค่า (Reset) หรือ Refresh คอมพิวเตอร์ใหม่
มาถึงทางเลือกสุดท้าย นั่นก็คือ การ Reset และการ Refresh คอมพิวเตอร์ โดยในหน้า Advanced Options ให้เราเลือก Troubleshoot ตามด้วยเมนู Reset this PC
ภาพจาก //support.microsoft.com/en-us/windows/start-your-pc-in-safe-Mode-in-windows-10-92c27cff-db89-8644-1ce4-b3e5e56fe234
จะมีตัวเลือกให้เราสองอย่าง คือ
- Refresh your PC : จะเก็บไฟล์ทั้งหมดเอาไว้ ยกเว้นพวกไฟล์ระบบ และการตั้งค่าบางอย่าง ที่จะถูกรีเซ็ตใหม่
- Reset your PC : จะเป็นรีเซ็ตทุกอย่างกลับไปเป็นค่าเริ่มต้นเสมือนตอนที่เราเพิ่งติดตั้ง Windows ใหม่เป็นครั้งแรก
เราสามารถเลือกตัวเลือกไหนก็ได้ แต่ทางที่ดีควรเริ่มจาก Refresh ก่อน ถ้าหากไม่ได้ผลจริงๆ และวิธีการอื่นก็ยังแก้ไขปัญหาให้ไม่ได้ ถึงค่อยเลือก Reset
หวังว่าจะมีวิธีใด วิธีหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์บูทเข้า Windows 10 ไม่ได้ ให้คุณผู้อ่านได้นะครับ