เงินใกล้หมด
to be almost out of credit
เงินโทรศัพท์ฉันกำลังจะหมด คุณช่วยโทรกลับมาได้มั้ย
I'm almost out of credit, so can you call me back?
เงินหมด
to have no credit
โทรศัพท์ฉันไม่มีเงินเลย
I have no credit.
เช็คยอดเงินในโทรศัพท์
แบบเต็ม "to check my phone's account balance"
แบบย่อ "to check my balance"
ฉันจะเช็คยอดเงินที่เหลืออยู่ในโทรศัพท์ได้ยังไง?
How can I check my balance?
หรือ
How can I check my phone's account balance?
มีเงินเหลือในโทรศัพท์อยู่ xxx บาท
แบบเต็ม: My phone's account balance is xxx บาท
แบบย่อ: My balance is xxx บาท
มีเงินเหลืออยู่ 10 บาท
My balance is currently 10 baht.
เติมเงินในโทรศัพท์ xxx บาท
ใน UK จะใช้ "top up"
to top up my phone by xxx baht
ฉันจะเติมเงินโทรศัพท์
I will top up my phone.
ฉันจะเติมเงินโทรศัพท์ 100 บาท
I will top up my phone by 100 baht.
ใน US จะใช้ "add money/minutes/credit"
to add money to my phone
ฉันจะเติมเงินโทรศัพท์
I will add money to my phone.
ฉันจะเติมเงินโทรศัพท์ 100 บาท
I will add 100 baht to my phone.
NOTE
คำว่า "top up" หรือ "add money/credit" นอกจากจะใช้กับการเติมเงินในมือถือแล้ว ยังใช้ได้กับการเติมเงินในบัตรอื่นๆ เช่น บัตรทรูมันนี่ หรือ บัตร BTS/MRT
เดี๋ยวนี้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่ 5 เลยทีเดียว ทีนี้พอต้องสื่อสารกับชาวต่างชาติโดยต้องมีเรื่องเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือเข้ามาเกี่ยวข้อง มันก็จะเริ่มจะงงๆละ เพราะไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรดี เวลาที่จะบอกว่า “ตังในโทรศัพท์หมด” “สัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยดี” “แบตใกล้จะหมดแล้ว” แบบนี้เป็นต้น เอาล่ะ เรามาดูกันว่า ประโยคเหล่านี้จะพูดเป็นภาษาอังกฤษได้ว่าอย่างไร
โทรศัพท์มือถือ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า mobile phone หรือทางฝั่งอเมริกาเขาก็ใช้คำว่า cell phone ค่ะ ทีนี้พอต้องคุยกับชาวต่างชาติทางโทรศัพท์แล้วเกิดสัญญาณไม่ดีขึ้นมาเราจะต้องพูดว่าอย่างไร ถ้าพูดถึงสัญญาณ เรามักจะคุ้นกับคำว่า signal ใช่มั้ยคะ เราก็พูดได้ว่า
- I don’t have a signal. “โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ”
นอกจากนี้ยังใช้คำอื่นได้อีก เช่น คำว่า service หรือ reception เช่น
- I’m sorry I don’t have any reception.
- I don’t have any service. หรือ
- my cell phone doesn’t have good reception
หรืออาจจะพูดประมาณนี้ก็ได้ค่ะ ลองดูตัวอย่างประโยคด้านล่างนี้นะคะ
A: I’m sorry I can’t hear you properly. โทษทีนะ ฉันได้ยินคุณพูดไม่ชัดเลย
B: Oh! The signal might not be good. อ้อ สัญญาณอาจจะไม่ดี
อีกประโยคหนึ่งที่ใช้บ่อยคือ แบตโทรศัพท์หมดแล้ว ในภาษาอังกฤษก็อาจจะใช้ประโยคนี้
- I’m out of battery. หรือ My phone ran out of battery.
คำว่า out of หรือ run out of แปลว่า หมดนะคะ ใช้กับอย่างอื่นก็ได้ เช่น
- My car ran out of gas. รถน้ำมันหมด
- I’m out of energy. ฉันหมดแรง เป็นต้น
นอกจากนี้หลายคนอาจจะใช้คำว่า dead ก็ได้ เช่น
- My phone is dead. แปลตรงตัวก็คือ โทรศัพท์ของฉันตาย นั่นก็คือแบตหมดนั่นเองค่ะ
พอแบตหมดก็ต้องชาร์จแบต ก็ใช้คำว่า charge the phone ก็ตรงตัวไปเลยคือใช้คำว่า charge ส่วนที่ชาร์จแบตโทรศัพท์เราก็เรียกว่า charger ค่ะ แต่ถ้าจะบอกว่าโทรศัพท์ใช้ไม่ได้ เราก็จะใช้คำว่า
- My cell phone doesn’t work.
คืออาจจะโทรศัพท์พังหรือใช้ไม่ได้เพราะสาเหตุอะไรก็ตามหรือบางทีถ้าแบตโทรศัพท์หมดแล้วนึกคำไหนไม่ออก ก็ใช้ประโยคนี้ก็ได้ค่ะ แล้วถ้าอยากจะบอกว่า เงินในโทรศัพท์หมดแล้ว ต้องพูดว่าอย่างไร ? พูดได้ว่า have no credit ก็ได้ เช่น
- I have no credit. โทรศัพท์ฉันตังหมดแล้ว หรือ
- I’m almost out of credit. Can you call me back? โทรศัพท์ฉันเงินใกล้จะหมดแล้ว ช่วยโทรกลับมาหน่อยได้มั้ย
หรือบางคนอาจจะได้ยินคำว่า phone’s account balance หรือย่อๆก็คือ balance เช่น
- How can I check my balance? ฉันจะเช็คยอดเงินในโทรศัพท์ได้อย่างไร
ถ้าหากว่าคุณต้องการเติมเงิน ก็จะใช้คำว่า add money หรือ add credit แต่ถ้าเป็นทางฝั่ง UK เขาก็จะใช้คำว่า top up เช่น
- I will top up my phone. หรือ I will top up my phone by 200 baht.
- I will add money to my phone. หรือ I will add 200 baht to my phone.
ถ้าโทรหาใครแล้วสายไม่ว่าง ก็จะใช้คำว่า
- The line is busy. หรือ The line is engaged. ก็ได้ค่ะ
เอาล่ะค่ะ ก็คงจะพอจะนำไปใช้ได้บ้างแล้วนะคะสำหรับภาษาอังกฤษที่ใช้กับโทรศัพท์มือถือ จำเอาไว้รับรองว่าได้เอาไปใช้แน่นอนค่ะ