7 เหตุผลที่พนักงานลาออก
1.งานหรือที่ทำงานไม่เป็นไปตามที่วาดภาพไว้
ผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 35% ลาออกภายในหกเดือนแรกที่เข้าทำงาน ทั้งนี้เพราะพนักงานเข้าใหม่จำนวนมากเข้าทำงานกับบริษัทโดยพกพาความคาดหวังที่เกินจริง กับความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับงานและองค์กร ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ผู้สัมภาษณ์วาดภาพที่สวยหรูขององค์กรจนเกินคจริง หรือไม่ได้ฉายสภาพงานที่เป็นจริงให้กับผู้เข้าสัมภาษณ์ทราบ
หลังเข้างานพนักงานบางคนก็สามารถปรับเปลี่ยนความเข้าใจกับความคาดหวังได้ และอยู่ทำงานต่อได้ บางคนก็อยู่ต่อไปอย่างผิดหวังและไม่มีความรักผูกพันกับงานเลย บางคนก็อยู่อย่างผิดคลาดพลาดหวังและลาออกไปในที่สุด
2.งานกับคนไม่เหมาะกัน
ความรู้ความสามารถของพนักงานไม่เหมาะสมกับงานโดยอาจเกิดจากการรีบว่าจ้างเข้าทำงานเพื่อเติมตำแหน่งที่ว่างลง หรือเชื่อว่าแม้ผู้สมัครอาจขาดคุณสมบัติที่เหมาะสมกับงาน แต่บริษัทสามารถจะฝึกอบรมในภายหลังได้
3.ไม่มีการสอนงาน และไม่มีการป้อนกลับผลการทำงาน
ผู้จัดการส่วนมากโค้ชงานและให้ feedback พนักงานปีละครั้งหรือสองครั้งตามที่องค์กรกำหนดเพื่อไปผูกกับการขึ้นเงินเดือนเท่านั้น ซึ่งความจริงผู้จัดการจะต้องสอนงานและ feedback ถี่ๆ บ่อยๆ เป็นระยะๆ
4.ไม่ค่อยมีโอกาสเติบโตและก้าวหน้าในสายงาน
ในการสำรวจความเห็นพนักงานเกี่ยวกับลำดับ competency 67 อย่างที่ผู้นำของตัวเองมีอยู่นั้น ผลปรากฏว่า "การพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชา" เป็น competency ที่ผู้นำมีน้อยที่สุดเป็นอันดับสุดท้าย
ปัญหาข้อนี้มีเกิดจากการที่ผู้จัดการไม่ค่อยหาเวลามาพูดคุยเรื่องสายอาชีพกับพนักงาน, นโยบายอายุงานที่ขัดขวางการเลื่อนตำแหน่ง และการที่หัวหน้างานหวงพนักงานที่มีความสามารถไว้ในแผนกตัวเองทำให้ปิดกั้นโอกาสการขึ้นตำแหน่งในแผนกงานอื่นๆ
5.รู้สึกถูกตีค่าต่ำไป และผลงานที่ดีไม่ได้การตอบสนอง
พนักงานรู้สึกว่าไม่ได้รับการชื่นชมผลงานที่ทำได้ดี, ไม่ได้รับเงินเดือนที่ยุติธรรมในตำแหน่งงานที่เหมือนกัน, หัวหน้าปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่ให้เกียรติ, ไม่ได้รับเครื่องไม้เครื่องมือหรือทรัพยากรที่เหมาะสมในการทำงาน หรือต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่แย่ยอมรับไม่ได้
6.เครียดจากงานมากเกินและขาดสมดุลระหว่างงานกับชีวิต
พนักงานกว่า 40% บอกว่า งานที่ทำเป็นงานที่หนักและกดดันมาก 70% บอกว่าไม่มีสมดุลระหว่างงานกับชีวิตถึงขนาดที่ 60% บอกว่า ยอมลดเงินเดือนลงให้มีเวลาอยู่กับครอบครัวได้มากขึ้น
7.หมดศรัทธาและความเชื่อมั่นในผู้บริหารระดับสูง
พนักงานรู้สึกว่า ผู้บริหารองค์กรใส่ใจแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้าของตัวเอง ไม่ได้ใส่ใจในความอยู่ดีกินดีของพนักงานโดยแท้จริง, ไม่ทำตามนโยบาย หลักปฏิบัติ หรือค่านิยมที่ประกาศไว้ ทำให้พนักงานขาดความเลื่อมใส เกิดข้อกังขาในนโยบายและหลักปฏิบัติขององค์กร ทำให้ตัวพนักงานหมดความกระตือรืนร้นในการทำงาน
ที่มา HR สภากาแฟ
เนื้อหาอื่นที่น่าสนใจ
8 ขั้นตอนพื้นฐานที่ HR ต้องกระทำ เมื่อพนักงานลาออก
3 สิ่งที่จะได้รับจากนายจ้าง เมื่อโดนไล่ออก
7 เรื่องที่ต้องรู้ เกี่ยวกับการลาออก
“ขอลาออกตอนสิ้นเดือน” แต่อนุมัติให้ออกทันที ต้องจ่ายค่าเสียหายให้ลูกจ้างหรือไม่ ?
HR สามารถตอบคำถามที่ทำงานใหม่ของอดีตลูกจ้างโทรมาสอบถามถึงสาเหตุการลาออกได้หรือไม่
ลาออกไม่ได้บอกล่วงหน้า นายจ้างจะไม่ให้เงินในส่วนที่ทำงานไปแล้ว ได้ไหม?
พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของหัวหน้าที่ทําให้พนักงานตัดสินใจลาออกจากองค์กร
องค์กรควรทำการสัมภาษณ์พนักงานตอนลาออกไหม ?
ลูกจ้างถูกกดดันให้เขียนใบลาออก สามารถฟ้องเรียกค่าชดเชยได้
7 ความผิดร้ายแรง ที่ทำให้นายจ้างไล่ออกได้ทันที
7 เหตุผลที่คุณควรลาออก แล้วมองหางานใหม่ ธันวาคม 21, 2563 คำแนะนำด้านอาชีพ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังคิดเรื่องลาออกเพราะไม่มีความสุขกับการทำงาน ไม่แน่ใจว่าจะลาออกดีไหม เพราะหากทนต่อไปก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะรุ่ง ขณะเดียวกันหากจะลาออกก็กลัวจะตัดสินใจผิดพลาด Adecco ได้รวบรวมเช็คลิสต์ 7 ข้อ มาให้คุณลองทบทวนกันค่ะว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่คุณจะหางานใหม่ หากเหตุผลเหล่านี้ตรงกับสาเหตุที่คุณอยากลาออกหลายข้อ นี่อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าได้เวลาที่คุณต้องรีบหางานใหม่แล้ว
1. เป้าหมายของเรากับองค์กรไม่ตรงกัน
หากคุณทำงานแล้วรู้สึกว่า “ฉันมาทำอะไรที่นี่?” นั่นอาจเป็นเพราะเป้าหมายองค์กรกับเป้าหมายการทำงานของคุณอาจไม่ตรงกันแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมาจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่เป็นตัวกำหนดทิศทางการบริหารขององค์กร หากเราไม่ได้เชื่อในวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ก็จะยิ่งเกิดความขัดแย้งในใจไม่รู้จะทำงานไปเพื่ออะไร และขาดแรงจูงใจในการทำงาน รู้สึกว่าไม่สามารถแสดงศักยภาพในการทำงานได้เต็มที่ และเสียโอกาสในการพัฒนาตัวเองตามเป้าหมายอาชีพที่เราวางไว้
2. ไม่มีอะไรให้เรียนรู้อีกต่อไป
หากถึงจุดหนึ่งที่คุณทำงานมาสักพัก แล้วงานเริ่มจำเจ ไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ การทำงานเดิมต่อไปอาจจะทำให้คุณขาดโอกาสในการพัฒนาตัวเอง ทางที่ดีควรปรึกษาหัวหน้าถึงโอกาสในการรับผิดชอบงานหรือโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่ท้าทายขึ้น แต่หากลองดูแล้วไม่ได้ผลก็อาจจะต้องลองพิจารณางานใหม่เพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ
3. ขาดโอกาสในการเติบโต
ชีวิตพนักงานออฟฟิศเมื่อทำงานไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าย่อมแสวงหาโอกาสในการเติบโต หากองค์กรของคุณไม่ได้มีการดูแลเรื่อง career path อย่างจริงจัง เงินเดือนคุณไม่ขึ้นหรือขึ้นในอัตราที่ต่ำมาก หรือใช้วิธีเลื่อนขั้นตามระบบอาวุโสมากกว่าความสามารถ ยิ่งมีการเมืองในองค์กรด้วยแล้วละก็ การทนอยู่ที่เดิมก็เหมือนการย่ำอยู่กับที่ การออกไปโตที่อื่นน่าจะเป็นทางเลือกทีดีสำหรับคุณมากกว่า
4. งานที่ทำไม่ตรงกับทักษะความสามารถ
หากคุณทำงานแล้วรู้สึกว่างานที่ทำไม่ตรงกับทักษะความสามารถ แม้จะอาศัยเวลาในการฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอย่างจริงจังแล้วก็ยังได้รับการประเมินผลที่ไม่ดีหรือยิ่งรู้สึกไม่ชอบในงานที่ทำ และไม่สามารถขอย้ายแผนกหรือปรับหน้าที่รับผิดชอบได้ อาจถึงเวลาที่คุณต้องกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งว่าอาชีพไหนหรือองค์กรแบบไหนที่จะเหมาะกับความสามารถและสไตล์การทำงานของคุณแล้วเริ่มมองหางานใหม่อย่างจริงจัง
5. มีปัญหากับหัวหน้า
หากคุณมีปัญหากับหัวหน้าทางที่ดีควรเปิดใจพูดคุยและหาวิธีแก้ไขร่วมกัน ลองทำใจให้เป็นกลางและทบทวนตัวเองก่อนว่าสามารถปรับปรุงหรือปรับตัวเข้าหากันได้ไหม แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ หรือเจอหัวหน้าประเภทรับชอบไม่รับผิด ใส่ร้าย เอาเปรียบ ขโมยผลงาน เลือกที่รักมักที่ชัง ระบายอารมณ์ใส่ทุกวัน ไม่รักษาคำพูด ก็อย่าทนเป็นดาวพระศุกร์ให้เขากดขี่เราต่อไปเลย รีบมองหางานใหม่จะดีกว่า เพราะหากเจอหัวหน้าที่ไม่ดีแล้ว โอกาสที่จะทำงานอย่างเป็นสุขหรือเติบโตในองค์กรเดิมจะเป็นไปได้ยากมาก
6. สุขภาพทรุดโทรม
หากงานที่ทำอยู่หนักและกดดันจนทำให้สมดุลชีวิตคุณหายไป และส่งผลกระทบให้สุขภาพคุณทรุดโทรม ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพกายหรือสุขภาพใจแล้วล่ะก็ คุณอาจต้องกลับมาโฟกัสที่ตัวเองเป็นอันดับแรกเพราะสุขภาพคือสิ่งที่สำคัญที่สุด อาจลองหาวิธีในการแบ่งเวลาพักผ่อนให้มากขึ้นหรือปรับสไตล์การทำงานใหม่ แต่หากเนื้องานทำให้เราไม่สามารถมี work life balance ได้จริงๆ หรือสภาพแวดล้อมในการทำงานไม่ดีมีแต่เพื่อนร่วมงานที่ toxic ก็อาจถึงเวลาที่คุณต้องพิจารณาโอกาสงานใหม่ๆ แล้ว
7. บริษัทมีปัญหาด้านการเงิน
หากบริษัทที่คุณทำอยู่ในช่วงขาลง ผลประกอบการไม่ดี อยู่ในภาวะขาดทุนเป็นเวลานาน และเริ่มส่งสัญญานว่ามีปัญหาทางการเงิน เช่น เริ่มเห็นคนมาทวงถามหนี้ที่บริษัท เงินเดือนจ่ายไม่ตรงหรือไม่ครบ ก็ควรมองหางานใหม่เผื่อไว้บ้าง เพราะหากไม่หาเผื่อไว้แล้วถูกเลิกจ้างยุบแผนกหรือเลิกกิจการกะทันหันขึ้นมาอาจจะหางานใหม่ได้ไม่ทัน
ข้อแนะนำ
การตัดสินใจลาออกควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อน ให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ หรือเป็นแค่อาการเบื่อคนหรือเบื่องานชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น อย่าลืมว่าที่ทำงานทุกที่ต่างก็มีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ฉะนั้นควรพิจารณาให้ความสำคัญกับเนื้องานและเป้าหมายการทำงานของคุณมากที่สุด Adecco แนะนำว่าหากตัดสินใจจะเปลี่ยนงาน ควรหางานใหม่ให้ได้ก่อนที่จะลาออกจากที่เก่า เพราะจะทำให้คุณพิจารณาเลือกงานใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการทางอาชีพของตัวเองได้อย่างถี่ถ้วน โดยไม่ถูกกดดันด้วยเรื่องเวลาและรายได้ที่อาจขาดหายไปในช่วงว่างงาน โดยอาจมองหางานจากเว็บไซต์ต่างๆ รวมถึงการ ฝากประวัติไว้กับ Adecco ซึ่งเป็น Recruitment Agency ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการหางานได้มากขึ้นค่ะ เนื่องจากบางบริษัทก็ไม่ได้มีการประกาศรับสมัครโดยตรง อีกทั้ง recruitment consultant ยังสามารถช่วยให้คำปรึกษาและนำเสนองานที่ตรงกับทักษะและความสามารถของคุณได้ ทำให้คุณไม่พลาดโอกาสงานดีๆ ที่อาจกำลังเข้ามาหาคุณค่ะ