เคยสงสัยมั้ย ทำไมบางคนถึงได้คิดเก่ง คิดในเรื่องที่คนอื่นเขาคิดกันไม่ได้ มีไอเดียใหม่ ๆ มานำเสนออยู่ตลอด ๆ ลองไปดู 12 ลักษณะเฉพาะ ของคนที่มีหัวครีเอท ที่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนพวกนี้สามารถมองในมุมที่คนอื่นมองไม่เห็น คิดในเรื่องที่คนอื่นไม่คิด และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขา “แตกต่าง” และคนรอบข้างต้องเข้าใจ ในสิ่งที่เขาเป็น ส่วนใครที่อยากมีความคิดดี ๆ กับเขาบ้าง ก็อาจจะลองทำตามได้ในบางข้อ จะมีอะไรบ้าง ลองไปดูกันเลย
เบื่อง่าย
ไม่ชอบอยู่กับอะไรเดิม ๆ หากมีโอกาสใหม่ ๆ เข้ามา เขาจะรู้สึกว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่มันน่าเบื่อ! และพร้อมที่จะลองอะไรใหม่ ๆ เสมอ
มองโลกในมุมของเด็ก
คนพวกนี้ยังมีบางมุมที่ยังไม่โต และไม่น่าเชื่อว่าการมองโลกในมุมมองของเด็กจะเป็นวิธีที่สร้างไอเดียแปลก ๆ ใหม่ ๆ ได้
ฝันกลางวันเป็นเรื่องปกติ
ไม่แปลก ถ้าจะเห็นคนพวกนี้ชอบนั่งเหม่อลอย คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย บอกเลยว่าไอเดียดี ๆ ส่วนใหญ่ก็เกิดตอนที่เขากำลังฝันกลางวันนี่แหละ
สิ่งที่คนอื่นมองว่าเป็น ‘ปัญหา’ เขากลับมองเป็น ‘โอกาส’
สามารถมองโลกในมุมที่คนอื่นมองไม่เห็น และมักจะมองโลกในแง่บวกอยู่เสมอ สิ่งที่เป็นเรื่องยากสำหรับคนอื่น พวกเขากลับคิดว่านั่นเป็นโอกาสที่จะทำให้เขาได้พัฒนาตัวเอง และไปถึงเป้าหมายได้
กล้าเสี่ยง
กล้าคิด กล้าทำ กล้าเสี่ยงกับอะไรใหม่ ๆ เรื่องที่คนอื่นไม่กล้า แต่คนพวกนี้ไม่เคยกลัว! เพราะคติประจำใจของพวกเขาคือ “ไม่ลอง ไม่รู้”
ต้องใช้เวลา และพื้นที่ในการคิดอะไรใหม่ ๆ
เนื่องจากคนพวกนี้ชอบที่จะดื่มด่ำไปกับความคิดของตัวเอง ถ้าต้องการไอเดียอะไรจากเขา อาจต้องให้เวลามากกว่าคนอื่นสักหน่อย ยิ่งกว่านั้นเขายังเกลียดการถูกรบกวน เพราะต้องใช้สมาธิสูงมาก ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม
ฟังหัวใจมากกว่าสมอง
เพราะเป้าหมายในชีวิตของเขาคือ ความสุข ทำให้เขามักจะทำอะไรตามที่หัวใจเรียกร้อง ถึงแม้ว่าสมองจะบอกให้ทำอีกอย่างก็ตาม
เปลี่ยนใจง่าย
ตอนนี้ชอบ อีกสักพักอาจจะไม่ชอบ รวมถึงผลงานของเขาด้วย บางทีตอนทำงานเสร็จใหม่ ๆ ก็รู้สึกว่างานนี้มันเจ๋งจริง ๆ แต่พอผ่านไปไม่นาน เขากลับรู้สึกว่ายังทำมันได้ไม่ดีพอ
ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ดี
สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวได้เป็นอย่างดี และยังมองภาพรวมได้ดีกว่าคนอื่นอีกด้วย อย่างเวลาที่มีเรื่องที่เข้าใจได้ยาก เขาก็มักจะเป็นคนแรก ๆ ที่ร้องอ๋อ! ขึ้นมา
ไม่กลัว การเริ่มต้นใหม่
เขาไม่กลัวการเริ่มต้นใหม่ ถึงแม้ว่าจะเดินมาไกลแค่ไหนก็ตาม ไม่มีการมานั่งเสียใจหรือเสียดายสิ่งที่ทำมา ถ้ารู้สึกว่ามันไม่โอเค เขาพร้อมที่ทิ้งงานนั้น แล้วเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
ช่างสังเกต
เรื่องที่คนอื่นมองไม่เห็น แต่เขาไม่เคยพลาด ถึงแม้จะเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม และเรื่องเล็กน้อยนั่นแหละ ที่เป็นตัวจุดไอเดียให้เขามีความคิดใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ไม่ชอบอยู่ในกรอบ
คนพวกนี้มีความเป็นตัวเองอยู่สูงมาก เขาจะรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ต้องทำตามกฎ หรือข้อบังคับ และรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่งี่เง่าเหลือเกิน
justsomething
Written by: Typrn
บทความแนะนำ
- 11 ความเชื่อแปลก ๆ ที่มีอยู่จริง จากทั่วโลก – แมวดำวิ่งตัดหน้า ถือว่าโชคร้าย
- พาไปดู สถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสีสัน คัลเลอร์ฟูลมากเว่อร์!
- เรื่องราวของ 4 มนุษย์สุดแปลกที่มีชีวิตอยู่จริง ไม่ได้อิงนิยาย!
บทความ “ ความคิดสร้างสรรค์ เป็นพื้นฐานขอบุคคลผู้ประสบความสำเร็จ ” เป็นบทความลำดับที่ 3 ของหมวด เรื่องเล่า ความฝัน และความสำเร็จ จะกล่าวถึง ความนำ ความคิดสร้างสรรค์คืออะไร ประโยชน์ของการคิดสร้างสรรค์ การคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นได้อย่างไร คุณสมบัติของคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ อุปสรรคของการสร้างความคิดสร้างสรรค์ ประเภทของความคิดเชิงสร้างสรรค์ ตัวอย่างความคิดสร้างสรรค์ของบุคคลผู้ประสบความสำเร็จ สรุป และคุยกับดร.ชา
- 1.ความนำ
- 2. ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) คืออะไร
- ความคิดสร้างสรรค์
- 2.1 ต้องเป็นความคิดด้านบวก (Positive Thinking)
- 2.2 ต้องเป็นความคิดออกด้านข้าง (Lateral Thinking)
- 2.3 ต้องเป็นความคิดใหม่ (New, original)
- 2.4 ต้องเป็นความคิดที่นำมาใช้การได้ (Workable)
- 2.5 ต้องไม่เป็นความคิดที่ทำร้ายใคร (Constructive Thinking)
- 2.5 ต้องเป็นความคิดที่เหมาะสม (Appropriate)
- 3.ประโยชน์ของการคิดสร้างสรรค์
- 3.1 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ ทำให้เราสามารถแก้ปัญหาได้ลงตัว
- 3.2 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ก่อให้เกิดนวัตกรรม
- 3.3 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ ทำให้เราได้สิ่งที่ดีกว่า แทนการจมอยู่กับสิ่งเก่า ๆ
- 3.4 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์เป็นความฉลาดประเภทหนึ่ง ซึ่งมีอยู่หลายด้าน เช่น ความฉลาดในการสร้างสรรค์ (Creative Intelligence) ความฉลาดในการคิดวิเคราะห์ (Analytic Intelligence) ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) และความฉลาดในการปฏิบัติ (Practical Intelligence) เป็นต้น
- 4. ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นได้อย่างไร
- 4.1 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์เกิดจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว
- 4.2 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ เกิดจากการเปรียบเทียบ
- 4.7 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ มักจะเกิดกับคนที่เป็นนักอ่าน
- 4.8 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ อาจเกิดจากการจดบันทึก
- 5.คุณสมบัติของคนที่มีความคิดสร้างสรรค์
- 5.1 ต้องมีพื้นฐานความรู้ในเรื่องนั้น
- 5.2 ต้องคนเป็นมีสติปัญญาดี แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะ
- 5.3 มีบุคลิกลักษณะอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เย่อหยิ่งจองหอง
- 5.4 ต้องชอบศึกษาใฝ่หาความรู้ใหม่ ๆ
- 6.อุปสรรคของการคิดสร้างสรรค์
- 6.1 เป็นคนที่ชอบมองโลกในแง่ลบ
- 6.2 เป็นคนที่กลัวความล้มเหลว
- 6.3 ไม่มีเวลาที่จะคิดให้ได้ดี
- 6.4 เป็นคนที่ยึดมั่นในกรอบมากจนเกินไป
- 6.5 เป็นคนชอบทึกทักเอาเองว่า คงไม่มีอะไรใหม่
- 6.6 ชอบอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา
- 6.7 ชอบคิดว่า ตนเองเป็นไม่มีความคิดริเริ่มในเชิงสร้างสรรค์
- 7.ประเภทของความคิดเชิงสร้างสรรค์
- 8.ตัวอย่างความคิดในเชิงสร้างสรรค์
- 8.1 วาทะบุคคลสำคัญของโลก แสดงให้เห็นความคิดในเชิงสร้างสรรค์
- 9. สรุป
- คุยกับดร.ชา
1.ความนำ
ในบทความ (1) ได้กล่าวถึง ความสำเร็จจะเกิดขึ้น หากบุคคลมีแรงบันดาลใจ มีความฝันมีความทะเยอทะยาน มีความมุ่งมั่น และความเพียรพยายาม
ปัญหา คือ คนเราควรจะใช้ความคิดประเภทใดในการสร้างความฝัน เพราะหากไม่รู้จักว่าควรจะใช้ความคิดประเภทใด ความฝันที่สร้างขึ้นอาจเป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆ เป็นความฝันที่ทำลายตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติก็ได้
ดังนั้น ในบทความนี้ จะนำเสนอเรื่องราวของการคิดสร้างสรรค์ ที่บุคคลผู้ต้องการประสบความสำเร็จทั้งหลายพึงมี
2. ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) คืออะไร
ความคิดของคนเรา อาจแบ่งออกเป็น 3 ประเภทกว้าง ๆ คือ ความคิดสร้างสรรค์ ความคิดทำลาย และความคิดกลาง ๆ
ความคิดสร้างสรรค์
ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ เป็นความคิดด้านบวก เป็นความคิดออกด้านข้าง เป็นการใช้จินตนาการหรือความคิดริเริ่มใหม่ ๆ เพื่อนำไปสร้างสิ่งใหม่ ๆ โดยมีองค์ประกอบ 6 ประการ คือ
2.1 ต้องเป็นความคิดด้านบวก (Positive Thinking)
การมีความคิดด้านบวก หมายความว่า ต้องมองโลกในแง่ดี ไม่ใช่มองโลกในแง่ร้าย
คนหลายคนชอบมองโลกในแง่ร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสังคมยุคปัจจุบัน จะเต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารทางสื่อสังคมต่าง ๆ ใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือนข้อมูลต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์ไปในทางทำลาย คนประเภทนี้จัดเป็นคนที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ แต่เป็นคนทีมีความคิดไปในทางทำลาย
ท่ามกลางคนที่มีความคิดไปทางลบ หรือทางทำลาย ก็มีข้อมูลข่าวสารด้านบวกที่เราสามารถเลือกเสพได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน
หากท่านชอบการเสพแต่ข้อมูลข่าวสารด้านลบหรือด้านทำลาย โดยไม่สนใจว่า ข้อมูลเหล่านั้น เป็นความจริงหรือไม่เพียงใด ย่อมแสดงว่า ท่านเป็นคนชอบไปทางลบหรือทางทำลายเช่นเดียวกัน
ในทางตรงกันข้าม หากท่านเลือกเสพแต่ข้อมูลข่าวสารด้านบวก แสดงว่า ท่านมีแนวโน้มที่จะเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์
2.2 ต้องเป็นความคิดออกด้านข้าง (Lateral Thinking)
ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ เป็นความคิดออกทางด้านข้าง ไม่ใช่ความคิดในแนวดิ่ง ดังนั้น จึงเป็นความคิดที่ไม่มีข้อจำกัด ไม่มีขอบเขต เพราะเป็นความคิดออกนอกกรอบ
แต่ถ้าเป็นความคิดในแนวดิ่ง มีข้อจำกัด เพราะเป็นความคิดในกรอบหรือเป็นความคิดที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์
2.3 ต้องเป็นความคิดใหม่ (New, original)
ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ จะต้องเป็นความคิดริเริ่มใหม่ ๆ แม้อาจจะไม่ใหม่ที่สุดในโลก หากเป็นความคิดใหม่ในชุมชน สังคม หรือองค์กร ก็ถือว่า เป็นความคิดใหม่ได้ เพราะบางครั้งคนเราอาจจะมีความคิดใหม่ ๆ ขึ้นมาตรงกันหรือสอดคล้องกันโดยบังเอิญได้
หรือแม้แต่การเอาความคิดเก่า ๆ ในอดีตที่เสื่อมความนิยมไปแล้ว นำมาใช้ใหม่ในปัจจุบัน ก็อาจถือเป็นความคิดใหม่ได้ อย่างเช่น แฟชั่นในการแต่งกาย มีการเปลี่ยนกลับไปกลับมา ตามกระแสนิยมในแต่ละยุค
รวมทั้งการนำความคิดจากต่างประเทศมาใช้ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ก็ถือเป็นความคิดในเชิงสร้างสรรค์ของประเทศไทยได้เช่นกัน เช่น การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของต่างประเทศมาใช้ในประเทศไทย
2.4 ต้องเป็นความคิดที่นำมาใช้การได้ (Workable)
ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ จะต้องเป็นความคิดที่นำมาใช้การได้ หรือนำมาทำประโยชน์
ความคิดใหม่ของผู้คนมีมากมาย แต่มีเพียงไม่กี่ความคิดที่นำมาใช้ได้หรือนำมาปฏิบัติได้จริง อย่างเช่น มีผลงานคิดค้นใหม่ ๆ ของนักศึกษาปริญญาโทหรือปริญญาเอก เป็นจำนวนมากที่ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์หรือแก้ปัญหาอันใดในสังคม อย่างนี้ยังไม่นับว่าเป็นความคิดในเชิงสร้างสรรค์ เพราะเป็นเพียงความคิดที่เก็บไว้ในห้องสมุดเท่านั้น
ในอดีตที่ผ่านมา ประเทศไทย เป็นประเทศที่ไม่ได้นำผลของการคิดค้นใหม่ ๆ ที่ได้จากการศึกษาวิจัยมาใช้ประโยชน์ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผลการศึกษาวิจัยที่ได้มายังไม่มีคุณภาพพอก็ได้
2.5 ต้องไม่เป็นความคิดที่ทำร้ายใคร (Constructive Thinking)
ความคิดใหม่นั้น ต้องไม่เป็นความคิดที่มีจุดประสงค์ทำร้ายใคร หมายความว่า แม้จะไม่ได้เป็นความคิดที่ทำให้ทุกคนได้ประโยชน์ แต่ก็ต้องไม่ใช่ความคิดที่ทำร้ายใคร
อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติ ความคิดแปลกใหม่บางอย่างก็อาจจะมีผลกระทบต่อบุคคลบางกลุ่มหรือบางอาชีพได้ เช่น โครงการรถไฟฟ้า อาจจะส่งผลกระทบผู้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ เพราะรถไฟฟ้าอาจจะส่งผลทำให้จำนวนคนขึ้นรถแท็กซี่ลดน้อยลง
2.5 ต้องเป็นความคิดที่เหมาะสม (Appropriate)
ความคิดใหม่ดังกล่าว ต้องสามารถนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสมกับบริบทหรือสภาพแวดล้อมของสังคม จึงจะนับเป็นความคิดในเชิงสร้างสรรค์ เพราะมีความคิดใหม่หลายอย่างที่อาจจะนำมาใช้บริบทอย่างหนึ่ง แต่พอมีบริบทแตกต่างกัน ความคิดใหม่นั้นก็ไม่อาจจะนำมาปฏิบัติหรือใช้ประโยชน์ได้
อย่างเช่นสินค้าบางอย่าง ออกแบบไว้ให้ใช้ในประเทศที่มีอากาศหนาว แต่นำมาใช้ในประเทศที่มีอากาศร้อน สินค้าดังกล่าวก็ใช้ไม่ได้ จำเป็นต้องคิดแก้ปัญหาใหม่
3.ประโยชน์ของการคิดสร้างสรรค์
การมีความคิดในเชิงสร้างสรรค์ มีประโยชน์ ดังนี้
3.1 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ ทำให้เราสามารถแก้ปัญหาได้ลงตัว
การแก้ปัญหาต่าง ๆ เมื่อสภาวะแวดล้อมหรือบริบทเปลี่ยนแปลงไป การแก้ปัญหาด้วยวิธีการเดิม ๆ อาจจะไม่ได้ผล จำเป็นต้องคิดค้นหาวิธีการใหม่ ๆ เช่น
ยุคปัจจุบัน การสื่อสารสามารถทำได้หลายทาง ไม่เหมือนในอดีตที่ทำได้เพียงบางช่องทาง เช่น ในอดีตการจะค้นคว้าหาข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ตทำได้ยาก สามารถทำได้เฉพาะทางคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือโน้ตบุ๊ก ไม่สามารถผ่านช่องทางมือถือได้ ดังนั้น ถ้ารัฐอยากแก้ปัญหาการเสพข้อมูลบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสี รัฐจำเป็นต้องใช้ทุกช่องทางที่มีอยู่ในสังคมขณะนั้น เพราะแต่ละช่องทาง สามารถเข้าถึงกลุ่มบุคคลเป้าหมายได้แตกต่างกัน
3.2 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ก่อให้เกิดนวัตกรรม
ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ หากสามารถนำไปใช้ได้ในเชิงพาณิชย์ เรียกว่า นวัตกรรม (Innovation)
นวัตกรรมจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าหากขาดความคิดในเชิงสร้างสรรค์ ประเทศใดที่รัฐสนับสนุนให้สถาบันการศึกษาและภาคเอกชนคิดค้นสร้างนวัตกรรมขึ้นมาได้มาก ประเทศนั้นก็จะเจริญก้าวหน้ามากกว่าประเทศที่ไม่มีนวัตกรรมเป็นของตนเอง
นวัตกรรมทำให้เกิดเทคโนโลยีสมัยใหม่ และทำให้สามารถผลิตสินค้าที่แปลกใหม่ มีคุณภาพสูง ราคาไม่แพงจนเกินไป เข้าสู่ท้องตลาด เอาชนะคู่แข่งขันจากประเทศอื่น ๆ ได้ไม่ยาก
3.3 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ ทำให้เราได้สิ่งที่ดีกว่า แทนการจมอยู่กับสิ่งเก่า ๆ
โลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน ความแตกต่างอยู่ที่ประเทศใดหรือสังคมใดจะเปลี่ยนแปลงช้าหรือเร็วกว่ากันเท่านั้น
ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ จะทำให้เราสามารถสร้างสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่าเดิม แทนที่จะมัวจมปลักอยู่กับแต่อดีตอันเศร้าหมองหรือล้าหลัง
3.4 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์เป็นความฉลาดประเภทหนึ่ง ซึ่งมีอยู่หลายด้าน เช่น ความฉลาดในการสร้างสรรค์ (Creative Intelligence) ความฉลาดในการคิดวิเคราะห์ (Analytic Intelligence) ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) และความฉลาดในการปฏิบัติ (Practical Intelligence) เป็นต้น
บุคคลใดที่ไม่รู้จักการใช้ความคิดใหม่ ๆ แก้ปัญหา จะถือว่าบุคคลนั้นมีความฉลาดหาได้ไม่ เมื่อการแก้ปัญหาไม่สามารถใช้วิธีการเดิม ๆ ได้ คนฉลาดก็ต้องรู้จักคิดค้นหาวิธีการใหม่ ๆ มาแก้ปัญหาได้เสมอ
4. ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นได้อย่างไร
หลายคนอาจจะเข้าใจว่า ความคิดแปลกใหม่ เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นยาก ถ้าหากไม่ได้เป็นคนเรียนหนังสือจบชั้นสูง ๆ ความเข้าใจดังกล่าว อาจจะถูกต้องเพียงบางส่วน
แท้ที่จริงความคิดในเชิงสร้างสรรค์ อาจเกิดขึ้นได้ด้วยการจินตนาการ หรือไม่ก็ด้วยองค์ความรู้ หมายความว่า แม้เป็นคนที่ไม่มีความรู้สูง แต่ถ้าเป็นคนที่รู้จักการสร้างจินตนาการ ก็ย่อมจะสร้างความคิดในชิงสร้างสรรค์ได้
อย่างไรก็ตาม หากท่านอยากฝึกตัวเองให้เป็นคนรู้จักสร้างความคิดในเชิงสร้างสรรค์ ผมได้รวบรวมข้อชี้แนะของนักวิชาการด้านภาวะผู้นำ มาเล่าให้ทราบพอเป็นแนวทางเบื้องต้น ดังนี้
4.1 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์เกิดจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว
หมายความว่า ก่อนจะเกิดความคิดใหม่ ๆ ก็ให้ศึกษาดูความคิดที่มีอยู่เดิมก่อน ว่ามีปัญหาหรือจุดอ่อนอะไร และสมควรจะแก้ไขอย่างไร
4.2 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ เกิดจากการเปรียบเทียบ
หมายความว่า การเปรียบเทียบจะทำให้เราเห็นข้อแตกต่าง ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นให้เราเกิดความคิดใหม่ ๆ ได้
4.3 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ อาจเกิดจากการค้นพบโดยไม่ตั้งใจหรือโดยไม่คาดฝันก็ได้
หมายความว่า จู่ ๆ ความคิดแปลกใหม่อาจจะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ตั้งใจก็ได้
4.4 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ มักจะเกิดกับผู้ที่มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น
คนประเภทนี้เวลาพบอะไรที่แปลกใหม่หรือผิดสังเกต เขามักจะตั้งคำถามขึ้นมาในใจว่า เป็นเพราะสาเหตุจึงเกิดเหตุการณ์หรือเรื่องราวนั้นขึ้น
4.5 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์มักจะเกิดกับคนที่ชอบสังเกต
คนที่ชอบสังเกตมักจะพบสิ่งที่ผิดปกติ และแปลกใหม่เสมอ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดความคิดในเชิงสร้างสรรค์ได้
4.6 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ อาจจะเกิดจากการเงียบเพื่อฟังความคิด
คนที่รู้จักฟังคนอื่นพูด มีโอกาสจะได้ความคิดใหม่ ๆ ผิดกับคนที่ไม่ชอบฟังคนอื่น เอาแต่คัดค้าน โต้แย้ง ย่อมยากที่จะสร้างความคิดแปลกใหม่ขึ้นมาได้
4.7 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ มักจะเกิดกับคนที่เป็นนักอ่าน
คนที่ชอบอ่านหนังสือเป็นนิสัย มีโอกาสจะได้รับความคิดใหม่ ๆ เข้ามาได้เสมอ ผิดกับคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ มักจะมีความคิดแบบเดิม ๆ ซ้ำซาก
4.8 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ อาจเกิดจากการจดบันทึก
เมื่อเราได้อ่าน ได้พบเห็น สิ่งใด หากเราได้จดบันทึกบางสิ่งบางอย่างไว้ จะทำให้เกิดความคิดที่แปลกใหม่ขึ้นมาได้
4.9 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ อาจเกิดจากการทดสอบสมมุติฐาน
หมายความว่า เมื่อเราได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่องใด ๆ เราอาจลองตั้งคำถาม แล้วลองเดาหาคำตอบ ต่อจากนั้นให้ทดสอบสมมุมิฐานหรือคำตอบที่เราเดาไว้ว่า ถูกต้องหรือไม่ วิธีนี้จะทำให้เราได้ความคิดใหม่ ๆ ขึ้นมา
4.10 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ อาจเกิดความนึกคิดในส่วนลึกของจิตใจ
หมายความว่า ความคิดแปลกใหม่อาจเกิดจากจิตใต้สำนึก พอมีสิ่งกระตุ้นความคิดนั้นก็อาจผุดขึ้นมาได้
4.11 ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ ไม่จำเป็นต้องรอแรงบันดาลใจ
หมายความว่า หากเราต้องการหาความคิดแปลกใหม่ เราก็สามารถคิดได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอแรงบันดาลใจอะไร
4.12 การสร้างทักษะในการคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytic Skills) ให้แหลมคม จะทำให้เกิดความคิดในเชิงสร้างสรรค์ได้
หมายความว่า การวิเคราะห์อย่างแหลมคม จะทำให้เราสามารถแยกแยะข้อมูล และวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรค และสาเหตุของปัญหา และจะนำไปสู่ความคิดใหม่ในการแก้ปัญหา
4.13 อย่ารีบร้อนตัดสินใจ เพื่อรอให้เกิดความคิดดี ๆ ขึ้นมาก่อน
บางเรื่องคำตอบที่ได้อาจจะยังไม่ชัดเจนหรือดีพอ ก็ให้เรารอการตัดสินใจไว้ก่อน แล้วค่อยคิดหาคำตอบอีกที เพื่อให้ได้คำตอบที่ดีกว่าเดิม
4.15 หัดฝึกหัดใช้ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ในชีวิตประจำวัน
ในชีวิตประจำวันของคนเรา อาจจะมีปัญหาให้ขบคิดอยู่เสมอ ลองใช้ความคิดใหม่ ๆ แก้ปัญหาดู
5.คุณสมบัติของคนที่มีความคิดสร้างสรรค์
คนที่จะสามารถสร้างความคิดแปลกใหม่ ควรจะมีคุณสมบัติ ดังนี้
5.1 ต้องมีพื้นฐานความรู้ในเรื่องนั้น
หากไม่มีพื้นฐานความรู้ ก็คงยากที่จะสร้างความคิดในเชิงสร้างสรรค์ได้ยาก
5.2 ต้องคนเป็นมีสติปัญญาดี แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะ
คนที่สมองทึบ คงคิดอะไรใหม่ ๆ ในทางสร้างสรรค์ไม่เป็น
5.3 มีบุคลิกลักษณะอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เย่อหยิ่งจองหอง
หากไม่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน คงยากที่จะได้รับความรู้หรือข้อมูลจากผู้อื่น เมื่อขาดความรู้หรือข้อมูล การสร้างความคิดแปลกใหม่จะเกิดได้ยาก
5.4 ต้องชอบศึกษาใฝ่หาความรู้ใหม่ ๆ
ความรู้ในโลกเกิดขึ้นใหม่อยู่เสมอในทุกด้าน หากเราไม่ชอบการติดตามหาความรู้ใหม่ ๆ ก็คงยากที่จะสร้างความคิดในเชิงสร้างสรรค์ได้
6.อุปสรรคของการคิดสร้างสรรค์
การที่คนเรามีความรู้สึกว่า ตนเป็นคนไม่มีความคิดใหม่ ๆ กับเขา ก็เนื่องจากมีอุปสรรคอยู่ 7 ประการ คือ
6.1 เป็นคนที่ชอบมองโลกในแง่ลบ
คนพวกนี้มักจะมองปัญหาทุกอย่างไปในทางลบหมด แม้คนส่วนใหญ่จะชื่นชอบว่าดี แต่พวกนี้ก็จะมองไปในทางตรงกันข้าม พอได้ยินได้ฟังอะไรที่สังคมเขาว่าดี คนพวกนี้ก็จะมองไปในทางตรงข้ามหรือทางลบอยู่เสมอ เรียกว่าชอบเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายแค้นนั่นเอง
คนที่ชอบมองโลกในแง่ลบ ไม่มีทางที่จะเกิดความคิดในทางสร้างสรรค์ได้ เพราะในจิตใจเต็มไปด้วยอคติ โกรธแค้นชิงชัง หรือไม่ก็อาจจะเกิดความคิดรุนแรงถึงขั้นอยากทำลาย
6.2 เป็นคนที่กลัวความล้มเหลว
ไม่กล้าเสนอความคิดใหม่ ๆ เพราะในใจมีแต่ความกลัว กลัวความล้มเหลว จึงไม่อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไร
6.3 ไม่มีเวลาที่จะคิดให้ได้ดี
การไม่มีเวลาคิดให้ดี อาจจะเกิดจากความไม่สนใจ ทำให้มีความรู้สึกว่า ตนไม่มีความคิดดี ๆ จึงไม่กล้าเสนอความคิดใหม่ ๆ
6.4 เป็นคนที่ยึดมั่นในกรอบมากจนเกินไป
คนที่ยึดมั่นอยู่ในกรอบ เป็นคนที่ไม่กล้าคิดออกด้านข้าง เพราะกลัวผิด ในเมื่อไม่กล้าคิดออกด้านข้าง ความคิดใหม่ ๆ จึงไม่อาจจะเกิดขึ้นได้
6.5 เป็นคนชอบทึกทักเอาเองว่า คงไม่มีอะไรใหม่
เมื่อเชื่อว่าหรือคิดว่า คงไม่มีอะไรใหม่ จึงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามสภาพเดิม ไม่ยอมรับความจริงว่า โลกเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
6.6 ชอบอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา
เป็นการอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา เพื่อปกป้องตนเองในการที่จะไม่ยอมคิดเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ ๆ ทั้ง ๆ ที่เหตุผลที่ยกขึ้นมาอ้างมานั้น ฟังไม่ขึ้นเลย เพราะเป็นเหตุผลในทางปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น
6.7 ชอบคิดว่า ตนเองเป็นไม่มีความคิดริเริ่มในเชิงสร้างสรรค์
ในเมื่อเกิดความคิดว่า ตนเป็นคนที่ขาดความสามารถในการคิดริเริ่มสร้างสรรค์ จึงเคยชินกับการอยู่ตามสภาพเดิม ไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้น
7.ประเภทของความคิดเชิงสร้างสรรค์
ความคิดเชิงสร้างสรรค์อาจแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
7.1 ความคิดเชิงสร้างสรรค์ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์
7.2 ความคิดเชิงสร้างสรรค์ที่สามารถนำไปจดทะเบียนสิทธิบัตรได้ ตามกฎหมายว่าด้วยสิทธิบัตร
7.3 ความคิดเชิงสร้างสรรค์ทั่วไป ที่อยู่นอกเหนือ 7.1 และ 7.2
8.ตัวอย่างความคิดในเชิงสร้างสรรค์
เพื่อให้ท่านผู้อ่านมองเห็นภาพได้ชัดเจนว่า ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ คืออะไร และเป็นอย่างไร ขอยกตัวอย่างประกอบ ดังนี้
8.1 วาทะบุคคลสำคัญของโลก แสดงให้เห็นความคิดในเชิงสร้างสรรค์
จอห์น เอ็ฟ. เคนเนดี (John F. Kennedy) ประธานาธิบดีอเมริกาคนที่ 35 ได้มีวาทะแสดงความคิดในเชิงสร้างสรรค์ที่เป็นที่จดจำของคนทั้งโลก คือ
“ ผู้นำและการเรียนรู้ไม่สามารถแยกออกจากกันได้”
เป็นการชี้แสดงว่า เป็นผู้นำต้องใฝ่หาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอ มิฉะนั้น อาจจะสูญเสียความเป็นผู้นำ
“ อย่าถามว่า ประเทศชาติจะให้อะไรแก่ท่านบ้าง แต่จงถามว่า ท่านจะให้อะไรแก่ประเทศชาติได้บ้าง ”
เป็นการชี้แสดงว่า ประชาชนพึงตระหนักในหน้าที่ของตนเองที่มีต่อประเทศชาติ มิใช่คอยคิดเอาแต่สิทธิประโยชน์จากประเทศชาติแต่อย่างเดียว
8.2 พระดำรัสของสมเด็จพรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย และคนไทยพระองค์แรก ที่องค์การยูเนสโก ยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก
“ เจ้าคุณ… อำนาจที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่พระแสงศาสตราวุธ แต่อยู่ที่ประชาชนเชื่อถือ หากประชาชนเชื่อถือ แม้แต่ในหลวงก็ถอดถอนเจ้าคุณไม่ได้ ”
เป็นพระดำรัสในการสั่งสอนนักปกครองทั้งหลายให้มีความคิดในเชิงสร้างสรรค์ในการปฏิบัติตนต่อประชาชน กล่าวคือ นักปกครองที่ดีต้องสร้างศรัทธาแก่ประชาชนด้วยการไปนั่งอยู่ในหัวใจของประชาชน ไม่ใช่มุ่งที่จะใช้อำนาจรังแกข่มเหงประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อน
8.3 โครงการของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน
มีโครงการของรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลายโครงการที่ใช้ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหา โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นกลไกในการให้ประชาชนผู้มีสิทธิ สมัครขอรับสิทธิหรือขอลงทะเบียนผ่านทางแอพพลิเคชัน และจ่ายเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีของประชาชนผู้ได้รับสิทธิโดยตรง เช่น
โครงการคนละครึ่ง
โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
9. สรุป
ความคิดเชิงสร้างสรรค์ เป็นพื้นฐานสำคัญของคนที่จะประสบความสำเร็จ กล่าวคือ คนที่จะประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องรู้จักมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อทำงานให้ประสบความสำเร็จ
ความคิดเชิงสร้างสรรค์อาจแบ่งออกเป็น 3 ประเภทกว้าง ๆ คือ
ความคิดเชิงสร้างสรรค์ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์
ความคิดเชิงสร้างสรรค์ที่สามารถนำไปจดทะเบียนสิทธิบัตรได้ตามกฎหมายว่าด้วยสิทธิบัตร
และความคิดเชิงสร้างสรรค์ทั่วไป
ความคิดเชิงสร้างสรรค์อาจเกิดจากการมีจินตนาการ หรืออาจเกิดจากองค์ความรู้
สำหรับความคิดเห็นเพิ่มเติม กรุณาติดตามได้ในหัวข้อ คุยกับดร.ชา ท้ายบทความนี้
คุยกับดร.ชา
คู่สนทนาของผมในวันนี้ คือ คุณเบน เช่นเดิม
“สวัสดี คุณเบน คราวที่แล้ว เราได้คุยกันในเรื่องราวของ อีลอน มัสก์ บุคคลที่รวยที่สุดในโลกประจำปี 2021
แต่วันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องความคิดเชิงสร้างสรรค์ว่า เป็นพื้นฐานในการทำให้บุคคลประสบความสำเร็จ ” ผมเกริ่นนำเล็กน้อย
“ สวัสดีครับ อาจารย์ ผมคิดว่า น่าจะดี ฟังดูแค่ชื่อแล้วก็น่าสนใจ ขอเชิญอาจารย์กำหนดประเด็นเลยครับ ” คุณเบนตอบสนองด้วยดี
“ ประเด็นแรก คุณเบนคิดว่า การจดบันทึกมีส่วนสำคัญต่อการสร้างความคิดเชิงสร้างสรรค์หรือไม่อย่างไร ทำไม สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เวลาเสด็จไปทรงงาน ณ ที่แห่งใด มักจะทรงบันทึกลงในสมุดบันทึกของพระองค์ทุกครั้ง ” ผมถามประเด็นแรก
“ ผมคิด การบันทึกจะทำให้เราสามารถจดจำในสิ่งที่เราได้เห็น ได้อ่าน ได้ยิน หรือได้ฟัง ได้ดี หากเราไม่บันทึกไว้ เชื่อว่าไม่นานก็จะลืม และเมื่อลืมแล้ว ก็จะไม่มีข้อมูลหรือองค์ความรู้ที่จะต่อยอดไปได้
ดังนั้น การที่กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ทรงชอบการบันทึกสิ่งที่ได้ทอดพระเนตร ก็คงจะมีวัตถุประสงค์เช่นนี้
ผมคิดว่า พวกเราเวลาเดินทางไปศึกษาดูงานที่ใด ก็น่าบันทึกอะไรไว้บ้าง ตามแบบอย่างของพระองค์ท่าน ”
“อาจารย์เห็นด้วยกับคุณเบนนะ พวกเราเวลาเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรต่าง ๆ เวลาไปศึกษาดูงาน มักจะดูเฉย ๆ ไม่ค่อยชอบจดบันทึกอะไรเลย
ต่อไปประเด็นที่สอง อาจารย์ขอความเห็นเกี่ยวกับวาทะของจอห์น เอ็ฟ. เคนเนดี ประธานาธิบดีอเมริกาคนที่ 35 ที่ว่า ผู้นำและการเรียนรู้ไม่สามารถจะแยกออกจากกันได้ คุณเบนคิดอย่างไร ” ผมถามถึงบุคคลสำคัญของโลกคนหนึ่ง
“ ผมคิดว่า ท่านประธานาธิบดี กล่าวได้ถูกต้อง เพราะการเป็นผู้นำ เราจะต้องเรียนรู้อยู่เสมอ เนื่องจากความรู้ในทุกแขนงมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากเราขี้เกียจไม่ยอมเรียนรู้ให้ทันสมัย เวลาเข้าประชุมหรือทำงานร่วมกับคนอื่น เราก็อาจจะเหมือนคนโง่ ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขา
เรียกว่า หากไม่มีความรู้ที่ทันสมัย สภาวะผู้นำก็แทบจะหมดไปแล้ว ” คุณเบนตอบด้วยความมั่นใจ
“ ใช่ ถูกต้อง คุณเบน อย่างอาจารย์ทุกวันนี้ก็ต้องหาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอ มิฉะนั้น ก็อาจจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง
ขอประเด็นสุดท้าย ตามพระดำรัสของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยพระองค์แรกที่ว่า อำนาจอยู่ที่ราษฎรเชื่อถือ ไม่ใช่อยู่ที่พระแสงศาสตราวุธ คุณเบนคิดอย่างไร ” ผมถามถึงพระดำรัสขององค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยบ้าง
“ อ๋อ ข้อนี้ ผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์เลย เพราะการจะทำให้ประชาชนหรือราษฎรเชื่อถือได้ ต้องทำหลายอย่าง แต่อาจจะพูดสั้น ๆ ได้ว่า ต้องมีสี่ครอง ต้องครองตน ครองคน ครองงาน และครองพื้นที่
แต่ละครองก็มิใช่ของง่าย แต่ก็มิใช่ว่าจะยากจนเกินไป หากมีความตั้งใจจะทำก็คงจะทำได้ ” คุณเบนตอบแบบใช้ความคิดตามสมควร
“ในประเด็นสุดท้ายนี้ อาจารย์คิดว่า คุณเบนให้ความเห็นได้ดี เป็นความเห็นในเชิงสร้างสรรค์ สมกับเป็นนักปกครองหนุ่มอนาคตไกล
วันนี้ อาจารย์ขอรบกวนเวลาเท่านี้ ขอบคุณมาก คุณเบน มีโอกาสค่อยพบกันใหม่นะ
ขอให้เจริญในหน้าที่การงานสมปรารถนานะ ขอให้โชคดี” ผมกล่าวปิดท้ายการสนทนา
“ด้วยความยินดีครับ อาจารย์”
View all posts by Dr.Char | Website